มาทิลดาแห่งบูลอญ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มาทิลดาแห่งบูลอญ
สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ

มาทิลดาแห่งบูลอญ
สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ
ราชาภิเษก22 มีนาคม ค.ศ. 1136
ประสูติประมาณ ค.ศ. 1105
บูลอญ ฝรั่งเศส
สิ้นพระชนม์3 พฤษภาคม ค.ศ. 1152 (ประมาณ 47 พรรษา)
ปราสาทเฮดดิ้งแฮม เอสเซกซ์ อังกฤษ
จักรพรรดินีพระเจ้าสตีเฟนแห่งอังกฤษ
มาทิลดาแห่งบูลอญ
พระบุตรบาลด์วินแห่งบูลอญ
บาลด์วินแห่งบูลอญ
ยูซตาสที่ 4 เคานต์แห่งบูลอญ
มาทิลดาแห่งบูลอญ
มารีที่ 1 เคานเตสแห่งบูลอญ
วิลเลียมแห่งบลัวส์ เคานต์แห่งมอร์แต็งและบูลอญและเอิร์ลแห่งเซอร์รีย์
ราชวงศ์แฟลนเดอส์
พระบิดายูซตาสที่ 3 เคานต์แห่งบูลอญ
พระมารดาแมรีแห่งสกอตแลนด์

มาทิลดาแห่งบูลอญ สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ (ภาษาอังกฤษ: Matilda of Boulogne) (ราว ค.ศ. 11053 พฤษภาคม ค.ศ. 1152) มาทิลดาแห่งบูลอยน์เป็นพระธิดาของ Eustace เคาน์แห่งบูลอยน์และแมรีแห่งสกอตแลนด์ (พระธิดาของพระเจ้ามัลคอล์มที่ 3 แห่งสกอตแลนด์ และนักบุญมากาเร็ตแห่งสกอตแลนด์) เป็นพระราชินีในสมเด็จพระเจ้าสตีเฟนแห่งอังกฤษระหว่าง ค.ศ. 1125 จนสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 1152

พระราชประวัติ[แก้]

มาทิลดาแห่งบูลอญเสด็จพระราชสมภพในปี ค.ศ. 1105 และเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ ยูซตาสที่ 3 เคานต์แห่งบูลอญกับแมรีแห่งสกอตแลนด์

เคานเตสแห่งบูลอญ[แก้]

หลังการตายของพ่อในปี ค.ศ. 1125 มาทิลดากลายเป็นเคานเตสแห่งบูลอญตามสิทธิ์ของตนเอง ในปีเดียวกัน พระเจ้าเฮนรีที่ 1 จัดแจงให้พระภาคิไนย (หลานอา) สตีเฟนแห่งบลัวส์ แต่งงานกับมาทิลดา

การเป็นพระราชินี[แก้]

ห้าปีก่อนมาทิลดากับสตีเฟนแต่งงานกัน โศกนาฏกรรมครั้งเลวร้ายเป็นต้นเหตุของวิกฤตการสืบทอดบัลลังก์ เรือขาวที่บรรทุกพระโอรสคนเดียวของพระเจ้าเฮนรีที่ 1 วิลเลียมอาเธลิงจมขณะออกจากฝรั่งเศสเพื่อล่องไปอังกฤษ และวิลเลียมอาเธลิงจมน้ำสิ้นพระชนม์ จักรพรรดินีมาทิลดาเป็นลูกในสมรสคนเดียวของเฮนรีและในวันคริสต์มาสของปี ค.ศ. 1226 เฮนรีได้ให้บารอนของตนสาบานว่าจะยอมรับมาทิลดาและทายาทในสมรสในอนาคตของพระองค์เป็นผู้สืบทอด

หลังการจมของเรือขาว สตีเฟนกับมาทิลพักอยู่ใกล้กับพระเจ้าเฮนรีที่ 1 และส่วนใหญ่แล้วอาศัยอยู่ในอังกฤษเพื่อให้ตระหนักว่าสตีเฟนอยู่ใกล้บัลลังก์มาก พระธิดาของเฮนรี จักรพรรดินีมาทิลดา จากอังกฤษไปตั้งแต่เด็กเพื่อไปแต่งงานกับจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เฮนรีที่ 5 ที่สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1125 จักรพรรดินีมาทิลดาไปที่ราชสำนักในนอร์ม็องดี (กษัตริย์แห่งอังกฤษเป็นดยุคแห่งนอร์ม็องดีด้วย) สุดท้ายแล้วพระเจ้าเฮนรีที่ 1 จัดแจงให้พระธิดาแต่งงานกับจอฟเฟรย์แห่งอ็องฌูในปี ค.ศ. 1128 การแต่งงานไม่ใช่การแต่งงานที่มีความสุข สองสามีภรรยามักแยกกันอยู่และล้มเหลวในการผลิตลูกจนถึงปี ค.ศ. 1133

ในวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 1135 พระเจ้าเฮนรีที่ 1 แห่งอังกฤษสิ้นพระชนม์ สตีเฟนแห่งบลัวส์รีบข้ามจากบูลอญมาอังกฤษ เดินทางมากับครัวเรือนทางทหารของตน ด้วยความช่วยเหลือของน้องชาย เฮนรีแห่งบลัวส์ ที่เป็นบิชอปแห่งวินเชสเตอร์ สตีเฟนยึดอำนาจในอังกฤษและได้รับการสวมมงกุฎเป็นกษัตริย์ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 1135 มาทิลดาแห่งบูลอญไม่สามารถร่วมเดินทางไปกับสามีได้เพราะทรงตั้งครรภ์ พระองค์จึงได้รับการสวมมงกุฎในวันอีสเตอร์ 22 มีนาคม ค.ศ. 1136 จักรพรรดินีมาทิลดาไม่ลดละในการอ้างสิทธิ์ในอังกฤษและนอร์ม็องดี ซึ่งนำไปสู่สงครามกลางเมืองอันยาวนานที่รู้จักกันในชื่อดิ อานาร์คี (ภาวะอนาธิปไตย) ระหว่างปี ค.ศ. 1135 ถึง 1153

ในช่วงสงครามกลางเมือง มาทิลดาแห่งบูลอญพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดของพระสวามี มาทิลดาเข้มแข็งและแก้ปัญหาได้ดีขณะที่สตีเฟนอ่อนแอและไม่เด็ดขาด เมื่ออังกฤษถูกบุกในปี ค.ศ. 1138 มาทิลดาระดมกองทหารจากบูลอญกับพันธมิตร ฟลานเดอร์ส์ และปิดล้อมปราสาทโดเวอร์ได้สเร็จ แล้วพระองค์ก็ขึ้นเหนือไปเดอแรม ที่ซึ่งพระองค์ทำสนธิสัญญากับพระเจ้าดาวิดที่ 1 แห่งสกอตแลนด์ในปี ค.ศ. 1139 หลังสตีเฟนถูกจับตัวที่สมรภูมิลินคอล์นในปี ค.ศ. 1141 ทรงระดมผู้สนับสนุนของสตีเฟนและตั้งกองทัพขึ้นมาด้วยความช่วยเหลือของวิลเลียมแห่งอิปร์ส์ หัวหน้าแม่ทัพของสตีเฟน มาทิลดาเป็นคนยึดลอนดอนกลับมาให้สตีเฟนและบีบจักรพรรดินีมาทิลดาให้ถอนทัพจากการปิดล้อมวินเชสเตอร์ ซึ่งนำไปสู่การปล่อยตัวสตีเฟนในปี ค.ศ. 1141 แลกกับน้องชายนอกสมรสของจักรพรรดินี โรเบิร์ตแห่งกลอสเตอร์

ในกลางยุค 1140 การต่อสู้เบาลงและมีการคุมเชิงกันและการสืบทอดบัลลังก์เริ่มเป็นจุดสนใจ จักรพรรดินีมาทิลดากลับไปนอร์ม็องดีในปี ค.ศ. 1147 ในปีเดียวกัน สามีกับลูกชายคนโตของจักรพรรดินี เฮนรี ฟิตซ์เอ็มเพรส อนาคตพระเจ้าเฮนรีที่ 2 นำทหารรับจ้างบุกอังกฤษซึ่งไม่ประสบความสำเร็จ จักรพรรดินียังคงอยู่ในนอร์ม็องดีที่ซึ่งพระองค์มุ่งความสนใจไปที่เสถียรภาพในนอร์ม็องดีกับการยกระดับสิทธิ์ในบัลลังก์อังกฤษของลูกชาย

มาทิลดาแห่งบูลอญสิ้นพระชนม์ด้วยไข้เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 1152 ที่ปราสาทเฮดินแกมในเอสเซ็กซ์ อังกฤษ ทรงถูกฝังที่ฟาเวอร์แชมแอบบีย์ในเคนต์ อังกฤษ ที่พระองค์กับพระสวามีก่อตั้งขึ้นมา บางทีหากพระองค์ไม่สิ้นพระชนม์และพระสวามีไม่เสียผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดไป ผลของสงครามกลางเมืองจะเปลี่ยนเป็นอีกแบบหนึ่ง

ในวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 1153 พระโอรสคนโตที่ยังมีชีวิตอยู่ของสตีเฟนกับมาทิลดา ยูซตาส สิ้นพระชนม์ ในวันเดียวกับที่ลูกชายคนโตของเฮนรี ฟิตซ์เอ็มเพรส อนาคตพระเจ้าเฮนรีที่ 2 กับอาลีเยนอร์แห่งอากีแตนเกิด เด็กน้อย วิลเลียมที่ 9 เคานต์แห่งปัวติเยร์ส์ มีชีวิตอยู่เพียงสองปี แต่ก็คลานตามมาด้วยพี่น้องเจ็ดคน สองในเจ็ดกลายเป็นกษัตริย์แห่งอังกฤษ

ไม่นานหลังการสิ้นพระชนม์ของยูซตาสในปี ค.ศ. 1153 สตีเฟนกับเฮนรี ฟิตซ์เอ็มเพรสบรรลุข้อตกลงอย่างเป็นทางการที่รู้จักกันในชื่อสนธิสัญญาวอลลิงฟอร์ด (หรือวินเชสเตอร์ หรือเวสต์มินสเตอร์) สนธิสัญญาให้สตีเฟนครองบัลลังก์ต่อไปจนสิ้นพระชนม์ แต่บีบพระองค์ให้ยอมรับลูกชายของจักรพรรดินีมาทิลดา เฮนรี ฟิตซ์เอ็มเพรส เป็นทายาท สตีเฟนสิ้นพระชนม์หลังพระมเหสีสองปีกว่า ทรงสิ้นพระชนม์ด้วยโรคไส้ติ่งอักเสบที่ปราสาทโดเวอร์เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1154 และสายของกษัตริย์แพลนทาเจเนต 14 คนที่ปกครองตั้งแต่ ค.ศ. 1485 เริ่มต้นขึ้น สตีเฟนถูกฝังอยู่กับพระมเหสี มาทิลดา และพระโอรส ยูซตาส ที่ฟาเวอร์ชามแอบบีย์ที่ถูกทำลายในช่วงการยุบอารามของพระเจ้าเฮนรีที่ 8

ทายาท[แก้]

สตีเฟนกับมาทิลมีพระโอรสสามคนกับพระธิดาสองคน คือ

  • บาลด์วินแห่งบูลอญ (ปี ค.ศ. 1126 – ธันวาคม ค.ศ. 1135)
  • ยูซตาสที่ 4 เคานต์แห่งบูลอญ (ปี ค.ศ. 1129 – 17 สิงหาคม ค.ศ. 1153) แต่งงานกับกงสต็องส์แห่งฝรั่งเศส ไม่มีทายาท
  • มาทิลดาแห่งบูลอญ (ปี ค.ศ. 1133 – 1137) แต่งงานกับแวเลอร็อง เดอ บูมงต์ เอิร์ลที่ 1 แห่งวูร์ซสเตอร์ ไม่มีทายาท
  • มารีที่ 1 เคานเตสแห่งบูลอญ (ปี ค.ศ. 1136 – 25 กรกฎาคม ค.ศ. 1182) แต่งงานกับแมทธิวแห่งอัลซาส มีทายาท
  • วิลเลียมแห่งบลัวส์ เคานต์แห่งมอร์แต็งและบูลอญและเอิร์ลแห่งเซอร์รีย์ (ปี ค.ศ. 1137 - 11 ตุลาคม ค.ศ.1159) แต่งงานกับอิซาเบล เดอ วอเรนน์ ไม่มีทายาท

แหล่งข้อมูล[แก้]

http://www.unofficialroyalty.com/may-3-1152-death-of-matilda-of-boulogne-wife-of-king-stephen-of-england/