กองเรือเฉพาะกิจผสม 151
กองเรือเฉพาะกิจผสม 151 (อังกฤษ: Combined Task Force 151: CTF-151) เป็นกองเรือเฉพาะกิจทางทะเลหลายชาติที่จัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2552 เพื่อตอบสนองต่อการโจมตีของโจรสลัดในอ่าวเอเดนและนอกชายฝั่งตะวันออกของโซมาเลีย[1] ภารกิจของหน่วยคือหยุดยั้งโจรสลัดและการปล้นด้วยอาวุธในทะเล และร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาคและพันธมิตรอื่น ๆ เพื่อสร้างศักยภาพและปรับปรุงความสามารถที่เกี่ยวข้องเพื่อปกป้องการค้าทางทะเลระดับโลกและรักษาเสรีภาพในการเดินเรือ ปฏิบัติการของกองเรือเฉพาะกิจผสมนี้ปฏิบัติการร่วมกันกับปฏิบัติการอาตาลันตา (Operation Atalanta) ของสหภาพยุโรปและปฏิบัติการโอเชียนชิลด์ของเนโท
ณ วันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2567 ผู้บัญชาการกองเรือเฉพาะกิจผสม 151 คือพลเรือเอก Rüştü Sezer แห่งกองทัพเรือตุรกี[2]
ประวัติ
[แก้]กองเรือเฉพาะกิจผสม 151 ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2552 เพื่อตอบสนองต่อการโจมตีของโจรสลัดในโซมาเลีย "โดยมีภารกิจเฉพาะตามคำสั่งของข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 1816, 1838, 1846, 1851 และ 1897"[3] กองเรือเฉพาะกิจผสม 150 จัดการเรื่องความปลอดภัยทางทะเลและการต่อต้านการก่อการร้ายเป็นหลัก ขณะที่โจรสลัดถือเป็นภารกิจบังคับใช้กฎหมายมากกว่า[3] กองเรือเฉพาะกิจผสมก่อตั้งขึ้นเป็นกองเรือเฉพาะกิจตามภารกิจ เมื่อก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2552 ปฏิบัติการภายใต้คำสั่งต่อต้านโจรสลัดของข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ กองเรือเฉพาะกิจผสมไม่ถูกจำกัดด้วยข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์[4] คำสั่งของพวกเขา "ขึ้นอยู่กับขอบเขตของข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ต่อต้านโจรสลัด"[4] ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 กลุ่มโจรสลัดได้จี้เรือที่ชักธงปานามา รัฐบาลพุนต์แลนด์ระบุว่าพวกเขาไม่ต้องการให้เรือและฐานทัพโจรสลัดถูกยึดใกล้กับโบซาโซ[5] โจรสลัดบังคับให้ลูกเรือของเรือไปทางทิศใต้เพื่อไปยังพื้นที่ชายฝั่งที่ไม่ถูกยอมรับ[6] พลเรือเอก แม็กไนท์ ได้สนทนากับ จาทิน ดูอา และหน่วยซีลของกองทัพเรือได้ช่วยตัวประกันสองคนที่ถูกกักขังอยู่ในค่ายที่อยู่ห่างไกลออกไป หน่วยซีลสังหารโจรสลัดไปประมาณ 9 คน[7]
ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 โจรสลัดโซมาเลีย 6 คนได้เปิดฉากโจมตีเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ MV Sunshine ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งโอมานไปประมาณ 100 ไมล์ การโจมตีนี้เรียกว่าเป็นการโจมตีตามตำรา โจรสลัดใช้ปืน เอเค-47 เครื่องยิงจรวด ตะขอเกาะ และพยายามติดบันไดเข้ากับเรือ[8] โจรสลัดโยนอาวุธลงน้ำเพื่อให้ทีมที่ขึ้นเรือไม่สามารถจับกุมพวกเขาได้ พวกเขาให้อาหารและน้ำแก่โจรสลัด และในที่สุดก็ปล่อยพวกเขาออกไป ชาวโซมาเลียไม่รู้ว่าเฮลิคอปเตอร์จาก ยูเอสเอส โมบาย เบย์ กำลังติดตามการเคลื่อนไหวของพวกโจรสลัด โจรสลัดจึงมุ่งหน้ากลับไปที่เรือใบของอิหร่าน[8] เรือยูเอสเอส คิดด์ สามารถติดตามเรือ Al Mulahi ได้และสังเกตเห็นว่ามีชาวตะวันออกกลางอยู่บนเรือด้วย เดอะนิวยอร์กไทมส์ รายงานว่าเกิดการเผชิญหน้า หลังจากนั้น ชาวโซมาเลียยังคงซ่อนตัวอยู่ และกัปตันชาวอิหร่านได้พูดคุยกับชาวอเมริกัน[9]
รูปขบวน
[แก้]ระหว่างปี พ.ศ. 2545 ถึง 2547 กองทัพเรือร่วมชุดแรกที่รับผิดชอบการต่อต้านการก่อการร้ายในพื้นที่ได้รับการขนานนามว่ากองเรือเฉพาะกิจ 151
เมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2552 ณ กองบัญชาการทัพเรือที่ 5 ของสหรัฐในกรุงมานามา ประเทศบาห์เรน พลเรือโท วิลเลียม อี. กอร์ตนีย์ กองทัพเรือสหรัฐ ได้ประกาศจัดตั้ง กองเรือเฉพาะกิจผสม 151 (CTF-151) เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามจากโจรสลัดนอกชายฝั่งโซมาเลีย โดยมีพลเรือตรี เทอเรนซ์ อี. แม็กนไนท์ เป็นผู้บังคับบัญชา[10] เรือยูเอสเอส ซานอันโตนิโอ (LPD-17) ได้รับการมอบหมายให้เป็นเรือธงลำแรกของกองเรือเฉพาะกิจผสม 151 โดยทำหน้าที่เป็นฐานเตรียมการล่วงหน้าทางน้ำ (afloat forward staging base: AFSB) สำหรับส่วนกำลังต่อไปนี้:
- ชุดตรวจค้นและจับกุมเรือต้องสงสัย (VBSS) ของกองทัพเรือสหรัฐจำนวน 14 นาย[11][12]
- กลุ่มปฏิบัติการเคลื่อนที่ (Deployable Operations Group) ยามฝั่งสหรัฐ ประกอบไปด้วยสมาชิกชุดความปลอดภัยและความมั่นคงทางทะเล (Maritime Safety and Security Team: MSST) 91104 ประมาณ 24 นาย และหนึ่งหน่วยแยกบังคับใช้กฎหมาย (Law Enforcement Detachment: LEDET) ที่มีสมาชิก 8 คน ได้แก่ ส่วนแยกบังคับใช้กฎหมาย 405[11][12]
- หมวดพลซุ่มยิงลาดตระเวน กองพันที่ 2 กรมนาวิกโยธินที่ 6 กองพันนาวิกโยธินที่ 26 (26th Marine Expeditionary Unit: 26th MEU) ย้ายข้ามมาจากยูเอสเอส อิโวจิมา (LHD-7)[11]
- หมวดที่ 3 (กองร้อยกอล์ฟ กองพันนาวิกโยธินที่ 26) หน่วยแยกสารวัตรทหาร และเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง[12]
- ศัลยแพทย์ประจำทัพเรือชุด 8 ที่มีความสามารถในการผ่าตัดระดับ 2 เพื่อรับมือกับการบาดเจ็บ การผ่าตัด การดูแลวิกฤต และการอพยพทางการแพทย์[12]
- นาวิกโยธินประมาณ 75 นายพร้อมเฮลิคอปเตอร์ เอเอช-1 ซูเปอร์คอบรา (เอเอช-1ดับบิว) จำนวน 6 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ ยูเอช-1เอ็น ฮิวอี้ จำนวน 2 ลำ จากฝูงบินเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางนาวิกโยธินที่ 264 (Marine Medium Helicopter Squadron 264: HMM-264) ของกองพันนาวิกโยธินที่ 26 ย้ายข้ามมาจากเรือ ยูเอสเอส อิโวจิมะ[13]
- เฮลิคอปเตอร์เอชเอช-60เอช จำนวน 3 ลำจ ากฝูงบินต่อต้านเรือดำน้ำที่ 3 (Helicopter Anti-Submarine Squadron 3: HS-3) ย้ายข้ามมาจากเรือยูเอสเอส ธีโอดอร์ รูสเวลต์ (CVN-71)[12][14]
ในช่วงแรกกองเรือเฉพาะกิจผสม 151 ประกอบด้วย ซานอันโตนิโอ, ยูเอสเอส มาฮาน (DDG-72) และเอชเอ็มเอส พอร์ตแลนด์ (F79) โดยคาดว่าจะมีการส่งเรือรบเพิ่มเติมเข้าร่วมกองกำลังนี้[15] คาดว่าจะมี 20 ประเทศเข้าร่วมกองกำลังนี้ รวมถึงแคนาดา, เดนมาร์ก, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, เนเธอร์แลนด์, ปากีสถาน, สิงคโปร์, ไทย และสหราชอาณาจักร ซึ่งทั้งหมดได้ให้คำมั่นที่จะเข้าร่วมในกองเรือเฉพาะกิจผสมนี้[16]
เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2552 พลเรือตรี มิเชลล์ เจ. โฮเวิร์ด จากกองทัพเรือสหรัฐได้รับหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชากองเรือเฉพาะกิจผสม 151 และกองเรือโจมตีโพ้นทะเลที่ 2 (Expeditionary Strike Group 2)[17] เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม รัฐบาลออสเตรเลียได้ให้คำมั่นที่จะสนับสนุน โดยมอบหมายให้กับเรือฟริเกต เอชเอ็มเอเอส วาร์รามุงกา (FFH 152) จากภารกิจในอ่าวเปอร์เซียไปยังกองเรือเฉพาะกิจ รวมถึงเครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเล พี-3 โอไรออน[18]
การเข้าร่วมของกองทัพเรือไทย
[แก้]กองทัพเรือไทยได้ส่งหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดเข้าร่วมปฏิบัติการจำนวน 2 ชุด ได้แก่
ชุดที่ 1 ออกเดินทางจากประเทศไทยในวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553[19] และเริ่มปฏิบัติการระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ถึงวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2554[20] ประกอบไปด้วยเรือหลวงสิมิลัน และเรือหลวงปัตตานี พร้อมด้วยเฮลิคอปเตอร์ประจำเรือแบบเบลล์ 212 จำนวน 2 ลำ[21] ชุดปฏิบัติการพิเศษทางเรือ และกำลังพลประจำเรือรวม 351 นาย ซึ่งมี พลเรือตรี ไชยยศ สุนทรนาค ตำรงตำแหน่งผู้บังคับหมู่เรือ[22] ปฏิบัติหน้าที่ในการคุ้มครองเรือสินค้าและเรือประมงของไทยและนานาชาติ และเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยในวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554[19] ระยะเวลาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 130 วัน[21]
ชุดที่ 2 ออกเดินทางจากประเทศไทยในวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ประกอบไปด้วยเรือหลวงสิมิลัน และเรือหลวงนราธิวาส พร้อมด้วยเฮลิคอปเตอร์ประจำเรือแบบเบลล์ 212 จำนวน 1 ลำ ชุดปฏิบัติการพิเศษทางเรือ และกำลังพลประจำเรือรวม 368 นาย[23] ซึ่งมี พลเรือตรี ธานินทร์ ลิขิตวงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้บังคับหมู่เรือ และนาวาเอก ภราดร พวงแก้ว เป็นผู้บังคับหน่วยเรือปราบปรามโจรสลัด ปฏิบัติหน้าที่ในการคุ้มครองเรือสินค้าและเรือประมงของไทยและนานาชาติเช่นเดิม และเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยในวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ระยะเวลาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 140 วัน[24]
ปฏิบัติการสำคัญ
[แก้]ปฏิบัติการสำคัญของกองทัพเรือไทยระหว่างการเข้าร่วมกองเรือเฉพาะกิจผสม 151 เรือหลวงสิมิลันได้เข้าช่วยเหลือเรือสินค้าสัญชาติไลบีเรีย MSC NAMIBIA II ขนาด 24,000 ตัน แล่นออกจากอ่าวเอเดน ถูกกลุ่มโจรสลัด 6 ราย กำลังยิงจรวจอาร์พีจีใส่เรือทางกราบขวาและซ้าย พร้อมทั้งกระสุนปืนเล็ก ผู้บังคับหน่วยเรือจึงสั่งการให้เฮลิคอปเตอร์แบบเบลล์ 212 บินเข้าสกัดขัดขวางการโจมตีจนเรือโจรสลัดล่าถอยไปทางฝั่งโซมาเลีย และบินกดดันจนเรือโจรสลัดหยุดเครื่องยนต์ และกองกำลังผสมทางทะเลได้สั่งการให้เรือ ยูเอสเอส ฮาวเวิร์ด ส่งเฮลิคอปเตอร์เข้าตรวจสอบและตรวจค้นเรือของโจรสลัด จากนั้นเรือหลวงสิมิลันจึงได้สั่งการให้เฮลิคอปเตอร์บินคุ้มกันเรือสินค้าดังกล่าวจนพ้นพื้นที่รับผิดชอบ และได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ขอบคุณทหารเรือไทยจากเรือลำดังกล่าวในเวลาต่อมา[24]
มาตรการเฉพาะกิจ
[แก้]มาตรการที่ดำเนินการโดยกองเรือเฉพาะกิจ ได้แก่ การเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง การถอดบันไดทางเข้า การรายงานการดำเนินการที่น่าสงสัยไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การใช้ไฟส่องสว่างบนดาดฟ้า ลวดหนาม ตาข่าย สายดับเพลิง รั้วไฟฟ้า และอุปกรณ์เฝ้าระวังและตรวจจับ การป้องกันจุดที่เข้าถึงได้ต่ำที่สุด การใช้ความเร็วในการหลบเลี่ยงการโจมตีของโจรสลัด และการรวมกลุ่มในการขนส่ง[25]
กองกำลังผสมทางทะเล (Combined Maritime Forces: CMF) ได้จัดตั้งพื้นที่ลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยทางทะเล (Maritime Security Patrol Area: MSPA) ในอ่าวเอเดนเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2551 เพื่อจัดเตรียมความพยายามระดับนานาชาติในการปราบปรามโจรสลัด ความพยายามของกองกำลังผสมเกี่ยวข้องกับกองเรือเฉพาะกิจผสม 150 ที่ลาดตระเวนในพื้นที่ด้วยเครื่องบินและเรือ อย่างไรก็ตาม กฎบัตรของกองเรือเฉพาะกิจผสม 150 ซึ่งจัดตั้งขึ้นในช่วงเริ่มต้นของปฏิบัติการเอนดูริ่งฟรีดอม มีไว้สำหรับการดำเนินการรักษาความปลอดภัยทางทะเลในอ่าวโอมาน อ่าวเอเดน ทะเลอาหรับ มหาสมุทรอินเดีย และทะเลแดง ปฏิบัติการดังกล่าวรวมถึงการยับยั้งกิจกรรมการคุกคาม เช่น การค้าอาวุธและการลักลอบขนยาเสพติด[1]
การช่วยเหลือ กัปตัน ริชาร์ด ฟิลลิปส์
[แก้]ในปี พ.ศ. 2552 มีโจรสลัดโจมตีเรือ เมอร์สค์ อลาบามา เจ้าหน้าที่กู้ภัยรวมถึงหน่วยซีลทีมซิกซ์[26] เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2552 มีคำแนะนำจากหน่วยงานบริหารการเดินเรือของสหรัฐ ระบุว่าให้เรือต่าง ๆ อยู่ห่างจากชายฝั่งโซมาเลีย 600 ไมล์เนื่องจากโจรสลัดที่เพิ่มขึ้น โจรสลัดโซมาเลียตั้งเป้าไปที่อ่าวเอเดนเป็นหลัก เนื่องจากเรือส่วนใหญ่ที่มุ่งหน้าไปยังคลองสุเอซซึ่งอยู่ที่นั่น อย่างไรก็ตาม ด้วยกองเรือเฉพาะกิจผสม 151 เรือรบจีน รัสเซีย และปฏิบัติการอาตาลันตา ทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ในบริเวณนั้น โจรสลัดจึงถูกบังคับให้ต้องมองหาเป้าหมายที่อื่น[27] เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2552 เรือ เมอร์สค์ อลาบามา มุ่งหน้าไปยังอ่าวเอเดน กัปตันฟิลลิปส์ไม่รู้ว่ามีโจรสลัดกำลังเดินทางมายังเรือของเขา[28] ในที่สุด กัปตันฟิลลิปส์และลูกเรือก็ถูกเรือของโจรสลัด 3 ลำ ล้อมรอบโดยมีเรือแม่ของพวกเขาไล่ตาม โดยอยู่ห่างออกไป 8 ไมล์[29] ในที่สุด กัปตันฟิลลิปส์ก็กดปุ่มแจ้งเตือนแบบเงียบ ๆ เพื่อส่งสัญญาณให้ทีมค้นหาและกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือ[30] มีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีรายงานว่าเกิดการเผชิญหน้าระหว่างลูกเรือของเรือกับโจรสลัด[31] ในที่สุดพวกเขามีการเรียกร้องให้มีการแลกเปลี่ยนนักโทษ และกัปตันฟิลลิปส์ก็เป็นคนแรก ๆ ที่ได้รับการปล่อยตัวลงบนเรือชูชีพ[32]
ความสำเร็จ
[แก้]พลเรือโท บิล กอร์ตนีย์ กล่าวว่าเนื่องจากมาตรการเชิงรุกที่ชาวเรือเดินทะเลบางส่วนใช้ เหตุการณ์โจรสลัดในภูมิภาคจึงลดลง นอกจากนี้ เขายังเตือนด้วยว่า “ความพยายามของกองกำลังผสมและกองทัพเรือนานาชาติจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาโจรสลัดได้”[1]
รายชื่อผู้บัญชาการ
[แก้]- พลเรือจัตวา Roger Girouard, กองทัพเรือแคนาดา[33] เป็นกองเรือเฉพาะกิจ 151
- พลเรือตรี Terence E. McKnight, กองทัพเรือสหรัฐ
- พลเรือตรี Scott Eugene Sanders, กองทัพเรือสหรัฐ
- พลเรือตรี Caner Bener, กองทัพเรือตุรกี[34]
- พลเรือตรี Bernard Miranda, กองทัพเรือสาธารณรัฐสิงคโปร์[35]
- พลเรือตรี Lee Beom-rim, กองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี[34]
- พลเรือตรี Sinan Ertuğrul, กองทัพเรือตุรกี[34]
- พลเรือจัตวา Abdul Aleem, กองทัพเรือปากีสถาน[36]
- พลเรือตรี Harris Chan Weng Yip, กองทัพเรือสาธารณรัฐสิงคโปร์[37]
- นาวาเอก Jim Gilmour, ราชนาวีนิวซีแลนด์[38][39]
- พลเรือตรี Kaleem Shaukat, กองทัพเรือปากีสถาน[40]
- พลเรือจัตวา Aage Buur Jensen, กองทัพเรือเดนมาร์ก[41]
- พลเรือตรี ธานินทร์ ลิขิตวงศ์, กองทัพเรือไทย[42]
- พลเรือตรี Anho Chung, กองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี[43]
- พลเรือตรี Oguz Karaman, กองทัพเรือตุรกี[44]
- พลเรือจัตวา Muhammad Hisham, กองทัพเรือปากีสถาน[45]
- พลเรือตรี Giam Hock Koon, กองทัพเรือสาธารณรัฐสิงคโปร์[46]
- พลเรือจัตวา Muhammad Ihsan Qadir, กองทัพเรือปากีสถาน[47]
- พลเรือจัตวา Jeremy Blunden LVO, ราชนาวี[48]
- พลเรือจัตวา Aage Buur Jensen, กองทัพเรือเดนมาร์ก[49] ครั้งที่สอง
- พลเรือจัตวา Ali Abbas SI (M), กองทัพเรือปากีสถาน[50]
- พลเรือตรี Cho Young Joo, กองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี[51]
- พลเรือจัตวา Tony Millar, MNZM, ราชนาวีนิวซีแลนด์[52]
- พลเรือตรี ปกรณ์ วานิช, กองทัพเรือไทย[53][54]
- พลเรือจัตวา Asif Hameed Siddiqui, กองทัพเรือปากีสถาน[55]
- พลเรือตรี Hiroshi Ito, กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น[56]
- นาวาเอก Ayhan Bay, กองทัพเรือตุรกี[57]
- พลเรือตรี Zahid Ilyas, กองทัพเรือปากีสถาน[58]
- พลเรือตรี Cheong Kwok Chien, กองทัพเรือสาธารณรัฐสิงคโปร์[59][60]
- พลเรือตรี Nam Dong Woo, กองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี[61]
- พลเรือจัตวา Muhammad Shuaib SI (M), กองทัพเรือปากีสถาน[62]
- พลเรือตรี Tatsuya Fukuda, กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น[63]
- พลเรือตรี Emre Sezenler, กองทัพเรือตุรกี[64]
- พลเรือจัตวา Yusuf Almannaei, กองทัพเรือบาห์เรน[65]
- พลเรือตรี Daisuke Kajimoto, กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น[66]
- พลเรือตรี Saw Shi Tat, กองทัพเรือสาธารณรัฐสิงคโปร์[67]
- นาวาเอก Ali Al Rashidi, กองทัพเรือคูเวต[68]
- นาวาเอก Alajmi, กองทัพเรือคูเวต[68]
- พลเรือตรี Byeong-Ju Yu, กองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี[69]
- นาวาเอก Khaled Hasan Al Kandari, กองทัพเรือคูเวต[70]
- พลเรือตรี Yoshiyasu Ishimaki, กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น[71]
- พลเรือตรี Nejat Inanir, กองทัพเรือตุรกี[72]
- พลเรือจัตวา Abdul Munib, กองทัพเรือปากีสถาน[73]
- พลเรือตรี André Luiz Andrade Felix, กองทัพเรือบราซิล[74]
- พลเรือตรี Ko Seung-bum, กองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี[75]
- นาวาเอก Mateo G. Carido, กองทัพเรือฟิลิปปินส์[76]
- พลเรือตรี Antonio Braz de Souza, กองทัพเรือบราซิล[2]
- พลเรือตรี Rüştü Sezer, กองทัพเรือตุรกี[2] (ปัจจุบัน)
ประวัติการบัญชาการ
[แก้]กองเรือเฉพาะกิจดังกล่าวมีประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมบัญชาการ ดังนี้[77]
|
|
ดูเพิ่ม
[แก้]- ปฏิบัติการอาตาลันตา — ปฏิบัติการของสหภาพยุโรปในพื้นที่
- ปฏิบัติการโอเชียนชิลด์ — ปฏิบัติการของเนโทในพื้นที่
- กองเรือเฉพาะกิจผสม 150 — การลาดตระเวนที่คล้ายคลึงกันในมหาสมุทรอินเดียเพื่อรับมือกับการต่อต้านการก่อการร้าย
- พื้นที่ลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยทางทะเล
- การจี้เรือเมอร์สค์ อลาบามา เมื่อเดือนเมษายน 2552
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 "New Counter-Piracy Task Force Established". สืบค้นเมื่อ 22 January 2014.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 "Türkiye Assumes Command of Combined Maritime Forces' Combined Task Force 151 from Brazil". United States Navy (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2024-09-09.
- ↑ 3.0 3.1 "CTF-151: Counter-piracy". Combined Maritime Forces. 17 September 2010. สืบค้นเมื่อ 4 December 2013.
- ↑ 4.0 4.1 Combined Maritime Forces (CMF) Operations Counter Piracy Operations, Challenges, Shortfalls and Lessons Learned (PDF). NATO. 2009. p. 3.
- ↑ Mcknight, Terry; Michael Hirsh (2012). Pirate Alley: Commanding Task Force 151 Off Somalia. Annapolis: Naval Institute Press. p. 37.
- ↑ Mcknight, Terry; Michael Hirsh (2012). Pirate Alley: Commanding Task Force 151 Off Somalia. Annapolis: Naval Institute Press. pp. 37–38.
- ↑ Mcknight, Terry; Michael Hirsh (2012). Pirate Alley: Commanding Task Force 151 Off Somalia. Annapolis: Naval Institute Press. p. 39.
- ↑ 8.0 8.1 Mcknight, Terry; Michael Hirsh (2012). Pirate Alley: Commanding Task Force 151 Off Somalia. Annapolis: Naval Institute Press. p. 88.
- ↑ Mcknight, Terry; Michael Hirsh (2012). Pirate Alley: Commanding Task Force 151 Off Somalia. Annapolis: Naval Institute Press. pp. 88–89.
- ↑ "New Counter-Piracy Task Force Established". Navy NewsStand. GlobalSecurity.org. 2009-01-08. สืบค้นเมื่อ 2009-04-13.
- ↑ 12.0 12.1 12.2 12.3 12.4 Goodwin, Brian (2009-01-19). "San Antonio Key to Counterpiracy Mission". Defence Professional. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-01-31. สืบค้นเมื่อ 2009-01-26.
- ↑ Mills, Cpl Jason D. (2009-01-09). "Skids Fly to San Antonio". Marine Corps News. Military Advantage. สืบค้นเมื่อ 2009-01-26.
- ↑ Gibbons, Timothy J. (2009-01-28). "San Navy helicopter squadron helps fight pirates". The Florida Times-Union. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-01-31. สืบค้นเมื่อ 2009-01-28.
- ↑ Viscusi, Gregory (2009-01-27). "Pirate Attacks Cut Dramatically by Navies, U.S. Admiral Says". Bloomberg News. สืบค้นเมื่อ 2009-01-28.
- ↑ "US to lead new anti-pirate force". BBC News. 2009-01-08. สืบค้นเมื่อ 2010-04-30.
- ↑ Lt. John Fage (April 5, 2009). "Admiral Howard Takes Command of ESG-2 and CTF 151 (Release #057-09)" (Press release). U.S. Fifth Fleet. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 11, 2009. สืบค้นเมื่อ 2009-04-16.
- ↑ McPhedran, Ian (2009-05-29). "Navy warship and RAAF spy planes join fight against Somali pirates". The Daily Telegraph. Sydney. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 September 2009.
- ↑ 19.0 19.1 "หมู่เรือปราบโจรสลัดโซมาลีย เดินทางกลับถึงไทยแล้ว". Thai PBS.
- ↑ "หมู่เรือปราบโจรสลัดฝึกเตรียมความพร้อมก่อนออกปฏิบัติงานจริงที่โซมาเลีย". mgronline.com. 2011-06-29.
- ↑ 21.0 21.1 "กองเรือปราบโจรสลัดฯกลับถึงไทยแล้ว". www.thairath.co.th. 2011-01-20.
- ↑ "เรือหลวงปัตตานี : เรือรบของหมู่เรือปราบปราบโจรสลัดโซมาเลีย | สายสวรรค์ ขยันยิ่ง" (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2010-09-20.
- ↑ "ทร.ส่งหมู่เรือชุด 2 ร่วมปราบโจรสลัดโซมาเลีย". www.thairath.co.th. 2011-07-12.
- ↑ 24.0 24.1 "ต้อนรับนักรบปราบโจรสลัดอ่าวเอเดน-โซมาเลีย อบอุ่นและสมเกียรติ". mgronline.com. 2011-11-28.
- ↑ "Combined Maritime Forces". Combined Maritime Forces. 17 September 2010.
- ↑ Mcknight, Terry; Michael Hirsh (2012). Pirate Alley: Commanding Task Force 151 Off Somalia. Annapolis: Naval Institute Press. pp. 118–119.
- ↑ Mcknight, Terry; Michael Hirsh (2012). Pirate Alley: Commanding Task Force 151 Off Somalia. Annapolis: Naval Institute Press. pp. 122–123.
- ↑ Mcknight, Terry; Michael Hirsh (2012). Pirate Alley: Commanding Task Force 151 Off Somalia. Annapolis: Naval Institute Press. p. 123.
- ↑ Mcknight, Terry; Michael Hirsh (2012). Pirate Alley: Commanding Task Force 151 Off Somalia. Annapolis: Naval Institute Press. p. 126.
- ↑ Mcknight, Terry; Michael Hirsh (2012). Pirate Alley: Commanding Task Force 151 Off Somalia. Annapolis: Naval Institute Press. p. 130.
- ↑ Mcknight, Terry; Michael Hirsh (2012). Pirate Alley: Commanding Task Force 151 Off Somalia. Annapolis: Naval Institute Press. p. 135.
- ↑ Mcknight, Terry; Michael Hirsh (2012). Pirate Alley: Commanding Task Force 151 Off Somalia. Annapolis: Naval Institute Press. p. 136.
- ↑ "Rear Admiral (Retired) Roger Girouard". 11 October 2017.
- ↑ 34.0 34.1 34.2 "ตุรกี Assumes Command of CTF-151". Combined Maritime Forces (CMF). September 1, 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2014. สืบค้นเมื่อ April 11, 2020.
- ↑ "PRESS RELEASE Report". www.nas.gov.sg. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-11. สืบค้นเมื่อ 2020-04-11.
- ↑ "ปากีสถาน Assumes Command of Combined Task Force 151". Combined Maritime Forces (CMF). November 29, 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2014. สืบค้นเมื่อ April 11, 2020.
- ↑ "Republic of สิงคโปร์ assumes Command of Combined Task Force 151". Combined Maritime Forces (CMF). April 1, 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2014. สืบค้นเมื่อ April 11, 2020.
- ↑ "NZDF - New Zealander to command US-led counter piracy task force". www.nzdf.mil.nz. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-02-10.
- ↑ "Royal New Zealand Navy assumes Command of Combined Task Force 151". Combined Maritime Forces (CMF). July 1, 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 12, 2011. สืบค้นเมื่อ April 11, 2020.
- ↑ "PAKISTAN ASSUMES COMMAND OF COMBINED TASK FORCE 151". Combined Maritime Forces (CMF). September 28, 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 13, 2011. สืบค้นเมื่อ April 11, 2020.
- ↑ "DENMARK ASSUMES COMMAND OF COMBINED TASK FORCE 151 BAHRAIN". Combined Maritime Forces (CMF). January 12, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 10, 2012. สืบค้นเมื่อ April 11, 2020.
- ↑ "ROYAL THAI NAVY ASSUMES COMMAND OF COMBINED TASK FORCE 151". Combined Maritime Forces (CMF). March 29, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2014. สืบค้นเมื่อ April 11, 2020.
- ↑ "REPUBLIC OF KOREA NAVY ASSUMES COMMAND OF COMBINED TASK FORCE 151". Combined Maritime Forces (CMF). June 19, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2014. สืบค้นเมื่อ April 11, 2020.
- ↑ "TURKEY ASSUMES COMMAND OF COMBINED TASK FORCE 151". Combined Maritime Forces (CMF). September 25, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 14, 2015. สืบค้นเมื่อ April 11, 2020.
- ↑ "PAKISTAN NAVY ASSUMES COMMAND OF COMBINED TASK FORCE 151". Combined Maritime Forces (CMF). December 13, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 16, 2012. สืบค้นเมื่อ April 11, 2020.
- ↑ "REPUBLIC OF SINGAPORE NAVY TAKES COMMAND OF COMBINED TASK FORCE 151". Combined Maritime Forces (CMF). March 7, 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 26, 2013. สืบค้นเมื่อ April 11, 2020.
- ↑ "สิงคโปร์ hands over CTF 151 to ปากีสถาน". Combined Maritime Forces (CMF). June 13, 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 25, 2014. สืบค้นเมื่อ April 11, 2020.
- ↑ "Combined Task Force 151 Change of Command Ceremony". Combined Maritime Forces (CMF). September 12, 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 8, 2013. สืบค้นเมื่อ April 11, 2020.
- ↑ "UK handover to เดนมาร์ก at CTF 151 Change of Command Ceremony". Combined Maritime Forces (CMF). December 12, 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 12, 2013. สืบค้นเมื่อ April 11, 2020.
- ↑ "เดนมาร์ก handover to ปากีสถาน at CTF 151 change of command ceremony". Combined Maritime Forces (CMF). March 2, 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 2, 2014. สืบค้นเมื่อ April 11, 2020.
- ↑ "ปากีสถาน passes command of CTF-151 to the เกาหลีใต้". Combined Maritime Forces (CMF). June 18, 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 1, 2014. สืบค้นเมื่อ April 11, 2020.
- ↑ "South Korea passes command of CTF-151 to New Zealand". Combined Maritime Forces (CMF). September 2, 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 14, 2014. สืบค้นเมื่อ April 11, 2020.
- ↑ "พลเรือตรี ปกรณ์ วานิช รับมอบการบังคับบัญชา เป็น ผู้บัญชาการกองเรือเฉพาะกิจผสมที่ 151 (Combined Task Force 151 (CTF 151)". www.navy.mi.th (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "New Zealand passes command of CTF-151 to ไทย". Combined Maritime Forces (CMF). November 25, 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 7, 2014. สืบค้นเมื่อ April 11, 2020.
- ↑ "UKMTO Dubai welcomes the Commander of the Combined Task Force 151". Combined Maritime Forces (CMF). April 23, 2015.
- ↑ "ญี่ปุ่น Makes History as it Takes the Lead of Combined Task Force 151". Combined Maritime Forces (CMF). June 2, 2015.
- ↑ "ตุรกี assumes command of CTF 151 from ญี่ปุ่น". Combined Maritime Forces (CMF). August 27, 2015.
- ↑ "ปากีสถาน assumes command of CTF 151 from ตุรกี". Combined Maritime Forces (CMF). December 21, 2015.
- ↑ "ปากีสถาน handover to สิงคโปร์ at CTF 151 Change of Command Ceremony". Combined Maritime Forces (CMF). April 7, 2016.
- ↑ "Commandant SAFTI MI". www.mindef.gov.sg. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-11. สืบค้นเมื่อ 2024-09-22.
- ↑ "สิงคโปร์ handover to Korea at CTF 151 Change of Command Ceremony". Combined Maritime Forces (CMF). July 7, 2016.
- ↑ "CTF 151 Handover #piracy #maritimesecurityoperations". Combined Maritime Forces (CMF). October 27, 2016.
- ↑ "CTF 151 Change of Command Ceremony". Combined Maritime Forces (CMF). March 9, 2017.
- ↑ "JAPAN HANDS OVER TO TURKEY IN CTF151 CHANGE OF COMMAND CEREMONY". Combined Maritime Forces (CMF). June 29, 2017.
- ↑ "TURKEY HANDS OVER TO BAHRAIN IN CTF 151 CHANGE OF COMMAND CEREMONY". Combined Maritime Forces (CMF). November 2, 2017.
- ↑ "CTF 151 BAHRAIN HANDOVER TO JAPAN". Combined Maritime Forces (CMF). March 1, 2018.
- ↑ "SINGAPORE TAKES COMMAND OF COUNTER PIRACY COMBINED TASK FORCE 151". Combined Maritime Forces (CMF). July 1, 2018.
- ↑ 68.0 68.1 "FIRST TIME CTF 151 AND CTF 152 CONDUCTED A CHANGE OF COMMAND CEREMONY ON THE SAME DAY!". Combined Maritime Forces (CMF). February 25, 2019.
- ↑ "คูเวต Naval Forces hands over to เกาหลีใต้ Navy in CTF 151 Change of Command Ceremony". Combined Maritime Forces (CMF). June 26, 2019.
- ↑ "เกาหลีใต้ Navy hands over command of CTF 151 to คูเวต Naval Force – القوات البحرية للجمهورية الكورية تسلم قيادة قوات الواجب المختلطة -١٥١ للقوات البحرية الكويتية". Combined Maritime Forces (CMF). October 23, 2019.
- ↑ "JAPAN TAKES COMMAND OF COMBINED TASK FORCE 151". Combined Maritime Forces (CMF). February 23, 2020.
- ↑ "ญี่ปุ่น Hands Over Command of CTF 151 to ตุรกี". Combined Maritime Forces (CMF). July 21, 2020.
- ↑ "TURKISH NAVY HANDS OVER TASK FORCE COMMAND TO PAKISTAN". Combined Maritime Forces (CMF). December 18, 2020.
- ↑ "BRAZILIAN NAVY (MARIHNA DO BRASIL) TAKES FIRST COMMAND IN CMF". Combined Maritime Forces (CMF). June 10, 2021.
- ↑ "เกาหลีใต้ Assumes Command of Anti-Piracy Task Force". DVIDS (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "CTF 151: Counter-piracy Website". 17 September 2010.
บรรณานุกรม
[แก้]- McKnight, Terry and Michael Hirsh. Pirate Alley: Commanding Task Force 151 off Somalia. Annapolis, MD : Naval Institute Press, 2012. ISBN 1-61251-134-1 OCLC 785079505
- Newsome, Timothy E. Somali Piracy: Are We Making a Mountain Out of a Molehill? Ft. Belvoir: Defense Technical Information Center, 2009. OCLC 574551215
- Phillips, Richard, and Stephan Talty. A นาวาเอก's Duty: Somali Pirates, Navy Seals, and Dangerous Days at Sea. New York: Hyperion, 2010. ISBN 1-4013-2380-4 OCLC 430843212
- Zogg, Dennis M. Why the U.S. Navy Should Not Be Fighting Piracy Off Somalia. Ft. Belvoir: Defense Technical Information Center, 2009. OCLC 465323456
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- U.S. Navy Hunt for Somali Pirates: Behind the Pirate Code
- CENTCOM: New Counter-Piracy Task Force Established
- Navy creates force devoted to fighting piracy
- CTF-151: Counter-piracy
- Multinational Task Force Targets Pirates
- Arms and Influence at Sea เก็บถาวร 2014-08-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Tag Archive: CTF-151
- Combined Maritime Forces (CMF) Operations Counter Piracy Operations, Challenges, Shortfalls and Lessons Learned
- New Counter-Piracy Task Force Established
- Counter-piracy Mission Off Somalia Remains Problematic เก็บถาวร 2013-12-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- The United States Response to Piracy off the Coast of Somalia
- Combined Task Force 151 hunts down pirates in the Gulf of Aden