การเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2553
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ทั้งหมด 650 ที่นั่งในสภาสามัญชน ต้องการ 326 ที่นั่งจึงเป็นฝ่ายข้างมาก | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ผู้ใช้สิทธิ | 65.1% | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
การเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2553 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 แม้ว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคอนุรักษนิยมจะได้รับที่นั่งในสภาสามัญชนมากที่สุด แต่ไม่สามารถได้ที่นั่งมากกว่า 325 ที่นั่งเพื่อที่จะจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ พ.ศ. 2517 และครั้งที่สองนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ที่รัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักรไม่สามารถมีรัฐบาลเสียงข้างมากได้ จึงเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย พรรครัฐบาลเดิมอย่างพรรคแรงงานสูญเสียที่นั่งในสภาถึง 90 ที่นั่ง และจากการทำผลสำรวจพรรคแรงงานได้คะแนนเสียงน้อยกว่าพรรคอนุรักษนิยมถึง 2 ล้านเสียง มีคะแนนเสียงเป็นลำดับที่สอง ส่วนพรรคเสรีประชาธิปไตยตามมาเป็นลำดับที่สาม สูญเสียที่นั่งในสภาไป 5 ที่นั่ง ซึ่งไม่ตรงตามผลการสำรวจของหลายสำนักก่อนหน้านี้ที่ชี้ว่าพรคคเสรีประชาธิปไตยจะได้รับที่นั่งในสภาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามพรรคเสรีประชาธิปไตยก็ยังได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดนับตั้งแต่การก่อตั้งพรรคในปี พ.ศ. 2531 และมีโอกาสที่จะเป็นพรรคร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่ง 4 วันหลังจากการเลือกตั้งที่นายกอร์ดอน บราวน์ประกาศว่า "จะก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคแรงงานในเดือนกันยายน"
ในการเลือกตั้งครั้งนี้แตกต่างจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่าน ๆ มาในหลายกรณี เช่น พรรคกรีนได้รับที่นั่งในสภาสามัญชนเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกับพรรคสหพันธ์, ร้อยละ 35 ของคะแนนเสียงลงให้กับพรรคย่อยอื่น ๆ ที่ไม่ใช่พรรคคู่แข่งหลักอย่างพรรคแรงงานและพรรคอนุรักษนิยม, มีผู้ออกมาลงคะแนนเสียงมากที่สุดนับตั้งแต่การเลือกตั้งในสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2461, เป็นครั้งแรกที่ทั้งสามพรรคหลักลงแข่งขันโดยที่ผู้นำของพรรคทั้งสามไม่เคยนำการหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งก่อนหน้ามาเลยสักครั้งนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 และเป็นครั้งแรกที่มีการจัดให้มีการโต้วาทีกันทางโทรทัศน์ของผู้นำจากทั้งสามพรรค
พื้นเพ
[แก้]วันที่ 6 เมษายน นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร นายกอร์ดอน บราวน์ ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบทที่ 2 ในพระราชวังบัคคิงแฮมเพื่อขอพระบรมราชโองการยุบสภาในวันที่ 12 เมษายน หลังจากพิจารณามาเป็นเวลานาน และจัดงานแถลงข่าวยืนยันที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีในดาวนิงสตรีทว่าจะมีการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 6 พฤษภาคม 5 ปีหลังจากการเลือกตั้งครั้งก่อนหน้าในปี พ.ศ. 2548 ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีเขตเลือกตั้งทั้งหมด 649 เขตในสหราชอาณาจักร ภายใต้ระบบผู้สมัครที่มีคะแนนเสียงสูงสุดจะเป็นสมาชิกสภาสามัญชนของแต่ละเขต การลงคะแนนเสียงในเขตเติร์สก์และมอลตันถูกยกเลิกเป็นเวลา 3 สัปดาห์ เนื่องจากการเสียชีวิตของหนึ่งในผู้สมัคร นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีอุปสรรคในการลงคะแนนในเวลาเกือบ 22.00 นาฬิกา เนื่องจากเวลาในการลงคะแนนใกล้จะหมดลง เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งมีไม่เพียงพอ และการเข้าแถวรอลงคะแนนที่ยาวเหยียด อีกทั้งบัตรลงคะแนนส่งมาล่าช้าและไม่เพียงพอ
การหาเสียงของพรรครัฐบาลอย่างพรรคแรงงานในการเลือกตั้งครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อรักษาการเป็นรัฐบาลของตนในสภา ที่ดำรงตำแหน่งมาติดต่อกันเป็นสมัยที่ 4 และเพื่อฟื้นฟูคะแนนนิยมของตนที่ตกต่ำมาตลอดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 ส่วนพรรคอนุรักษนิยมก็ตั้งเป้าที่จะช่วงชิงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองของสหราชอาณาจักรหลังพ้ายแพ้ในการเลือกตั้งมาโดยตลอดตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2533 - พ.ศ. 2543 อีกทั้งยังตั้งเป้าที่จะช่วงชิงการเป็นพรรครัฐบาลมาจากพรรคแรงงาน ส่วนพรรคเสรีประชาธิปไตยหวังที่จะช่วงชิงที่นั่งในสภามาจากทั้งพรรคแรงงานและพรรคอนุรักษนิยม นอกจากนี้ยังหวังว่าจะเป็นพรรคที่ถ่วงอำนาจระหว่างพรรคใหญ่ทั้งสองในสภาสามัญชน นับตั้งแต่การโต้ว่าทีทางโทรทัศน์ของผู้นำจากทั้งสามพรรคนักวิเคราะห์จำนวนมากก็ได้ทำการทำนายระดับคะแนนความนิยมหลังการโต้วาที ผลการวิเคราะห์บ่งชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่พรรคเสรีประชาธิปไตยจะได้ที่นั่งข้างมากในสภาและจัดตั้งรัฐบาล แต่ผลการวิเคราะห์หนึ่งวันก่อนวันเลือกตั้งชี้ว่าคะแนนความนิยมแกว่งจากพรรคเสรีประชาธิปไตยไปยังทั้งสองพรรคใหญ่จำนวนเล็กน้อย ซึ่งผลการสำรวจครั้งหลังสุดมีตัวเลขดังนี้
- พรรคอนุรักษนิยม - 36%
- พรรคแรงงาน - 28%
- พรรคเสรีประชาธิปไตย - 27%
อย่างไรก็ตามผลการสำรวจถึงประชาชนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งก็ปรากฏขึ้นและไม่สามารถคาดเดาใดแน่ชัดถึงผลที่จะออกมา พรรคชาติสกอตแลนด์ได้รับแรงกระตุ้นจากชัยชนะในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาสกอตแลนด์ พ.ศ. 2550 จึงตั้งเป้าที่จะได้ที่นั่งจำนวน 20 ที่นั่ง และหวังที่จะเป็นพรรคที่ถ่วงอำนาจในสภา เช่นเดียวกับพรรคเวลส์ที่หวังจะได้ที่นั่งจากเขตเลือกตั้งในแคว้นเวลส์ และพรรคเล็กพรรคน้อยอื่น ๆ ก็หวังที่จะมีที่นั่งในสภาสามัญชน
ลำดับเหตุการณ์
[แก้]วันจันทร์ที่ 12 เมษายน | ประการศยุบสภาสามัญชน เริ่มต้นการหาเสียงอย่างเป็นทางการ |
วันอังคารที่ 20 เมษายน | วันสุดท้ายของการรับสมัครผู้ลงสมัครสมาชิกสภาสามัญชน |
วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม | วันเลือกตั้ง |
วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม | เดวิด คาเมรอน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยที่พรรคเสรีประชาธิปไตยเป็นพรรคร่วมรัฐบาล |
วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม | จัดตั้งสภาสามัญชนสมัยที่ 55 |
วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม | เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญที่ 55 |
วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม | การลงคะแนนชดเชยรอบพิเศษในเขตเติร์สก์และมอลตัน |
ผลการเลือกตั้ง
[แก้]ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง มีผู้ลงสมัครจำนวนมากทั้งผู้สมัครอิสระและผู้สมัครจากพรรคการเมือง โดยพรรคใหญ่ที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปมีทั้งสิ้น 3 พรรค ได้แก่
- พรรคอนุรักษนิยม (Conservative Party)
- พรรคแรงงาน (Labour Party)
- พรรคเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democrats)
ในสภาสามัญชนแห่งสหราชอาณาจักร มีที่นั่งทั้งหมด 650 ที่นั่ง โดยแต่ละที่นั่งจะเป็นของผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงสุดของแต่ละเขตพื้นที่ คล้ายการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งในประเทศไทย ซึ่งพรรคและผู้สมัครที่ได้รับการเลือกตั้งเข้าสู่สภามีดังนี้
อันดับที่ | ชื่อพรรค | ผู้นำพรรค | จำนวนที่นั่ง | ร้อยละของที่นั่งทั้งหมด | จำนวนคะแนนรวม | ร้อยละของคะแนนทั้งหมด |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | พรรคอนุรักษนิยม (Conservative Party) |
เดวิด คาเมรอน | 306 | 47.09 | 10,703,954 | 36.05 |
2 | พรรคแรงงาน (Labour Party) |
กอร์ดอน บราวน์ | 258 | 39.70 | 8,609,527 | 29.00 |
3 | พรรคเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democrats) |
นิค เคลกก์ | 57 | 8.77 | 6,836,824 | 23.03 |
4 | พรรคสหภาพประชาธิปไตย (Democretic Unionist Party) |
ปีเตอร์ โรบินสัน | 8 | 1.23 | 168,216 | 0.57 |
5 | พรรคชาติสกอต (Scottish National Party) |
อเล็กซ์ แซลมอนด์ | 6 | 0.92 | 491,386 | 1.65 |
6 | พรรคซินน์เฟน (Sinn Fein) |
เจอร์รี อดัมส์ | 5 | 0.77 | 171,942 | 0.58 |
7 | พรรคเวลส์ (The Party of Wales) |
ยวน วีน โจนส์ | 3 | 0.46 | 165,394 | 0.56 |
8 | พรรคสังคมประชาธิปไตยและแรงงาน (Social Democratic and Labour Party) |
มาร์กาเร็ต ริทชี | 3 | 0.46 | 110,970 | 0.37 |
9 | พรรคเขียวแห่งอังกฤษและเวลส์ (Green Party of England and Wales) |
คาโรไลน์ ลูคัส | 1 | 0.15 | 285,616 | 0.96 |
10 | พรรคพันธมิตรแห่งไอร์แลนด์เหนือ (Alliance Party of Nothern Ireland) |
เดวิด ฟอร์ด | 1 | 0.15 | 42,762 | 0.14 |
11 | ซิลเวีย เฮอร์มอน ผู้สมัครอิสระ |
ซิลเวีย เฮอร์มอน | 1 | 0.15 | 21,181 | 0.07 |
- | จอห์น เบอร์โคว์ ประธานสภาสามัญชน |
จอห์น เบอร์โคว์ | 1 | 0.15 | 22,860 | 0.08 |
หมายเหตุ จอห์น เบอร์โคว์ ในความเป็นจริงแล้วได้มีที่นั่งในสภาในฐานะสมาชิกสภาจากพรรคอนุรักษนิยม พรรคจึงมีสมาชิกในสภาจำนวน 307 คน แต่โดยธรรมเนียมปฏิบัติ ประธานสภาสามัญชน จะไม่เข้าข้างพรรคใด ในการแจกแจงตารางพรรคการเมืองจึงไม่ควรนับรวม ประธานสภาสามัญชน เข้าในพรรค จึงแยกนายจอห์นออกจากสมาชิกพรรคอนุรักษนิยมอีก 306 คน |
นอกจากนี้ ยังมีพรรคการเมืองอีกจำนวนมาก ที่ลงสมัคร แต่ได้รับคะแนนเลือกตั้งไม่พอที่จะได้เข้าไปมีที่นั่งในสภา
จากผลการเลือกตั้งดังกล่าว จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์สภาชะงักงัน (Hung Parliament) เนื่องจากในการเลือกตั้งในสหราชอาณาจักรส่วนใหญ่ มักจะมีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่มีจำนวนสมาชิกสภาสามัญชนในสังกัดมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนที่นั่งในสภา (เช่น เมื่อครั้งที่พรรคไทยรักไทย ได้รับการเลือกตั้ง 375 ที่นั่ง จากทั้งหมด 500 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งเมื่อ พ.ศ. 2548 เพียงแต่ในสหราชอาณาจักรจะเกิดขึ้นบ่อยมาก เป็นปกติ แต่มักไม่เกิดในประเทศไทย) จึงทำให้พรรคนั้นสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างมีเสถียรภาพได้ไม่ว่าจะมีเพียงพรรคเดียวหรือมีพรรคอื่นๆมาร่วมงาน ส่วนพรรคที่เหลือ จะกลายเป็นฝ่ายค้าน แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีจำนวนเก้าอี้ 650 ที่นั่ง หากจะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดี่ยว ควรจะมีจำนวนสมาชิกสภาอย่างน้อย 326 คน เพื่อให้มีเสถียรภาพ แต่ในครั้งนี้ พรรคอนุรักษนิยมที่มีจำนวนสมาชิกสภาสามัญชนสูงสุด ก็มีจำนวนเพียง 306 ที่นั่ง
ดังนั้น 2 พรรคที่มีขนาดใหญ่ คือ พรรคอนุรักษนิยม และพรรคแรงงาน จึงต้องพยายามหาพรรคอื่นๆ ที่จะมาร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาล เพื่อให้มีที่นั่งรวมมากกว่ากึ่งหนึ่งของสภาให้ได้ (เช่น เมื่อครั้งที่พรรคพลังประชาชน ได้ 232 ที่นั่ง และพรรคประชาธิปัตย์ ได้ 165 ที่นั่ง ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 ทั้งสองพรรคจึงพยายามหาพรรคอื่นๆ มาร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาล เพียงแต่ปรากฏการณ์ดังกล่าว เกิดในประเทศไทยบ่อยจนเป็นปกติ แต่สหราชอาณาจักร ไม่เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวมา 36 ปีแล้ว)