ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แตงโม"
ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว การแก้ไขแบบเห็นภาพ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว การแก้ไขแบบเห็นภาพ: สลับแล้ว |
||
บรรทัด 19: | บรรทัด 19: | ||
}} |
}} |
||
'''แตงโม |
'''แตงโม ไอสัสกาก'''exenfire ({{ชื่อวิทยาศาสตร์|Citrullus lanatus}}) เป็น[[ผลไม้]]ที่มีน้ำประกอบอยู่เป็นจำนวนมาก และหวานมากแต่มีน้ำตาลน้อยกว่าผลไม้บางชนิดเนื่องจากน้ำตาลในผลคือน้ำตาลกลูโคส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียก บักโม ภาคเหนือเรียก บะเต้า จังหวัดตรังเรียกแตงจีน ถิ่นกำเนิดอยู่ใน[[ทะเลทรายคาลาฮารี]]ทวีปแอฟริกา<ref>[http://cuke.hort.ncsu.edu/cucurbit/wmelon/wmhndbk/wmbiogeography.html North Carolina State University: Watermelon biogeography].</ref> ชาวอียิปต์เป็นชาติแรกที่ปลูกแตงโมไว้รับประทานเมื่อสี่พันปีมาแล้ว<ref>Daniel Zohary and Maria Hopf, ''Domestication of Plants in the Old World'', third edition (Oxford: University Press, 2000), p. 193.</ref> [[ชาวจีน]]เริ่มปลูกแตงโมที่[[ซินเกียง]]สมัย[[ราชวงศ์ถัง]] และชาวมัวร์ได้นำแตงโมไปสู่ทวีปยุโรป แตงโมแพร่หลายเข้าสู่[[ทวีปอเมริกา]]พร้อมกับชาวแอฟริกาที่ถูกขายเป็นทาส แตงโมต้องการดินที่มีความชุ่มชื้นพอเหมาะ น้ำไม่ขัง มักปลูกกันในดินร่วนปนทราย ในประเทศไทยมีการปลูกแตงโมทั่วทุกภูมิภาค และปลูกได้ทุกฤดู |
||
แตงโมเป็นพืชในวงศ์เดียวกับ[[แคนตาลูป]]และ[[ฟัก]] เป็นพืชล้มลุกเป็นเถา อายุสั้น เถาจะเลื้อยไปตามพื้นดิน มีขนอ่อนปกคลุม ผลมีทั้งทรงกลมและทรงกระบอก เปลือกแข็ง มีทั้งสีเขียวและสีเหลือง บางพันธุ์มีลวดลายบนเปลือก ในเนื้อมีเมล็ดสีดำแทรกอยู่ แตงโมที่นิยมปลูกโดยทั่วไปมี 3 พันธุ์คือ |
แตงโมเป็นพืชในวงศ์เดียวกับ[[แคนตาลูป]]และ[[ฟัก]] เป็นพืชล้มลุกเป็นเถา อายุสั้น เถาจะเลื้อยไปตามพื้นดิน มีขนอ่อนปกคลุม ผลมีทั้งทรงกลมและทรงกระบอก เปลือกแข็ง มีทั้งสีเขียวและสีเหลือง บางพันธุ์มีลวดลายบนเปลือก ในเนื้อมีเมล็ดสีดำแทรกอยู่ แตงโมที่นิยมปลูกโดยทั่วไปมี 3 พันธุ์คือ |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:03, 24 กุมภาพันธ์ 2564
แตงโม | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
หมวด: | Magnoliophyta |
ชั้น: | Magnoliopsida |
อันดับ: | Cucurbitales |
วงศ์: | Cucurbitaceae |
สกุล: | Citrullus |
สปีชีส์: | C. lanatus |
ชื่อทวินาม | |
Citrullus lanatus (Thunb.) Matsum. & Nakai | |
ชื่อพ้อง | |
|
แตงโม ไอสัสกากexenfire (ชื่อวิทยาศาสตร์: Citrullus lanatus) เป็นผลไม้ที่มีน้ำประกอบอยู่เป็นจำนวนมาก และหวานมากแต่มีน้ำตาลน้อยกว่าผลไม้บางชนิดเนื่องจากน้ำตาลในผลคือน้ำตาลกลูโคส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียก บักโม ภาคเหนือเรียก บะเต้า จังหวัดตรังเรียกแตงจีน ถิ่นกำเนิดอยู่ในทะเลทรายคาลาฮารีทวีปแอฟริกา[1] ชาวอียิปต์เป็นชาติแรกที่ปลูกแตงโมไว้รับประทานเมื่อสี่พันปีมาแล้ว[2] ชาวจีนเริ่มปลูกแตงโมที่ซินเกียงสมัยราชวงศ์ถัง และชาวมัวร์ได้นำแตงโมไปสู่ทวีปยุโรป แตงโมแพร่หลายเข้าสู่ทวีปอเมริกาพร้อมกับชาวแอฟริกาที่ถูกขายเป็นทาส แตงโมต้องการดินที่มีความชุ่มชื้นพอเหมาะ น้ำไม่ขัง มักปลูกกันในดินร่วนปนทราย ในประเทศไทยมีการปลูกแตงโมทั่วทุกภูมิภาค และปลูกได้ทุกฤดู
แตงโมเป็นพืชในวงศ์เดียวกับแคนตาลูปและฟัก เป็นพืชล้มลุกเป็นเถา อายุสั้น เถาจะเลื้อยไปตามพื้นดิน มีขนอ่อนปกคลุม ผลมีทั้งทรงกลมและทรงกระบอก เปลือกแข็ง มีทั้งสีเขียวและสีเหลือง บางพันธุ์มีลวดลายบนเปลือก ในเนื้อมีเมล็ดสีดำแทรกอยู่ แตงโมที่นิยมปลูกโดยทั่วไปมี 3 พันธุ์คือ
- พันธุ์ธรรมดา มีเมล็ดขนาดเล็ก รสหวาน แบ่งย่อยได้อีกหลายพันธุ์ เช่น แตงโมจินตหรา ผลยาวรี เปลือกเขียวเข้ม มีลาย เนื้อสีแดง แตงโมตอร์ปิโด ลูกรีกว่าพันธุ์จินตหรา แตงโมกินรี ผลกลม เนื้อแดง แตงโมน้ำผึ้ง ผลกลม เนื้อเหลือง แตงโมไดอานา เปลือกเหลือง เนื้อสีแดง แตงโมจิ๋ว ผลขนาดเท่ากำปั้น เนื้อเหลือง เป็นต้น
- พันธุ์ไม่มีเมล็ด เป็นพันธุ์ผสมเพื่อใช้ในการส่งออก ไม่มีเมล็ดแก่สีดำภายใน ในญี่ปุ่นมีการทำแตงโมให้เป็นทรงสี่เหลี่ยมโดยให้ผลเจริญในกล่อง เพื่อความสะดวกในการขนส่ง[3]
- พันธุ์กินเมล็ด ปลูกเพื่อนำเมล็ดมาคั่ว พันธุ์นี้มีเนื้อมาก
แตงโมเป็นผลไม้ที่มีคุณสมบัติเย็น จะช่วยลดอาการปวด ไข้ คอแห้ง บรรเทาแผลในปาก เปลือกแตงโมนำไปต้มเดือด แล้วเติมน้ำตาลทราย ดื่มเพื่อป้องกันเจ็บคอ กินเป็นผลไม้สด ทำเป็นน้ำผลไม้ เปลือกหรือผลอ่อนใช้ทำอาหาร เช่น แกงส้ม ในเวียดนาม นิยมรับประทานเมล็ดแตงโมในเทศกาลปีใหม่ [4]
พบกรดอะมิโน citrulline เป็นครั้งแรกในแตงโม[5] โดยแตงโมมี citrulline มาก ถ้ารับประทานในปริมาณหลายกิโลกรัมจะตรวจพบในเลือดของผู้รัประทานได้ ซึ่งจะเข้าไปรบกวนวัฏจักรยูเรีย[6]
คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม (3.5 ออนซ์) | |
---|---|
พลังงาน | 127 กิโลจูล (30 กิโลแคลอรี) |
7.55 g | |
น้ำตาล | 6.2 g |
ใยอาหาร | 0.4 g |
0.15 g | |
0.61 g | |
วิตามิน | |
วิตามินเอ | (4%) 28 μg |
ไทอามีน (บี1) | (3%) 0.033 มก. |
ไรโบเฟลวิน (บี2) | (2%) 0.021 มก. |
ไนอาซิน (บี3) | (1%) 0.178 มก. |
(4%) 0.221 มก. | |
วิตามินบี6 | (3%) 0.045 มก. |
โฟเลต (บี9) | (1%) 3 μg |
วิตามินซี | (10%) 8.1 มก. |
แร่ธาตุ | |
แคลเซียม | (1%) 7 มก. |
เหล็ก | (2%) 0.24 มก. |
แมกนีเซียม | (3%) 10 มก. |
ฟอสฟอรัส | (2%) 11 มก. |
โพแทสเซียม | (2%) 112 มก. |
สังกะสี | (1%) 0.10 มก. |
องค์ประกอบอื่น | |
น้ำ | 91.45 g |
ประมาณร้อยละคร่าว ๆ โดยใช้การแนะนำของสหรัฐสำหรับผู้ใหญ่ แหล่งที่มา: USDA FoodData Central |
อ้างอิง
- นิดดา หงส์วิวัฒน์ และทวีทอง หงส์วิวัฒน์. แตงโม ใน ผลไม้ 111 ชนิด: คุณค่าอาหารและการกิน. กทม. แสงแดด. 2550 หน้า 77 - 80
- ↑ North Carolina State University: Watermelon biogeography.
- ↑ Daniel Zohary and Maria Hopf, Domestication of Plants in the Old World, third edition (Oxford: University Press, 2000), p. 193.
- ↑ (BBC) Square fruit stuns Japanese shoppers BBC News Friday, 15 June 2001, 10:54 GMT 11:54 UK
- ↑ The Asian Texans By Marilyn Dell Brady, Texas A&M University Press
- ↑ Wada, M. (1930). "Über Citrullin, eine neue Aminosäure im Presssaft der Wassermelone, Citrullus vulgaris Schrad". Biochem. Zeit. 224: 420.
- ↑ H. Mandel, N. Levy, S. Izkovitch, S. H. Korman (2005). "Elevated plasma citrulline and arginine due to consumption of Citrullus vulgaris (watermelon)". Berichte der deutschen chemischen Gesellschaft. 28 (4): 467–472. doi:10.1007/s10545-005-0467-1. PMID 15902549.
{{cite journal}}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
แหล่งข้อมูลอื่น
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Citrullus lanatus ที่วิกิสปีชีส์