ผลต่างระหว่างรุ่นของ "น้ำมันเมล็ดฝ้าย"
แก้ไขลิงก์เสียในอ้างอิง |
|||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{ใช้ปีคศ}} |
{{ใช้ปีคศ}} |
||
[[ไฟล์:Cotton seeds - 01.jpg|thumb|right|160px| |
[[ไฟล์:Cotton seeds - 01.jpg|thumb|right|160px|เมล็ด[[ฝ้าย]]]] |
||
⚫ | '''น้ำมันเมล็ดฝ้าย''' ({{lang-en |Cottonseed oil}}) เป็น[[น้ำมันประกอบอาหาร]]ที่สกัดมาจากเมล็ดของ[[ฝ้าย]]พันธุ์ต่าง ๆ โดยหลักพันธุ์ ''Gossypium hirsutum'' และ ''Gossypium herbaceum'' ซึ่งปลูกเพื่อทำฝ้าย อาหารสัตว์ และน้ำมัน<ref>{{Cite web | url = http://cotton.tamu.edu/cottoncountry.htm | title = Texas is a cotton country | access-date = 2013-10-23 | url-status = dead | archive-url = https://web.archive.org/web/20131021084716/http://cotton.tamu.edu/cottoncountry.htm | archive-date = 2013-10-21 | df = dmy-all}}</ref> |
||
เมล็ด[[ฝ้าย]] |
|||
]] |
|||
⚫ | '''น้ำมันเมล็ดฝ้าย''' ({{lang-en |Cottonseed oil}}) เป็น[[น้ำมันประกอบอาหาร]]ที่สกัดมาจากเมล็ดของ[[ฝ้าย]]พันธุ์ต่าง ๆ โดยหลักพันธุ์ ''Gossypium hirsutum'' และ ''Gossypium herbaceum'' ซึ่งปลูกเพื่อทำฝ้าย อาหารสัตว์ และน้ำมัน<ref>{{ |
||
เมล็ดฝ้ายมีโครงสร้างคล้ายกับเมล็ดทำน้ำมันอื่น ๆ เช่น เมล็ด[[ทานตะวัน]] คือมีเนื้อในเมล็ดที่มีน้ำมันซึ่งล้อมรอบด้วยเปลือกแข็งนอก |
เมล็ดฝ้ายมีโครงสร้างคล้ายกับเมล็ดทำน้ำมันอื่น ๆ เช่น เมล็ด[[ทานตะวัน]] คือมีเนื้อในเมล็ดที่มีน้ำมันซึ่งล้อมรอบด้วยเปลือกแข็งนอก |
||
เมื่อแปรรูป น้ำมันจะสกัดจากเนื้อในเมล็ด |
เมื่อแปรรูป น้ำมันจะสกัดจากเนื้อในเมล็ด |
||
น้ำมันเมล็ดฝ้ายใช้ทำน้ำ[[สลัด]] [[มายองเนส]] และผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกันอื่น ๆ เพราะรสชาติค่อนข้างเสถียร<ref name="cottonseed.com">{{ |
น้ำมันเมล็ดฝ้ายใช้ทำน้ำ[[สลัด]] [[มายองเนส]] และผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกันอื่น ๆ เพราะรสชาติค่อนข้างเสถียร<ref name="cottonseed.com">{{Cite web | url = http://www.cottonseed.com/publications/facts.asp | title = Twenty Facts About Cottonseed Oil from cotton plant | publisher = National Cottonseed Products Association | url-status = dead | archive-url = https://web.archive.org/web/20151017083204/http://www.cottonseed.com/publications/facts.asp | archive-date = 2015-10-17 | df = dmy-all}}</ref> |
||
== องค์ประกอบ == |
== องค์ประกอบ == |
||
[[ไฟล์:Mississippi Cottonseed Oil Company seed house.jpg|thumb|right| |
[[ไฟล์:Mississippi Cottonseed Oil Company seed house.jpg|thumb|right|อาคารเก็บเมล็ดฝ้ายในโรงงานผลิตน้ำมันเมล็ดฝ้ายใน[[รัฐมิสซิสซิปปี]]]] |
||
⚫ | น้ำมันปกติจะประกอบด้วย[[กรดไขมันไม่อิ่มตัว]] (เป็น[[กรดไขมันไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่เดี่ยว]] 18% และ[[กรดไขมันไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่หลายคู่|มีพันธะคู่หลายคู่]] 52%) และมี[[กรดไขมันอิ่มตัว]] 26%<ref>{{Cite web | url = http://ndb.nal.usda.gov/ndb/foods/show/678 | title = Basic Report: 04502, Oil, cottonseed, salad or cooking | publisher = United States Department of Agriculture | access-date = 2019-02-27 | archive-date = 2019-01-15 | archive-url = https://web.archive.org/web/20190115182214/https://ndb.nal.usda.gov/ndb/foods/show/678 | url-status = dead | df = dmy-all}}</ref> |
||
อาคารเก็บเมล็ดฝ้ายในโรงงานผลิตน้ำมันเมล็ดฝ้ายใน[[รัฐมิสซิสซิปปี]] |
|||
⚫ | เมื่อเติมไฮโดรเจนให้เต็ม (fully hydrogenated) มันจะประกอบด้วยกรดไขมันอิ่มตัว 94% และกรดไขมันไม่อิ่มตัว 2% (1.5% มีพันธะคู่เดี่ยวและ 0.5% มีพันธะคู่หลายคู่)<ref>{{Cite web | url = http://ndb.nal.usda.gov/ndb/foods/show/627 | title = Nutrient data for 04702, Oil, industrial, cottonseed, fully hydrogenated | publisher = United States Department of Agriculture | access-date = 2012-02-13 | archive-url = https://web.archive.org/web/20130905114813/http://ndb.nal.usda.gov/ndb/foods/show/627 | archive-date = 2013-09-05 | url-status = dead | df = dmy-all}}</ref> |
||
]] |
|||
⚫ | น้ำมันปกติจะประกอบด้วย[[กรดไขมันไม่อิ่มตัว]] (เป็น[[กรดไขมันไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่เดี่ยว]] 18% และ[[กรดไขมันไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่หลายคู่|มีพันธะคู่หลายคู่]] 52%) และมี[[กรดไขมันอิ่มตัว]] 26%<ref>{{ |
||
⚫ | เมื่อเติมไฮโดรเจนให้เต็ม (fully hydrogenated) มันจะประกอบด้วยกรดไขมันอิ่มตัว 94% และกรดไขมันไม่อิ่มตัว 2% (1.5% มีพันธะคู่เดี่ยวและ 0.5% มีพันธะคู่หลายคู่)<ref>{{ |
||
ตามบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรม น้ำมันนี้ไม่ต้องเติมไฮโดรเจนเท่ากับน้ำมันไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่หลายคู่อื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลเช่นเดียวกัน<ref name=cottonseed.com /> |
ตามบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรม น้ำมันนี้ไม่ต้องเติมไฮโดรเจนเท่ากับน้ำมันไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่หลายคู่อื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลเช่นเดียวกัน<ref name=cottonseed.com /> |
||
สารก๊อสสิพอล (Gossypol) เป็นสารประกอบโพลีฟีนอล (polyphenolic compound) มีสีเหลืองเป็นพิษ ที่ได้จากฝ้ายและพืชอื่น ๆ ใน[[วงศ์ชบา]] (Malvaceae) เช่น [[กระเจี๊ยบ]]<ref name="ReferenceB">{{ |
สารก๊อสสิพอล (Gossypol) เป็นสารประกอบโพลีฟีนอล (polyphenolic compound) มีสีเหลืองเป็นพิษ ที่ได้จากฝ้ายและพืชอื่น ๆ ใน[[วงศ์ชบา]] (Malvaceae) เช่น [[กระเจี๊ยบ]]<ref name="ReferenceB">{{Cite book | last1 = Jones | first1 = Lynn A. | last2 = King | first2 = C. Clay | editor = Hui, YH | title = Bailey's Industrial Oil and Fat Products, Edible Oil and Fat Products: Oils and Oilseeds | chapter = Cottonseed oil | publisher = Wiley | location = New York | year = 1996 | isbn = 978-0-471-59426-0}}</ref> |
||
สารประกอบมีสีนี้เกิดตามธรรมชาติในต่อมเล็ก ๆ ในเมล็ด [[ใบ]] ก้าน เปลือกรากแก้ว และ[[ราก]]ของต้นฝ้าย |
สารประกอบมีสีนี้เกิดตามธรรมชาติในต่อมเล็ก ๆ ในเมล็ด [[ใบ]] ก้าน เปลือกรากแก้ว และ[[ราก]]ของต้นฝ้าย |
||
หน้าที่ทาง[[วิวัฒนาการ]]ของสารนี้ก็คือใช้ต้านแมลง |
หน้าที่ทาง[[วิวัฒนาการ]]ของสารนี้ก็คือใช้ต้านแมลง |
||
เรื่องสำคัญเมื่อทำให้บริสุทธิ์ ฟอกสี และกำจัดกลิ่นก็คือ ต้องกำจัดสารพิษก๊อสสิพอล |
เรื่องสำคัญเมื่อทำให้บริสุทธิ์ ฟอกสี และกำจัดกลิ่นก็คือ ต้องกำจัดสารพิษก๊อสสิพอล |
||
{{ |
{{ไม่ตัด |เฟอริกคลอไรด์}}มักใช้กำจัดสีของน้ำมัน<ref>{{Cite journal | title = Use of ferric chloride to decolorize cottonseed oil | journal = Journal of the American Oil Chemists' Society | volume = 47 | issue = 2 | pages = 73{{Hyphen}}74 | doi = 10.1007/BF02541462 | date = February 1970 | last1 = Yatsu | first1 = L. Y. | last2 = Jacks | first2 = T. J. | last3 = Hensarling | first3 = T. | issn = 0003-021X | df = dmy-all}}</ref> |
||
=== เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันพืชอื่น ๆ === |
=== เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันพืชอื่น ๆ === |
||
บรรทัด 26: | บรรทัด 22: | ||
== คุณสมบัติทางกายภาพ == |
== คุณสมบัติทางกายภาพ == |
||
เมื่อแปรรูปแล้ว น้ำมันเมล็ดฝ้ายจะมีรสจืดและมีสีทองอ่อน ๆ โดยขึ้นอยู่กับการทำให้บริสุทธิ์<ref>{{ |
เมื่อแปรรูปแล้ว น้ำมันเมล็ดฝ้ายจะมีรสจืดและมีสีทองอ่อน ๆ โดยขึ้นอยู่กับการทำให้บริสุทธิ์<ref>{{Cite web | url = http://www.cottonseedoiltour.com/pdf/NCPA_CSOFACTSHEET_03.pdf | format = [[PDF]] | title = Cottonseed oil | publisher = National Cottonseed Products Association | access-date = 2010-11-29 | df = dmy-all}}</ref> |
||
[[ความหนาแน่น]]จะอยู่ในระหว่าง {{ |
[[ความหนาแน่น]]จะอยู่ในระหว่าง {{ไม่ตัด |0.917–0.933 ก./ซม<sup>3</sup>}} |
||
น้ำมันมีจุดก่อควันค่อนข้างสูงทำให้สามารถใช้ผัด/ทอดอาหารได้<ref>{{ |
น้ำมันมีจุดก่อควันค่อนข้างสูงทำให้สามารถใช้ผัด/ทอดอาหารได้<ref>{{Cite web | url = http://www.tis-gdv.de/tis_e/ware/oele/baumwoll/baumwoll.htm | title = Cottonseed oil | publisher = Transport Information Service, Gesamtverband der Deutschen Versicherungswirtschaft e.V. | access-date = 2012-08-06 | df = dmy-all}}</ref> |
||
เหมือนกันน้ำมันมีกรดไขมันโซ่ยาวอื่น ๆ น้ำมันเมล็ดฝ้ายมีจุดก่อควันที่ประมาณ {{ |
เหมือนกันน้ำมันมีกรดไขมันโซ่ยาวอื่น ๆ น้ำมันเมล็ดฝ้ายมีจุดก่อควันที่ประมาณ {{ไม่ตัด |450 [[องศาเซลเซียส]]}}<ref name="ReferenceB" /> |
||
มี[[โทโคฟีรอล]]มาก จึงทำให้เสถียรและมีอายุการเก็บรักษานาน ผู้ผลิตจึงมักใช้ในผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปต่าง ๆ |
มี[[โทโคฟีรอล]]มาก จึงทำให้เสถียรและมีอายุการเก็บรักษานาน ผู้ผลิตจึงมักใช้ในผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปต่าง ๆ |
||
== ประวัติทางเศรษฐกิจ == |
== ประวัติทางเศรษฐกิจ == |
||
เพราะเมล็ดฝ้ายเป็นผลิตผลพลอยได้จากกระบวนการแปรรูปให้ได้ฝ้าย เมล็ดจึงเกือบไม่มีค่าอะไรก่อนคริสต์ทศวรรษที่ 19<ref name="OBrien">{{ |
เพราะเมล็ดฝ้ายเป็นผลิตผลพลอยได้จากกระบวนการแปรรูปให้ได้ฝ้าย เมล็ดจึงเกือบไม่มีค่าอะไรก่อนคริสต์ทศวรรษที่ 19<ref name="OBrien">{{Cite book | author1 = O’Brien, Richard D. |display-authors=etal | editor = Shahidi, Fereidoon | year = 2005 | url = http://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1002/047167849X.bio022/abstract | title = Cottonseed oil | chapter = 5 | work = Bailey’s Industrial Oil and Fat Products | volume = 2 | issue = Edible Oil & Fat Products: Edible Oils | publisher = John Wiley and Sons}}</ref> |
||
เมื่อผลิตฝ้ายมากขึ้น ๆ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17, 18 และ 19 เมล็ดฝ้ายที่เก็บก็มีมากขึ้น ๆ<ref name=OBrien/> |
เมื่อผลิตฝ้ายมากขึ้น ๆ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17, 18 และ 19 เมล็ดฝ้ายที่เก็บก็มีมากขึ้น ๆ<ref name=OBrien /> |
||
แม้จะมีบางส่วนที่ใช้ปลูกพืช ทำปุ๋ย และทำอาหารสัตว์ แต่ที่เหลือโดยมากก็ทิ้งไว้จนเน่าหรือลอบทิ้งลง[[แม่น้ำ]]อย่างผิดกฎหมาย<ref name="Rise">{{ |
แม้จะมีบางส่วนที่ใช้ปลูกพืช ทำปุ๋ย และทำอาหารสัตว์ แต่ที่เหลือโดยมากก็ทิ้งไว้จนเน่าหรือลอบทิ้งลง[[แม่น้ำ]]อย่างผิดกฎหมาย<ref name="Rise">{{Cite journal | author = Nixon, HC | year = 2005 | url = https://www.jstor.org/stable/1823218 | title = The Rise of the American Cottonseed Oil Industry | journal = Journal of Political Economy | volume = 38 | issue = 1 | pages = 73{{Hyphen}}85 }} </ref> |
||
ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1820 และ 1830 [[ยุโรป]]เกิดขาดแคลนไขมันและน้ำมันเนื่องจากการขยายตัวประชากรอย่างรวดเร็วเนื่องกับ[[การปฏิวัติอุตสาหกรรม]] และผลตามมาของการปิดล้อมทางน้ำของ[[กองทัพเรืองอังกฤษ]]ในช่วง[[สงครามนโปเลียน]]<ref name=Rise/> |
ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1820 และ 1830 [[ยุโรป]]เกิดขาดแคลนไขมันและน้ำมันเนื่องจากการขยายตัวประชากรอย่างรวดเร็วเนื่องกับ[[การปฏิวัติอุตสาหกรรม]] และผลตามมาของการปิดล้อมทางน้ำของ[[กองทัพเรืองอังกฤษ]]ในช่วง[[สงครามนโปเลียน]]<ref name=Rise /> |
||
ความต้องการไขมันและน้ำมันที่เพิ่มขึ้นบวกกับปริมาณสินค้า ([[อุปทาน]]) ที่ลดลงทำให้ราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว<ref name=OBrien /> |
ความต้องการไขมันและน้ำมันที่เพิ่มขึ้นบวกกับปริมาณสินค้า ([[อุปทาน]]) ที่ลดลงทำให้ราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว<ref name=OBrien /> |
||
ผลก็คือ คนยุโรปจำนวนมากไม่มีเงินพอซื้อไขมันและน้ำมันเพื่อ[[น้ำมันประกอบอาหาร|ประกอบอาหาร]]หรือใช้เป็น[[เชื้อเพลิง]]เพื่อแสงสว่างได้<ref name=OBrien /> |
ผลก็คือ คนยุโรปจำนวนมากไม่มีเงินพอซื้อไขมันและน้ำมันเพื่อ[[น้ำมันประกอบอาหาร|ประกอบอาหาร]]หรือใช้เป็น[[เชื้อเพลิง]]เพื่อแสงสว่างได้<ref name=OBrien /> |
||
[[นักลงทุน]]ใน[[สหรัฐ]]จึงเริ่มแสวงหาประโยชน์จากความต้องการน้ำมัน ([[อุปสงค์]]) ที่สูงขึ้นและจากการมีเมล็ดฝ้ายเป็นจำนวนมากด้วยการบีบอัดเมล็ดฝ้ายสกัดน้ำมัน<ref name=Rise /> |
[[นักลงทุน]]ใน[[สหรัฐ]]จึงเริ่มแสวงหาประโยชน์จากความต้องการน้ำมัน ([[อุปสงค์]]) ที่สูงขึ้นและจากการมีเมล็ดฝ้ายเป็นจำนวนมากด้วยการบีบอัดเมล็ดฝ้ายสกัดน้ำมัน<ref name=Rise /> |
||
แต่การแยกเปลือกออกจากเนื้อในเมล็ดเป็นเรื่องยาก ดังนั้น ธุรกิจโดยมากจึงล้มเหลวภายในไม่กี่ปี<ref name=Rise /> |
แต่การแยกเปลือกออกจากเนื้อในเมล็ดเป็นเรื่องยาก ดังนั้น ธุรกิจโดยมากจึงล้มเหลวภายในไม่กี่ปี<ref name=Rise /> |
||
ต่อมาปี 1857 จึงได้ประดิษฐ์เครื่อง huller ซึ่งแยกเปลือกจากเนื้อเมล็ดฝ้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ<ref name=OBrien /> |
ต่อมาปี ค.ศ. 1857 จึงได้ประดิษฐ์เครื่อง huller ซึ่งแยกเปลือกจากเนื้อเมล็ดฝ้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ<ref name=OBrien /> |
||
น้ำมันเมล็ดฝ้ายจึงได้เริ่มใช้เป็น[[เชื้อเพลิง]]ตะเกียงเพื่อเสริมน้ำมันวาฬและน้ำมันหมูที่แพงขึ้นเรื่อย ๆ<ref name=OBrien /> |
น้ำมันเมล็ดฝ้ายจึงได้เริ่มใช้เป็น[[เชื้อเพลิง]]ตะเกียงเพื่อเสริมน้ำมันวาฬและน้ำมันหมูที่แพงขึ้นเรื่อย ๆ<ref name=OBrien /> |
||
แต่เมื่อถึงปี 1859 นี่ก็ยุติลงเพราะอุตสาหกรรมปิโตเลียมได้เกิดขึ้น<ref name=OBrien /> |
แต่เมื่อถึงปี ค.ศ. 1859 นี่ก็ยุติลงเพราะอุตสาหกรรมปิโตเลียมได้เกิดขึ้น<ref name=OBrien /> |
||
น้ำมันเมล็ดฝ้ายได้ใช้ปลอมปนไขมันสัตว์และ[[ไขมันหมู]]อย่างผิดกฎหมาย<ref name=OBrien /> |
น้ำมันเมล็ดฝ้ายได้ใช้ปลอมปนไขมันสัตว์และ[[ไขมันหมู]]อย่างผิดกฎหมาย<ref name=OBrien /> |
||
คือ ผู้ฆ่าและขายเนื้อสัตว์ได้ลอบผสมน้ำมันเมล็ดฝ้ายกับไขมันสัตว์ แต่ก็ถูกเปิดโปงในปี 1884<ref name=OBrien /> |
คือ ผู้ฆ่าและขายเนื้อสัตว์ได้ลอบผสมน้ำมันเมล็ดฝ้ายกับไขมันสัตว์ แต่ก็ถูกเปิดโปงในปี ค.ศ. 1884<ref name=OBrien /> |
||
คือบริษัทอเมริกันบริษัทหนึ่งพยายาม[[ผูกขาด]]ตลาดน้ำมันหมูแล้วพบว่า ตนได้ซื้อน้ำมันหมูมากกว่าที่หมูทั้งหมดที่มีจะผลิตได้<ref name=OBrien /> |
คือบริษัทอเมริกันบริษัทหนึ่งพยายาม[[ผูกขาด]]ตลาดน้ำมันหมูแล้วพบว่า ตนได้ซื้อน้ำมันหมูมากกว่าที่หมูทั้งหมดที่มีจะผลิตได้<ref name=OBrien /> |
||
[[รัฐสภาสหรัฐ]]จึงได้เข้าตรวจสอบ แล้วผ่าน[[กฎหมาย]]บังคับให้ผลิตภัณฑ์เสริมด้วยน้ำมันเมล็ดฝ้ายขึ้นป้ายว่า "ไขมันหมูประกอบ (lard compound)"<ref name=Rise /> |
[[รัฐสภาสหรัฐ]]จึงได้เข้าตรวจสอบ แล้วผ่าน[[กฎหมาย]]บังคับให้ผลิตภัณฑ์เสริมด้วยน้ำมันเมล็ดฝ้ายขึ้นป้ายว่า "ไขมันหมูประกอบ (lard compound)"<ref name=Rise /> |
||
โดยนัยเดียวกัน [[น้ำมันมะกอก]]บ่อยครั้งก็ปลอมปนผสมน้ำมันเมล็ดฝ้ายเช่นกัน |
โดยนัยเดียวกัน [[น้ำมันมะกอก]]บ่อยครั้งก็ปลอมปนผสมน้ำมันเมล็ดฝ้ายเช่นกัน |
||
เมื่อถูกเปิดโปงแล้ว ประเทศต่าง ๆ จึงได้เพิ่มภาษีศุลกากรแก่น้ำมันมะกอกอเมริกัน โดยอิตาลีได้ห้ามไม่ให้นำเข้าผลิตภัณฑ์โดยสิ้นเชิงในปี 1883<ref name=Rise /> |
เมื่อถูกเปิดโปงแล้ว ประเทศต่าง ๆ จึงได้เพิ่มภาษีศุลกากรแก่น้ำมันมะกอกอเมริกัน โดยอิตาลีได้ห้ามไม่ให้นำเข้าผลิตภัณฑ์โดยสิ้นเชิงในปี ค.ศ. 1883<ref name=Rise /> |
||
กฎบังคับทั้งสองนี้ได้ลดยอดขายและการส่งออกน้ำมันเมล็ดฝ้ายจากอเมริกา ทำให้มีน้ำมันมากเกินแล้วลดราคาของน้ำมันอีก<ref name=Rise /> |
กฎบังคับทั้งสองนี้ได้ลดยอดขายและการส่งออกน้ำมันเมล็ดฝ้ายจากอเมริกา ทำให้มีน้ำมันมากเกินแล้วลดราคาของน้ำมันอีก<ref name=Rise /> |
||
จึงทำให้บริษัทที่เพิ่งตั้งใหม่คือ[[พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล]] สามารถถือเอาประโยชน์จากเหตุนี้<ref name=Rise /> |
จึงทำให้บริษัทที่เพิ่งตั้งใหม่คือ[[พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล]] สามารถถือเอาประโยชน์จากเหตุนี้<ref name=Rise /> |
||
เหตุการณ์ทาง[[เศรษฐกิจ]]ในปี 1837 (Panic of 1837) ทำให้พี่น้องเขยรวมธุรกิจผลิตเทียนไขและสบู่เข้าด้วยกันเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการผลิตและรับมือกับเศรษฐกิจช่วงขาลง<ref name=OBrien /> |
เหตุการณ์ทาง[[เศรษฐกิจ]]ในปี ค.ศ. 1837 (Panic of 1837) ทำให้พี่น้องเขยรวมธุรกิจผลิตเทียนไขและสบู่เข้าด้วยกันเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการผลิตและรับมือกับเศรษฐกิจช่วงขาลง<ref name=OBrien /> |
||
เมื่อสืบหาสิ่งที่จะมาแทนที่ไขมันสัตว์ราคาสูง พี่น้องคู่นี้ก็ได้ตกลงใช้น้ำมันเมล็ดฝ้าย<ref name=OBrien /> |
เมื่อสืบหาสิ่งที่จะมาแทนที่ไขมันสัตว์ราคาสูง พี่น้องคู่นี้ก็ได้ตกลงใช้น้ำมันเมล็ดฝ้าย<ref name=OBrien /> |
||
บริษัทจึงได้รวบยอดซื้อน้ำมันเมล็ดฝ้ายผูกขาดตลาดเพื่อหลีกเลี่ยงการผูกขาดน้ำมันสัตว์ของผู้ฆ่าและขายเนื้อสัตว์ |
บริษัทจึงได้รวบยอดซื้อน้ำมันเมล็ดฝ้ายผูกขาดตลาดเพื่อหลีกเลี่ยงการผูกขาดน้ำมันสัตว์ของผู้ฆ่าและขายเนื้อสัตว์ |
||
บรรทัด 61: | บรรทัด 57: | ||
บริษัทจึงได้ค้นหาการใช้น้ำมันเป็นอาหาร |
บริษัทจึงได้ค้นหาการใช้น้ำมันเป็นอาหาร |
||
ด้วย[[เทคโนโลยี]]ที่จด[[สิทธิบัตร]] พี่น้องทั้งสองจึงสามารถเติมไฮโดรเจนใส่น้ำมัน แล้วพัฒนาผลิตไขมันที่คล้ายกับมันหมู<ref name=OBrien /> |
ด้วย[[เทคโนโลยี]]ที่จด[[สิทธิบัตร]] พี่น้องทั้งสองจึงสามารถเติมไฮโดรเจนใส่น้ำมัน แล้วพัฒนาผลิตไขมันที่คล้ายกับมันหมู<ref name=OBrien /> |
||
ในปี 1911 บริษัทจึงได้โหมวางตลาดขาย[[เนยขาว]]จากพืชคือ Crisco ซึ่งสามารถใช้แทนมันหมู<ref>{{ |
ในปี ค.ศ. 1911 บริษัทจึงได้โหมวางตลาดขาย[[เนยขาว]]จากพืชคือ Crisco ซึ่งสามารถใช้แทนมันหมู<ref>{{Cite news | author1 = Ramsey, Drew | author2 = Graham, Tyler | title = How Vegetable Oils Replaced Animals Fats in the American Diet | date = 2012-04-26 | url = https://www.theatlantic.com/health/archive/2012/04/how-vegetable-oils-replaced-animal-fats-in-the-american-diet/256155/ | work = The Atlantic | archive-url = https://web.archive.org/web/20181019185221/https://www.theatlantic.com/health/archive/2012/04/how-vegetable-oils-replaced-animal-fats-in-the-american-diet/256155/ | archive-date = 2018-10-19 | df = dmy-all}}</ref> |
||
บริษัทได้โฆษณาในหนังสือพิมพ์ว่า ผลิตภัณฑ์ "ย่อยได้ดีกว่า เป็นทางเลือกการปรุงอาหารที่ดีต่อสุขภาพยิ่งกว่าไขมันสัตว์ |
บริษัทได้โฆษณาในหนังสือพิมพ์ว่า ผลิตภัณฑ์ "ย่อยได้ดีกว่า เป็นทางเลือกการปรุงอาหารที่ดีต่อสุขภาพยิ่งกว่าไขมันสัตว์ |
||
และถูกกว่า[[เนย]]"<ref name="Crisco">{{ |
และถูกกว่า[[เนย]]"<ref name="Crisco">{{Cite web | title = Crisco Corporate Historical Timeline | url = http://www.crisco.com/About_Crisco/History.aspx | publisher = Crisco | archive-url = https://web.archive.org/web/20131026070116/http://www.crisco.com/About_Crisco/History.aspx | archive-date = 2013-10-26 | df = dmy-all}}</ref> |
||
บริษัทยังแจกคู่มือประกอบอาหารซึ่งอาหารแต่ละอย่างล้วนให้ใช้ Crisco<ref name=Crisco /> |
บริษัทยังแจกคู่มือประกอบอาหารซึ่งอาหารแต่ละอย่างล้วนให้ใช้ Crisco<ref name=Crisco /> |
||
ในคริสต์ทศวรรษ 1920 บริษัทได้พัฒนาคู่มือประกอบอาหารสำหรับคนชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในภาษาของตน ๆ<ref name=Crisco /> |
ในคริสต์ทศวรรษ 1920 บริษัทได้พัฒนาคู่มือประกอบอาหารสำหรับคนชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในภาษาของตน ๆ<ref name=Crisco /> |
||
นอกจากนั้น บริษัทยังมีรายการวิทยุเรื่องประกอบอาหาร<ref name=Crisco /> |
นอกจากนั้น บริษัทยังมีรายการวิทยุเรื่องประกอบอาหาร<ref name=Crisco /> |
||
เช่นกัน ในปี 1899 นักเคมีอาหารคนหนึ่งได้พัฒนาน้ำมันเมล็ดฝ้ายไร้กลิ่นซึ่งวางขายในยี่ห้อ Wesson<ref name=Rise /> |
เช่นกัน ในปี ค.ศ. 1899 นักเคมีอาหารคนหนึ่งได้พัฒนาน้ำมันเมล็ดฝ้ายไร้กลิ่นซึ่งวางขายในยี่ห้อ Wesson<ref name=Rise /> |
||
ซึ่งก็โหมวางตลาดแล้วกลายเป็นที่นิยมเช่นกัน<ref name=Rise /> |
ซึ่งก็โหมวางตลาดแล้วกลายเป็นที่นิยมเช่นกัน<ref name=Rise /> |
||
บรรทัด 74: | บรรทัด 70: | ||
น้ำมันยี่ห้อทั้งสองนี้ได้ทดแทนการใช้น้ำมันหมูและน้ำมันราคาสูงกว่าอื่น ๆ ในการอบ ผัด/ทอด<ref name=OBrien /> |
น้ำมันยี่ห้อทั้งสองนี้ได้ทดแทนการใช้น้ำมันหมูและน้ำมันราคาสูงกว่าอื่น ๆ ในการอบ ผัด/ทอด<ref name=OBrien /> |
||
แต่ใน[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] การขาดน้ำมันทำให้ต้องใช้ของทดแทนอีกอย่างคือ[[น้ำมันถั่วเหลือง]]<ref name=OBrien /> |
แต่ใน[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] การขาดน้ำมันทำให้ต้องใช้ของทดแทนอีกอย่างคือ[[น้ำมันถั่วเหลือง]]<ref name=OBrien /> |
||
ในปี 1944 การผลิตน้ำมันถั่วเหลืองจึงเกินน้ำมันเมล็ดฝ้ายจนราคาของน้ำมันถั่วเหลืองได้ลดลงต่ำกว่าน้ำมันเมล็ดฝ้าย<ref name=OBrien /> |
ในปี ค.ศ. 1944 การผลิตน้ำมันถั่วเหลืองจึงเกินน้ำมันเมล็ดฝ้ายจนราคาของน้ำมันถั่วเหลืองได้ลดลงต่ำกว่าน้ำมันเมล็ดฝ้าย<ref name=OBrien /> |
||
ในปี 1950 น้ำมันถั่วเหลืองก็ได้แทนการใช้น้ำมันเมล็ดฝ้ายในเนยขาว เช่น Crisco เพราะราคาถูกกว่า<ref name=OBrien /> |
ในปี ค.ศ. 1950 น้ำมันถั่วเหลืองก็ได้แทนการใช้น้ำมันเมล็ดฝ้ายในเนยขาว เช่น Crisco เพราะราคาถูกกว่า<ref name=OBrien /> |
||
น้ำมันเมล็ดฝ้ายยังมีราคาสูงขึ้นเพราะการปลูกข้าวโพดและถั่วเหลืองแทน ซึ่งเป็นแนวโน้มที่มีเหตุโดยหลักจากความต้องการน้ำเชื่อมข้าวโพดและ[[เอทานอล]]ที่สูงขึ้น<ref name=OBrien /> |
น้ำมันเมล็ดฝ้ายยังมีราคาสูงขึ้นเพราะการปลูกข้าวโพดและถั่วเหลืองแทน ซึ่งเป็นแนวโน้มที่มีเหตุโดยหลักจากความต้องการน้ำเชื่อมข้าวโพดและ[[เอทานอล]]ที่สูงขึ้น<ref name=OBrien /> |
||
น้ำมันเมล็ดฝ้ายจึงผลิตลดลงเรื่อย ๆ ในกลางและปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20<ref name=OBrien /> |
น้ำมันเมล็ดฝ้ายจึงผลิตลดลงเรื่อย ๆ ในกลางและปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20<ref name=OBrien /> |
||
ในกลางจนถึงปลายคริสต์ทศวรรษ 2000 ผู้บริโภคเริ่มหลีกเลี่ยง[[ไขมันทรานส์]]มากขึ้น บวกกับกฎบังคับให้ขึ้นป้ายไขมันทรานส์ในบางประเทศ จึงทำให้บริโภคน้ำมันเมล็ดฝ้ายมากขึ้น<ref>{{ |
ในกลางจนถึงปลายคริสต์ทศวรรษ 2000 ผู้บริโภคเริ่มหลีกเลี่ยง[[ไขมันทรานส์]]มากขึ้น บวกกับกฎบังคับให้ขึ้นป้ายไขมันทรานส์ในบางประเทศ จึงทำให้บริโภคน้ำมันเมล็ดฝ้ายมากขึ้น<ref>{{Cite web | date = 2009-09-12 | title = Cottonseed Oil Production, Consumption On The Rise - Crushers expect over 100 million pound increase. | url = http://www.cotton247.com/article/1960/cottonseed-oil-production-consumption-on-the-rise | publisher = Cotton Grower | archive-url = https://web.archive.org/web/20190221084442/https://www.cottongrower.com/market-analysis/cottonseed-oil-production-consumption-on-the-rise/ | archive-date = 2019-02-21 | df = dmy-all}}</ref> |
||
โดยมีผู้ชำนาญการทางสุขภาพ<ref>{{ |
โดยมีผู้ชำนาญการทางสุขภาพ<ref>{{Cite book | author1 = Willett, WC | author2 = Skerrett, PJ | edition = paperback | year = 2005 | url = https://books.google.com/books?id=eKGvGksKdloC | title = Eat, Drink, and Be Healthy: The Harvard Medical School Guide to Healthy Eating | publisher = Free Press | pages = 220 }}</ref> |
||
และองค์กรสุขภาพของรัฐ<ref>{{ |
และองค์กรสุขภาพของรัฐ<ref>{{Cite web | date = March 2005 | title = Health Bulletin: Healthy Heart - Eat Less Trans Fat | url = http://www.nyc.gov/html/doh/downloads/pdf/public/dohmhnews4-02.pdf | format = [[PDF]] | archive-url = https://web.archive.org/web/20131021115716/http://www.nyc.gov/html/doh/downloads/pdf/public/dohmhnews4-02.pdf | archive-date = 2013-10-21 | publisher = New York City Department of Health and Mental Hygiene | df = dmy-all}}</ref> |
||
ที่แนะนำว่าเป็นน้ำมันซึ่งถูกสุขภาพ |
ที่แนะนำว่าเป็นน้ำมันซึ่งถูกสุขภาพ |
||
และ Crisco และบริษัทอื่น ๆ ก็ได้เปลี่ยนน้ำมันเมล็ดฝ้ายให้มีไขมันทรานส์น้อยมากหรือไม่มีเลย<ref>{{ |
และ Crisco และบริษัทอื่น ๆ ก็ได้เปลี่ยนน้ำมันเมล็ดฝ้ายให้มีไขมันทรานส์น้อยมากหรือไม่มีเลย<ref>{{Cite news | title = Crisco drops trans fats from shortening formula | date = 2007-01-25 | url = http://www.nbcnews.com/id/16795455/#.UVHUjBfksl8 | work = Associated Press | archive-url = https://web.archive.org/web/20170621111832/http://www.nbcnews.com/id/16795455/#.UVHUjBfksl8 | archive-date = 2017-06-21 | df = dmy-all}}</ref> |
||
อย่างไรก็ดี ผู้ชำนาญการทางสุขภาพบางท่านอ้างว่า น้ำมันมีอัตราส่วน[[ไขมันไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่หลายคู่]]ต่อ[[ไขมันไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่เดี่ยว]]สูง และเพราะต้องแปรรูป จึงไม่ถูกสุขภาพ<ref>{{ |
อย่างไรก็ดี ผู้ชำนาญการทางสุขภาพบางท่านอ้างว่า น้ำมันมีอัตราส่วน[[ไขมันไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่หลายคู่]]ต่อ[[ไขมันไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่เดี่ยว]]สูง และเพราะต้องแปรรูป จึงไม่ถูกสุขภาพ<ref>{{Cite web | author = Walsh, Danielle | date = 2012-01-27 | title = Best and Worst Oils For Your Health | url = http://www.bonappetit.com/blogsandforums/blogs/badaily/2012/01/the-three-best-and-worst-oils.html | archive-url = https://web.archive.org/web/20130425014650/http://www.bonappetit.com/blogsandforums/blogs/badaily/2012/01/the-three-best-and-worst-oils.html | archive-date = 2013-04-25 | publisher = Bon Appetit Magazine Blog | df = dmy-all}}</ref> |
||
== กฎบังคับ == |
== กฎบังคับ == |
||
"น้ำมันเมล็ดฝ้าย" ในแคนาดาต้องสกัดมาจากเมล็ดของพืชสกุล[[ฝ้าย]] (''Gossypium'') |
"น้ำมันเมล็ดฝ้าย" ในแคนาดาต้องสกัดมาจากเมล็ดของพืชสกุล[[ฝ้าย]] (''Gossypium'') |
||
เมื่อผลิตมาจากน้ำมันเมล็ดฝ้าย 100% ผลิตภัณฑ์ต้องขึ้นป้ายบรรจุภัณฑ์เช่นนั้น<ref>{{Cite web | url = http://inspection.gc.ca/food/labelling/food-labelling-for-industry/fats-and-oils/eng/1392751693435/1392751782638?chap=0#c2 | title = Labelling Requirements for Fats and Oils | |
เมื่อผลิตมาจากน้ำมันเมล็ดฝ้าย 100% ผลิตภัณฑ์ต้องขึ้นป้ายบรรจุภัณฑ์เช่นนั้น<ref>{{Cite web | url = http://inspection.gc.ca/food/labelling/food-labelling-for-industry/fats-and-oils/eng/1392751693435/1392751782638?chap=0#c2 | title = Labelling Requirements for Fats and Oils | vauthors = ((Directorate of Canadian Food Inspection Agency, Food Safety and Consumer Protection, Government of Canada)) | website = inspection.gc.ca | access-date = 2018-08-10 | date = 2014-02-18 | archive-date = 2018-08-08 | archive-url = https://web.archive.org/web/20180808042218/http://www.inspection.gc.ca/food/labelling/food-labelling-for-industry/fats-and-oils/eng/1392751693435/1392751782638?chap=0#c2 | url-status = dead | df = dmy-all}}</ref> |
||
น้ำมันเมล็ดฝ้ายที่วางขายว่าทานได้ควรจะแปรรูปและทำให้บริสุทธิ์จากองค์ประกอบที่อาจเป็นอันตราย |
น้ำมันเมล็ดฝ้ายที่วางขายว่าทานได้ควรจะแปรรูปและทำให้บริสุทธิ์จากองค์ประกอบที่อาจเป็นอันตราย |
||
โดยเฉพาะคือสารก๊อสสิพอล (Gossypol) ซึ่งเป็นสีธรรมชาติในเมล็ดฝ้ายและมีฤทธิ์เป็นเครื่องป้องกันแมลงและสัตว์อื่น ๆ ตามธรรมชาติ แต่ก็เป็นพิษต่อมนุษย์และอาจทำให้ชายเป็นหมันได้<ref>{{Cite web | url = https://www.cfs.gov.hk/english/multimedia/multimedia_pub/multimedia_pub_fsf_88_01.html | title = Cottonseed Oil and Food Safety | website = www.cfs.gov.hk | access-date = 2018-08-07 | |
โดยเฉพาะคือสารก๊อสสิพอล (Gossypol) ซึ่งเป็นสีธรรมชาติในเมล็ดฝ้ายและมีฤทธิ์เป็นเครื่องป้องกันแมลงและสัตว์อื่น ๆ ตามธรรมชาติ แต่ก็เป็นพิษต่อมนุษย์และอาจทำให้ชายเป็นหมันได้<ref>{{Cite web | url = https://www.cfs.gov.hk/english/multimedia/multimedia_pub/multimedia_pub_fsf_88_01.html | title = Cottonseed Oil and Food Safety | website = www.cfs.gov.hk | access-date = 2018-08-07 | archive-url = https://web.archive.org/web/20181025090134/https://www.cfs.gov.hk/english/multimedia/multimedia_pub/multimedia_pub_fsf_88_01.html | archive-date = 2018-10-25 | url-status = live | df = dmy-all}}</ref> |
||
== การสกัด == |
== การสกัด == |
||
เหมือนกับน้ำมันพืชอื่น ๆ น้ำมันเมล็ดฝ้ายสกัดมาจากเมล็ด ไม่ว่าจะโดยกระบวนการทางกล เช่น การบดอัดแล้วบีบ หรือกระบวนการทางเคมี เช่น ใช้ตัวทำละลาย<ref name=":0">{{Cite journal | last = Čmolík | first = Jiří | last2 = Pokorný | first2 = Jan | date = 2000-08-01 | title = Physical refining of edible oils | journal = European Journal of Lipid Science and Technology | volume = 102 | issue = 7 | pages = 472 |
เหมือนกับน้ำมันพืชอื่น ๆ น้ำมันเมล็ดฝ้ายสกัดมาจากเมล็ด ไม่ว่าจะโดยกระบวนการทางกล เช่น การบดอัดแล้วบีบ หรือกระบวนการทางเคมี เช่น ใช้ตัวทำละลาย<ref name=":0">{{Cite journal | last = Čmolík | first = Jiří | last2 = Pokorný | first2 = Jan | date = 2000-08-01 | title = Physical refining of edible oils | journal = European Journal of Lipid Science and Technology | volume = 102 | issue = 7 | pages = 472{{Hyphen}}486 | doi = 10.1002/1438-9312(200008)102:7<472::AID-EJLT472>3.0.CO;2-Z | df = dmy-all}}</ref> |
||
แต่ก็ใช้ตัวทำละลายเพื่อสกัดอย่างสามัญที่สุด<ref>{{Cite web | url = https://www.semanticscholar.org/paper/COMPARATIVE-EXTRACTION-OF-COTTONSEED-OIL-BY-and-Saxena-Sharma/b1b68e6e7d7df822c28dff2e7c6f0ed96db7a547 | title = COMPARATIVE EXTRACTION OF COTTONSEED OIL BY n-Hexane and Ethanol | last = Saxena | first = Devesh K. | last2 = Sharma | first2 = Surendra Kumar | date = 2011 | access-date = 2018-08-09 | last3 = Sambi | first3 = Surinder Singh}}</ref> |
แต่ก็ใช้ตัวทำละลายเพื่อสกัดอย่างสามัญที่สุด<ref>{{Cite web | url = https://www.semanticscholar.org/paper/COMPARATIVE-EXTRACTION-OF-COTTONSEED-OIL-BY-and-Saxena-Sharma/b1b68e6e7d7df822c28dff2e7c6f0ed96db7a547 | title = COMPARATIVE EXTRACTION OF COTTONSEED OIL BY n-Hexane and Ethanol | last = Saxena | first = Devesh K. | last2 = Sharma | first2 = Surendra Kumar | date = 2011 | access-date = 2018-08-09 | last3 = Sambi | first3 = Surinder Singh | df = dmy-all}}</ref> |
||
== การทำให้บริสุทธิ์ == |
== การทำให้บริสุทธิ์ == |
||
[[ไฟล์:Cottonseed Oil Processing Graphic.png|thumb|321x321px| |
[[ไฟล์:Cottonseed Oil Processing Graphic.png|thumb|321x321px|ขั้นตอนการแปรรูปน้ำมันเมล็ดฝ้าย]] |
||
ขั้นตอนการแปรรูปน้ำมันเมล็ดฝ้าย |
|||
]] |
|||
เมื่อสกัดน้ำมันได้แล้ว จะต้องแปรรูปและทำให้บริสุทธิ์ก่อนที่จะนำไปบริโภค เพื่อกำจัดสิ่งไม่บริสุทธิ์รวมทั้งกรดไขมันอิสระ (free fatty acid ตัวย่อ FFA) [[ฟอสโฟลิพิด]] [[สี]] และสารระเหยอื่น ๆ<ref name=":0" /><ref> |
เมื่อสกัดน้ำมันได้แล้ว จะต้องแปรรูปและทำให้บริสุทธิ์ก่อนที่จะนำไปบริโภค เพื่อกำจัดสิ่งไม่บริสุทธิ์รวมทั้งกรดไขมันอิสระ (free fatty acid ตัวย่อ FFA) [[ฟอสโฟลิพิด]] [[สี]] และสารระเหยอื่น ๆ<ref name=":0" /><ref> |
||
{{Cite web | url = https://www.seedoilpress.com/cooking-oil-refinery-plant/cotton-seeds-oil-refinery-plants.html | title = Cotton Seeds Oil Refinery Plants-- Oil Refinery Plants | website = www.seedoilpress.com | access-date = 2018-08-09 | date = 2018-02-22 | |
{{Cite web | url = https://www.seedoilpress.com/cooking-oil-refinery-plant/cotton-seeds-oil-refinery-plants.html | title = Cotton Seeds Oil Refinery Plants-- Oil Refinery Plants | website = www.seedoilpress.com | access-date = 2018-08-09 | date = 2018-02-22 | archive-url = https://web.archive.org/web/20180810205544/https://www.seedoilpress.com/cooking-oil-refinery-plant/cotton-seeds-oil-refinery-plants.html | archive-date = 2018-08-10 | df = dmy-all}}</ref><ref name=":1"> |
||
{{Cite book | date = 2011-04-01 | editor-last = Gunstone | editor-first = Frank D. | title = Vegetable Oils in Food Technology | doi = 10.1002/9781444339925 | isbn = |
{{Cite book | date = 2011-04-01 | editor-last = Gunstone | editor-first = Frank D. | title = Vegetable Oils in Food Technology | doi = 10.1002/9781444339925 | isbn = 978-1-4443-3992-5 | df = dmy-all}}</ref> |
||
=== การกำจัดกัม (degumming) === |
=== การกำจัดกัม (degumming) === |
||
การกำจัดกัม (degumming) เป็นขั้นตอนแรกในการทำน้ำมันให้บริสุทธิ์จากฟอสโฟลิพิด กัม ไข และสิ่งเจือปนอื่น ๆ ที่มีในน้ำมันดิบ<ref> |
การกำจัดกัม (degumming) เป็นขั้นตอนแรกในการทำน้ำมันให้บริสุทธิ์จากฟอสโฟลิพิด กัม ไข และสิ่งเจือปนอื่น ๆ ที่มีในน้ำมันดิบ<ref> |
||
{{Cite journal | last = Carr | first = Roy A. | date = November 1978 | title = Refining and degumming systems for edible fats and oils | journal = Journal of the American Oil Chemists' Society | volume = 55 | issue = 11 | pages = 765 |
{{Cite journal | last = Carr | first = Roy A. | date = November 1978 | title = Refining and degumming systems for edible fats and oils | journal = Journal of the American Oil Chemists' Society | volume = 55 | issue = 11 | pages = 765{{Hyphen}}771 | doi = 10.1007/bf02682645 | issn = 0003-021X | df = dmy-all}}</ref><ref> |
||
{{Cite news | url = https://www.britannica.com/technology/degumming | title = Degumming {{!}} food processing | work = Encyclopedia Britannica | access-date = 2018-08-07}}</ref> |
{{Cite news | url = https://www.britannica.com/technology/degumming | title = Degumming {{!}} food processing | work = Encyclopedia Britannica | access-date = 2018-08-07 | df = dmy-all}}</ref> |
||
คือจะใช้น้ำหรือกรดเจือจางอื่น ๆ เช่น [[กรดฟอสฟอริก]] เพราะ[[ฟอสโฟลิพิด]]จะดูดกับน้ำเหตุเป็นสารแอมฟิฟิลิก (amphipathic) (คือชอบน้ำข้างหนึ่ง ชอบไขมันอีกข้างหนึ่ง) ซึ่งเปลี่ยนลิพิดให้เป็นกัมอิ่มน้ำ (hydrated gum) |
คือจะใช้น้ำหรือกรดเจือจางอื่น ๆ เช่น [[กรดฟอสฟอริก]] เพราะ[[ฟอสโฟลิพิด]]จะดูดกับน้ำเหตุเป็นสารแอมฟิฟิลิก (amphipathic) (คือชอบน้ำข้างหนึ่ง ชอบไขมันอีกข้างหนึ่ง) ซึ่งเปลี่ยนลิพิดให้เป็นกัมอิ่มน้ำ (hydrated gum) |
||
กัมเช่นนี้ละลายในน้ำมันไม่ได้ จึงสามารถแยกออกด้วย[[เครื่องหมุนเหวี่ยง]] |
กัมเช่นนี้ละลายในน้ำมันไม่ได้ จึงสามารถแยกออกด้วย[[เครื่องหมุนเหวี่ยง]] |
||
บรรทัด 115: | บรรทัด 109: | ||
=== การทำให้เป็นกลาง (neutralization) === |
=== การทำให้เป็นกลาง (neutralization) === |
||
ขั้นที่สองในการทำน้ำมันให้บริสุทธิ์ก็คือการแยกกรดไขมันอิสระ ({{abbr |FFA| free fatty acid }}) ออกจากน้ำมันผ่านการทำให้เป็นกลางด้วยด่าง (alkaline neutralization) |
ขั้นที่สองในการทำน้ำมันให้บริสุทธิ์ก็คือการแยกกรดไขมันอิสระ ({{abbr |FFA| free fatty acid }}) ออกจากน้ำมันผ่านการทำให้เป็นกลางด้วยด่าง (alkaline neutralization) |
||
ขึ้นอยู่กับน้ำมันที่ต้องการ อาจมีขั้นตอน |
ขึ้นอยู่กับน้ำมันที่ต้องการ อาจมีขั้นตอน 2–3 ขั้นในกระบวนการนี้ การผ่านทั้ง 3 ขั้นจะทำให้ได้น้ำมันคุณภาพดีที่สุด |
||
และน้ำมันเมล็ดฝ้ายจะผ่านทั้ง 3 ขั้นตอน<ref name=":2">{{Cite web | url = http://lipidlibrary.aocs.org/OilsFats/content.cfm?ItemNumber=40319 | title = Alkali Refining - AOCS Lipid Library | website = lipidlibrary.aocs.org | access-date = 2018-08-09 | |
และน้ำมันเมล็ดฝ้ายจะผ่านทั้ง 3 ขั้นตอน<ref name=":2">{{Cite web | url = http://lipidlibrary.aocs.org/OilsFats/content.cfm?ItemNumber=40319 | title = Alkali Refining - AOCS Lipid Library | website = lipidlibrary.aocs.org | access-date = 2018-08-09 | archive-url = https://web.archive.org/web/20180810205750/http://lipidlibrary.aocs.org/OilsFats/content.cfm?ItemNumber=40319 | archive-date = 2018-08-10 | df = dmy-all}}</ref> |
||
ขั้นแรกของการทำให้เป็นกลางก็คือเติม[[โซดาไฟ]] (sodium hydroxide, NaOH) ใส่น้ำมันหลังจากปัมพ์มันผ่านเครื่องกรองแล้วให้[[ความร้อน]]จนถึง 133 [[องศาเซลเซียส]] (°C) |
ขั้นแรกของการทำให้เป็นกลางก็คือเติม[[โซดาไฟ]] (sodium hydroxide, NaOH) ใส่น้ำมันหลังจากปัมพ์มันผ่านเครื่องกรองแล้วให้[[ความร้อน]]จนถึง 133 [[องศาเซลเซียส]] (°C) |
||
ปฏิกิริยาเปลี่ยนเป็นสบู่ (saponification) จะทำน้ำมันให้เป็นกลางเมื่อผสมกับโซดาไฟแล้ว |
ปฏิกิริยาเปลี่ยนเป็นสบู่ (saponification) จะทำน้ำมันให้เป็นกลางเมื่อผสมกับโซดาไฟแล้ว |
||
ในกระบวนการนี้ ประจุบวกของกรดไขมันอิสระ (FFA) จะทำปฏิกิริยากับหมู่{{ |
ในกระบวนการนี้ ประจุบวกของกรดไขมันอิสระ (FFA) จะทำปฏิกิริยากับหมู่{{ไม่ตัด |[[ไฮดรอกซิล]]}}ของโซดาไฟแล้วกลายเป็นสบู่และกลีเซอรอล (glycerol) |
||
ส่วนนี้ซึ่งเรียกในภาษาอังกฤษว่า soapstock จะแยกออกจากน้ำมัน |
ส่วนนี้ซึ่งเรียกในภาษาอังกฤษว่า soapstock จะแยกออกจากน้ำมัน |
||
บรรทัด 129: | บรรทัด 123: | ||
ขั้นที่สามในกระบวนการทำให้บริสุทธิ์เป็นการกำจัดสบู่ กัม และสีที่เหลือด้วยการฟอกสี (bleaching) |
ขั้นที่สามในกระบวนการทำให้บริสุทธิ์เป็นการกำจัดสบู่ กัม และสีที่เหลือด้วยการฟอกสี (bleaching) |
||
สารฟอกขาว (bleaching agent) ที่ใช้อย่างสามัญที่สุดก็คือดินฟอกสี (bleaching earth) ซึ่งเป็นดินเหนียวเบนทอไนต์ (bentonite) ประเภทหนึ่ง |
สารฟอกขาว (bleaching agent) ที่ใช้อย่างสามัญที่สุดก็คือดินฟอกสี (bleaching earth) ซึ่งเป็นดินเหนียวเบนทอไนต์ (bentonite) ประเภทหนึ่ง |
||
เมื่อใส่ดินแล้ว ก็จะกวนให้ดินสามารถจับกับสิ่งเจือปนในน้ำมัน ไม่ว่าจะโดยกล (เช่น {{ |
เมื่อใส่ดินแล้ว ก็จะกวนให้ดินสามารถจับกับสิ่งเจือปนในน้ำมัน ไม่ว่าจะโดยกล (เช่น {{ไม่ตัด |แรงแวนเดอร์วาลส์}} {{ไม่ตัด |{{bracket |Van der Waals force}}}}) หรือโดยเคมี |
||
แล้วก็จะกรองสารผสมเพื่อกำจัดดินที่จับกับสิ่งเจือปน<ref>{{Cite journal | last = Zschau | first = Werner | date = 2001-08-01 | title = Bleaching of edible fats and oils | journal = European Journal of Lipid Science and Technology | volume = 103 | issue = 8 | pages = 505 |
แล้วก็จะกรองสารผสมเพื่อกำจัดดินที่จับกับสิ่งเจือปน<ref>{{Cite journal | last = Zschau | first = Werner | date = 2001-08-01 | title = Bleaching of edible fats and oils | journal = European Journal of Lipid Science and Technology | volume = 103 | issue = 8 | pages = 505{{Hyphen}}551 | doi = 10.1002/1438-9312(200108)103:8<505::aid-ejlt505>3.0.co;2-7 | issn = 1438-9312 | df = dmy-all}}</ref> |
||
=== การกำจัดกลิ่น === |
=== การกำจัดกลิ่น === |
||
ขั้นตอนที่สี่เพื่อทำน้ำมันให้บริสุทธิ์ก็คือการกำจัด[[กลิ่น]] คือสารระเหยทั้งหลาย |
ขั้นตอนที่สี่เพื่อทำน้ำมันให้บริสุทธิ์ก็คือการกำจัด[[กลิ่น]] คือสารระเหยทั้งหลาย |
||
โดยการฉีด[[ไอน้ำ]]แรงดันสูงเข้าไปภายใต้[[สุญญากาศ]]<ref>{{Cite journal | last = Dudrow | first = F. A. | date = February 1983 | title = Deodorization of edible oil | journal = Journal of the American Oil Chemists' Society | volume = 60 | issue = 2Part1 | pages = 272 |
โดยการฉีด[[ไอน้ำ]]แรงดันสูงเข้าไปภายใต้[[สุญญากาศ]]<ref>{{Cite journal | last = Dudrow | first = F. A. | date = February 1983 | title = Deodorization of edible oil | journal = Journal of the American Oil Chemists' Society | volume = 60 | issue = 2Part1 | pages = 272{{Hyphen}}274 | doi = 10.1007/bf02543499 | issn = 0003-021X | df = dmy-all}}</ref> |
||
=== Winterization === |
=== Winterization === |
||
บรรทัด 142: | บรรทัด 136: | ||
ในกระบวนการนี้ น้ำมันจะแยกเป็นส่วนของเหลวและของแข็ง |
ในกระบวนการนี้ น้ำมันจะแยกเป็นส่วนของเหลวและของแข็ง |
||
ส่วนที่แข็งจับเป็นผลึกก็เพราะมีไตรเอซีลกลีเซอรอลมาก |
ส่วนที่แข็งจับเป็นผลึกก็เพราะมีไตรเอซีลกลีเซอรอลมาก |
||
แล้วก็จะแยกออกจากกันด้วยการกรอง<ref name=":1" /><ref>{{Cite journal | last = Kreulen | first = H. P. | date = June 1976 | title = Fractionation and winterization of edible fats and oils | journal = Journal of the American Oil Chemists' Society | volume = 53 | issue = 6Part2 | pages = 393 |
แล้วก็จะแยกออกจากกันด้วยการกรอง<ref name=":1" /><ref>{{Cite journal | last = Kreulen | first = H. P. | date = June 1976 | title = Fractionation and winterization of edible fats and oils | journal = Journal of the American Oil Chemists' Society | volume = 53 | issue = 6Part2 | pages = 393{{Hyphen}}396 | doi = 10.1007/bf02605729 | issn = 0003-021X | df = dmy-all}}</ref> |
||
== การใช้ในอาหาร == |
== การใช้ในอาหาร == |
||
น้ำมันเมล็ดฝ้ายเคยใช้ในอาหารเช่น มันฝรั่งทอดแผ่นบาง และใช้เป็นองค์ประกอบหลักในผลิตภัณฑ์เนยขาวของบริษัท Crisco |
น้ำมันเมล็ดฝ้ายเคยใช้ในอาหารเช่น มันฝรั่งทอดแผ่นบาง และใช้เป็นองค์ประกอบหลักในผลิตภัณฑ์เนยขาวของบริษัท Crisco |
||
แต่ผลิตภัณฑ์ปัจจุบันของบริษัทไม่มีน้ำมันเมล็ดฝ้าย<ref>{{ |
แต่ผลิตภัณฑ์ปัจจุบันของบริษัทไม่มีน้ำมันเมล็ดฝ้าย<ref>{{Cite web | url = http://www.crisco.com/Products/Details.aspx?groupID=17&prodID=803 | publisher = crisco.com | title = Ingredient facts | url-status = dead | archive-url = https://web.archive.org/web/20091115070325/http://www.crisco.com/Products/Details.aspx?GroupID=17&ProdID=803 | archive-date = 2009-11-15 | df = dmy-all}}</ref> |
||
เพราะแพงน้อยกว่า[[น้ำมันมะกอก]]และ[[น้ำมันคาโนลา]]มาก |
เพราะแพงน้อยกว่า[[น้ำมันมะกอก]]และ[[น้ำมันคาโนลา]]มาก |
||
น้ำมันเมล็ดฝ้ายจึงนิยมใช้ในร้านอาหารและอุตสาหกรรมผลิตอาหารว่าง<ref>{{ |
น้ำมันเมล็ดฝ้ายจึงนิยมใช้ในร้านอาหารและอุตสาหกรรมผลิตอาหารว่าง<ref>{{Cite web | url = http://www.cotton247.com/cg/?storyid=743 | publisher = cotton 247.com | title = Cottonseed oil use on the rise | url-status = dead | archive-url = https://web.archive.org/web/20110708194121/http://www.cotton247.com/cg/?storyid=743 | archive-date = 2011-07-08 | df = dmy-all}}</ref> |
||
น้ำมันเมล็ดฝ้ายใช้ผลิตโภคภัณฑ์อาหารเช่น [[น้ำมันประกอบอาหาร]] น้ำสลัด [[เนยเทียม]] และ[[เนยขาว]]<ref>{{ |
น้ำมันเมล็ดฝ้ายใช้ผลิตโภคภัณฑ์อาหารเช่น [[น้ำมันประกอบอาหาร]] น้ำสลัด [[เนยเทียม]] และ[[เนยขาว]]<ref>{{Cite web | title = Cottonseed Oil | url = https://www.sciencedirect.com/topics/agricultural-and-biological-sciences/cottonseed-oil | publisher = ScienceDirect, Elsevier | access-date = 2019-02-22 | archive-url = https://web.archive.org/web/20190222042430/https://www.sciencedirect.com/topics/agricultural-and-biological-sciences/cottonseed-oil | archive-date = 2019-02-22 | url-status = live}}</ref><ref name=":1" /> |
||
== สิ่งที่ไม่ใช่อาหาร == |
== สิ่งที่ไม่ใช่อาหาร == |
||
ใน[[การเกษตร]] น้ำมันเมล็ดฝ้ายทั่วไปมีฤทธิ์ฆ่าแมลงแรงที่สุดในบรรดาน้ำมันพืชทั้งหมด |
ใน[[การเกษตร]] น้ำมันเมล็ดฝ้ายทั่วไปมีฤทธิ์ฆ่าแมลงแรงที่สุดในบรรดาน้ำมันพืชทั้งหมด |
||
ซึ่งมักใช้เพราะมีประสิทธิภาพแก้ปัญหาศัตรูพืชผลไม้ที่แก้ยาก |
ซึ่งมักใช้เพราะมีประสิทธิภาพแก้ปัญหาศัตรูพืชผลไม้ที่แก้ยาก |
||
และยังสามารถผสมกับยาฆ่าแมลงอื่น ๆ เพื่อให้มีฤทธิ์ครอบคลุมกว่า และทำให้คุมแมลงได้ดีกว่า<ref>{{Cite news | url = http://extension.colostate.edu/topic-areas/insects/insect-control-horticultural-oils-5-569/ | title = Insect Control: Horticultural Oils - 5.569 - Extension | work = Extension | access-date = 2018-08-07}}</ref> |
และยังสามารถผสมกับยาฆ่าแมลงอื่น ๆ เพื่อให้มีฤทธิ์ครอบคลุมกว่า และทำให้คุมแมลงได้ดีกว่า<ref>{{Cite news | url = http://extension.colostate.edu/topic-areas/insects/insect-control-horticultural-oils-5-569/ | title = Insect Control: Horticultural Oils - 5.569 - Extension | work = Extension | access-date = 2018-08-07 | df = dmy-all}}</ref> |
||
== ยาฆ่าแมลง == |
== ยาฆ่าแมลง == |
||
ในการเกษตร พิษของน้ำมันเมล็ดฝ้ายที่ไม่กำจัดอาจเป็นเรื่องมีประโยชน์ น้ำมันต่าง ๆ รวมทั้งน้ำมันพืชได้ใช้เป็นศตวรรษ ๆ เพื่อควบคุมแมลงและไรที่เป็นศัตรูพืช<ref name=CSU>{{ |
ในการเกษตร พิษของน้ำมันเมล็ดฝ้ายที่ไม่กำจัดอาจเป็นเรื่องมีประโยชน์ น้ำมันต่าง ๆ รวมทั้งน้ำมันพืชได้ใช้เป็นศตวรรษ ๆ เพื่อควบคุมแมลงและไรที่เป็นศัตรูพืช<ref name=CSU>{{Cite web | author1 = Cranshaw, WS | author2 = Baxendale, B | date = 2013-04-19 | title = Insect Control: Horticultural Oils | url = http://www.ext.colostate.edu/pubs/insect/05569.html | publisher = Colorado State University Extension | archive-url = https://web.archive.org/web/20170703231812/http://extension.colostate.edu/publications-2 | archive-date = 2017-07-03 | url-status = live }}</ref> |
||
ในปี 2010 มีการใช้น้ำมันเมล็ดฝ้ายเพื่อป้องกันลำต้นของต้น[[แอปเปิล]]จาก[[ผีเสื้อ]]พันธุ์ ''Synanthedon myopaeformis'' ซึ่งขุดรูเข้าไปในเปลือกไม้และอาจทำให้ต้นไม้ตายได้<ref>{{Cite journal | last = Erler | first = Fedai | date = 2010-01-01 | title = Efficacy of tree trunk coating materials in the control of the apple clearwing, Synanthedon myopaeformis | url = https://academic.oup.com/jinsectscience/article/10/1/63/845249 | journal = Journal of Insect Science | volume = 10 | issue = 1 | pages = 1 |
ในปี ค.ศ. 2010 มีการใช้น้ำมันเมล็ดฝ้ายเพื่อป้องกันลำต้นของต้น[[แอปเปิล]]จาก[[ผีเสื้อ]]พันธุ์ ''Synanthedon myopaeformis'' ซึ่งขุดรูเข้าไปในเปลือกไม้และอาจทำให้ต้นไม้ตายได้<ref>{{Cite journal | last = Erler | first = Fedai | date = 2010-01-01 | title = Efficacy of tree trunk coating materials in the control of the apple clearwing, Synanthedon myopaeformis | url = https://academic.oup.com/jinsectscience/article/10/1/63/845249 | journal = Journal of Insect Science | volume = 10 | issue = 1 | pages = 1{{Hyphen}}8 | doi = 10.1673/031.010.6301 | pmid = 20672979 | pmc = 3014806 | df = dmy-all}}</ref> |
||
น้ำมันทั่วไปจัดว่ามีฤทธิ์ฆ่าแมลงแรงที่สุดในบรรดาน้ำมันพืชทั้งหลาย<ref name=CSU/> |
น้ำมันทั่วไปจัดว่ามีฤทธิ์ฆ่าแมลงแรงที่สุดในบรรดาน้ำมันพืชทั้งหลาย<ref name=CSU /> |
||
== เชิงอรรถและอ้างอิง == |
== เชิงอรรถและอ้างอิง == |
||
บรรทัด 166: | บรรทัด 160: | ||
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
||
* [http://www.indexmundi.com/agriculture/?commodity=cottonseed-oil Cottonseed oil production, supply, and distribution statistics by country] |
* [http://www.indexmundi.com/agriculture/?commodity=cottonseed-oil Cottonseed oil production, supply, and distribution statistics by country] – แหล่งข้อมูลจาก the United States Department of Agriculture |
||
* [http://purl.org/pressemappe20/folder/wa/142093,141728 กฤตภาคเกี่ยวกับ น้ำมันเมล็ดฝ้าย] ใน [[20th Century Press Archives]] โดย [[German National Library of Economics|ZBW]] (ทั่วโลก และ[https://pm20.zbw.eu/category/ware/i/142093/about.en.html แบ่งตามประเทศ]) |
|||
{{Break}} |
|||
{{ไขมันและน้ำมัน}} |
{{ไขมันและน้ำมัน}} |
||
{{Authority control}} |
|||
[[หมวดหมู่:น้ำมันประกอบอาหาร]] |
[[หมวดหมู่:น้ำมันประกอบอาหาร]] |
||
[[หมวดหมู่:น้ำมันพืช]] |
[[หมวดหมู่:น้ำมันพืช]] |
||
[[หมวดหมู่:Cotton]] |
|||
[[หมวดหมู่:ฝ้าย]] |
[[หมวดหมู่:ฝ้าย]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 18:00, 29 ธันวาคม 2565
น้ำมันเมล็ดฝ้าย (อังกฤษ: Cottonseed oil) เป็นน้ำมันประกอบอาหารที่สกัดมาจากเมล็ดของฝ้ายพันธุ์ต่าง ๆ โดยหลักพันธุ์ Gossypium hirsutum และ Gossypium herbaceum ซึ่งปลูกเพื่อทำฝ้าย อาหารสัตว์ และน้ำมัน[1] เมล็ดฝ้ายมีโครงสร้างคล้ายกับเมล็ดทำน้ำมันอื่น ๆ เช่น เมล็ดทานตะวัน คือมีเนื้อในเมล็ดที่มีน้ำมันซึ่งล้อมรอบด้วยเปลือกแข็งนอก เมื่อแปรรูป น้ำมันจะสกัดจากเนื้อในเมล็ด น้ำมันเมล็ดฝ้ายใช้ทำน้ำสลัด มายองเนส และผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกันอื่น ๆ เพราะรสชาติค่อนข้างเสถียร[2]
องค์ประกอบ[แก้]
น้ำมันปกติจะประกอบด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว (เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่เดี่ยว 18% และมีพันธะคู่หลายคู่ 52%) และมีกรดไขมันอิ่มตัว 26%[3] เมื่อเติมไฮโดรเจนให้เต็ม (fully hydrogenated) มันจะประกอบด้วยกรดไขมันอิ่มตัว 94% และกรดไขมันไม่อิ่มตัว 2% (1.5% มีพันธะคู่เดี่ยวและ 0.5% มีพันธะคู่หลายคู่)[4] ตามบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรม น้ำมันนี้ไม่ต้องเติมไฮโดรเจนเท่ากับน้ำมันไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่หลายคู่อื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลเช่นเดียวกัน[2]
สารก๊อสสิพอล (Gossypol) เป็นสารประกอบโพลีฟีนอล (polyphenolic compound) มีสีเหลืองเป็นพิษ ที่ได้จากฝ้ายและพืชอื่น ๆ ในวงศ์ชบา (Malvaceae) เช่น กระเจี๊ยบ[5] สารประกอบมีสีนี้เกิดตามธรรมชาติในต่อมเล็ก ๆ ในเมล็ด ใบ ก้าน เปลือกรากแก้ว และรากของต้นฝ้าย หน้าที่ทางวิวัฒนาการของสารนี้ก็คือใช้ต้านแมลง เรื่องสำคัญเมื่อทำให้บริสุทธิ์ ฟอกสี และกำจัดกลิ่นก็คือ ต้องกำจัดสารพิษก๊อสสิพอล เฟอริกคลอไรด์มักใช้กำจัดสีของน้ำมัน[6]
เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันพืชอื่น ๆ[แก้]
น้ำมันพืช[7][8] | ||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ประเภท | การ แปรรูป |
กรดไขมัน อิ่มตัว |
กรดไขมันไม่อิ่มตัว มีพันธะคู่เดี่ยว |
กรดไขมันไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่หลายคู่ | จุดก่อควัน | |||
มีพันธะเดียว รวม[7] |
กรดโอเลอิก (ω-9) |
มีหลายพันธะ รวม[7] |
กรดลิโนเลนิก (ω-3) |
กรดลิโนเลอิก (ω-6) | ||||
อาโวคาโด[9] | 11.6 | 70.6 | 13.5 | 1 | 12.5 | 249 องศาเซลเซียส (480 องศาฟาเรนไฮต์)[10] | ||
คาโนลา[11] | 7.4 | 63.3 | 61.8 | 28.1 | 9.1 | 18.6 | 238 องศาเซลเซียส (460 องศาฟาเรนไฮต์)[12] | |
มะพร้าว[13] | 82.5 | 6.3 | 6 | 1.7 | 175 องศาเซลเซียส (347 องศาฟาเรนไฮต์)[12] | |||
ข้าวโพด[14] | 12.9 | 27.6 | 27.3 | 54.7 | 1 | 58 |
232 องศาเซลเซียส (450 องศาฟาเรนไฮต์)[15] | |
เมล็ดฝ้าย[16] | 25.9 | 17.8 | 19 | 51.9 | 1 | 54 | 216 องศาเซลเซียส (420 องศาฟาเรนไฮต์)[15] | |
เมล็ดแฟลกซ์[17] | 9.0 | 18.4 | 18 | 67.8 | 53 | 13 |
107 องศาเซลเซียส (225 องศาฟาเรนไฮต์) | |
เมล็ดองุ่น | 10.5 | 14.3 | 14.3 | 74.7 | - | 74.7 | 216 องศาเซลเซียส (421 องศาฟาเรนไฮต์)[18] | |
น้ำมันกัญชง[19] | 7.0 | 9.0 | 9.0 | 82.0 | 22.0 | 54.0 | 166 องศาเซลเซียส (330 องศาฟาเรนไฮต์)[20] | |
มะกอก[21] | 13.8 | 73.0 | 71.3 | 10.5 | 0.7 | 9.8 | 193 องศาเซลเซียส (380 องศาฟาเรนไฮต์)[12] | |
ปาล์ม[22] | 49.3 | 37.0 | 40 | 9.3 | 0.2 | 9.1 | 235 องศาเซลเซียส (455 องศาฟาเรนไฮต์) | |
ถั่วลิสง[23] | 20.3 | 48.1 | 46.5 | 31.5 | 31.4 | 232 องศาเซลเซียส (450 องศาฟาเรนไฮต์)[15] | ||
คำฝอย[24] | 7.5 | 75.2 | 75.2 | 12.8 | 0 | 12.8 | 212 องศาเซลเซียส (414 องศาฟาเรนไฮต์)[12] | |
ถั่วเหลือง[25] | 15.6 | 22.8 | 22.6 | 57.7 | 7 | 51 | 238 องศาเซลเซียส (460 องศาฟาเรนไฮต์)[15] | |
เมล็ดทานตะวัน (มาตรฐาน, 65% ไลโนเลอิก)[26] | 10.3 | 19.5 | 19.5 | 65.7 | 0 | 65.7 | ||
เมล็ดทานตะวัน (<60% ไลโนเลอิก)[27] | 10.1 | 45.4 | 45.3 | 40.1 | 0.2 | 39.8 |
227 องศาเซลเซียส (440 องศาฟาเรนไฮต์)[15] | |
เมล็ดทานตะวัน (>70% โอเลอิก)[28] | 9.9 | 83.7 | 82.6 | 3.8 | 0.2 | 3.6 |
227 องศาเซลเซียส (440 องศาฟาเรนไฮต์)[15] | |
เมล็ดฝ้าย[29] | ไฮโดรจีเนต | 93.6 | 1.5 | 0.6 | 0.3 | |||
ปาล์ม[30] | ไฮโดรจีเนต | 88.2 | 5.7 | 0 | ||||
ถั่วเหลือง[31] | ไฮโดรจีเนตบางส่วน | 14.9 | 43.0 | 42.5 | 37.6 | 2.6 | 34.9 | |
ค่าเป็นเปอร์เซ็นต์ (%) ของน้ำหนักไขมันรวม |
คุณสมบัติทางกายภาพ[แก้]
เมื่อแปรรูปแล้ว น้ำมันเมล็ดฝ้ายจะมีรสจืดและมีสีทองอ่อน ๆ โดยขึ้นอยู่กับการทำให้บริสุทธิ์[32] ความหนาแน่นจะอยู่ในระหว่าง 0.917–0.933 ก./ซม3 น้ำมันมีจุดก่อควันค่อนข้างสูงทำให้สามารถใช้ผัด/ทอดอาหารได้[33] เหมือนกันน้ำมันมีกรดไขมันโซ่ยาวอื่น ๆ น้ำมันเมล็ดฝ้ายมีจุดก่อควันที่ประมาณ 450 องศาเซลเซียส[5] มีโทโคฟีรอลมาก จึงทำให้เสถียรและมีอายุการเก็บรักษานาน ผู้ผลิตจึงมักใช้ในผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปต่าง ๆ
ประวัติทางเศรษฐกิจ[แก้]
เพราะเมล็ดฝ้ายเป็นผลิตผลพลอยได้จากกระบวนการแปรรูปให้ได้ฝ้าย เมล็ดจึงเกือบไม่มีค่าอะไรก่อนคริสต์ทศวรรษที่ 19[34] เมื่อผลิตฝ้ายมากขึ้น ๆ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17, 18 และ 19 เมล็ดฝ้ายที่เก็บก็มีมากขึ้น ๆ[34] แม้จะมีบางส่วนที่ใช้ปลูกพืช ทำปุ๋ย และทำอาหารสัตว์ แต่ที่เหลือโดยมากก็ทิ้งไว้จนเน่าหรือลอบทิ้งลงแม่น้ำอย่างผิดกฎหมาย[35]
ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1820 และ 1830 ยุโรปเกิดขาดแคลนไขมันและน้ำมันเนื่องจากการขยายตัวประชากรอย่างรวดเร็วเนื่องกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม และผลตามมาของการปิดล้อมทางน้ำของกองทัพเรืองอังกฤษในช่วงสงครามนโปเลียน[35] ความต้องการไขมันและน้ำมันที่เพิ่มขึ้นบวกกับปริมาณสินค้า (อุปทาน) ที่ลดลงทำให้ราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว[34] ผลก็คือ คนยุโรปจำนวนมากไม่มีเงินพอซื้อไขมันและน้ำมันเพื่อประกอบอาหารหรือใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อแสงสว่างได้[34] นักลงทุนในสหรัฐจึงเริ่มแสวงหาประโยชน์จากความต้องการน้ำมัน (อุปสงค์) ที่สูงขึ้นและจากการมีเมล็ดฝ้ายเป็นจำนวนมากด้วยการบีบอัดเมล็ดฝ้ายสกัดน้ำมัน[35] แต่การแยกเปลือกออกจากเนื้อในเมล็ดเป็นเรื่องยาก ดังนั้น ธุรกิจโดยมากจึงล้มเหลวภายในไม่กี่ปี[35] ต่อมาปี ค.ศ. 1857 จึงได้ประดิษฐ์เครื่อง huller ซึ่งแยกเปลือกจากเนื้อเมล็ดฝ้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ[34] น้ำมันเมล็ดฝ้ายจึงได้เริ่มใช้เป็นเชื้อเพลิงตะเกียงเพื่อเสริมน้ำมันวาฬและน้ำมันหมูที่แพงขึ้นเรื่อย ๆ[34] แต่เมื่อถึงปี ค.ศ. 1859 นี่ก็ยุติลงเพราะอุตสาหกรรมปิโตเลียมได้เกิดขึ้น[34]
น้ำมันเมล็ดฝ้ายได้ใช้ปลอมปนไขมันสัตว์และไขมันหมูอย่างผิดกฎหมาย[34] คือ ผู้ฆ่าและขายเนื้อสัตว์ได้ลอบผสมน้ำมันเมล็ดฝ้ายกับไขมันสัตว์ แต่ก็ถูกเปิดโปงในปี ค.ศ. 1884[34] คือบริษัทอเมริกันบริษัทหนึ่งพยายามผูกขาดตลาดน้ำมันหมูแล้วพบว่า ตนได้ซื้อน้ำมันหมูมากกว่าที่หมูทั้งหมดที่มีจะผลิตได้[34] รัฐสภาสหรัฐจึงได้เข้าตรวจสอบ แล้วผ่านกฎหมายบังคับให้ผลิตภัณฑ์เสริมด้วยน้ำมันเมล็ดฝ้ายขึ้นป้ายว่า "ไขมันหมูประกอบ (lard compound)"[35] โดยนัยเดียวกัน น้ำมันมะกอกบ่อยครั้งก็ปลอมปนผสมน้ำมันเมล็ดฝ้ายเช่นกัน เมื่อถูกเปิดโปงแล้ว ประเทศต่าง ๆ จึงได้เพิ่มภาษีศุลกากรแก่น้ำมันมะกอกอเมริกัน โดยอิตาลีได้ห้ามไม่ให้นำเข้าผลิตภัณฑ์โดยสิ้นเชิงในปี ค.ศ. 1883[35] กฎบังคับทั้งสองนี้ได้ลดยอดขายและการส่งออกน้ำมันเมล็ดฝ้ายจากอเมริกา ทำให้มีน้ำมันมากเกินแล้วลดราคาของน้ำมันอีก[35] จึงทำให้บริษัทที่เพิ่งตั้งใหม่คือพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล สามารถถือเอาประโยชน์จากเหตุนี้[35]
เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจในปี ค.ศ. 1837 (Panic of 1837) ทำให้พี่น้องเขยรวมธุรกิจผลิตเทียนไขและสบู่เข้าด้วยกันเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการผลิตและรับมือกับเศรษฐกิจช่วงขาลง[34] เมื่อสืบหาสิ่งที่จะมาแทนที่ไขมันสัตว์ราคาสูง พี่น้องคู่นี้ก็ได้ตกลงใช้น้ำมันเมล็ดฝ้าย[34] บริษัทจึงได้รวบยอดซื้อน้ำมันเมล็ดฝ้ายผูกขาดตลาดเพื่อหลีกเลี่ยงการผูกขาดน้ำมันสัตว์ของผู้ฆ่าและขายเนื้อสัตว์ แต่เมื่อเกิดไฟฟ้าขึ้น ความต้องการเทียนไขก็ได้ลดลง[35] บริษัทจึงได้ค้นหาการใช้น้ำมันเป็นอาหาร ด้วยเทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตร พี่น้องทั้งสองจึงสามารถเติมไฮโดรเจนใส่น้ำมัน แล้วพัฒนาผลิตไขมันที่คล้ายกับมันหมู[34] ในปี ค.ศ. 1911 บริษัทจึงได้โหมวางตลาดขายเนยขาวจากพืชคือ Crisco ซึ่งสามารถใช้แทนมันหมู[36]
บริษัทได้โฆษณาในหนังสือพิมพ์ว่า ผลิตภัณฑ์ "ย่อยได้ดีกว่า เป็นทางเลือกการปรุงอาหารที่ดีต่อสุขภาพยิ่งกว่าไขมันสัตว์ และถูกกว่าเนย"[37] บริษัทยังแจกคู่มือประกอบอาหารซึ่งอาหารแต่ละอย่างล้วนให้ใช้ Crisco[37] ในคริสต์ทศวรรษ 1920 บริษัทได้พัฒนาคู่มือประกอบอาหารสำหรับคนชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในภาษาของตน ๆ[37] นอกจากนั้น บริษัทยังมีรายการวิทยุเรื่องประกอบอาหาร[37] เช่นกัน ในปี ค.ศ. 1899 นักเคมีอาหารคนหนึ่งได้พัฒนาน้ำมันเมล็ดฝ้ายไร้กลิ่นซึ่งวางขายในยี่ห้อ Wesson[35] ซึ่งก็โหมวางตลาดแล้วกลายเป็นที่นิยมเช่นกัน[35]
30 ปีต่อมาในสหรัฐอเมริกา น้ำมันเมล็ดฝ้ายจึงได้กลายเป็นน้ำมันสำคัญ[34] น้ำมันยี่ห้อทั้งสองนี้ได้ทดแทนการใช้น้ำมันหมูและน้ำมันราคาสูงกว่าอื่น ๆ ในการอบ ผัด/ทอด[34] แต่ในสงครามโลกครั้งที่สอง การขาดน้ำมันทำให้ต้องใช้ของทดแทนอีกอย่างคือน้ำมันถั่วเหลือง[34] ในปี ค.ศ. 1944 การผลิตน้ำมันถั่วเหลืองจึงเกินน้ำมันเมล็ดฝ้ายจนราคาของน้ำมันถั่วเหลืองได้ลดลงต่ำกว่าน้ำมันเมล็ดฝ้าย[34] ในปี ค.ศ. 1950 น้ำมันถั่วเหลืองก็ได้แทนการใช้น้ำมันเมล็ดฝ้ายในเนยขาว เช่น Crisco เพราะราคาถูกกว่า[34] น้ำมันเมล็ดฝ้ายยังมีราคาสูงขึ้นเพราะการปลูกข้าวโพดและถั่วเหลืองแทน ซึ่งเป็นแนวโน้มที่มีเหตุโดยหลักจากความต้องการน้ำเชื่อมข้าวโพดและเอทานอลที่สูงขึ้น[34] น้ำมันเมล็ดฝ้ายจึงผลิตลดลงเรื่อย ๆ ในกลางและปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20[34]
ในกลางจนถึงปลายคริสต์ทศวรรษ 2000 ผู้บริโภคเริ่มหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์มากขึ้น บวกกับกฎบังคับให้ขึ้นป้ายไขมันทรานส์ในบางประเทศ จึงทำให้บริโภคน้ำมันเมล็ดฝ้ายมากขึ้น[38] โดยมีผู้ชำนาญการทางสุขภาพ[39] และองค์กรสุขภาพของรัฐ[40] ที่แนะนำว่าเป็นน้ำมันซึ่งถูกสุขภาพ และ Crisco และบริษัทอื่น ๆ ก็ได้เปลี่ยนน้ำมันเมล็ดฝ้ายให้มีไขมันทรานส์น้อยมากหรือไม่มีเลย[41] อย่างไรก็ดี ผู้ชำนาญการทางสุขภาพบางท่านอ้างว่า น้ำมันมีอัตราส่วนไขมันไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่หลายคู่ต่อไขมันไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่เดี่ยวสูง และเพราะต้องแปรรูป จึงไม่ถูกสุขภาพ[42]
กฎบังคับ[แก้]
"น้ำมันเมล็ดฝ้าย" ในแคนาดาต้องสกัดมาจากเมล็ดของพืชสกุลฝ้าย (Gossypium) เมื่อผลิตมาจากน้ำมันเมล็ดฝ้าย 100% ผลิตภัณฑ์ต้องขึ้นป้ายบรรจุภัณฑ์เช่นนั้น[43]
น้ำมันเมล็ดฝ้ายที่วางขายว่าทานได้ควรจะแปรรูปและทำให้บริสุทธิ์จากองค์ประกอบที่อาจเป็นอันตราย โดยเฉพาะคือสารก๊อสสิพอล (Gossypol) ซึ่งเป็นสีธรรมชาติในเมล็ดฝ้ายและมีฤทธิ์เป็นเครื่องป้องกันแมลงและสัตว์อื่น ๆ ตามธรรมชาติ แต่ก็เป็นพิษต่อมนุษย์และอาจทำให้ชายเป็นหมันได้[44]
การสกัด[แก้]
เหมือนกับน้ำมันพืชอื่น ๆ น้ำมันเมล็ดฝ้ายสกัดมาจากเมล็ด ไม่ว่าจะโดยกระบวนการทางกล เช่น การบดอัดแล้วบีบ หรือกระบวนการทางเคมี เช่น ใช้ตัวทำละลาย[45] แต่ก็ใช้ตัวทำละลายเพื่อสกัดอย่างสามัญที่สุด[46]
การทำให้บริสุทธิ์[แก้]
เมื่อสกัดน้ำมันได้แล้ว จะต้องแปรรูปและทำให้บริสุทธิ์ก่อนที่จะนำไปบริโภค เพื่อกำจัดสิ่งไม่บริสุทธิ์รวมทั้งกรดไขมันอิสระ (free fatty acid ตัวย่อ FFA) ฟอสโฟลิพิด สี และสารระเหยอื่น ๆ[45][47][48]
การกำจัดกัม (degumming)[แก้]
การกำจัดกัม (degumming) เป็นขั้นตอนแรกในการทำน้ำมันให้บริสุทธิ์จากฟอสโฟลิพิด กัม ไข และสิ่งเจือปนอื่น ๆ ที่มีในน้ำมันดิบ[49][50] คือจะใช้น้ำหรือกรดเจือจางอื่น ๆ เช่น กรดฟอสฟอริก เพราะฟอสโฟลิพิดจะดูดกับน้ำเหตุเป็นสารแอมฟิฟิลิก (amphipathic) (คือชอบน้ำข้างหนึ่ง ชอบไขมันอีกข้างหนึ่ง) ซึ่งเปลี่ยนลิพิดให้เป็นกัมอิ่มน้ำ (hydrated gum) กัมเช่นนี้ละลายในน้ำมันไม่ได้ จึงสามารถแยกออกด้วยเครื่องหมุนเหวี่ยง กัมที่แยกออกก็จะทำให้แห้งแล้วทำเป็นตัวทำอิมัลชัน (emulsifying agent) เช่น เลซิทิน
การทำให้เป็นกลาง (neutralization)[แก้]
ขั้นที่สองในการทำน้ำมันให้บริสุทธิ์ก็คือการแยกกรดไขมันอิสระ (FFA) ออกจากน้ำมันผ่านการทำให้เป็นกลางด้วยด่าง (alkaline neutralization) ขึ้นอยู่กับน้ำมันที่ต้องการ อาจมีขั้นตอน 2–3 ขั้นในกระบวนการนี้ การผ่านทั้ง 3 ขั้นจะทำให้ได้น้ำมันคุณภาพดีที่สุด และน้ำมันเมล็ดฝ้ายจะผ่านทั้ง 3 ขั้นตอน[51]
ขั้นแรกของการทำให้เป็นกลางก็คือเติมโซดาไฟ (sodium hydroxide, NaOH) ใส่น้ำมันหลังจากปัมพ์มันผ่านเครื่องกรองแล้วให้ความร้อนจนถึง 133 องศาเซลเซียส (°C) ปฏิกิริยาเปลี่ยนเป็นสบู่ (saponification) จะทำน้ำมันให้เป็นกลางเมื่อผสมกับโซดาไฟแล้ว ในกระบวนการนี้ ประจุบวกของกรดไขมันอิสระ (FFA) จะทำปฏิกิริยากับหมู่ไฮดรอกซิลของโซดาไฟแล้วกลายเป็นสบู่และกลีเซอรอล (glycerol) ส่วนนี้ซึ่งเรียกในภาษาอังกฤษว่า soapstock จะแยกออกจากน้ำมัน
ขั้นที่สองเป็นการซ้ำขั้นแรกโดยใส่โซดาไฟลงในน้ำมันเพิ่มขึ้น ส่วนขั้นสุดท้ายเป็นการล้างด้วยน้ำครั้งที่สองเพื่อให้สบู่เหลือน้อยที่สุด[51]
การฟอกสี[แก้]
ขั้นที่สามในกระบวนการทำให้บริสุทธิ์เป็นการกำจัดสบู่ กัม และสีที่เหลือด้วยการฟอกสี (bleaching) สารฟอกขาว (bleaching agent) ที่ใช้อย่างสามัญที่สุดก็คือดินฟอกสี (bleaching earth) ซึ่งเป็นดินเหนียวเบนทอไนต์ (bentonite) ประเภทหนึ่ง เมื่อใส่ดินแล้ว ก็จะกวนให้ดินสามารถจับกับสิ่งเจือปนในน้ำมัน ไม่ว่าจะโดยกล (เช่น แรงแวนเดอร์วาลส์ [Van der Waals force]) หรือโดยเคมี แล้วก็จะกรองสารผสมเพื่อกำจัดดินที่จับกับสิ่งเจือปน[52]
การกำจัดกลิ่น[แก้]
ขั้นตอนที่สี่เพื่อทำน้ำมันให้บริสุทธิ์ก็คือการกำจัดกลิ่น คือสารระเหยทั้งหลาย โดยการฉีดไอน้ำแรงดันสูงเข้าไปภายใต้สุญญากาศ[53]
Winterization[แก้]
การทำน้ำมันให้บริสุทธิ์ขั้นที่ 5 ก็คือกระบวนการ winterization เพื่อกำจัดไตรเอซีลกลีเซอรอล (triacylglycerol) เพื่อไม่ให้ผลิตภัณฑ์แข็งตัวที่อุณหภูมิต่ำ โดยเก็บน้ำมันไว้ในที่เย็นซึ่งมีอุณหภูมิต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส
ในกระบวนการนี้ น้ำมันจะแยกเป็นส่วนของเหลวและของแข็ง ส่วนที่แข็งจับเป็นผลึกก็เพราะมีไตรเอซีลกลีเซอรอลมาก แล้วก็จะแยกออกจากกันด้วยการกรอง[48][54]
การใช้ในอาหาร[แก้]
น้ำมันเมล็ดฝ้ายเคยใช้ในอาหารเช่น มันฝรั่งทอดแผ่นบาง และใช้เป็นองค์ประกอบหลักในผลิตภัณฑ์เนยขาวของบริษัท Crisco แต่ผลิตภัณฑ์ปัจจุบันของบริษัทไม่มีน้ำมันเมล็ดฝ้าย[55] เพราะแพงน้อยกว่าน้ำมันมะกอกและน้ำมันคาโนลามาก น้ำมันเมล็ดฝ้ายจึงนิยมใช้ในร้านอาหารและอุตสาหกรรมผลิตอาหารว่าง[56]
น้ำมันเมล็ดฝ้ายใช้ผลิตโภคภัณฑ์อาหารเช่น น้ำมันประกอบอาหาร น้ำสลัด เนยเทียม และเนยขาว[57][48]
สิ่งที่ไม่ใช่อาหาร[แก้]
ในการเกษตร น้ำมันเมล็ดฝ้ายทั่วไปมีฤทธิ์ฆ่าแมลงแรงที่สุดในบรรดาน้ำมันพืชทั้งหมด ซึ่งมักใช้เพราะมีประสิทธิภาพแก้ปัญหาศัตรูพืชผลไม้ที่แก้ยาก และยังสามารถผสมกับยาฆ่าแมลงอื่น ๆ เพื่อให้มีฤทธิ์ครอบคลุมกว่า และทำให้คุมแมลงได้ดีกว่า[58]
ยาฆ่าแมลง[แก้]
ในการเกษตร พิษของน้ำมันเมล็ดฝ้ายที่ไม่กำจัดอาจเป็นเรื่องมีประโยชน์ น้ำมันต่าง ๆ รวมทั้งน้ำมันพืชได้ใช้เป็นศตวรรษ ๆ เพื่อควบคุมแมลงและไรที่เป็นศัตรูพืช[59] ในปี ค.ศ. 2010 มีการใช้น้ำมันเมล็ดฝ้ายเพื่อป้องกันลำต้นของต้นแอปเปิลจากผีเสื้อพันธุ์ Synanthedon myopaeformis ซึ่งขุดรูเข้าไปในเปลือกไม้และอาจทำให้ต้นไม้ตายได้[60] น้ำมันทั่วไปจัดว่ามีฤทธิ์ฆ่าแมลงแรงที่สุดในบรรดาน้ำมันพืชทั้งหลาย[59]
เชิงอรรถและอ้างอิง[แก้]
- ↑ "Texas is a cotton country". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 ตุลาคม 2013. สืบค้นเมื่อ 23 ตุลาคม 2013.
- ↑ 2.0 2.1 "Twenty Facts About Cottonseed Oil from cotton plant". National Cottonseed Products Association. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 ตุลาคม 2015.
- ↑ "Basic Report: 04502, Oil, cottonseed, salad or cooking". United States Department of Agriculture. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 มกราคม 2019. สืบค้นเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2019.
- ↑ "Nutrient data for 04702, Oil, industrial, cottonseed, fully hydrogenated". United States Department of Agriculture. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 กันยายน 2013. สืบค้นเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2012.
- ↑ 5.0 5.1 Jones, Lynn A.; King, C. Clay (1996). "Cottonseed oil". ใน Hui, YH (บ.ก.). Bailey's Industrial Oil and Fat Products, Edible Oil and Fat Products: Oils and Oilseeds. New York: Wiley. ISBN 978-0-471-59426-0.
- ↑ Yatsu, L. Y.; Jacks, T. J.; Hensarling, T. (กุมภาพันธ์ 1970). "Use of ferric chloride to decolorize cottonseed oil". Journal of the American Oil Chemists' Society. 47 (2): 73–74. doi:10.1007/BF02541462. ISSN 0003-021X.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 "US National Nutrient Database, Release 28". United States Department of Agriculture. May 2016. All values in this column are from the USDA Nutrient database unless otherwise cited.
- ↑ "Fats and fatty acids contents per 100 g (click for "more details") example: avocado oil; user can search for other oils". Nutritiondata.com, Conde Nast for the USDA National Nutrient Database, Standard Release 21. 2014. สืบค้นเมื่อ 7 September 2017. Values from Nutritiondata.com (SR 21) may need to be reconciled with most recent release from the USDA SR 28 as of Sept 2017.
- ↑ "Avocado oil, fat composition, 100 g". US National Nutrient Database, Release 28, United States Department of Agriculture. May 2016. สืบค้นเมื่อ 6 September 2017.
- ↑ What is unrefined, extra virgin cold-pressed avocado oil?, The American Oil Chemists’ Society
- ↑ "Canola oil, fat composition, 100 g". US National Nutrient Database, Release 28, United States Department of Agriculture. May 2016. สืบค้นเมื่อ 6 September 2017.
- ↑ 12.0 12.1 12.2 12.3 Katragadda, H. R.; Fullana, A. S.; Sidhu, S.; Carbonell-Barrachina, Á. A. (2010). "Emissions of volatile aldehydes from heated cooking oils". Food Chemistry. 120: 59. doi:10.1016/j.foodchem.2009.09.070.
- ↑ "Coconut oil, fat composition, 100 g". US National Nutrient Database, Release 28, United States Department of Agriculture. May 2016. สืบค้นเมื่อ 6 September 2017.
- ↑ "Corn oil, industrial and retail, all purpose salad or cooking, fat composition, 100 g". US National Nutrient Database, Release 28, United States Department of Agriculture. May 2016. สืบค้นเมื่อ 6 September 2017.
- ↑ 15.0 15.1 15.2 15.3 15.4 15.5 Wolke, Robert L. (16 May 2007). "Where There's Smoke, There's a Fryer". The Washington Post. สืบค้นเมื่อ 5 March 2011.
- ↑ "Cottonseed oil, salad or cooking, fat composition, 100 g". US National Nutrient Database, Release 28, United States Department of Agriculture. May 2016. สืบค้นเมื่อ 6 September 2017.
- ↑ "Linseed/Flaxseed oil, cold pressed, fat composition, 100 g". US National Nutrient Database, Release 28, United States Department of Agriculture. May 2016. สืบค้นเมื่อ 6 September 2017.
- ↑ Garavaglia J, Markoski MM, Oliveira A, Marcadenti A (2016). "Grape Seed Oil Compounds: Biological and Chemical Actions for Health". Nutr Metab Insights. 9: 59–64. doi:10.4137/NMI.S32910. PMC 4988453. PMID 27559299.
- ↑ "Efficacy of dietary hempseed oil in patients with atopic dermatitis". Journal of Dermatological Treatment. 2005. สืบค้นเมื่อ 25 October 2017.
- ↑ https://www.veghealth.com/nutrition-tables/Smoke-Points-of-Oils-table.pdf
- ↑ "Olive oil, salad or cooking, fat composition, 100 g". US National Nutrient Database, Release 28, United States Department of Agriculture. May 2016. สืบค้นเมื่อ 6 September 2017.
- ↑ "Palm oil, fat composition, 100 g". US National Nutrient Database, Release 28, United States Department of Agriculture. May 2016. สืบค้นเมื่อ 6 September 2017.
- ↑ "Oil, peanut". FoodData Central. usda.gov.
- ↑ "Safflower oil, salad or cooking, high oleic, primary commerce, fat composition, 100 g". US National Nutrient Database, Release 28, United States Department of Agriculture. May 2016. สืบค้นเมื่อ 6 September 2017.
- ↑ "Soybean oil, salad or cooking, fat composition, 100 g". US National Nutrient Database, Release 28, United States Department of Agriculture. May 2016. สืบค้นเมื่อ 6 September 2017.
- ↑ "Sunflower oil, 65% linoleic, fat composition, 100 g". US National Nutrient Database, Release 28, United States Department of Agriculture. May 2016. สืบค้นเมื่อ 15 November 2018.
- ↑ "Sunflower oil, less than 60% of total fats as linoleic acid, fat composition, 100 g". US National Nutrient Database, Release 28, United States Department of Agriculture. May 2016. สืบค้นเมื่อ 6 September 2017.
- ↑ "Sunflower oil, high oleic - 70% or more as oleic acid, fat composition, 100 g". US National Nutrient Database, Release 28, United States Department of Agriculture. May 2016. สืบค้นเมื่อ 6 September 2017.
- ↑ "Cottonseed oil, industrial, fully hydrogenated, fat composition, 100 g". US National Nutrient Database, Release 28, United States Department of Agriculture. May 2016. สืบค้นเมื่อ 6 September 2017.
- ↑ "Palm oil, industrial, fully hydrogenated, filling fat, fat composition, 100 g". US National Nutrient Database, Release 28, United States Department of Agriculture. May 2016. สืบค้นเมื่อ 6 September 2017.
- ↑ "Soybean oil, salad or cooking, (partially hydrogenated), fat composition, 100 g". US National Nutrient Database, Release 28, United States Department of Agriculture. May 2016. สืบค้นเมื่อ 6 September 2017.
- ↑ "Cottonseed oil" (PDF). National Cottonseed Products Association. สืบค้นเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2010.
- ↑ "Cottonseed oil". Transport Information Service, Gesamtverband der Deutschen Versicherungswirtschaft e.V. สืบค้นเมื่อ 6 สิงหาคม 2012.
- ↑ 34.00 34.01 34.02 34.03 34.04 34.05 34.06 34.07 34.08 34.09 34.10 34.11 34.12 34.13 34.14 34.15 34.16 34.17 34.18 34.19 O’Brien, Richard D.; และคณะ (2005). "5". ใน Shahidi, Fereidoon (บ.ก.). Cottonseed oil. Bailey’s Industrial Oil and Fat Products. Vol. 2. John Wiley and Sons.
- ↑ 35.00 35.01 35.02 35.03 35.04 35.05 35.06 35.07 35.08 35.09 35.10 Nixon, HC (2005). "The Rise of the American Cottonseed Oil Industry". Journal of Political Economy. 38 (1): 73–85.
- ↑ Ramsey, Drew; Graham, Tyler (26 เมษายน 2012). "How Vegetable Oils Replaced Animals Fats in the American Diet". The Atlantic. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 ตุลาคม 2018.
- ↑ 37.0 37.1 37.2 37.3 "Crisco Corporate Historical Timeline". Crisco. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 ตุลาคม 2013.
- ↑ "Cottonseed Oil Production, Consumption On The Rise - Crushers expect over 100 million pound increase". Cotton Grower. 12 กันยายน 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2019.
- ↑ Willett, WC; Skerrett, PJ (2005). Eat, Drink, and Be Healthy: The Harvard Medical School Guide to Healthy Eating (paperback ed.). Free Press. p. 220.
- ↑ "Health Bulletin: Healthy Heart - Eat Less Trans Fat" (PDF). New York City Department of Health and Mental Hygiene. มีนาคม 2005. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 21 ตุลาคม 2013.
- ↑ "Crisco drops trans fats from shortening formula". Associated Press. 25 มกราคม 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 มิถุนายน 2017.
- ↑ Walsh, Danielle (27 มกราคม 2012). "Best and Worst Oils For Your Health". Bon Appetit Magazine Blog. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 เมษายน 2013.
- ↑ Directorate of Canadian Food Inspection Agency, Food Safety and Consumer Protection, Government of Canada (18 กุมภาพันธ์ 2014). "Labelling Requirements for Fats and Oils". inspection.gc.ca. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 สิงหาคม 2018. สืบค้นเมื่อ 10 สิงหาคม 2018.
- ↑ "Cottonseed Oil and Food Safety". www.cfs.gov.hk. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 ตุลาคม 2018. สืบค้นเมื่อ 7 สิงหาคม 2018.
- ↑ 45.0 45.1 Čmolík, Jiří; Pokorný, Jan (1 สิงหาคม 2000). "Physical refining of edible oils". European Journal of Lipid Science and Technology. 102 (7): 472–486. doi:10.1002/1438-9312(200008)102:7<472::AID-EJLT472>3.0.CO;2-Z.
- ↑ Saxena, Devesh K.; Sharma, Surendra Kumar; Sambi, Surinder Singh (2011). "COMPARATIVE EXTRACTION OF COTTONSEED OIL BY n-Hexane and Ethanol". สืบค้นเมื่อ 9 สิงหาคม 2018.
- ↑ "Cotton Seeds Oil Refinery Plants-- Oil Refinery Plants". www.seedoilpress.com. 22 กุมภาพันธ์ 2018. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 สิงหาคม 2018. สืบค้นเมื่อ 9 สิงหาคม 2018.
- ↑ 48.0 48.1 48.2 Gunstone, Frank D., บ.ก. (1 เมษายน 2011). Vegetable Oils in Food Technology. doi:10.1002/9781444339925. ISBN 978-1-4443-3992-5.
- ↑ Carr, Roy A. (พฤศจิกายน 1978). "Refining and degumming systems for edible fats and oils". Journal of the American Oil Chemists' Society. 55 (11): 765–771. doi:10.1007/bf02682645. ISSN 0003-021X.
- ↑ "Degumming | food processing". Encyclopedia Britannica. สืบค้นเมื่อ 7 สิงหาคม 2018.
- ↑ 51.0 51.1 "Alkali Refining - AOCS Lipid Library". lipidlibrary.aocs.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 สิงหาคม 2018. สืบค้นเมื่อ 9 สิงหาคม 2018.
- ↑ Zschau, Werner (1 สิงหาคม 2001). "Bleaching of edible fats and oils". European Journal of Lipid Science and Technology. 103 (8): 505–551. doi:10.1002/1438-9312(200108)103:8<505::aid-ejlt505>3.0.co;2-7. ISSN 1438-9312.
- ↑ Dudrow, F. A. (กุมภาพันธ์ 1983). "Deodorization of edible oil". Journal of the American Oil Chemists' Society. 60 (2Part1): 272–274. doi:10.1007/bf02543499. ISSN 0003-021X.
- ↑ Kreulen, H. P. (มิถุนายน 1976). "Fractionation and winterization of edible fats and oils". Journal of the American Oil Chemists' Society. 53 (6Part2): 393–396. doi:10.1007/bf02605729. ISSN 0003-021X.
- ↑ "Ingredient facts". crisco.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2009.
- ↑ "Cottonseed oil use on the rise". cotton 247.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 กรกฎาคม 2011.
- ↑ "Cottonseed Oil". ScienceDirect, Elsevier. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-02-22. สืบค้นเมื่อ 2019-02-22.
- ↑ "Insect Control: Horticultural Oils - 5.569 - Extension". Extension. สืบค้นเมื่อ 7 สิงหาคม 2018.
- ↑ 59.0 59.1 Cranshaw, WS; Baxendale, B (2013-04-19). "Insect Control: Horticultural Oils". Colorado State University Extension. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-07-03.
- ↑ Erler, Fedai (1 มกราคม 2010). "Efficacy of tree trunk coating materials in the control of the apple clearwing, Synanthedon myopaeformis". Journal of Insect Science. 10 (1): 1–8. doi:10.1673/031.010.6301. PMC 3014806. PMID 20672979.
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
- Cottonseed oil production, supply, and distribution statistics by country – แหล่งข้อมูลจาก the United States Department of Agriculture
- กฤตภาคเกี่ยวกับ น้ำมันเมล็ดฝ้าย ใน 20th Century Press Archives โดย ZBW (ทั่วโลก และแบ่งตามประเทศ)