พระเจ้าชางโจ้ว
โจ้วหวัง (มาตรฐาน) ติวอ๋อง (ฮกเกี้ยน) ติวอ๊วง (แต้จิ๋ว) | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
![]() | |||||||||
พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์ชาง | |||||||||
ครองราชย์ | 1075–1046 ปีก่อนคริสตกาล (29 ปี) | ||||||||
ก่อนหน้า | ตี้อี่ (帝乙) | ||||||||
คู่อภิเษก | ต๋าจี่ (妲己) | ||||||||
พระราชบุตร | อู่เกิง (武庚) | ||||||||
| |||||||||
พระราชบิดา | ตี้อี่ | ||||||||
ประสูติ | 1105 ปีก่อนคริสตกาล | ||||||||
สวรรคต | 1046 ปีก่อนคริสตกาล (59 ปี) |
โจ้วหวัง ตามสำเนียงมาตรฐาน หรือ ติวอ๋อง ตามสำเนียงฮกเกี้ยน (จีน: 紂王; พินอิน: Zhòu Wáng; "พระเจ้าโจ้ว/ติว") เป็นชื่อเชิงเหยียดหยามสำหรับใช้เรียก ตี้ซิน (帝辛) กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ชาง (商朝) ของจีนโบราณ[1] คำว่า "โจ้ว/ติว" นี้หมายถึง เตี่ยวรั้งก้นม้า (horse crupper)[2] ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอานม้าที่ม้ามักทำสกปรก
ครอบครัว[แก้]
โจ้วหวังเป็นบุตรของตี้อี่ (帝乙) กษัตริย์องค์รองสุดท้ายของราชวงศ์ชาง
ตี้อี่มีพี่ชายหรือน้องชายสองคน คือ จีจื่อ (箕子) และปี่ก้าน (比干)
โจ้วหวังมีพี่ชายสองคน คือ จื๋อฉี่ (子启) และจื๋อหย่าน (子衍) ภายหลัง ทั้งสองได้ครองรัฐซ่ง (宋国) ในฐานะประเทศราชของราชวงศ์โจว (周朝)[3]
โจ้วหวังยังมีบุตรชายหนึ่งคน คือ อู่เกิง (武庚)
ต้นรัชกาล[แก้]
เอกสาร ฉื่อจี้ (史記) ของซือหม่า เชียน (司馬遷) ว่า เมื่อแรกครองราชย์ โจ้วหวังมีความสามารถมากกว่าคนทั่วไป และไหวพริบปฏิภาณดี แต่ฉุนเฉียวง่าย ตำนานเล่าว่า โจ้วหวังมีสติปัญญามากถึงขนาดเอาชนะทุกคนที่มาถกปัญหาด้วยได้ ทั้งยังแข็งแรงถึงขนาดล่าสัตว์ป่าได้ด้วยมือเปล่า[4]
ปลายรัชกาล[แก้]
ปลายรัชกาล โจ้วหวังปล่อยตัวไปกับการร่ำสุรานารี ละเลยศีลธรรมจรรยา ละทิ้งราชกิจการเมือง ซือหม่า เชียน ว่า โจ้วหวังถึงขนาดจัดการร่วมเพศหมู่เป็นประจำเพื่อให้ผู้คนมามั่วสุมกระทำลามกต่าง ๆ ร่วมกัน ทั้งยังมักประพันธ์เพลงกลอนหยาบช้าอนาจาร ร่ำลือกันว่า โจ้วหวังหลงใหลสตรีนาม ต๋าจี่ (妲己; ฮกเกี้ยนว่า "ถันกี", เอกสารไทยโบราณเรียกเพี้ยนเป็น "ขันกี") และนางมักชวนโจ้วหวังประพฤติต่ำทรามต่าง ๆ มีการนำเรื่องนี้ไปเสริมแต่งหลายขนาน โดยเฉพาะในนวนิยายสมัยราชวงศ์หมิง (明朝) เรื่อง เฟิงเฉิน (封神; ฮกเกี้ยนว่า ห้องสิน, แปลว่า "สถาปนาเทวดา") ที่ระบุว่า ต๋าจี่กลายเป็นคนชั่วเพราะถูกปิศาจจิ้งจอก (狐狸精) สิงสู่
หนึ่งในสิ่งบันเทิงที่โจ้วหวังนิยมชมชอบมาก คือ จิ่วฉือรั่วหลิน (酒池肉林; "บ่อสุราป่าเนื้อ") เป็นบ่อขนาดใหญ่ที่เรือลงไปลอยลำได้หลายลำ ขุดขึ้นในเขตราชฐาน เอาหินรูปไข่จากชายหาดมาขัดเงาแล้วปูพื้นบ่อ แล้วเทสุราลงไปให้เต็มบ่อ ทั้งสร้างเกาะขนาดเล็กไว้กลางบ่อ ปลูกต้นไม้บนเกาะนั้น แล้วเอาเนื้อสัตว์แขวนไว้บนกิ่ง โจ้วหวังมักชวนญาติสนิทมิตรสหายพร้อมด้วยสนมชายาทั้งหลายมาล่องเรือในสระ ใครกระหายก็จ้วงเหล้าขึ้นมาดื่มได้ ใครหิวก็คว้าเนื้อมากินได้ ถือกันว่า นี่เป็นหนึ่งในตัวอย่างอันโด่งดังที่สุดแห่งความเสื่อมทรามและฉ้อฉลของผู้ปกครองแผ่นดินจีน
โจ้วหวังยังสั่งให้สร้างเผาเล่า (炮烙; ฮกเกี้ยนว่า "เผาหลก", แปลว่า "เสานาบ") ขึ้นเพื่อเป็นความบันเทิงแก่ต๋าจี่ สิ่งนี้เป็นเสาทรงกลมสูงใหญ่ ทำจากสำริด ข้างในกลวง เอาถ่านร้อนใส่เข้าไป เมื่อเสาร้อนจนแดง ก็จับนักโทษมานาบให้ตายอย่างช้า ๆ และทรมาน ผู้เคราะห์ร้ายนั้นมีตั้งแต่สามัญชนไปจนถึงขุนนางผู้ใหญ่อย่างเหมย์ปั๋ว (梅伯)[5]
ชีวิตเสเพลของโจ้วหวังทำให้ค่าใช้จ่ายรายวันสูงลิ่ว โจ้วหวังแก้ปัญหาด้วยการเก็บภาษีอย่างหนัก ผู้คนได้รับทุกข์เข็ญและหมดหวังกับราชวงศ์ชาง ญาติพี่น้องที่มาตักเตือนก็ประสบชะตากรรมโหดร้าย เช่น ปี่ก้าน ที่ถูกโจ้วหวังสั่งแหวะอกเอาหัวใจออกมาถึงแก่ความตาย และจีจื่อที่ถูกจองจำ
ราชวงศ์โจวอาศัยพฤติการณ์ดังกล่าวมาเป็นโอกาสล้มล้างราชวงศ์ชาง ราชวงศ์โจวส่งเจียง จื่อหยา (姜子牙; ฮกเกี้ยนว่า "เกียงจูแหย") นำทัพมาปราบ และเมื่อได้รบกันในยุทธการมู่เหย่ (牧野之戰) เมื่อ 1046 ปีก่อนคริสตกาล ราชวงศ์ชางก็พ่ายแพ้ราบคาบ โจ้วหวังทราบข่าวแล้วก็ขังตัวเองอยู่ในวัง ก่อนจะเผาตัวตายไปพร้อมกับสมบัติพัสถานต่าง ๆ
นวนิยายเรื่อง เฟิงเฉิน ว่า เจียง จื่อหยา เห็นว่า โจ้วหวังที่ถึงแก่กรรมลงนั้นเดิมเป็นผู้มีความรู้ความสามารถมากคนหนึ่ง แต่หลงผิดคิดชั่วเพราะปิศาจ จึงสถาปนาโจ้วหวังเป็นเทวดา เรียกว่า เทียนสี่ซิง (天喜星; "ดาวฟ้าปลื้ม") ทำหน้าที่ส่งเสริมความรักและการครองคู่ของมนุษย์
อ้างอิง[แก้]
- ↑ Wu, 220.
- ↑ แม่แบบ:Unihan
- ↑ Lüshi Chunqiu (吕氏春秋·仲冬纪第十一)
- ↑ Wu, 220-221, referencing Sima Qian's Yin Benji chapter (史记 · 辛本纪).
- ↑ See, for example, Qu Yuan, Tian Wen (天问). "梅伯受醢".
บรรณานุกรม[แก้]
- Wu, K. C. (1982). The Chinese Heritage. New York: Crown Publishers. ISBN 0-517-54475-X.