อีซาแบลแห่งวาลัว
อีซาแบลแห่งวาลัว | |
---|---|
ดัชเชสแห่งออร์เลอ็อง | |
![]() | |
สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ | |
ดำรงพระยศ | 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1396 - 29 กันยายน ค.ศ. 1399 |
ราชาภิเษก | 8 มกราคม ค.ศ. 1397 |
ประสูติ | 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1389 ปารีส ราชอาณาจักรฝรั่งเศส |
สิ้นพระชนม์ | 13 กันยายน ค.ศ. 1409 (19 ปี) ปราสาทคิมโบลตัน ราชอาณาจักรอังกฤษ |
พระราชสวามี |
|
พระราชบุตร | ฌานแห่งวาลัว ดัชเชสแห่งอาล็องซง |
ราชวงศ์ | วาลัว |
พระราชบิดา | พระเจ้าชาร์ลที่ 6 แห่งฝรั่งเศส |
พระราชมารดา | เอลีซาเบ็ทแห่งบาวาเรีย-อิงก็อลชตัท |
อีซาแบลแห่งวาลัว (ประสูติ 9 พฤศจิกายน ค.ศ.1389 – สิ้นพระชนม์ 13 กันยายน ค.ศ. 1409) ทรงเป็น สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ ในฐานะพระมเหสีองค์ที่สองของ พระเจ้าริชาร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ พระองค์เป็นพระธิดาของ พระเจ้าชาร์ลที่ 6 แห่งฝรั่งเศส และ อีซาโบแห่งบาวาเรีย ชีวิตของอีซาแบลแห่งวาลัวมีความโดดเด่น เนื่องจากทรงอภิเษกสมรสกับกษัตริย์ในขณะที่ยังทรงพระเยาว์มาก (เพียง 6-7 พรรษา) และชีวิตของพระองค์ก็เต็มไปด้วยเหตุการณ์ทางการเมืองที่พลิกผันอย่างรวดเร็ว
พระชนมชีพช่วงต้นและภูมิหลังครอบครัว
[แก้]อีซาแบล ประสูติเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ.1389 ณ พระราชวังลูฟร์ ในกรุงปารีส ราชอาณาจักรฝรั่งเศส พระองค์เป็นพระธิดาองค์ที่สามของพระเจ้าชาร์ลที่ 6 แห่งฝรั่งเศส ซึ่งต่อมา เป็นที่รู้จักในนาม "ชาร์ลผู้บ้าคลั่ง" เนื่องจากพระอาการทางจิตเวชที่กำเริบเป็นระยะ และพระราชินีอีซาโบแห่งบาวาเรีย พระมารดาของพระองค์เป็นสตรีที่มีบทบาทสำคัญในการเมืองฝรั่งเศสในยุคนั้น
การที่อีซาแบลเป็นเจ้าหญิงฝรั่งเศส ทำให้พระองค์เป็นบุคคลสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างสองอาณาจักรที่ทำสงครามกันมาอย่างยาวนานอย่างอังกฤษและฝรั่งเศส
การอภิเษกสมรสกับพระเจ้าริชาร์ดที่ 2
[แก้]หลังจากการสิ้นพระชนม์ของ อันนาแห่งโบฮีเมีย พระมเหสีองค์แรกที่ทรงเป็นที่รักของพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 ในปี ค.ศ.1394 พระเจ้าริชาร์ดที่ 2 ทรงต้องการพระมเหสีองค์ใหม่เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับการสืบราชสันตติวงศ์ และต้องการยุติสงครามกับฝรั่งเศสด้วย
การเจรจาการอภิเษกสมรสระหว่างพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 กับเจ้าหญิงอีซาแบล เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ.1396 แม้ว่าอีซาแบลจะทรงมีพระชนมายุเพียง 6 พรรษา และพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 ทรงมีพระชนมายุ 29 พรรษา แต่พระองค์ก็มองว่าพระชนมายุที่ยังเยาว์ของอีซาแบลเป็นข้อได้เปรียบ เพราะจะทำให้พระองค์สามารถหล่อหลอมพระราชินีองค์ใหม่ให้เป็นไปตามอุดมคติของพระองค์ได้
พิธีอภิเษกสมรส จัดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ.1396 ที่เมืองกาแล (Calais) ซึ่งขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ การแต่งงานครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาสงบศึก 28 ปีระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส แม้จะทรงพระเยาว์มาก แต่เจ้าหญิงอีซาแบลก็ได้รับการสวมมงกุฎเป็น สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ ที่ เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ ในเดือนมกราคม ค.ศ.1397
หลังการอภิเษกสมรส อีซาแบลเสด็จไปประทับที่ ปราสาทวินด์เซอร์ ในอังกฤษ พระองค์มีข้าราชบริพารและนางกำนัลเป็นของตัวเอง โดยมีผู้ดูแลคนสำคัญคือ มาดาม เดอ กูซี (Madame de Coucy) และต่อมาคือ เลดี้มอร์ติเมอร์ (Lady Mortimer) แม้ว่าการแต่งงานจะยังไม่สมบูรณ์จนกว่าพระองค์จะทรงเจริญวัยพอ (ตามธรรมเนียมในยุคนั้น) แต่พระเจ้าริชาร์ดที่ 2 ก็มักจะเสด็จมาเยี่ยมพระมเหสีบ่อยครั้ง และทรงสร้างความสัมพันธ์แบบพ่อลูกหรือความเป็นมิตรที่ดีต่อกัน อีซาแบลทรงชื่นชอบการมาเยือนของพระสวามี และทรงมีความสุขกับการเป็นราชินี แม้จะทรงพระเยาว์ก็ตาม
การสิ้นสุดราชบัลลังก์ของพระเจ้าริชาร์ดที่ 2
[แก้]ชีวิตของอีซาแบล ในฐานะพระราชินีแห่งอังกฤษพลิกผันอย่างรวดเร็วในปี ค.ศ.1399 เมื่อ เฮนรี โบลิงบรูก (Henry Bolingbroke) ลูกพี่ลูกน้องของพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 ซึ่งถูกเนรเทศออกนอกประเทศ ได้กลับมาอังกฤษเพื่อทวงคืนมรดกและต่อมาได้ก่อกบฏ ในเวลานั้นพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 เสด็จไปไอร์แลนด์เพื่อปราบปรามกบฏ
เมื่อพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 เสด็จกลับมา พระองค์ก็ถูกจับกุมและถูกปลดออกจากราชบัลลังก์ ในเดือนกันยายน ค.ศ.1399 เฮนรี โบลิงบรูกขึ้นครองราชย์เป็น พระเจ้าเฮนรีที่ 4 แห่งอังกฤษ ในขณะนั้น อีซาแบลมีพระชนมายุเพียง 10 พรรษา ทรงถูกกักบริเวณในอังกฤษ ภายใต้การดูแลของกษัตริย์พระองค์ใหม่
เมื่อพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 สิ้นพระชนม์ (ซึ่งคาดว่าถูกปลงพระชนม์หรืออดพระกระยาหาร) ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1400 เจ้าหญิงอีซาแบลเป็นม่ายด้วยพระชนมายุเพียง 10 พรรษา พระเจ้าเฮนรี่ที่ 4 ต้องการให้พระองค์อภิเษกสมรสกับพระโอรสของพระองค์ คือ เจ้าชายเฮนรีแห่งมอนมัท (ต่อมาคือ พระเจ้าเฮนรีที่ 5 แห่งอังกฤษ) เพื่อให้ราชวงศ์ใหม่มีความชอบธรรมและสานสัมพันธ์กับฝรั่งเศสต่อไป แต่อีซาแบลทรงปฏิเสธอย่างหนักแน่น โดยทรงแสดงความจงรักภักดีต่อพระสวามีผู้ล่วงลับอย่างเปิดเผย ทำให้พระองค์ยังคงถูกกักบริเวณต่อไป
การกลับสู่ฝรั่งเศสและการอภิเษกสมรสครั้งที่สอง
[แก้]หลังจากความพยายามหลายครั้งของฝรั่งเศสที่จะเรียกตัวอีซาแบลกลับคืนประเทศ ในที่สุดพระองค์ก็ได้รับอนุญาตให้เสด็จกลับฝรั่งเศสในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1401 โดยไม่มีสินสอดทองหมั้นของพระองค์คืนมาด้วย
ในปี ค.ศ.1406 อีซาแบล ซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุ 16 พรรษา ทรงอภิเษกสมรสครั้งที่สอง กับพระญาติฝ่ายพระบิดาของพระองค์ คือ ชาร์ลส์ ดยุกแห่งออร์เลอ็อง (Charles, Duke of Orléans) ซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุเพียง 11 พรรษา การแต่งงานครั้งนี้เป็นไปอย่างมีความสุข แม้ว่าพระสวามีจะยังทรงพระเยาว์ก็ตาม
การสิ้นพระชนม์
[แก้]อีซาแบลแห่งวาลัวสิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 13 กันยายน ค.ศ.1409 ที่เมืองบลัวส์ (Blois) ประเทศฝรั่งเศส ขณะมีพระชนมายุเพียง 19 พรรษา สาเหตุการสิ้นพระชนม์ คือ การสิ้นพระชนม์ระหว่างการประสูติธิดา พระองค์ทรงให้กำเนิดพระธิดาเพียงพระองค์เดียว คือ เจ้าหญิงฌานแห่งออร์เลอ็อง (Jeanne of Orléans) เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะสิ้นพระชนม์
พระศพของอีซาแบลถูกฝังครั้งแรกที่โบสถ์นักบุญซอเมอร์ ในบลัวส์ ก่อนที่จะถูกย้ายไปฝังใหม่ที่อารามเซเลสตินส์ (Couvent des Célestins) ในกรุงปารีส ปี ค.ศ.1624
อ้างอิง
[แก้]แหล่งข้อมูล
[แก้]http://www.unofficialroyalty.com/isabella-of-valois-queen-of-england/
ดูเพิ่ม
[แก้]