ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระวิไชยราชา (หนานขัติ แสนศิริพันธุ์)"
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: เพิ่มรายการยาว |
Rescuing 1 sources and tagging 1 as dead.) #IABot (v2.0.8 |
||
บรรทัด 36: | บรรทัด 36: | ||
##นางสาวจันทร์ฟอง ไชยประวัติ |
##นางสาวจันทร์ฟอง ไชยประวัติ |
||
##นางจันทรา คนบุญ |
##นางจันทรา คนบุญ |
||
#[[เจ้าวงศ์ แสนศิริพันธุ์]] อดีต[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดแพร่|สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนแรกของจังหวัดแพร่]] และอดีตสมาชิก[[ขบวนการเสรีไทย]]<ref>[http://www.wichairacha.com/คุ้มโบราณ คุ้มวิชัยราชา]</ref> สมรสกับเจ้าน้อย บุตรรัตน์ (ธิดาเจ้าน้อยจุ๋งแก้ว กับแม่นายมา บุตรรัตน์) มีบุตรชาย 1 คน คือ |
#[[เจ้าวงศ์ แสนศิริพันธุ์]] อดีต[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดแพร่|สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนแรกของจังหวัดแพร่]] และอดีตสมาชิก[[ขบวนการเสรีไทย]]<ref>[http://www.wichairacha.com/คุ้มโบราณ คุ้มวิชัยราชา]{{ลิงก์เสีย|date=สิงหาคม 2021 |bot=InternetArchiveBot |fix-attempted=yes }}</ref> สมรสกับเจ้าน้อย บุตรรัตน์ (ธิดาเจ้าน้อยจุ๋งแก้ว กับแม่นายมา บุตรรัตน์) มีบุตรชาย 1 คน คือ |
||
##เจ้าสุนทร แสนศิริพันธุ์ |
##เจ้าสุนทร แสนศิริพันธุ์ |
||
บรรทัด 48: | บรรทัด 48: | ||
==เหตุการณ์กบฎเงี้ยวปล้นเมืองแพร่== |
==เหตุการณ์กบฎเงี้ยวปล้นเมืองแพร่== |
||
ในปี[[พ.ศ. 2445]] ได้เกิดความไม่สงบขึ้นในเมืองแพร่ โดยพวกไทใหญ่หรือเงี้ยวที่ได้เข้ามาอยู่อาศัยในเมืองแพร่ และทำมาหากินในการขุดพลอย ประเภทพลอยไพลินที่ตำบลบ่อแก้ว [[อำเภอเด่นชัย]] [[จังหวัดแพร่]]ในปัจจุบัน ได้ทำการก่อจลาจลในเมืองแพร่เมื่อวันที่ 25 [[กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2445]] จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าหลวงนครแพร่ถูกกล่าวหาว่าคบกับพวกเงี้ยว [[เจ้าพิริยเทพวงษ์]]จึงต้องเสด็จหลีภัยการเมืองไปประทับเมือง[[หลวงพระบาง]] [[ประเทศลาว]]<ref name="พิราลัย">องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ [http://www.phraepao.go.th/ppao/index.php?option=com_content&view=article&id=212:2012-05-27-06-19-49&catid=61:2012-05-27-04-16-34&Itemid=58 ประวัติเจ้าพิริยเทพวงศ์ (เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของเมืองแพร่)] เรียกดูเมื่อ 7 มิถุนายน 2556</ref> และได้พำนักอยู่ที่นั่นจนกระทั่งพิราลัยในปี [[พ.ศ. 2455]] ส่วนเจ้านายองค์อื่นๆถูกถอดยศศักดิ์ ถูกควบคุมลงไปกักตัวไว้ที่[[กรุงเทพฯ]] และให้ชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ ร่วมถึงพระวิไชยราชา (เจ้าขัติ แสนศิริพันธุ์) ซึ่งมีส่วนรู้เห็นแต่ไม่ได้รับโทษหนัก เพราะเป็นเจ้านายระดับรองลงมาที่ไม่ได้เป็นเจ้าชั้นใกล้ชิดกับเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ เพียงแต่ถูกสยามควบคุมดูความประพฤติ ต่อมาได้ร่วมกับพระวังซ้าย (เจ้าหนานมหาจักร) พระสุริยะ (เจ้าน้อยมหาอินทร์) พระคำลือ ฯลฯ เจ้านายอื่นๆพร้อมกับบุตรหลานรวมจนถึงขุนนางในนครแพร่ พากันบริจาคเงินก้อนใหญ่รายละ 50 – 100 บาท เพื่อสร้างโรงพยาบาลทหารที่นครแพร่ในเดือน[[ธันวาคม]] [[พ.ศ. 2445]] ตามความคิดของคุณหญิงเลี่ยม ภริยาของพลโท [[เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี]] แม่ทัพใหญ่ปราบกบฏเงี้ยว<ref>ภูเดช แสนสา [https://www.google.co.th/url กบฏเงี้ยว พ.ศ. ๒๔๔๕” การต่อต้านสยามของประเทศราชล้านนา เริ่มที่เมืองลอง]</ref> |
ในปี[[พ.ศ. 2445]] ได้เกิดความไม่สงบขึ้นในเมืองแพร่ โดยพวกไทใหญ่หรือเงี้ยวที่ได้เข้ามาอยู่อาศัยในเมืองแพร่ และทำมาหากินในการขุดพลอย ประเภทพลอยไพลินที่ตำบลบ่อแก้ว [[อำเภอเด่นชัย]] [[จังหวัดแพร่]]ในปัจจุบัน ได้ทำการก่อจลาจลในเมืองแพร่เมื่อวันที่ 25 [[กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2445]] จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าหลวงนครแพร่ถูกกล่าวหาว่าคบกับพวกเงี้ยว [[เจ้าพิริยเทพวงษ์]]จึงต้องเสด็จหลีภัยการเมืองไปประทับเมือง[[หลวงพระบาง]] [[ประเทศลาว]]<ref name="พิราลัย">องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ [http://www.phraepao.go.th/ppao/index.php?option=com_content&view=article&id=212:2012-05-27-06-19-49&catid=61:2012-05-27-04-16-34&Itemid=58 ประวัติเจ้าพิริยเทพวงศ์ (เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของเมืองแพร่)] {{Webarchive|url=https://web.archive.org/web/20160305023254/http://www.phraepao.go.th/ppao/index.php?option=com_content&view=article&id=212:2012-05-27-06-19-49&catid=61:2012-05-27-04-16-34&Itemid=58 |date=2016-03-05 }} เรียกดูเมื่อ 7 มิถุนายน 2556</ref> และได้พำนักอยู่ที่นั่นจนกระทั่งพิราลัยในปี [[พ.ศ. 2455]] ส่วนเจ้านายองค์อื่นๆถูกถอดยศศักดิ์ ถูกควบคุมลงไปกักตัวไว้ที่[[กรุงเทพฯ]] และให้ชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ ร่วมถึงพระวิไชยราชา (เจ้าขัติ แสนศิริพันธุ์) ซึ่งมีส่วนรู้เห็นแต่ไม่ได้รับโทษหนัก เพราะเป็นเจ้านายระดับรองลงมาที่ไม่ได้เป็นเจ้าชั้นใกล้ชิดกับเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ เพียงแต่ถูกสยามควบคุมดูความประพฤติ ต่อมาได้ร่วมกับพระวังซ้าย (เจ้าหนานมหาจักร) พระสุริยะ (เจ้าน้อยมหาอินทร์) พระคำลือ ฯลฯ เจ้านายอื่นๆพร้อมกับบุตรหลานรวมจนถึงขุนนางในนครแพร่ พากันบริจาคเงินก้อนใหญ่รายละ 50 – 100 บาท เพื่อสร้างโรงพยาบาลทหารที่นครแพร่ในเดือน[[ธันวาคม]] [[พ.ศ. 2445]] ตามความคิดของคุณหญิงเลี่ยม ภริยาของพลโท [[เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี]] แม่ทัพใหญ่ปราบกบฏเงี้ยว<ref>ภูเดช แสนสา [https://www.google.co.th/url กบฏเงี้ยว พ.ศ. ๒๔๔๕” การต่อต้านสยามของประเทศราชล้านนา เริ่มที่เมืองลอง]</ref> |
||
==อ้างอิง== |
==อ้างอิง== |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 04:58, 19 สิงหาคม 2564
พระวิไชยราชา (หนานขัติ แสนศิริพันธุ์) | |
---|---|
เจ้าหนานขัติ แสนศิริพันธุ์ | |
พระวิไชยราชานครแพร่ | |
พิราลัย | พ.ศ. 2465 |
ชายา | เจ้าคำใย้ แสนศิริพันธุ์ เจ้าคำป้อ แสนศิริพันธุ์ |
พระบุตร | 6 คน |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์เทพวงศ์ |
พระบิดา | เจ้าแสนเสมอใจ |
พระมารดา | เจ้าพิม |
พระวิไชยราชา (หนานขัติ แสนศิริพันธุ์) หรือ เจ้าหนานขัติ พระวิไชยราชาแห่งนครแพร่ อดีตเสนาคลังจังหวัดแพร่ เป็นโอรสในเจ้าแสนเสมอใจพระญาติเจ้าหลวงเทพวงศ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 19 และเป็นต้นสกุล แสนศิริพันธุ์
ประวัติ
พระวิไชยราชา (หนานขัติ แสนศิริพันธุ์) หรือ เจ้าหนานขัติ แสนศิริพันธุ์ เป็นโอรสในเจ้าแสนเสมอใจพระญาติเจ้าหลวงเทพวงศ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 19 กับแม่เจ้าพิม มีน้องชาย 1 คน คือเจ้าเทพวงศ์ ผาทอง (ต้นสกุล ผาทอง) เจ้าหนานขัติ ดำรงตำแหน่งเป็น พระวิไชยราชา พระวิไชยราชานครแพร่ และเสนาฝ่ายคลัง ในสมัยเจ้าพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์สุดท้าย ถือศักดินา 1,000 ไร่[1]
บุตร-ธิดา
เจ้าพระวิไชยราชา (หนานขัติ แสนศิริพันธุ์) มีชายา 2 คน คือ
- เจ้าคำใย้ แสนศิริพันธุ์ มีบุตร-ธิดา 4 คน คือ
- เจ้าน้อยทอง สมรสกับเจ้าจันจิรา มหายศปัญญา (ธิดาพระเมืองชัย(เจ้าน้อยชัยลังกา) กับเจ้าคำป้อ มหายศปัญญา) และเจ้าพา มหายศปัญญา (ธิดาเจ้าหนานชื่น มหายศปัญญา) มีบุตร-ธิดา 2 คน คือ
- เจ้าอุ๊ แสนศิริพันธุ์
- เจ้าอินป๋อน แสนศิริพันธุ์
- เจ้าน้อยนุต แสนศิริพันธุ์ สมรสกับนางบัวผัน แสนศิริพันธุ์ ไม่มีบุตร
- เจ้าน้อยคำแสน สมรสกับเจ้าบัวจีน อุตรพงศ์ (ธิดาขุนสมรังษี (เจ้าน้อยสม อุตรพงศ์) กับเจ้าสุกันทา อุตรพงศ์) และนางนุ่น แสนศิริพันธุ์ มีบุตร-ธิดา 2 คน คือ
- นางคำแฮ อุตรพงศ์ (แสนศิริพันธุ์)
- นางศรีรัตนา คล่องตรวจโรค
- เจ้าคำปัน แสนศิริพันธุ์
- เจ้าคำป้อ แสนศิริพันธุ์ (ธิดาพระญาประเสริฐชนะสงครามราชภักดี) เชื้อพระวงศ์เจ้านายฝ่ายเหนือ มีบุตร-ธิดา 2 คน คือ
- เจ้าสุคันธา ไชยประวัติ สมรสกับรองอำมาตย์ตรีเผือก (เจ้าเผือก ไชยประวัติ) มีบุตร-ธิดา 3 คน คือ
- คุณหญิงบัวเขียว รังคสิริ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหญิงคนแรกของจังหวัดแพร่ และอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนนารีรัตน์จังหวัดแพร่
- นางสาวจันทร์ฟอง ไชยประวัติ
- นางจันทรา คนบุญ
- เจ้าวงศ์ แสนศิริพันธุ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนแรกของจังหวัดแพร่ และอดีตสมาชิกขบวนการเสรีไทย[2] สมรสกับเจ้าน้อย บุตรรัตน์ (ธิดาเจ้าน้อยจุ๋งแก้ว กับแม่นายมา บุตรรัตน์) มีบุตรชาย 1 คน คือ
- เจ้าสุนทร แสนศิริพันธุ์
การทำงาน
ด้านการทหาร
- เจ้าพระวิไชยราชา ได้เป็นแม่ทัพคุมรี้พลจากเมืองนครแพร่ไปสมทบกับทัพหลวงของเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีที่หัวพันทั้งห้าทั้งหก และทำศึกปราบฮ่ออยู่ที่เมืองหลวงพระบาง
- เจ้าพระวิไชยราชา ยังเป็นผู้ที่ยืนขนาบเคียงข้างเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่ เพื่อนำพาออกไปรับเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีที่ยกทัพหลวงมาปราบพวกเงี้ยว และเชื้อเชิญให้เข้าสู่เมืองแพร่ วีรกรรมของพระวิไชยราชา ได้ทำให้ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด หวาดระแวงจากส่วนกลางที่มีต่อเมืองแพร่ จนสถานการณ์ดีขึ้น
ด้านการศาสนา
จากประวัติวัดศรีบุญเรืองได้กล่าวถึงพ่อเจ้าพระวิไชยราชา และแม่เจ้าคำป้อ ว่าทั้งสองท่านนี้นอกจากจะเป็นผู้มีประวัติอันดีเด่น กอปรด้วยความซื่อสัตว์สุจริตต่อแผ่นดิน มีจิตใจที่มันคงในการกุศลและมีวิริยะศรัทธาแรงกล้า ที่จะเสริมสร้างความเจริญให้แก่พระบวรพุทธศาสนาได้พยายามทุ่มเทสติปัญญา ความสารถ และกำลังทุนทรัพย์ด้วยความเมตตาจิต เข้ามาช่วยเหลือบำเพ็ญกรณียกิจให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณะกุศลทุกวิถีทาง และทุกๆปีที่คุ้มวิชัยราชาของท่านจะบวชเณรให้กับเด็กเมืองแพร่จำนวนมาก เล่ากันว่าในขณะที่พ่อเจ้าพระวิไชยราชาได้ป่วยหนักจนไม่สามารถลุกเดินได้นั้น ท่านยังมีความกังวลต่อการก่อสร้างวัตถุของวัดที่ยังไม่แล้วเสร็จในขณะนั้น ได้สั่งให้คนรับใช้หามท่านทั้งเก้าอี้นอนเพื่อไปดูการก่อสร้างที่วัด พร้อมทั้งเร่งรัดให้ช่างดำเนินการก่อสร้างวิหารให้เสร็จภายในเร็ววัน และหลังจากที่การก่อสร้างแล้วเสร็จ ท่านถึงได้อสัญกรรมในปีพ.ศ. 2465[3]
เหตุการณ์กบฎเงี้ยวปล้นเมืองแพร่
ในปีพ.ศ. 2445 ได้เกิดความไม่สงบขึ้นในเมืองแพร่ โดยพวกไทใหญ่หรือเงี้ยวที่ได้เข้ามาอยู่อาศัยในเมืองแพร่ และทำมาหากินในการขุดพลอย ประเภทพลอยไพลินที่ตำบลบ่อแก้ว อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ในปัจจุบัน ได้ทำการก่อจลาจลในเมืองแพร่เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2445 จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าหลวงนครแพร่ถูกกล่าวหาว่าคบกับพวกเงี้ยว เจ้าพิริยเทพวงษ์จึงต้องเสด็จหลีภัยการเมืองไปประทับเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว[4] และได้พำนักอยู่ที่นั่นจนกระทั่งพิราลัยในปี พ.ศ. 2455 ส่วนเจ้านายองค์อื่นๆถูกถอดยศศักดิ์ ถูกควบคุมลงไปกักตัวไว้ที่กรุงเทพฯ และให้ชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ ร่วมถึงพระวิไชยราชา (เจ้าขัติ แสนศิริพันธุ์) ซึ่งมีส่วนรู้เห็นแต่ไม่ได้รับโทษหนัก เพราะเป็นเจ้านายระดับรองลงมาที่ไม่ได้เป็นเจ้าชั้นใกล้ชิดกับเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ เพียงแต่ถูกสยามควบคุมดูความประพฤติ ต่อมาได้ร่วมกับพระวังซ้าย (เจ้าหนานมหาจักร) พระสุริยะ (เจ้าน้อยมหาอินทร์) พระคำลือ ฯลฯ เจ้านายอื่นๆพร้อมกับบุตรหลานรวมจนถึงขุนนางในนครแพร่ พากันบริจาคเงินก้อนใหญ่รายละ 50 – 100 บาท เพื่อสร้างโรงพยาบาลทหารที่นครแพร่ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2445 ตามความคิดของคุณหญิงเลี่ยม ภริยาของพลโท เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี แม่ทัพใหญ่ปราบกบฏเงี้ยว[5]
อ้างอิง
- ↑ ภูเดช แสนสา. ศักดินาเจ้านายประเทศราชสมัยราชวงศ์ทิพจักร
- ↑ คุ้มวิชัยราชา[ลิงก์เสีย]
- ↑ หมู่บ้าน วังฟ่อน คุ้มวิชัยราชา
- ↑ องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ ประวัติเจ้าพิริยเทพวงศ์ (เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของเมืองแพร่) เก็บถาวร 2016-03-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน เรียกดูเมื่อ 7 มิถุนายน 2556
- ↑ ภูเดช แสนสา กบฏเงี้ยว พ.ศ. ๒๔๔๕” การต่อต้านสยามของประเทศราชล้านนา เริ่มที่เมืองลอง
ก่อนหน้า | พระวิไชยราชา (หนานขัติ แสนศิริพันธุ์) | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระวิไชยราชา (น้อยอินทะ) | พระวิไชยราชาแห่งนครแพร่ (? - พ.ศ. 2465) |
รัฐบาลสยามยกเลิกตำแหน่ง |
{{ตายปี|2465}