แก่นตะวัน
แก่นตะวัน | |
---|---|
![]() | |
Stem with flowers | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
หมวด: | Magnoliophyta |
ชั้น: | Magnoliopsida |
อันดับ: | Asterales |
วงศ์: | Asteraceae |
เผ่า: | Heliantheae |
สกุล: | Helianthus |
สปีชีส์: | H. tuberosus |
ชื่อทวินาม | |
Helianthus tuberosus L. |
แก่นตะวัน [1] หรือ ทานตะวันหัว (อังกฤษ: Jerusalem artichoke หรือ sunchoke) [2] เป็นพืชดอกในตระกูลทานตะวัน มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ ชาวอินเดียนแดงปลูกไว้รับประทานหัว โดยเชื่อว่ามีสรรพคุณช่วยทำให้เจริญอาหาร ต่อมาจึงแพร่หลายไปในสหรัฐอเมริกาและยุโรป [3]
ลักษณะ[แก้]
แก่นตะวัน เป็นพืชล้มลุก มีหัวสะสมอาหาร หัวเป็นตะปุ่มตะป่ำ ไม่เรียบ คล้ายหัวของขิงและข่า มีสีหลายสี เช่น สีขาว สีเหลือง สีแดง สีม่วง[4]รับประทานได้ ผิวใบสาก [3] ใบรีรูปไข่ บางพันธุ์มีขอบใบหยักลักษณะต้น สูง 1.5-2.0 ม. มีขนตามกิ่งและใบ ดอก เป็นทรงกลมแบน สีเหลือง คล้ายดอกทานตะวัน หรือบัวตอง ออกดอกเป็นช่อ สีเหลืองคล้ายดอกทานตะวัน มีโครโมโซมเป็น hexaploid เป็นพืชวันสั้น ช่วงแสงวิกฤตน้อยกว่า 14 ชั่วโมง การเจริญเติบโตของแก่นตะวันมีสองช่วง ช่วงแรกนับตั้งแต่ปลูกจนถึงออกดอกครั้งแรก แก่นตะวันจะสะสมอาหารในใบและลำต้น ช่วงที่สองหลังจากดอกแรกบานจนถึงระยะเก็บเกี่ยว ใบจะหลุดร่วง อาหารสะสมที่ใบถูกส่งไปที่หัว [5]
การเพาะปลูกและดูแล[แก้]
สมุนไพรแก่นตะวัน[6] เป็นพืชที่ปลูกง่าย ลักษณะปลูกคล้ายกับ ขมิ้นชัน เติบโตในดินร่วนปนทรายได้ดี และให้ผลผลิตดีด้วยดินร่วนปนทรายสามารถปลูกได้ทุกฤดู โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนจะดีที่สุด แต่ระวังอย่าให้น้ำขัง เพราะจะทำให้หัวแก่นตะวันเน่าได้
การใช้ประโยชน์[แก้]
หัวใช้รับประทานสดเป็นผัก ใช้ทำขนมหรือต้มรับประทาน[5] ภายในหัวมีน้ำ 80% และคาร์โบไฮเดรต ประมาณ 18% โดยคาร์โบไฮเดรตส่วนใหญ่เป็นอินนูลิน (Inulin) เป็นสารเยื่อใยอาหารที่ให้ความหวาน จะไม่ถูกย่อยในกระเพาะ และลำไส้เล็ก อยู่ในระบบทางเดินอาหารเป็นเวลานาน [7]ทำให้ไม่รู้สึกหิว กินอาหารได้น้อย ช่วยลดความอ้วนและป้องกันโรคเบาหวาน ในเชิงอุตสาหกรรมใช้หัวแก่นตะวันเป็นวัตถุดิบสำหรับสกัดน้ำตาลอินนูลินได้[5]
หัวแก่นตะวันใช้ปรุงอาหารแทนมันฝรั่งได้ [8] โดยให้เนื้อสัมผัสเช่นเดียวกันแต่รสหวานกว่า เหมาะสำหรับใส่ในสลัด คาร์โบไฮเดรตในหัวจะนุ่มถ้าต้มสุก แต่จะคงสภาพได้ดีกว่านึ่ง แก่นตะวันมี โพแทสเซียม 650 mg ต่อ 150g มีเหล็กสูง และมีเส้นใย ไนอาซิน ไทอามีน ฟอสฟอรัส และทองแดง [9]
ในเมนูอาหารไทย แก่นตะวันสามารถปรุงเป็นส้มตำได้[10]
หัวแก่นตะวัน เป็นวัตถุดิบแปรรูปเป็นเอทานอลและสุราได้[11] ใน Baden-Württemberg ประเทศเยอรมัน หัวแก่นตะวันมากกว่า 90% ใช้ในการผลิตสุราเรียกว่า "Topi" หรือ "Rossler"[12]
ลำต้นและใบใช้เป็นอาหารสัตว์ โดยมีสารอาหารที่ย่อยได้ทั้งหมดมากกว่าถั่วอัลฟัลฟา แต่มีโปรตีนน้อยกว่า [3] ลำต้นนำไปหมักทำเอทานอลได้เช่นเดียวกัน[5]
คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม (3.5 ออนซ์) | |
---|---|
พลังงาน | 73 กิโลแคลอรี (310 กิโลจูล) |
17.44 g | |
น้ำตาล | 9.6 g |
ใยอาหาร | 1.6 g |
0.01 g | |
2.0 g | |
วิตามิน | |
วิตามินเอ | (0%) 1 μg |
ไทอามีน (บี1) | (17%) 0.2 มก. |
ไรโบเฟลวิน (บี2) | (5%) 0.06 มก. |
ไนอาซิน (บี3) | (9%) 1.3 มก. |
วิตามินบี6 | (6%) 0.077 มก. |
โฟเลต (บี9) | (3%) 13 μg |
วิตามินซี | (5%) 4.0 มก. |
แร่ธาตุ | |
แคลเซียม | (1%) 14 มก. |
เหล็ก | (26%) 3.4 มก. |
แมกนีเซียม | (5%) 17 มก. |
ฟอสฟอรัส | (11%) 78 มก. |
โพแทสเซียม | (9%) 429 มก. |
สังกะสี | (1%) 0.12 มก. |
ประมาณร้อยละคร่าว ๆ โดยใช้การแนะนำของสหรัฐสำหรับผู้ใหญ่ แหล่งที่มา: USDA FoodData Central |
อ้างอิง[แก้]
- ↑ รศ. สนั่น จอกลอย จากภาควิชาพืชไร่ มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นผู้ตั้งชื่อภาษาไทย
- ↑ http://www.balavi.com/content_th/nanasara/Con00223.asp
- ↑ 3.0 3.1 3.2 สนั่น จอกลอย วีรยา ลาดบัวขาว รัชนก มีแก้ว. แก่นตะวัน: พืชชนิดใหม่ใช้เป็นพลังงานทดแทน. แก่นเกษตร. 34 (2): 104 - 111
- ↑ Huxley, Anthony Julian (1992). The New Royal Horticultural Society dictionary of gardening. London: Macmillan Publishers. ISBN 0-333-47494-5. OCLC 29360744.
{{cite book}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) (help) - ↑ 5.0 5.1 5.2 5.3 นิมิต วรสูต และ สนั่น จอกลอย. 2549. อินนูลิน: สาระสำคัญสำหรับสุขภาพในแก่นตะวัน. แก่นเกษตร. 34 (2): 85 - 91
- ↑ สมุนไพรแก่นตะวัน
- ↑ Peter Barham. The Science of Cooking. p. 14.
- ↑
Reynolds, Francis J., บ.ก. (1921). . Collier's New Encyclopedia. New York: P. F. Collier & Son Company.
- ↑ USDA Agricultural Research Service, http://www.nal.usda.gov/fnic/foodcomp/Data//SR20/reports/sr20fg11.pdf เก็บถาวร 2012-02-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ "ส้มตำแก่นตะวัน". healthandcuisine.com. 5 March 2014. สืบค้นเมื่อ 14 November 2014.
- ↑ http://www.thaienergynews.com/ArticleShowDetail.asp?ObjectID=168
- ↑ C.A.R.M.E.N. e.V.: Topinambur - Energiepflanze für Biogasanlagen. In: Newsletter "nawaros" 11/2007, Straubing.
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
![]() |
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: Helianthus tuberosus |
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Helianthus tuberosus ที่วิกิสปีชีส์