ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วิตามินซี"
แปลจาวิกีอังกฤษ + บทความเดิม (โดยเปลี่ยนสำนวน ทิ้งข้อมูลเก่า ใส่ข้อมูลเดิมบางอย่างไว้ในเชิงอรรถ ย้ายรายละเอียดที่เคยอยู่ที่ต้นบทความไปไว้ในส่วนอื่น แก้ข้อมูลผิด) |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 101: | บรรทัด 101: | ||
กรดแอสคอร์บิกใช้เป็นสารปรุงแต่งอาหารอย่างกว้างขวางเพื่อป้องกัน[[ออกซิเดชัน]] |
กรดแอสคอร์บิกใช้เป็นสารปรุงแต่งอาหารอย่างกว้างขวางเพื่อป้องกัน[[ออกซิเดชัน]] |
||
== ชีววิทยา == |
|||
=== ความสำคัญ === |
|||
วิตามินซีเป็น[[สารอาหาร]]จำเป็นสำหรับสัตว์บางอย่างรวมทั้ง[[มนุษย์]] |
|||
คำว่า ''วิตามินซี'' รวมเอา[[สารประกอบ]]ทางเคมีที่ทั่วไปมีโครงสร้างคล้ายกันหลายชนิดที่เรียกว่า vitamer มีฤทธิ์วิตามินซีในร่างกายสัตว์ ซึ่งรวมกรดแอสคอร์บิกและเกลือของมัน |
|||
[[เกลือ]]แอสคอร์เบต ดังเช่น โซเดียมแอสคอร์เบต (sodium ascorbate) และแคลเซียมแอสคอร์เบต (calcium ascorbate) มักใช้ในอาหารเสริม |
|||
ซึ่งสลายเป็นแอสคอร์เบตเมื่อย่อย |
|||
ทั้งแอสคอร์เบตและกรดแอสคอร์บิกมีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกาย เพราะทั้งสองแปลงรูปเป็นกันและกันได้แล้วแต่[[ความเป็นกรด]] (pH) |
|||
ส่วนรูปแบบโมเลกุลที่ออกซิไดซ์ เช่น กรดดีไฮโดรแอสคอร์บิก ({{abbr |DHA| dehydroascorbic acid }}) สามารถเปลี่ยนกลับเป็นกรดแอสคอร์บิกด้วยตัวรีดิวซ์ (reducing agent)<ref name=DRItext2000 /> |
|||
วิตามินซีเป็น[[โคแฟกเตอร์]]ในปฏิกิริยาอาศัยเอนไซม์ในสัตว์ (และมนุษย์) ซึ่งอำนวยกิจทางชีววิทยาที่จำเป็นหลายอย่างรวมทั้งการสมานแผล การป้องกันเลือดออกจาก[[หลอดเลือดฝอย] และการสังเคราะห์[[คอลลาเจน]] |
|||
ในมนุษย์ การขาดวิตามินซีทำให้การสังเคราะห์[[คอลลาเจน]]บกพร่อง ซึ่งทำให้อาการโรคลักปิดลักเปิดหนักขึ้น<ref name="DRItext2000" /> |
|||
บทบาททางเคมีชีวภาพของวิตามินซีอีกอย่างก็คือเป็น[[สารต้านอนุมูลอิสระ]] (คือเป็นตัวรีดิวซ์) โดยจ่าย[[อิเล็กตรอน]]แก่[[ปฏิกิริยาเคมี]]ทั้งที่อาศัยเอนไซม์และไม่อาศัยเอนไซม์หลายอย่าง<ref name=DRItext2000 /> |
|||
แล้วเปลี่ยนสภาพเป็นแบบออกซิไดซ์ โดยอาจเป็นกรดเซมิดีไฮโดรแอสคอร์บิก (semidehydroascorbic acid) หรือกรดดีไฮโดรแอสคอร์บิก |
|||
ซึ่งสามารถรีดีวซ์ให้กลับคืนสภาพเดิมด้วยกลไกอาศัยเอนไซม์โดยใช้[[กลูตาไธโอน]]และ [[NADPH]] เป็น[[เมแทบอไลต์]]<ref name="pmid8144521"> |
|||
{{cite journal | author = Meister, A | title = Glutathione-ascorbic acid antioxidant system in animals | journal = J. Biol. Chem. | volume = 269 | issue = 13 | pages = 9397-9400 | date = April 1994 | pmid = 8144521 | url = http://www.jbc.org/content/269/13/9397.full.pdf+html | deadurl = no | archiveurl = https://web.archive.org/web/20150811212232/http://www.jbc.org/content/269/13/9397.full.pdf+html | archivedate = 2015-08-11 }}</ref><ref name="isbn1-4377-0959-1"> |
|||
{{cite book | editors = Caudill, MA; Rogers, M | title = Biochemical, Physiological, and Molecular Aspects of Human Nutrition | edition = 3 | publisher = Saunders | location = Philadelphia | year = 2012 | pages = 627-654 | isbn = 978-1-4377-0959-9 | chapter = Vitamin C | authors = Michels, A; Frei, B }}</ref><ref name="Gropper_2005"> |
|||
{{cite book | authors = Gropper, SS; Smith, JL; Grodd, JL | title = Advanced nutrition and human metabolism | publisher = Thomson Wadsworth | location = Belmont, CA | year = 2005 | pages = 260-275 | isbn = 978-0-534-55986-1 }}</ref> |
|||
ใน[[พืช]] วิตามินซีเป็น[[ซับสเตรต]]สำหรับแอสคอร์เบตเพอร์ออกซิเดส (ascorbate peroxidase) |
|||
เอนไซม์นี้ใช้แอสคอร์เบตเพื่อสลาย[[ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์]] (H<sub>2</sub>O<sub>2</sub>) ที่เป็นพิษให้เป็น[[น้ำ]] (H<sub>2</sub>O)<ref name=lpi2018 /><ref> |
|||
{{cite book | editor1-first = Naser A. | editor1-last = Anjum | editor2-first = Shahid | editor2-last = Umar | editor3-first = Ming-Tsair | editor3-last = Chan | date = 2010-09-13 | title = Ascorbate-Glutathione Pathway and Stress Tolerance in Plants | publisher = Springer | page = 324 | url = https://books.google.com/books?id=HUgvF_9EwHcC&pg=PA324 | access-date = 2017-08-03 | isbn = 978-9-048-19403-2 | deadurl = no | archiveurl = https://web.archive.org/web/20171105201705/https://books.google.com/books?id=HUgvF_9EwHcC&pg=PA324 | archivedate = 2017-11-05 }}</ref> |
|||
=== การขาด === |
|||
{{บทความหลัก |โรคลักปิดลักเปิด}} |
|||
[[โรคลักปิดลักเปิด]]มีเหตุจากการขาดวิตามินซี เพราะเมื่อไม่มีวิตามิน [[คอลลาเจน]]ที่ร่างกายผลิตจะไม่เสถียรพอเพื่อใช้งาน<ref name=lpi2018 /> |
|||
โรคทำให้มีจุดน้ำตาลบน[[ผิวหนัง]] เหงือกยุ่ย และ[[เลือด]]ออกตาม[[เยื่อเมือก]] |
|||
จุดดังว่าเกิดมากสุดที่ขา คนไข้จะดูซีด [[ซึมเศร้า]] และอ่อนล้า |
|||
ถ้าเป็นมาก แผลจะไม่ค่อยหาย ฟันร่วง จนถึงเสียชีวิตได้ |
|||
ร่างกายมนุษย์สามารถเก็บสะสมวิตามินซีเป็นปริมาณจำกัดเท่านั้น<ref name=Medline>{{Cite web | url = https://medlineplus.gov/ency/article/002404.htm | title = Vitamin C: MedlinePlus Medical Encyclopedia | website = medlineplus.gov | access-date = 2016-07-23 | deadurl = yes | archiveurl = https://web.archive.org/web/20160728013605/https://medlineplus.gov/ency/article/002404.htm | archivedate = 2016-07-28 }}</ref> |
|||
ดังนั้น ก็จะหมดไปถ้าไม่ได้เพิ่ม |
|||
แต่การปรากฏอาการของผู้ใหญ่ที่ไม่ขาดวิตามินแล้วทานอาหารที่ไม่มีวิตามินซีเลย อาจกินเวลาตั้งแต่เดือนหนึ่งจนถึงมากกว่า {{nowrap |6 เดือน}}ขึ้นอยู่กับปริมาณวิตามินซีสะสมก่อนหน้านี้<ref name="pmid4977512" /><ref name="pmid16510534" /> |
|||
มีงานศึกษาเด่นที่ทดลองก่อโรคใน[[ผู้คัดค้านโดยอ้างมโนธรรม|ผู้ปฏิเสธไม่ยอมเป็นทหารโดยอ้างมโนธรรม]]ใน[[ประเทศอังกฤษ]]ช่วง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] และในนักโทษ[[รัฐไอโอวา]] ([[สหรัฐ]]) ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1960 จนถึง 1980 |
|||
งานศึกษาทั้งสองพบว่า อาการโรคลักปิดลักเปิดต่าง ๆ ที่ปรากฏเพราะทานอาหารที่มีวิตามินซีน้อยมากสามารถแก้ได้ทั้งหมดโดยเสริมวิตามินซีเพียงแค่ {{nowrap |10 [[มก.]]/วัน}} |
|||
ในงานทดลองเหล่านี้ ไม่มีความแตกต่างทางคลินิกระหว่างชายที่ได้วิตามิน {{nowrap |70 [[มก.]]/วัน}} (ซึ่งทำให้มีความเข้มข้นวิตามินในเลือด {{nowrap |0.55 มก./ดล.}} อันเป็น {{nowrap |1/3 ของ}}ระดับอิ่มตัวในเนื้อเยื่อโดยประมาณ) กับชายที่ได้ {{nowrap |10 มก./วัน}} |
|||
นักโทษในงานศึกษาเกิดอาการโรคประมาณ {{nowrap |4 สัปดาห์}}หลังเริ่มทานอาหารปลอดวิตามินซี เทียบกับงานศึกษาในอังกฤษที่ต้องใช้เวลา {{nowrap |6-8 เดือน}}โดยน่าจะเป็นเพราะการเร่งให้ทานอาหารเสริมขนาด {{nowrap |70 [[มก.]]/วัน}}เป็นเวลา {{nowrap |6 สัปดาห์}}ก่อนให้ทานอาหารขาดวิตามิน<ref name="pmid4977512" /><ref name="pmid16510534">{{cite journal | authors = Pemberton, J | title = Medical experiments carried out in Sheffield on conscientious objectors to military service during the 1939-45 war | journal = International Journal of Epidemiology | volume = 35 | issue = 3 | pages = 556-8 | date = June 2006 | pmid = 16510534 | doi = 10.1093/ije/dyl020 }}</ref> |
|||
ชายในงานทั้งสองที่ทานอาหารเกือบไร้วิตามิน มีวิตามินซีในเลือดต่ำกว่าที่จะวัดได้อย่างแม่นยำเมื่อเริ่มเกิดอาการโรค ในนักโทษรัฐไอโอวา ได้ประเมิน (โดยวิธี labeled vitamin C dilution) ในช่วงนี้ว่า มีปริมาณสะสมในร่างกายน้อยกว่า {{nowrap |300 มก.}} โดยใช้วันละเพียงแค่ 2.5 มก. เพราะทั้งหมดจะหมดไปเมื่อถึง {{nowrap |4 เดือน}} จึงแสดงนัยว่ามี[[ครึ่งชีวิต]]ที่ {{nowrap |83 วัน}}<ref name="pmid4977512">{{cite journal | authors = Hodges, RE; Baker, EM; Hood, J; Sauberlich, HE; March, SC | title = Experimental scurvy in man | journal = The American Journal of Clinical Nutrition | volume = 22 | issue = 5 | pages = 535-48 | date = May 1969 | pmid = 4977512 | doi = 10.1093/ajcn/22.5.535}}</ref> |
|||
== เชิงอรรถ == |
== เชิงอรรถ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:48, 12 กันยายน 2562
ข้อมูลทางคลินิก | |
---|---|
ชื่ออื่น | l-ascorbic acid, กรดแอสคอร์บิก, แอสคอร์เบต |
AHFS/Drugs.com | โมโนกราฟ |
MedlinePlus | a682583 |
ระดับความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ |
|
ช่องทางการรับยา | ทางปาก ฉีดที่กล้ามเนื้อ ให้ทางเส้นเลือด ฉีดใต้ผิวหนัง |
รหัส ATC | |
กฏหมาย | |
สถานะตามกฏหมาย |
|
ข้อมูลเภสัชจลนศาสตร์ | |
ชีวประสิทธิผล | รวดเร็วและสมบูรณ์ |
การจับกับโปรตีน | น้อยมาก |
ครึ่งชีวิตทางชีวภาพ | ต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นในเลือด |
การขับออก | ไต |
ตัวบ่งชี้ | |
| |
เลขทะเบียน CAS | |
PubChem CID | |
IUPHAR/BPS | |
DrugBank | |
ChemSpider | |
UNII | |
KEGG | |
ChEBI | |
ChEMBL | |
NIAID ChemDB | |
E number | E300 (antioxidants, ...) |
ECHA InfoCard | 100.000.061 |
ข้อมูลทางกายภาพและเคมี | |
สูตร | C6H8O6 |
มวลต่อโมล | 176.12 g·mol−1 |
แบบจำลอง 3D (JSmol) | |
ความหนาแน่น | 1.694 g/cm3 |
จุดหลอมเหลว | 190–192 องศาเซลเซียส (374–378 องศาฟาเรนไฮต์) (บางส่วนจะสลายไป)[1] |
จุดเดือด | 553 องศาเซลเซียส (1,027 องศาฟาเรนไฮต์) |
| |
| |
(verify) | |
วิตามินซี หรือ กรดแอสคอร์บิก หรือ l-ascorbic acid (กรดแอล-แอสคอร์บิก) หรือ แอสคอร์เบต (อังกฤษ: ascorbate เป็นแอนไอออน [anion] ของกรดแอสคอร์บิก) เป็นวิตามินที่พบในอาหารและอาหารเสริมต่าง ๆ[2] ใช้ป้องกันและรักษาโรคลักปิดลักเปิด[2] เป็นสารอาหารจำเป็นที่ใช้ซ่อมแซมเนื้อเยื่อและผลิตสารสื่อประสาทบางอย่างโดยอาศัยเอนไซม์[2][3] จำเป็นในการทำงานของเอนไซม์หลายอย่างและสำคัญต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน[3][4] และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระด้วย[5] เป็นสารอาหารจำเป็นสำหรับมนุษย์และสัตว์อื่นบางชนิด เป็นวิตามินที่ละลายน้ำได้[6] แอสคอร์เบตจำเป็นในเมแทบอลิซึมของสัตว์และพืชทุกชนิด สิ่งมีชีวิตแทบทุกชนิดสามารถสังเคราะห์ได้ ที่สังเคราะห์ไม่ได้ต้องได้จากอาหาร
หลักฐานจนถึงปี 2016 ไม่สนับสนุนให้ใช้ป้องกันโรคหวัดธรรมดา[5][7] แต่มีหลักฐานว่าการใช้เป็นประจำทำให้หายหวัดเร็วขึ้น[8] ไม่ชัดเจนว่าการกินเป็นอาหารเสริมมีผลต่อความเสี่ยงโรคมะเร็ง โรคระบบหัวใจหลอดเลือด และภาวะสมองเสื่อม[9][10] อาจใช้กินหรือฉีด[2]
วิตามินซีโดยมากมีผลข้างเคียงน้อย[2] แต่ถ้ากินมากอาจทำให้ไม่สบายท้อง ปวดท้อง รบกวนการนอน และทำให้หน้าแดง[2][7] ขนาดปกติปลอดภัยเมื่อตั้งครรภ์[11] แพทยศาสตรบัณฑิตยสถานแห่งชาติสหรัฐ (NAM[A]) แนะนำไม่ให้กินเป็นปริมาณมาก ๆ[3]
วิตามินซีค้นพบในปี 1912 แล้วแยกต่างหากในปี 1928 เป็นวิตามินชนิดแรกที่ผลิตโดยสังเคราะห์ทางเคมีในปี 1933[12] มันอยู่ในรายการยาจำเป็นขององค์การอนามัยโลก เพราะเป็นยาที่มีประสิทธิภาพดีสุดและปลอดภัยซึ่งจำเป็นในระบบสาธารณสุข[13] เป็นยาสามัญที่ไม่แพงและซื้อได้เอง[2][14][15] ในปี 1937 นักเคมีชาวฮังการีอัลเบิร์ต เซนต์จอจี (Albert Szent-Györgyi) ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ และนักเคมีชาวอังกฤษ (Norman Haworth) ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีส่วนหนึ่งก็เพราะค้นพบวิตามินซี[16][17] อาหารที่มีรวมทั้งผลไม้สกุลส้ม กีวี บรอกโคลี กะหล่ำดาว พริกหยวก และสตรอว์เบอร์รี[5] การเก็บไว้หรือหุงต้มนาน ๆ อาจลดวิตามินซีในอาหาร[5]
กรดแอสคอร์บิกใช้เป็นสารปรุงแต่งอาหารอย่างกว้างขวางเพื่อป้องกันออกซิเดชัน
ชีววิทยา
ความสำคัญ
วิตามินซีเป็นสารอาหารจำเป็นสำหรับสัตว์บางอย่างรวมทั้งมนุษย์ คำว่า วิตามินซี รวมเอาสารประกอบทางเคมีที่ทั่วไปมีโครงสร้างคล้ายกันหลายชนิดที่เรียกว่า vitamer มีฤทธิ์วิตามินซีในร่างกายสัตว์ ซึ่งรวมกรดแอสคอร์บิกและเกลือของมัน เกลือแอสคอร์เบต ดังเช่น โซเดียมแอสคอร์เบต (sodium ascorbate) และแคลเซียมแอสคอร์เบต (calcium ascorbate) มักใช้ในอาหารเสริม ซึ่งสลายเป็นแอสคอร์เบตเมื่อย่อย ทั้งแอสคอร์เบตและกรดแอสคอร์บิกมีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกาย เพราะทั้งสองแปลงรูปเป็นกันและกันได้แล้วแต่ความเป็นกรด (pH) ส่วนรูปแบบโมเลกุลที่ออกซิไดซ์ เช่น กรดดีไฮโดรแอสคอร์บิก (DHA) สามารถเปลี่ยนกลับเป็นกรดแอสคอร์บิกด้วยตัวรีดิวซ์ (reducing agent)[3]
วิตามินซีเป็นโคแฟกเตอร์ในปฏิกิริยาอาศัยเอนไซม์ในสัตว์ (และมนุษย์) ซึ่งอำนวยกิจทางชีววิทยาที่จำเป็นหลายอย่างรวมทั้งการสมานแผล การป้องกันเลือดออกจาก[[หลอดเลือดฝอย] และการสังเคราะห์คอลลาเจน ในมนุษย์ การขาดวิตามินซีทำให้การสังเคราะห์คอลลาเจนบกพร่อง ซึ่งทำให้อาการโรคลักปิดลักเปิดหนักขึ้น[3] บทบาททางเคมีชีวภาพของวิตามินซีอีกอย่างก็คือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (คือเป็นตัวรีดิวซ์) โดยจ่ายอิเล็กตรอนแก่ปฏิกิริยาเคมีทั้งที่อาศัยเอนไซม์และไม่อาศัยเอนไซม์หลายอย่าง[3] แล้วเปลี่ยนสภาพเป็นแบบออกซิไดซ์ โดยอาจเป็นกรดเซมิดีไฮโดรแอสคอร์บิก (semidehydroascorbic acid) หรือกรดดีไฮโดรแอสคอร์บิก ซึ่งสามารถรีดีวซ์ให้กลับคืนสภาพเดิมด้วยกลไกอาศัยเอนไซม์โดยใช้กลูตาไธโอนและ NADPH เป็นเมแทบอไลต์[18][19][20]
ในพืช วิตามินซีเป็นซับสเตรตสำหรับแอสคอร์เบตเพอร์ออกซิเดส (ascorbate peroxidase) เอนไซม์นี้ใช้แอสคอร์เบตเพื่อสลายไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ (H2O2) ที่เป็นพิษให้เป็นน้ำ (H2O)[4][21]
การขาด
โรคลักปิดลักเปิดมีเหตุจากการขาดวิตามินซี เพราะเมื่อไม่มีวิตามิน คอลลาเจนที่ร่างกายผลิตจะไม่เสถียรพอเพื่อใช้งาน[4] โรคทำให้มีจุดน้ำตาลบนผิวหนัง เหงือกยุ่ย และเลือดออกตามเยื่อเมือก จุดดังว่าเกิดมากสุดที่ขา คนไข้จะดูซีด ซึมเศร้า และอ่อนล้า ถ้าเป็นมาก แผลจะไม่ค่อยหาย ฟันร่วง จนถึงเสียชีวิตได้ ร่างกายมนุษย์สามารถเก็บสะสมวิตามินซีเป็นปริมาณจำกัดเท่านั้น[22] ดังนั้น ก็จะหมดไปถ้าไม่ได้เพิ่ม แต่การปรากฏอาการของผู้ใหญ่ที่ไม่ขาดวิตามินแล้วทานอาหารที่ไม่มีวิตามินซีเลย อาจกินเวลาตั้งแต่เดือนหนึ่งจนถึงมากกว่า 6 เดือนขึ้นอยู่กับปริมาณวิตามินซีสะสมก่อนหน้านี้[23][24]
มีงานศึกษาเด่นที่ทดลองก่อโรคในผู้ปฏิเสธไม่ยอมเป็นทหารโดยอ้างมโนธรรมในประเทศอังกฤษช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และในนักโทษรัฐไอโอวา (สหรัฐ) ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1960 จนถึง 1980 งานศึกษาทั้งสองพบว่า อาการโรคลักปิดลักเปิดต่าง ๆ ที่ปรากฏเพราะทานอาหารที่มีวิตามินซีน้อยมากสามารถแก้ได้ทั้งหมดโดยเสริมวิตามินซีเพียงแค่ 10 มก./วัน ในงานทดลองเหล่านี้ ไม่มีความแตกต่างทางคลินิกระหว่างชายที่ได้วิตามิน 70 มก./วัน (ซึ่งทำให้มีความเข้มข้นวิตามินในเลือด 0.55 มก./ดล. อันเป็น 1/3 ของระดับอิ่มตัวในเนื้อเยื่อโดยประมาณ) กับชายที่ได้ 10 มก./วัน นักโทษในงานศึกษาเกิดอาการโรคประมาณ 4 สัปดาห์หลังเริ่มทานอาหารปลอดวิตามินซี เทียบกับงานศึกษาในอังกฤษที่ต้องใช้เวลา 6-8 เดือนโดยน่าจะเป็นเพราะการเร่งให้ทานอาหารเสริมขนาด 70 มก./วันเป็นเวลา 6 สัปดาห์ก่อนให้ทานอาหารขาดวิตามิน[23][24]
ชายในงานทั้งสองที่ทานอาหารเกือบไร้วิตามิน มีวิตามินซีในเลือดต่ำกว่าที่จะวัดได้อย่างแม่นยำเมื่อเริ่มเกิดอาการโรค ในนักโทษรัฐไอโอวา ได้ประเมิน (โดยวิธี labeled vitamin C dilution) ในช่วงนี้ว่า มีปริมาณสะสมในร่างกายน้อยกว่า 300 มก. โดยใช้วันละเพียงแค่ 2.5 มก. เพราะทั้งหมดจะหมดไปเมื่อถึง 4 เดือน จึงแสดงนัยว่ามีครึ่งชีวิตที่ 83 วัน[23]
เชิงอรรถ
- ↑ เป็นส่วนของ National Academies of Sciences, Engineering, and Medicine โดยแบ่งเป็น
- วิทยาศาสตรบัณฑิตยสถานแห่งชาติสหรัฐ (NAS)
- วิศวกรรมศาสตรบัณฑิตยสถานแห่งชาติสหรัฐ (NAE)
- แพทยศาสตรบัณฑิตยสถานแห่งชาติสหรัฐ (NAM)
อ้างอิง
- ↑ Merck Index, 14th ed.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 "Ascorbic Acid". The American Society of Health-System Pharmacists. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-12-30. สืบค้นเมื่อ 2016-12-08.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 "Vitamin C". Dietary Reference Intakes for Vitamin C, Vitamin E, Selenium, and Carotenoids. Washington, DC: The National Academies Press. 2000. pp. 95–185. ISBN 978-0-309-06935-9. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-09-02. สืบค้นเมื่อ 2017-09-01.
{{cite book}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) มีข้อความต่าง ๆ รวมทั้ง- "Reports of kidney stone formation associated with excess ascorbic acid intake are limited to individuals with renal disease".
- "data from epidemiological studies do not support an association between excess ascorbic acid intake and kidney stone formation in apparently healthy individuals"
- ↑ 4.0 4.1 4.2 "Vitamin C". Micronutrient Information Center, Linus Pauling Institute, Oregon State University, Corvallis, OR. 2018-07-01. สืบค้นเมื่อ 2019-06-19.
- ↑ 5.0 5.1 5.2 5.3
"Fact Sheet for Health Professionals - Vitamin C". Office of Dietary Supplements, US National Institutes of Health. 2016-02-11. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-07-30.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑ "สารอาหารประเภทวิตามิน". siripansiri.wordpress.com. สืบค้นเมื่อ 2016-04-17.
{{cite web}}
: Cite ไม่รู้จักพารามิเตอร์ว่างเปล่า :|deadurl=
(help) - ↑ 7.0 7.1
WHO Model Formulary 2008 (PDF). World Health Organization. 2009. p. 496. ISBN 9789241547659. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-12-13. สืบค้นเมื่อ 2016-12-08.
{{cite book}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑ Hemilä, H; Chalker, E (January 2013). "Vitamin C for preventing and treating the common cold". The Cochrane Database of Systematic Reviews (1): CD000980. doi:10.1002/14651858.CD000980.pub4. PMC 1160577. PMID 23440782.
{{cite journal}}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์) - ↑
Ye, Y; Li, J; Yuan, Z (2013). "Effect of antioxidant vitamin supplementation on cardiovascular outcomes: a meta-analysis of randomized controlled trials". PLOS ONE. 8 (2): e56803. Bibcode:2013PLoSO...856803Y. doi:10.1371/journal.pone.0056803. PMC 3577664. PMID 23437244.
{{cite journal}}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์) - ↑
Duerbeck, NB; Dowling, DD; Duerbeck, JM (March 2016). "Vitamin C: Promises Not Kept". Obstetrical & Gynecological Survey. 71 (3): 187–93. doi:10.1097/OGX.0000000000000289. PMID 26987583.
{{cite journal}}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์) - ↑ "Ascorbic acid Use During Pregnancy". Drugs.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-12-31. สืบค้นเมื่อ 2016-12-30.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑ Squires, Victor R. (2011). The Role of Food, Agriculture, Forestry and Fisheries in Human Nutrition - Volume IV. EOLSS Publications. p. 121. ISBN 9781848261952.
- ↑ "WHO Model List of Essential Medicines (19th List)" (PDF). World Health Organization. April 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-12-13. สืบค้นเมื่อ 2016-12-08.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑ British national formulary : BNF 76 (76 ed.). Pharmaceutical Press. 2018. p. 1049. ISBN 9780857113382.
- ↑
"International Drug Price Indicator Guide. Vitamin C: Supplier Prices". Management Sciences for Health, Arlington, VA. 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-03-23. สืบค้นเมื่อ 2017-03-22.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑
"The Nobel Prize in Physiology or Medicine 1937". Nobel Media AB. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-11-05. สืบค้นเมื่อ 2014-11-20.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑
Zetterström, R (May 2009). "Nobel Prize 1937 to Albert von Szent-Györgyi: identification of vitamin C as the anti-scorbutic factor". Acta Paediatrica. 98 (5): 915–9. doi:10.1111/j.1651-2227.2009.01239.x. PMID 19239412.
{{cite journal}}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์) - ↑
Meister, A (April 1994). "Glutathione-ascorbic acid antioxidant system in animals". J. Biol. Chem. 269 (13): 9397–9400. PMID 8144521. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-08-11.
{{cite journal}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑
Michels, A; Frei, B (2012). "Vitamin C". Biochemical, Physiological, and Molecular Aspects of Human Nutrition (3 ed.). Philadelphia: Saunders. pp. 627–654. ISBN 978-1-4377-0959-9.
{{cite book}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|editors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|editor=
) (help)CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์) - ↑
Gropper, SS; Smith, JL; Grodd, JL (2005). Advanced nutrition and human metabolism. Belmont, CA: Thomson Wadsworth. pp. 260–275. ISBN 978-0-534-55986-1.
{{cite book}}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์) - ↑
Anjum, Naser A.; Umar, Shahid; Chan, Ming-Tsair, บ.ก. (2010-09-13). Ascorbate-Glutathione Pathway and Stress Tolerance in Plants. Springer. p. 324. ISBN 978-9-048-19403-2. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-11-05. สืบค้นเมื่อ 2017-08-03.
{{cite book}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑ "Vitamin C: MedlinePlus Medical Encyclopedia". medlineplus.gov. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-07-28. สืบค้นเมื่อ 2016-07-23.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑ 23.0 23.1 23.2 Hodges, RE; Baker, EM; Hood, J; Sauberlich, HE; March, SC (May 1969). "Experimental scurvy in man". The American Journal of Clinical Nutrition. 22 (5): 535–48. doi:10.1093/ajcn/22.5.535. PMID 4977512.
{{cite journal}}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์) - ↑ 24.0 24.1 Pemberton, J (June 2006). "Medical experiments carried out in Sheffield on conscientious objectors to military service during the 1939-45 war". International Journal of Epidemiology. 35 (3): 556–8. doi:10.1093/ije/dyl020. PMID 16510534.
{{cite journal}}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)
แหล่งข้อมูลอื่น
- Vitamin C Fact Sheet from the U.S. National Institutes of Health
- CS1 maint: uses authors parameter
- E number from Wikidata
- Chem-molar-mass both hardcoded and calculated
- วิตามินซี
- วิตามิน
- แอลกอฮอล์
- สารต้านอนุมูลอิสระในอาหาร
- Orthomolecular medicine
- Organic acids
- กรดอินทรีย์
- โคเอนไซม์
- Furanones
- Dihydrofurans
- Enediols
- โมเลกุลชีวภาพ
- ยาหลักขององค์การอนามัยโลก
- E-number additives
- Alkanediols
- 3-hydroxypropenals