พ่อลาวแก่นท้าว
พ่อลาวแก่นท้าว | |
---|---|
ทายาทโดยสันนิษฐานแห่งหงสาวดี | |
ครองราชย์ | ค.ศ. 1383–1390 |
ก่อนหน้า | พ่อขวัญเมือง (ทายาทผู้มีสิทธิโดยตรง) |
ต่อไป | พญาธรรมราชา (ทายาทผู้มีสิทธิโดยตรง) |
ประสูติ | ค.ศ. 1383 พะโค อาณาจักรหงสาวดี |
สวรรคต | ป. เมษายน ค.ศ. 1390 พะโค อาณาจักรหงสาวดี |
พระราชบิดา | พระเจ้าราชาธิราช |
พระราชมารดา | ตะละแม่ท้าว |
ศาสนา | พุทธเถรวาท |
พ่อลาวแก่นท้าว (พม่า: ဘောလောကျန်းထော, ออกเสียง: [bɔ́.lɔ́.t͡ɕáɰ̃.dɔ́]; ประมาณ ค.ศ. 1383–1390) พระราชโอรสองค์ใหญ่และพระราชบุตรองค์แรกของพระเจ้าราชาธิราช กษัตริย์องค์ที่ 9 แห่งอาณาจักรหงสาวดี กับตะละแม่ท้าว เจ้าชายน้อยพระองค์นี้เป็นที่รู้จักจากคำสาบานที่พระองค์ให้ไว้ก่อนถูกสำเร็จโทษตามพระบัญชาของพระเจ้าราชาธิราช ว่าจะกลับมาเกิดใหม่เพื่อสู้กับพระองค์ถ้าพระองค์บริสุทธิ์ ทำให้ประชาชนของหงสาวดีและประชาชนของอาณาจักรคู่แข่งอย่างอังวะเชื่อว่าเจ้าชาย มังรายกะยอชวา แห่งอาณาจักรอังวะ คือพ่อลาวแก่นท้าวที่กลับมาเกิดใหม่เพื่อเติมเต็มคำสาบาน
พระเจ้าราชาธิราชกลัวว่าเจ้าชายหนุ่มจะก่อการจลาจลต่อต้านพระองค์ หลังพระมารดาของพระองค์ตะละแม่ท้าวปลงพระชนม์ชีพพระองค์เอง และกลัวว่าเจ้าชายหนุ่มจะแก้แค้นให้กับพระมารดา
พระประวัติ
[แก้]พระเจ้าราชาธิราช เมื่อครั้งเสด็จมาที่เมืองพะสิม ได้มีรับสั่งประหารพระโอรสน้อย พ่อลาวแก่นท้าว ซึ่งพระชนมายุเพียงเจ็ดพรรษาที่ประทับในอยู่ในหงสาวดี[1] เมื่อประมาณ เมษายน ค.ศ. 1390[note 1]
เพชฌฆาตนำพระองค์ไปที่เจดีย์ชเวมอดอ (พระธาตุมุเตา) เจ้าชายถูกคุมขังอยู่สามวันที่บริเวณพระเจดีย์ ในระหว่างนี้พระองค์ถูกสั่งให้อ่านพระอภิธรรมปิฎก[2]
ตามพงศาวดารมอญและพม่าในวันที่พระองค์ถูกประหารชีวิตพระองค์ได้กล่าวคำสัตย์สาบานซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์พม่าไว้ว่า:
- "เราไม่ได้วางแผนเพื่อกบฎกับพ่อของเรา ไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ ในตัวเรา พ่อกับแม่เล่นกันเป็นเด็ก เมื่อเธอโตขึ้นเป็นผู้หญิงงามเขาก็ชื่นชมความงามของเธอแล้วทอดทิ้ง เธอเป็นลูกสาวของกษัตริย์ แต่พวกเขาขับไล่เธอออกไปเหมือนพวกทาส พวกเขาทำให้เธอตายไม่ดี ถ้าเรามีความผิดในการกบฏด้วยความคิด คำพูด หรือการกระทำ ก็ขอให้เราต้องทนทุกข์ทรมานจากไฟในนรกเป็นเวลาพัน ๆ ปี แต่ถ้าเราบริสุทธิ์ใจขอให้เราเกิดใหม่ในราชวงศ์กษัตริย์อังวะ และเราจะนำความวิบัติมาให้กับอาณาจักรหงสาวดี"[2][3][note 2]
ในหนังสือราชาธิราช ฉบับแปลภาษาไทยของเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ได้บรรยายไว้ว่า พ่อลาวแก่นท้าวได้ขอให้เพชฌฆาตพาพระองค์ไปนมัสการพระธาตุมุเตาก่อนจะทรงถูกสำเร็จโทษ ทรงถอดพระมาลาที่ทรงอยู่นั้นบูชาพระเจดีย์ และได้ตั้งสัตยาธิษฐานไว้ดังนี้
- "ข้าพเจ้าจะเปนขบถคิดประทุษฐร้ายต่อสมเด็จพระราชบิดาหามิได้ บัดนี้พระราชบิดาให้ประหารชีวิตข้าพเจ้าผู้หาความผิดมิได้เสีย เดชะผลอานิสงส์ที่ข้าพเจ้าได้เอาพระมหามาลาออกกระทำพุทธบูชา ถ้าข้าพเจ้าตายแล้วขอให้ได้ไปเกิดในครรภ์พระอัครมเหษีสมเด็จพระเจ้ามณเฑียรทอง ณ กรงุรัตนบุระอังวะเถิด ถ้าอายุข้าพเจ้าได้ยี่สิบสองปีแล้ว ขอให้ได้ทำสงครามด้วยพระราชบิดาองค์นี้จงได้ แลเมื่อข้าพเจ้าไปถือปฏิสนธิในครรภ์พระมารดานั้น ขอให้พระราชมารดาอยากเสวยดินในกลางใจเมืองหงษาวดีนี้ ให้ได้สมความปรารถนาทุกประการ"[4]
พระเจ้าราชาธิราช ถูกรบกวนพระทัยเป็นอันมากเมื่อพระองค์ได้ยินเรื่องคำสาบาน และพระองค์ตื่นตระหนกมากขึ้นเมื่อพระมเหสีองค์หนึ่งของ พระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง แห่งอังวะ ได้เสวยอาหารต่าง ๆ ที่นำมาจากพม่าตอนล่างก่อนที่พระนางจะตั้งครรภ์ พระนางให้กำเนิด มังรายกะยอชวา หนึ่งปีหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพ่อลาวแก่นท้าว เมื่อเติบโตขึ้น มังรายกะยอชวา ได้เป็นแม่ทัพผู้มีความสามารถของอาณาจักรอังวะในการรุกรานอาณาจักรหงสาวดีช่วงสงครามสี่สิบปี[2]
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ According to the main Burmese chronicles Maha Yazawin (Maha Yazawin Vol. 1 2006: 299) and Hmannan Yazawin (Hmannan Vol. 1 2003: 427), the prince was executed in 751 ME (28 March 1389 to 28 March 1390). But Razadarit Ayedawbon (Pan Hla 2005: 195) and Yazawin Thit (Hmannan Vol. 1 2003: 429) give 752 ME (29 March 1390 to 28 March 1391). Since Minye Kyawswa was born in 752 ME, it means Bawlawkyantaw died in early 752 ME (ป. April 1390).
- ↑ Standard chronicles (Maha Yazawin Vol. 1 2006: 299) and (Hmannan Vol. 1 2003: 427) say the prince wished to destroy the kingdom of Mons. Razadarit Ayedawbon (Pan Hla 2005: 195) says the prince swore to fight his father (not the kingdom of Mons).
อ้างอิง
[แก้]- เชิงอรรถ
- บรรณานุกรม
- Harvey, G. E. (1925). History of Burma: From the Earliest Times to 10 March 1824. London: Frank Cass & Co. Ltd.
- Htin Aung, Maung (1967). A History of Burma. New York and London: Cambridge University Press.
- Pan Hla, Nai (1968). Razadarit Ayedawbon (ภาษาพม่า) (8th printing, 2005 ed.). Yangon: Armanthit Sarpay.
- Phayre, Major Gen. Sir Arthur Purves (1873). "The History of Pegu". Journal of Asiatic Society of Bengal. Oxford University. 42: 47–55.
- Royal Historical Commission of Burma (1832). Hmannan Yazawin (ภาษาพม่า). Vol. 1–3 (2003 ed.). Yangon: Ministry of Information, Myanmar.