พระมงคลรังษี (สุวัฒน์ จนฺทสุวณฺโณ)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระมงคลรังษี,วิ.

(สุวัฒน์ จนฺทสุวณฺโณ)
พระมงคลรังษี (สุวัฒน์ จนฺทสุวณฺโณ) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทพนมดิน อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
ชื่ออื่นหลวงปู่ธรรมรังษี
ส่วนบุคคล
เกิด6 เมษายน พ.ศ. 2462 (87 ปี)
มรณภาพ9 ตุลาคม พ.ศ. 2549
นิกายมหานิกาย
การศึกษาป.4,ครุศาสตร์บัณฑิต(กิตติมศักดิ์) โปรแกรมวิชาจิตวิทยาและการแนะแนว
ตำแหน่งชั้นสูง
ที่อยู่พระพุทธบาทพนมดิน จังหวัดสุรินทร์
อุปสมบท3 พฤษภาคม พ.ศ. 2481
พรรษา68
ตำแหน่งอดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทพนมดิน อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์

พระมงคลรังษี,วิ. นามเดิม สุวัฒน์ ฉิง ฉายา จนฺทสุวณฺโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทพนมดิน[1] อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ เป็นพระเกจิมหาเถราจารย์ผู้อุดมเวทย์วิทยาคมแห่งดินแดนอิสานใต้

ชาตภูมิ[แก้]

  • พระมงคลรังษี,วิ. นามเดิมชื่อ สุวัฒน์ ฉิง (ព្រះមង្គលរង្សី​ វិ.)[2]
  • เกิดเมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๒
  • ภูมิลำเนาเดิมมาตุภูมิ ตำบลเกีย อำเภอโมงฤษี (อำเภอโมงรือแซ็ยในปัจจุบัน) จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา

บรรพชาและอุปสมบท[แก้]

วุฒิการศึกษา / วิทยฐานะ[แก้]

  • เมื่อปฐมวัยได้ศึกษาจนจบการศึกษาภาคบังคับ (เทียบเท่าชั้น ป.๔ ของไทย)

งานปกครองคณะสงฆ์[แก้]

การเข้าสู่ประเทศไทยเนื่องจากภัยสงครามกลางเมืองในประเทศกัมพูชา[แก้]

พระมงคลรังษี,วิ. (สุวัฒน์ จนฺทสุวณฺโณ)[5] หรือหลวงปู่ธรรมรังษีเป็นพระที่มีใจใฝ่ปฏิบัติสมาธิภาวนา และกรรมฐาน ได้ศึกษาวิปัสสนากรรมฐานควบคู่กับการศึกษาพระเวทย์วิทยาคมจากพระเกจิอาจารย์ หลายรูปในประเทศกัมพูชาตลอด ๓๕ พรรษา จนมีวิชาแก่กล้าแตกฉานและเชี่ยวชาญหลายแขนงเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้าน และจังหวัดใกล้เคียงในประเทศกัมพูชาในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่หลวงปู่ธรรมรังษีท่านอายุ ๒๐ ปี ท่านเน้นศึกษาสายพระเวทย์ วิทยาคมจากครูบาอาจารย์หลากหลายสำนัก รวมทั้งศึกษากับพระสังฆราชชวน นาถ (พระสังฆราชองค์ก่อนในยุค ๒๔๙๐) ซึ่งพระสังฆราชชวน นาถ ท่านเป็นมหาปราชญ์แห่งประเทศกัมพูชา หลวงปู่ธรรมรังษีท่านเรียนพระเวทย์เขมรโบราณชั้นสูง ตลอดระยะเวลา ๓๕ ปี (ถึงอายุ ๕๕ ปี) ควบคู่กับการปฏิบัติกรรมฐาน ก่อนที่หลวงปู่ธรรมรังษีจะหันมามุ่งเน้นการปฏิบัติกรรมฐานอย่างจริงจังเพียงอย่างเดียวในครั้งเวลาต่อมาในขณะนั้นหลวงปู่ได้รับสมณศักดิ์ เป็น “ พระครูธรรมรังษี “ เป็นเจ้าคณะอำเภอโมงรือแซ็ย

เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๘ ขณะที่สงครามกลางเมืองในประเทศกัมพูชาร้อนระอุถึงขั้นวิกฤตนั้นหลวงปู่ธรรมรังษีในฐานะทายาทผู้สืบต่ออายุพระพุทธศาสนาตกอยู่ในฝ่ายตรงข้ามเขมรแดง เนื่องจากวัดวาอารามในจังหวัดใกล้เคียงจังหวัดพระตะบอง ถูกทำลายเสียหายและถูกยึดเป็นค่ายทหาร พระสงฆ์องค์ใดไม่อ่อนน้อมยอมลาสิกขาเข้าเป็นพวกจะถูกทรมานถึงชีวิต ที่หนีรอดก็กระจัดกระจายไม่ทราบชะตากรรม

คืนวันหนึ่ง ในขณะที่หลวงปู่ท่านนั่งเจริญสมาธิภาวนาในกลางดึกสงัด เกิดนิมิตทางหู ได้ยินเสียงประกาศกึกก้องมาแต่ไกล และใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา ท่านยังคงนั่งนิ่งดำรงสติมั่น และเกิดภาพนิมิตเบื้องหน้าปรากฏชัดเจน คือองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ของชาวไทย เสด็จยืนอยู่ใต้ร่มโพธิ์ใหญ่ มีข้าราชบริพารนั่งคุกเข่าเฝ้าถวายความเคารพอยู่เนืองแน่น หลวงปู่ท่านเพ่งมองภาพนั้นอยู่นานจนกระทั่งเลือนหายไป ภาพดังกล่าวยังคงติดตาหลวงปู่ธรรมรังษีมาโดยตลอด วันรุ่งขึ้นหลวงปู่ท่านได้เล่ามงคลนิมิตให้บรรดาญาติโยมและพระลูกวัดฟัง และเอ่ยบอกว่าประเทศไทยนี้ปลอดภัยที่สุด เพราะอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารพระบารมีองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จะพาญาติโยมและพระลูกวัดทั้งหลายอพยพหนีร้อนมาพึ่งเย็น ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วจากนั้นหลวงปู่จึงพาคณะและพระ ๔ รูป เดินทางเช้าตรู่ วันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๘ คล้อยหลังเพียงหนึ่งวันอำเภอโมงรือแซ็ย ได้ถูกเขมรแดงยึดไว้ได้ใน วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๘

เกียรติคุณที่ได้รับ[แก้]

  • วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2547 สถาบันราชภัฏสุรินทร์ มีมติถวายปริญญาครุศาสตร์บัณฑิต (กิตติมศักดิ์) โปรแกรมวิชาจิตวิทยาและการแนะแนว ถวายแด่ พระครูมงคลธรรมวุฒิ (สุวัฒน์ จนฺทสุวณฺโณ) ในปีการศึกษา 2546

สมณศักดิ์[แก้]

สมณศักดิ์ประเทศกัมพูชา
  • ได้รับสมณศักดิ์ เป็น "พระครูธรรมรังษี" (ព្រះគ្រួធម្មរង្សី) เป็นเจ้าคณะอำเภอโมงรือแซ็ย จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา
  • วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2545 เข้าเฝ้าสมเด็จพระมหาสุเมธาธิบดี สมเด็จพระสังฆราชแห่งประเทศกัมพูชา ได้รับพระกรุณาธิคุณประทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ "พระธรรมวิริยาจารย์" (ព្រះធម្មវិរិយាចារ្យ)
พัดยศสมณศักดิ์พระมงคลรังษี (สุวัฒน์ จนฺทสุวณฺโณ)
สมณศักดิ์ประเทศไทย

ถึงแก่มรณภาพ[แก้]

วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2549 เวลา 22.48 น. พระมงคลรังษี, วิ.(สุวัฒน์ จนฺทสุวณฺโณ) ถึงแก่มรณภาพด้วยโรคชรา ณ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กรุงเทพมหานคร ขณะเข้ามารักษาอาการอาพาธ สิริอายุ สิริอายุ 87 ปี 68 พรรษา [7] และมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุชั่วคราววัดพระพุทธบาทเขาพนมดิน อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ในวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2558 เวลา 17.00น.[8]

ก่อนหน้า พระมงคลรังษี (สุวัฒน์ จนฺทสุวณฺโณ) ถัดไป
-
พระราชาคณะชั้นสามัญ
พระมงคลรังษี

(12 สิงหาคม พ.ศ.2547 - 9 ตุลาคม พ.ศ 2549)
พระมงคลรังษี (เหลือ มหาปญฺโญ)

อ้างอิง[แก้]

  1. "วัดพระพุทธบาทพนมดิน". ปักหมุดเมืองไทย. 2020-12-21.
  2. เว็บสนม, Websanom (วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555). "WEBSANOM - เว็บสนม: วัดพระพุทธบาทพนมดิน". WEBSANOM - เว็บสนม. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  3. http://www.m-culture.in.th/album/view/140053/
  4. https://culturalenvi.onep.go.th/index.php/site/detail/5807
  5. "เปิดบันทึกตำนาน (OFFICIAL) - YouTube". www.youtube.com.
  6. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม ๑๒๑, ตอนที่ ๑๗ ข, ๑๕ กันยายน ๒๕๔๗, หน้า ๑๔
  7. "ผู้ว่าฯสุรินทร์อัญเชิญน้ำหลวงอาบศพ "หลวงปู่ธรรมรังษี" เกจิชื่อดังอีสานใต้". mgronline.com. 2006-10-11.
  8. "๕ เม.ย.งานพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่ธรรมรังษี (ท่านเจ้าขุนสองแผ่นดิน) | OK NATION". www.oknation.net (ภาษาอังกฤษ).