วัดพร้าว (จังหวัดสุพรรณบุรี)
วัดพร้าว | |
---|---|
![]() | |
![]() | |
ชื่อสามัญ | วัดพร้าว |
ที่ตั้ง | เลขที่ 179 หมู่ที่ 1 ตำบลโพธิ์พระยา อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี 7200 |
ประเภท | วัดราษฎร์ |
นิกาย | มหานิกาย |
ก่อตั้ง | สมัยอยุธยา |
เจ้าอาวาส | พระครูจันทสุวรรณเทพ (ทองดำ จนฺทเทโว) |
มหามงคล | - รูปเหมือนอดีตเจ้าอาวาส - รอยพระพุทธบาทจำลอง |
จุดสนใจ | - มณฑป - อุโบสถ - ศาลาบูรพาจารย์ - หอไตรกลางสระน้ำ - ตู้พระธรรมลายรดน้ำ - เสาอัดใบลาน |
กิจกรรม | - ปิดทองไหว้พระ - ปฏิบัติธรรม - ชมค้างคาวแม่ไก่ - ให้อาหารปลา |
หมายเหตุ | |
ชื่อที่ขึ้นทะเบียน | โบราณสถานวัดพร้าว ตำบลโพธิ์พระยา อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี |
ขึ้นเมื่อ | 23 มิถุนายน พ.ศ. 2548 |
เป็นส่วนหนึ่งของ | รายชื่อโบราณสถานในจังหวัดสุพรรณบุรี |
เลขอ้างอิง | 0006338 |
![]() |
วัดพร้าว ตั้งอยู่เลขที่ 179 หมู่ที่ 1 ตำบลโพธิ์พระยา อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นวัดราษฎร์ คณะสงฆ์มหานิกาย เขตปกครองคณะสงฆ์ตำบลโพธิ์พระยา อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี คณะสงฆ์ ภาค 14
ประวัติ
[แก้]วัดพร้าว สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน สันนิษฐานว่าสร้างราว พ.ศ. 2240[1] อันอยู่ในช่วงรัชสมัยสมเด็จพระเพทราชา เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา
ในอดีตชื่อว่า วัดโพพระ เป็นชื่อเรียกตามหมู่บ้านซึ่งเป็นสถานที่ตั้งวัด ต่อมาสมัยพระอุปัชฌาย์แก้วเป็นเจ้าอาวาส เปลี่ยนชื่อเป็น วัดแก้วพร้าว[2] และแปลงเป็นภาษาบาลีว่า วัดมณีนาฬิการาม แต่นิยมเรียกว่า วัดพร้าว และใช้ชื่อนี้ถึงปัจจุบัน
ที่ดินตั้งวัดมีพื้นที่จำนวน 32 ไร่ 2 งาน ได้รับอนุญาตตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2240 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2455[3] เขตวิสุงคามสีมากว้าง 14.10 เมตร ยาว 25 เมตร[1]
เป็นวัดซึ่งในอดีตมีพระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะจังหวัดและเจ้าคณะอำเภอ มีอดีตเจ้าอาวาสและเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันเป็นพระเถราจารย์ที่มีชื่อเสียง เป็นที่เคารพนับถือของประชาชน วัตถุมงคลของท่านได้รับความนิยม
เป็นโบราณสถาน หมายเลขทะเบียน 0006338 ของกรมศิลปากรที่ขึ้นทะเบียนตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ.2548[4]
ทำเนียบเจ้าอาวาส
[แก้]ทำเนียบเจ้าอาวาสวัดพร้าว อดีตถึงปัจจุบัน เท่าที่พบข้อมูล[2]
ลำดับ | รายนาม | เริ่มวาระ | สิ้นสุดวาระ | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|
1 | พระอุปัชฌาย์ม่วง | ราว พ.ศ. 2330 | ราว พ.ศ. 2372 | มรณภาพ |
2 | พระอุปัชฌาย์แก้ว | ราว พ.ศ. 2372 | ราว พ.ศ. 2440 | มรณภาพ |
3 | พระครูปลื้ม | ราว พ.ศ. 2440 | พ.ศ. 2470 | มรณภาพ |
4 | พระครูสังฆภาณโสภณ (เซ้ง อินฺทโชโต) | พ.ศ. 2471 | พ.ศ. 2505 | มรณภาพ |
5 | พระครูสังฆรักษ์ เชื้อ สุวณฺโณ | พ.ศ. 2506 | พ.ศ. 2519 | มรณภาพ |
6 | พระครูจันทสุวรรณเทพ (ทองดำ จนฺทเทโว) | พ.ศ. 2520 | - | ปัจจุบัน |
ปูชนียวัตถุ และปูชนียสถาน
[แก้]มณฑป
[แก้]มณฑป รูปแบบสถาปัตยกรรมทรงไทยโบราณ (ลักษณะคล้ายสถาปัตยกรรมพม่า) จำนวน 2 หลัง สร้างสมัยพระครูปลื้มเป็นเจ้าอาวาส ปัจจุบันกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนโบราณสถานแล้ว[4]
มณฑปหลังเล็ก สร้างเมื่อ พ.ศ. 2448 ภายในประดิษฐาน พระจุฬามณีเจดีย์ พระพุทธรูปปางต่างๆ องค์ปางปาลิไลยก์ ชาวบ้านนิยมเรียกว่า "หลวงพ่อวัดป่า" หรือ "หลวงพ่อโต" สร้างจำลองจากพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์ (หลวงพ่อโต) ที่วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี และยังมีรอยพระพุทธบาทจำลองหนึ่งรอย แกะสลักจากหิน เมื่อ พ.ศ. 2448[2]
มณฑปหลังใหญ่ เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. 2466 แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2472 โดยพระอาจารย์เซ้ง อินฺทโชโต (ภายหลังได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ พระครูสังฆภาณโสภณ) ภายในประดิษฐาน พระจุฬามณีเจดีย์ พระพุทธรูปปางต่างๆ และรอยพระพุทธบาทจำลองสี่รอย แกะสลักจากหิน เมื่อ พ.ศ. 2448[2]
อุโบสถ
[แก้]อุโบสถหลังเก่าสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมาชำรุดทรุดโทรม สมัยพระครูปลื้มเป็นเจ้าอาวาสจึงรื้อและดำเนินการสร้างใหม่ในพื้นที่เดิมเมื่อ พ.ศ. 2454 กระทั่งแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2457 โดยปรับขนาดให้ใหญ่กว่าเดิม[2] ส่วนใบเสมานั้นยังคงเป็นของเดิม มีลักษณะเป็นใบเสมาคู่ ทำจากวัสดุหินทรายแดง รูปแบบศิลปกรรมและอายุสมัยกรุงศรีอยุธยา
ศาลาบูรพาจารย์
[แก้]ศาลาบูรพาจารย์ ลักษณะอาคารไม้ ทรงไทย เป็นสถานที่ประดิษฐานปูชนียวัตถุต่างๆ ได้แก่
- พระพุทธรูปทรงเครื่อง ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ ปางประจำวันต่างๆ
- พระแม่ธรณีบีบมวยผม ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์
- รูปเหมือนอดีตเจ้าอาวาส ได้แก่ พระอุปัชฌาย์ม่วง พระครูปลื้ม พระครูสังฆภาณโสภณ (เซ้ง อินฺทโชโต) พระครูสังฆรักษ์ เชื้อ สุวณฺโณ
- รอยพระพุทธบาทจำลอง
สิ่งน่าสนใจ
[แก้]หอไตรกลางสระน้ำ
[แก้]หอไตรกลางสระน้ำ สร้างราว พ.ศ. 2440 กว่าๆ สมัยพระครูปลื้มเป็นเจ้าอาวาส ในอดีตเป็นสถานที่เก็บรักษาพระไตรปิฎก คำภีร์และตำราต่างๆ ส่วนสาเหตุที่ต้องสร้างอยู่กลางสระน้ำเนื่องจากเป็นภูมิปัญญาในการเก็บรักษา เพื่อป้องกันมด ปลวก หนูที่จะกัดทำลาย[2] ปัจจุบันหอไตรนี้ไม่ได้ใช้งาน กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนโบราณสถานแล้ว[4]
ตู้พระธรรมลายรดน้ำ
[แก้]ตู้พระธรรม ศิลปะรัตนโกสินทร์ ชนิดไม้ลงรักปิดทองลายรดน้ำ เก็บรักษาไว้ที่หอสวดมนต์ ปัจจุบันกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุแล้ว[5]
เสาอัดใบลาน
[แก้]เสาอัดใบลาน เป็นเครื่องมือใช้อัดใบลานให้เป็นแผ่นเรียบแบนและอยู่ตัว ก่อนนำไปใช้จารึกอักขระต่างๆ ปัจจุบันหมดความนิยม ไม่ใช้งานกันแล้ว จึงพบเห็นได้น้อยมาก ทางวัดเก็บรักษาไว้ที่ศาลาบริเวณริมสระหอไตรกลางน้ำ ปัจจุบันกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุแล้ว[5]
กิจกรรม
[แก้]สถานปฏิบัติธรรม
[แก้]ภายในบริเวณวัดมีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น เป็นสถานที่วิเวก มีสถานปฏิบัติธรรม สำหรับเจริญสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน
วังค้างคาว
[แก้]ภายในบริเวณวัดมีต้นยาง ต้นไม้ขนาดใหญ่เป็นที่อาศัยของค้างคาวแม่ไก่จำนวนมาก สามารถเดินชมได้
แพน้ำ
[แก้]ตั้งอยู่บริเวณวัด ริมแม่น้ำท่าจีนสายเก่า เป็นที่อาศัยของสัตว์น้ำนานาชนิด มีอาหารปลาจำหน่าย สามารถลงไปให้อาหารได้
การศึกษา
[แก้]- เป็นสถานที่ตั้งสำนักศาสนศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม วัดพร้าว ปัจจุบันยังดำเนินการอยู่
- เป็นสถานที่ตั้งโรงเรียนวัดพร้าว ตำบลโพธิ์พระยา อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ก่อตั้งโดยพระครูสังฆภาณโสภณ (เซ้ง อินฺทโชโต) อดีตเจ้าอาวาส
เทศกาล และงานประจำปี
[แก้]- งานปิดทองไหว้พระ สักการะพระจุฬามณีเจดีย์และรอยพระพุทธบาท วันขึ้น 8 ค่ำ และวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี
- งานปิดทองไหว้พระ สักการะพระจุฬามณีเจดีย์และรอยพระพุทธบาท วันขึ้น 8 ค่ำ และวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 12 ของทุกปี
- พิธีทำบุญอายุวัฒนมงคลพระครูจันทสุวรรณเทพ (ทองดำ จนฺทเทโว) วันที่ 18 เมษายน ของทุกปี
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ. (2545). ประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม 21. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์การศาสนา
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 พระมหาสมชาย ญาณวีโร, ปกิจ กลิ่นสุคนธ์ และสนิท ทองคำใส. (2545). วัดพร้าว อดีต...สู่ปัจจุบัน. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: ศิลป์สยามบรรจุภัณฑ์และการพิมพ์
- ↑ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสุพรรณบุรี. (2535). ทำเนียบวัดและโบราณสถานจังหวัดสุพรรณบุรี. ม.ป.ท.: ม.ป.พ.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกรมศิลปากร เรื่อง ขึ้นทะเบียนและกำหนดเขตที่ดินโบราณสถาน [โบราณสถานวัดไก่เตี้ย โบราณสถานวัดไทรย์ โบราณสถานวัดพร้าว โบราณสถานวัดหนองผักนาก], เล่ม 122, ตอนพิเศษ 98 ง, 22 กันยายน 2548, หน้า 1
- ↑ 5.0 5.1 ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกรมศิลปากร เรื่อง ขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุและศิลปวัตถุ [รวม ๓๔ แห่ง จำนวน ๓๖๘ รายการ ๑. วัดปฐมพานิช ฯลฯ] , เล่ม 139, ตอนพิเศษ 117 ง, 22 กันยายน 2548, หน้า 19