กฎหมายจีนดั้งเดิม
กฎหมายจีนดั้งเดิม (จีน: 繁体中文法律; พินอิน: dǔdāngzhōngwénfǎlǜ, ตู่ตังจงเหวินฝ่าลฺวี่; อังกฤษ: traditional Chinese law) หมายถึง บรรดากฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่ใช้บังคับในประเทศจีนนับแต่โบราณกาลมาจนถึง พ.ศ. 2454 อันเป็นปีที่ราชวงศ์ชิงสิ้นสุดลง กฎหมายดั้งเดิมเหล่านี้มีความแตกต่างจากกฎหมายในระบบคอมมอนลอว์ (อังกฤษ: common law system) และระบบซีวิลลอว์ (อังกฤษ: civil law system) อันเป็นระบบกฎหมายสองระบบที่นิยมใช้และมีอิทธิพลมากที่สุดในโลกปัจจุบัน และกฎหมายจีนดั้งเดิมยิ่งต่างไปจากกฎหมายจีนปัจจุบันอย่างถึงที่สุด เนื่องจากกฎหมายจีนดั้งเดิมมีองค์ประกอบสำคัญคือความนิยมกฎหมายและความนิยมลัทธิขงจื้อซึ่งมีอิทธิพลต่อแบบแผนของสังคมและการปกครองของจีนในสมัยโบราณอย่างยิ่ง
ประวัติ
[แก้]พัฒนาการเริ่มแรก
[แก้]ในสังคมยุคเริ่มแรกของจีน ชนชั้นบรรดาศักดิ์จะต้องประพฤติปฏิบัติตาม "กฎแห่งจารีต" (จีน: 禮; พินอิน: lǐ, ลี้) ของตน ส่วนชนชั้นรากหญ้าต้องอยู่ภายในกฎเกณฑ์ที่ชนชั้นบรรดาศักดิ์กำหนดไว้อีกทีหนึ่ง หากฝ่าฝืนจะต้องรับโทษตาม "กฎแห่งโทษทัณฑ์" (จีน: 刑; พินอิน: xíng, ซิ๋ง) หลักการเช่นนี้ถึงแม้จะส่งผลดีต่อการควบคุมประชากรแต่ก็ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างชนชั้นวรรณะต่าง ๆ อย่างยิ่งยวด
ชนชั้นปกครองยุคเริ่มแรกของราชวงศ์โจวซึ่งเป็นราชวงศ์ลำดับที่สามตามประวัติศาสตร์จีนได้ตรากฎหมายหลายฉบับเพื่อรองรับค่านิยมในความเป็นบุตรหัวปี (อังกฤษ: primogeniture) เช่น ค่านิยมเรื่องความกตัญญู โดยกฎหมายฉบับเริ่มแรกที่สุดฉบับหนึ่งของจีนที่เชื่อกันว่าเป็นของแท้ คือ ประมวลพระราชโองการของพระเจ้าโจวอู่หวังที่มีไปถึงเจ้าฟ้าชายพระองค์น้อยสำหรับเป็นแนวทางในการจัดระเบียบศักดินา ชื่อว่า "คังเก้า" (จีน: 康誥; พินอิน: kānggào; "พระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม")
ต่อมาในระหว่างช่วงหกศตวรรษก่อนคริสต์ศาสนา แคว้นต่าง ๆ ที่พากันแยกตัวเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อราชวงศ์โจว ได้จัดทำประมวลกฎหมายอาญาเป็นของตนและจารึกไว้บนกาน้ำสาริดซึ่งหลงเหลือซากมาถึงทุกวันนี้ เช่น ประมวลกฎหมายอย่างน้อยสองฉบับของแคว้นเจิงที่มีอายุราว 536-504 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยฉบับแรกปรากฏบนกาน้ำ และอีกฉบับบนไม้ไผ่ ในจำนวนประมวลกฎหมายที่ตราขึ้น ณ ช่วงนี้ ชุดประมวลกฎหมายแห่งแคว้นเว่ยซึ่งร่างโดยลี้กุย (จีน: 李悝; พินอิน: Lǐ Kuī;; เวด-ไจลส์: Li K'uei) นับว่ามีชื่อเสียงที่สุด การจัดทำประมวลกฎหมายดังกล่าวเป็นกระบวนการที่ชนชั้นปกครองพยายามจะปฏิรูปอำนาจการปกครองของส่วนกลางให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แต่ก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากรัฐบุรุษหลายคน เช่น ขงจื้อ ว่าทำให้ระบบชนชั้นวรรณะเสื่อมลง
ความนิยมกฎหมายในแคว้นฉิน
[แก้]221 ปีก่อนคริสต์ศักราช แคว้นฉินปราบแคว้นทั้งหลายได้แล้วจัดการรวมเข้าเป็นสุวรรณปฐพีอันหนึ่งอันเดียวกัน พร้อมสถาปนาราชวงศ์ฉินขึ้นเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ความสำเร็จของราชวงศ์ฉินในครั้งนี้เป็นผลมาจากการประกาศใช้ประมวลกฎหมายอาญาและประมวลกฎหมายปกครองฉบับเดียวกันทั่วราชอาณาจักรเมื่อ 4 พันปีก่อนคริสต์ศักราช ตามคำแนะนำของรัฐบุรุษชางยาง (จีน: 商鞅; พินอิน: Shāng Yāng; เวด-ไจลส์: Shang Yang) สาระสำคัญเป็นการกำหนดโทษหนักสำหรับผู้ฝ่าฝืนหรือละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ที่รัฐมอบหมายให้ และโทษอื่น ๆ ตามแต่ชั้นความผิด กฎหมายในชั้นนี้ล้วนแต่ได้รับการผลิตขึ้นตามเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ที่มีความนิยมกฎหมาย ซึ่งเจตนารมณ์เช่นนี้เป็นปฏิปักษ์ต่อมโนทัศน์ของลัทธิขงจื้อเกี่ยวกับค่านิยมทางจริยธรรมต่าง ๆ
ฝ่ายนิยมกฎหมาย เช่น นักคิดนักเขียนหันเฟย์ (จีน: 韩非; พินอิน: Hán Fēi; เวด-ไจลส์: Han Fei) นั้นยืนยันว่า ชนชั้นปกครองต้องใช้บทลงโทษอันเฉียบขาดในการดำเนินการปกครอง โดยไม่ต้องคำนึงค่านิยมทางจริยธรรมต่าง ๆ เลย แต่ชนชั้นปกครองต้องจัดให้มีความเสมอภาคกันภายในกฎหมาย และกฎหมายนั้นต้องตราขึ้นโดยมีความชัดเจนเพื่อให้คนทั่วไปอ่านแล้วก็เข้าใจ กับทั้งต้องตราขึ้นโดยเชื่อมโยงกับคนทั่วไปอย่างเหมาะสมด้วย
กฎหมายราชสำนัก
[แก้]ภายหลังจากที่ราชวงศ์ฮั่นเข้าแทนที่ราชวงศ์ฉิน มโนทัศน์ตามความนิยมกฎหมายข้างต้นก็หลงเหลืออยู่อย่างเบาบาง เพราะชนชั้นปกครองต่างสำเหนียกได้ว่า ควรปรับปรุงประมวลกฎหมายอาญาและประมวลกฎหมายปกครองให้มีโครงสร้างเจาะลึกยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้การปกครองแผ่นดินเป็นไปอย่างราบรื่นผ่านการกระจายอำนาจสู่กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ แต่ต้องรับผิดชอบต่อสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์เดียว ซึ่งกฎหมายยังคงได้รับการผลิตภายในมโนทัศน์ที่นิยมกฎหมายที่ว่า กฎหมายจะต้องมีความชัดเจนเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำความเข้าใจ และจะต้องมีการกำหนดโทษสำหรับผู้ละเมิดฝ่าฝืนไม่ว่าได้กระทำโดยความจงใจหรือไม่ แต่ก็รับเอามโนทัศน์ของลัทธิขงจื้อเกี่ยวกับค่านิยมทางจริยธรรมเข้ามาประกอบให้กฎหมายมีความเหมาะสมยิ่งขึ้นด้วย เพราะเหตุที่การปฏิรูปกฎหมายเกิดขึ้นจากราชสำนัก กฎหมายจีนในช่วงนี้จึงได้ชื่อว่า "กฎหมายราชสำนัก" (อังกฤษ: imperial laws)
การตรากฎหมายภายในมโนทัศน์ดังกล่าวดำเนินเรื่อย ๆ ต่อมาในราชวงศ์หลัง ๆ และได้รับการเชิดชูอย่างถึงที่สุดในสมัยราชวงศ์ถัง ซึ่งมีการประสานมโนทัศน์ตามความนิยมกฎหมายและตามลัทธิขงจื้อซึ่งนิยมจริยธรรมเข้าด้วยกัน และผลิตออกมาเป็น "ประมวลกฎหมายราชวงศ์ถัง" (จีน: 唐律; พินอิน: Táng lǜ, ถังลู้) อันประกาศใช้เมื่อ พ.ศ. 1167 โดยพระเจ้าถังเกาจู่ ปฐมฮ่องเต้ราชวงศ์ถัง ประมวลกฎหมายราชวงศ์ถังนี้เป็นถือว่าแบบอย่างในเรื่องการใช้ถ้อยคำที่ชัดเจนและโครงสร้างอันเป็นระบบระเบียบ เนื่องจากร่างขึ้นโดยมีประมวลกฎหมายแห่งราชวงศ์โจวตะวันออก (พินอิน: , เป่ย์โจวลู้) เป็นแม่แบบ ซึ่งประมวลกฎหมายแห่งราชวงศ์โจวเหนือนี้ก็ร่างขึ้นโดยมีประมวลกฎหมายที่เคยประกาศใช้มาแล้วเป็นแม่แบบเช่นกัน คือ ประมวลกฎหมายแห่งวุยก๊ก และประมวลกฎหมายแห่งราชวงศ์จิ้นตะวันตก กระนั้น มโนทัศน์ตามลัทธิขงจื้อก็ยังไม่มีอิทธิพลต่อการผลิตกฎหมายควบคุมความสงบเรียบร้อยของสังคมมากนัก
นอกจากนี้ ในปลายสมัยราชวงศ์โฮ่วจิ้น พ.ศ. 1488 รัฐบาลจีนยังจัดให้มีการประมวลคตินิยมของจีนเท่าที่มีมาในประวัติศาสตร์ โดยปรากฏว่ามีการกล่าวถึงโทษและกฎหมายในบทสุดท้ายแห่งประมวลคตินิยมดังกล่าวอีกด้วย ตามลำดับดังนี้ เจ็ดบทแรกว่าด้วยเรื่องพิธีกรรม, ต่อมาเป็นบทที่ว่าด้วยเรื่องสุนทรียศาสตร์จำนวนสี่บท, ว่าด้วยปฏิทินจำนวนสามบท, ว่าด้วยดาราศาสตร์และโหราศาสตร์จำนวนสองบท, ว่าด้วยศาสตร์ทางฟิสิกส์จำนวนหนึ่งบท, ว่าด้วยภูมิศาสตร์จำนวนสี่บท, ว่าด้วยลำดับชั้นบังคับบัญชาจำนวนสามบท, ว่าด้วยการคมนาคมและการแต่งกายจำนวนหนึ่งบท, ว่าด้วยพระสูตรและปกรณ์ต่าง ๆ จำนวนสองบท, ว่าด้วยโภคภัณฑ์จำนวนสองบท และปิดท้ายด้วยบทว่าด้วยโทษและกฎหมายจำนวนหนึ่งบท
ประมวลพิธีกรรมตามลัทธิขงจื้อ แม้มิใช่กฎหมาย แต่ก็จัดทำขึ้นภายในความคาดหวังให้เป็นที่ควบคุมพฤติกรรมประชาชนให้มีอารยธรรมแล้ว ซึ่งตามมโนทัศน์ของลัทธินี้แล้วเห็นว่า หลักนิติธรรมควรนำมาใช้แก่ผู้มีพฤติกรรมนอกขอบเขตของอารยธรรมแล้วเท่านั้น บุคคลที่ได้ชื่อว่ามีอารยธรรมมีหน้าที่ปฏิบัติตามพิธีกรรมโดยสมควร และโดยที่ลัทธิขงจื้อให้ความสำคัญเรื่องชนชั้นวรรณะ จึงมีความเห็นอีกว่ากฎหมายนั้นมีไว้สำหรับควบคุมพฤติกรรมของชนชั้นจัณฑาลหรือบุคคลสังคมรังเกียจเท่านั้น ทางลัทธิยังเห็นว่าหลักนิติธรรมเป็นจุดเริ่มต้นของคนป่าคนดอยไร้อารยธรรม เมื่อเขาเหล่านั้นเข้ามาปฏิบัติพิธีกรรมตามลัทธิขงจื้อแล้วจึงจะชื่อว่ามีอารยธรรม ตามมโนทัศน์ของลัทธินี้ ความถูกกฎหมายจึงไม่จำเป็นจะต้องถูกต้องตามจริยธรรมหรือมีความยุติธรรม
ภายในการกำกับดูแลของฟางซวนหลิง () รัฐมนตรีแห่งราชวงศ์ถังผู้นิยมลัทธิขงจื้อ กฎหมายโบราณที่มีกว่าห้าร้อยมาตราก็ได้รับการประมวลเและตราเป็น "ประมวลกฎหมายราชวงศ์ถัง" อย่างลุล่วงเรียบร้อย โดยประมวลกฎหมายนี้ประกอบด้วย 12 ภาค ดังต่อไปนี้
- ภาค 1 - บทอธิบายศัพท์
- ภาค 2 - ความมั่นคงและข้อห้าม
- ภาค 3 - ตำแหน่งและการสืบทอดตำแหน่ง
- ภาค 4 - กิจการในครอบครัวและการสมรส
- ภาค 5 - การปศุสัตว์และการคลังสินค้า
- ภาค 6 - การตรวจสอบการใช้อำนาจหน้าที่ของรัฐและการเลื่อนตำแหน่ง
- ภาค 7 - การลักทรัพย์และการปล้นทรัพย์
- ภาค 8 - การฟ้องร้องและการต่อสู้คดี
- ภาค 9 - การลวงและการปลอม
- ภาค 10 - ปกิณกบท
- ภาค 11 - การจับกุมและการหลบหนีการจับกุม
- ภาค 12 - การตัดสินดคีและการจำคุก
ตามประมวลกฎหมายถังแล้ว กำหนดโทษทางอาญาไว้ห้าสถาน ดังต่อไปนี้
- การโบย
- การเฆี่ยน
- การจำคุก
- การเนรเทศ
- การประหารชีวิต
นอกจากนี้ยังมีการกำหนด "ข้อพิจารณาแปดประการ" เพื่อเป็นเหตุสำหรับปลี่ยนโทษหนักเป็นเบาด้วย ดังต่อไปนี้
- ความสัมพันธ์ทางสาโลหิต
- มูลเหตุชักจูงใจในการกระทำความผิด
- ความมีศีลธรรมของผู้กระทำความผิด
- ความสามารถของผู้กระทำความผิด
- คุณงามความดีแต่หนหลังของผู้กระทำความผิด
- บรรดาศักดิ์
- มิตรภาพ
- ความขยันหมั่นเพียนเอาการเอางานของผู้กระทำความผิด
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ประเภท
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
กฎหมายอาญา
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
กฎหมายปกครอง
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
กฎหมายแพ่ง
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
วิธีพิจารณาความ
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ศีลธรรมกับกฎหมาย
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
นิติวิธี
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ลักษณะเฉพาะ
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
หนังสืออ่านเพิ่มเติม
[แก้]ทั่วไป
[แก้]- Bodde, Derk, "Basic concepts of Chinese law: The genesis and evolution of legal thought in traditional China," Essays on Chinese civilisation, ed. Charles Le Blanc and Dorothy Borei. Princeton: Princeton University Press, 1981.
- Ch'ü T'ung-tsu, Law and society in traditional China. Paris and The Hague: Mouton, 1961.
- Escarra, Jean. Le droit chinois: Conception et evolution. Institutions legislatives et judicaires. Science et enseignement. Pekin: Henri Veitch, 1936.
- Huang, Philip, Civil Justice in China: Representation and Practice in the Qing Stanford, California, Stanford University Press, 1996.
กฎหมายจีนช่วงแรก
[แก้]- Hulsewé, Anthony F. P. "The Legalist and the laws of Ch'in," Leyden studies in Sinology, ed. W. L. Idema. Leiden: E. J. Brill, 1981.
- Hulsewé, Anthony F. P. Remnants of Han Law. Vol. 1. Leiden: E.J. Brill, 1955
- Hulsewé, Anthony F. P. Remnants of Ch'in Law: An annotated translation of the Ch'in legal and administrative rules of the 3rd century B.C. discovered in Yünmeng Prefecture, Hu-pei Province in 1975. Vol. 1. Leiden: E.J. Brill, 1985
- Uchida Tomoo (內田智雄), Kanjo keishō shi (漢書刑法志). Kyoto: Dōshishia University, 1958.
บันเทิงคดี
[แก้]- Van Gulik, Robert. Celebrated Cases of Judge Dee. New York: Dover Publications, 1976.