ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โรคลักปิดลักเปิด"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ปรับปรุงบางส่วน |
||
บรรทัด 18: | บรรทัด 18: | ||
ครั้งหนึ่ง โรคลักปิดลักเปิดเคยพบมากในหมู่กะลาสี โจรสลัดและผู้ที่ล่องเรือในทะเลนานกว่าที่จะเก็บผักและผลไม้ได้ ซึ่งส่วนใหญ่คนเหล่านี้จะดำรงชีพด้วยเนื้อและธัญพืชที่ถนอมอาหารหรือเติมเกลือแทน และยังพบในหมู่ทหารที่ไม่ได้รับอาหารประเภทนี้เป็นเวลานาน [[ฮิปพอคราทีส]] (460-380 ปีก่อน ค.ศ.) เป็นผู้อธิบายโรคนี้ และการรักษาโรคด้วยสมุนไพรเป็นที่รู้จักกันในหลายวัฒนธรรมพื้นเมืองตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ โรคลักปิดลักเปิดเป็นหนึ่งในปัจจัยจำกัดการท่องทะเล มักคร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือเป็นจำนวนมากในการเดินทางไกล ๆ และยาวนาน |
ครั้งหนึ่ง โรคลักปิดลักเปิดเคยพบมากในหมู่กะลาสี โจรสลัดและผู้ที่ล่องเรือในทะเลนานกว่าที่จะเก็บผักและผลไม้ได้ ซึ่งส่วนใหญ่คนเหล่านี้จะดำรงชีพด้วยเนื้อและธัญพืชที่ถนอมอาหารหรือเติมเกลือแทน และยังพบในหมู่ทหารที่ไม่ได้รับอาหารประเภทนี้เป็นเวลานาน [[ฮิปพอคราทีส]] (460-380 ปีก่อน ค.ศ.) เป็นผู้อธิบายโรคนี้ และการรักษาโรคด้วยสมุนไพรเป็นที่รู้จักกันในหลายวัฒนธรรมพื้นเมืองตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ โรคลักปิดลักเปิดเป็นหนึ่งในปัจจัยจำกัดการท่องทะเล มักคร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือเป็นจำนวนมากในการเดินทางไกล ๆ และยาวนาน |
||
การรักษาโรคลักปิดลักเปิดด้วยการให้อาหารสด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลไม้[[สกุลส้ม|จำพวกส้ม]] เป็นคราว ๆ ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ |
การรักษาโรคลักปิดลักเปิดด้วยการให้อาหารสด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลไม้[[สกุลส้ม|จำพวกส้ม]] เป็นคราว ๆ ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ เจมส์ ลินด์ ศัลยแพทย์ชาวสก็อตในกองทัพเรืออังกฤษ เป็นคนแรกที่พิสูจน์ว่าโรคนี้สามารถรักษาได้ด้วยผลไม้พวกส้มในการทดลองที่เขาอธิบายในหนังสือของเขา ''A Treatise of the Scurvy'' (ศาสตร์นิพนธ์โรคลักปิดลักเปิด)<ref name="lind_james">{{cite book|author=Lind, James|title=A Treatise on the Scurvy|publisher=A. Millar|location=London|year=1753}}</ref> ที่เขียนเมื่อ ค.ศ. 1753 แต่สาเหตุของโรคลักปิดลักเปิดยังไม่ทราบกันกระทั่ง ค.ศ. 1932 |
||
โรคลักปิดลักเปิดไม่เกิดในสัตว์ส่วนใหญ่ เพราะสัตว์สามารถสังเคราะห์วิตามินซีได้เอง ยกเว้นมนุษย์และ[[ไพรเมต]]ชั้นสูง |
โรคลักปิดลักเปิดไม่เกิดในสัตว์ส่วนใหญ่ เพราะสัตว์สามารถสังเคราะห์วิตามินซีได้เอง ยกเว้นมนุษย์และ[[ไพรเมต]]ชั้นสูงอื่น ๆ หนูตะเภา และค้างคาวเกือบทุกชนิด นกและปลาบางชนิด ที่ขาดเอนไซม์แอลกูโลโนแลกโตนอ็อกซิเดส (L-gulonolactone oxidase) ซึ่งจำเป็นต่อการสังเคราะห์วิตามินซี จึงจำเป็นต้องได้รับวิตามินซีจากอาหาร วิตามินซีพบมากในเยื่อพืช และมีความเข้มข้นสูงในผลไม้จำพวกส้ม (ส้ม [[เลมอน]] [[มะนาว]] [[เกรปฟรุต]]) มะเขือเทศ มันฝรั่ง กะหล่ำปลี และพริกหยวก นอกจากนี้ยังพบวิตามินซีในเนื้อเยื่อสัตว์ เช่นจากการศึกษาอาหารของชนพื้นเมืองอินุอิต (เอสกิโม) ซึ่งแทบไม่มีการรับประทานผักผลไม้แต่ไม่มีปัญหาโรคลักปิดลักเปิด พบว่าชาวอินุอิตได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอ |
||
จากอาหารพื้นเมืองเช่นหนังปลาวาฬ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ |
จากอาหารพื้นเมืองเช่นหนังปลาวาฬ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์อื่น ๆ ในเขตหนาวเช่น แมวน้ำ สิงโตทะเล ซึ่งมีวิตามินซีสูง โดยมีการรับประทานดิบ ๆ ไม่ผ่านความร้อน ทำให้วิตามินซีในเนื้อเยื่อสัตว์ไม่ถูกทำลาย |
||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 18:14, 19 กันยายน 2562
โรคลักปิดลักเปิด | |
---|---|
เหงือกโรคลักปิดลักเปิด อาการของโรค สังเกตสีแดงของเหงือกในเหงือกสามเหลี่ยมระหว่างฟัน | |
บัญชีจำแนกและลิงก์ไปภายนอก | |
ICD-10 | E54 |
ICD-9 | 267 |
OMIM | 240400 |
DiseasesDB | 13930 |
MedlinePlus | 000355 |
eMedicine | med/2086 derm/521 ped/2073 radio/628 |
MeSH | D012614 |
โรคลักปิดลักเปิด (อังกฤษ: scurvy) เป็นโรคที่เกิดจากการขาดวิตามินซี ซึ่งจำเป็นต่อการสังเคราะห์คอลลาเจนในมนุษย์ ทั้งนี้ ชื่อเคมีของวิตามินซี กรดแอสคอร์บิก มาจากคำว่า scorbutus ในภาษาละติน หรือ scurvy ในภาษาอังกฤษ โรคลักปิดลักเปิดมักแสดงอาการความรู้สึกไม่สบายและภาวะง่วงงุนในระยะเริ่มแรก ตามมาด้วยการเกิดจุดบนผิวหนัง เหงือกยุ่ย และเลือดออกตามเยื่อเมือก จุดดังกล่าวพบมากที่สุดบนต้นขาและขา และบุคคลที่ป่วยเป็นโรคลักปิดลักเปิดจะดูซีด ซึมเศร้า และเคลื่อนไหวไม่ได้บางส่วน เมื่อโรคทวีความรุนแรงขึ้น อาจมีแผลกลัดหนองเปิด สูญเสียฟัน ดีซ่าน ไข้ โรคเส้นประสาท จนถึงเสียชีวิตได้
ครั้งหนึ่ง โรคลักปิดลักเปิดเคยพบมากในหมู่กะลาสี โจรสลัดและผู้ที่ล่องเรือในทะเลนานกว่าที่จะเก็บผักและผลไม้ได้ ซึ่งส่วนใหญ่คนเหล่านี้จะดำรงชีพด้วยเนื้อและธัญพืชที่ถนอมอาหารหรือเติมเกลือแทน และยังพบในหมู่ทหารที่ไม่ได้รับอาหารประเภทนี้เป็นเวลานาน ฮิปพอคราทีส (460-380 ปีก่อน ค.ศ.) เป็นผู้อธิบายโรคนี้ และการรักษาโรคด้วยสมุนไพรเป็นที่รู้จักกันในหลายวัฒนธรรมพื้นเมืองตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ โรคลักปิดลักเปิดเป็นหนึ่งในปัจจัยจำกัดการท่องทะเล มักคร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือเป็นจำนวนมากในการเดินทางไกล ๆ และยาวนาน
การรักษาโรคลักปิดลักเปิดด้วยการให้อาหารสด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลไม้จำพวกส้ม เป็นคราว ๆ ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ เจมส์ ลินด์ ศัลยแพทย์ชาวสก็อตในกองทัพเรืออังกฤษ เป็นคนแรกที่พิสูจน์ว่าโรคนี้สามารถรักษาได้ด้วยผลไม้พวกส้มในการทดลองที่เขาอธิบายในหนังสือของเขา A Treatise of the Scurvy (ศาสตร์นิพนธ์โรคลักปิดลักเปิด)[1] ที่เขียนเมื่อ ค.ศ. 1753 แต่สาเหตุของโรคลักปิดลักเปิดยังไม่ทราบกันกระทั่ง ค.ศ. 1932
โรคลักปิดลักเปิดไม่เกิดในสัตว์ส่วนใหญ่ เพราะสัตว์สามารถสังเคราะห์วิตามินซีได้เอง ยกเว้นมนุษย์และไพรเมตชั้นสูงอื่น ๆ หนูตะเภา และค้างคาวเกือบทุกชนิด นกและปลาบางชนิด ที่ขาดเอนไซม์แอลกูโลโนแลกโตนอ็อกซิเดส (L-gulonolactone oxidase) ซึ่งจำเป็นต่อการสังเคราะห์วิตามินซี จึงจำเป็นต้องได้รับวิตามินซีจากอาหาร วิตามินซีพบมากในเยื่อพืช และมีความเข้มข้นสูงในผลไม้จำพวกส้ม (ส้ม เลมอน มะนาว เกรปฟรุต) มะเขือเทศ มันฝรั่ง กะหล่ำปลี และพริกหยวก นอกจากนี้ยังพบวิตามินซีในเนื้อเยื่อสัตว์ เช่นจากการศึกษาอาหารของชนพื้นเมืองอินุอิต (เอสกิโม) ซึ่งแทบไม่มีการรับประทานผักผลไม้แต่ไม่มีปัญหาโรคลักปิดลักเปิด พบว่าชาวอินุอิตได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอ จากอาหารพื้นเมืองเช่นหนังปลาวาฬ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์อื่น ๆ ในเขตหนาวเช่น แมวน้ำ สิงโตทะเล ซึ่งมีวิตามินซีสูง โดยมีการรับประทานดิบ ๆ ไม่ผ่านความร้อน ทำให้วิตามินซีในเนื้อเยื่อสัตว์ไม่ถูกทำลาย
อ้างอิง[แก้]
- ↑ Lind, James (1753). A Treatise on the Scurvy. London: A. Millar.