เพลงเรือ
หน้าตา
เพลงเรือ เป็นเพลงพื้นบ้านที่เล่นกันในฤดูน้ำหลาก เป็นเพลงปฏิพากย์ชนิดเดียวที่ร้องเล่นกลางลำน้ำโดยพ่อเพลงและแม่เพลงอยู่คนละลำ จังหวัดที่เล่นเพลงเรือ ได้แก่ จังหวัดที่อยู่ริมแม่น้ำในภาคกลาง เช่น อยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี และ พิษณุโลก เพลงเรือส่วนใหญ่จะถนัดร้องบทชิงชู้ ฉันทลักษณ์เหมือนเพลงปรบไก่[1]
ตัวอย่าง
[แก้]การร้องเพลงเรือจะมีบทลูกคู่รับว่า ฮ้าไฮ้ และมีบทกระทุ้งว่า ชะชะ ดังตัวอย่าง[2]
ฝ่าชาย
- เอ่อเอ้อเอิงเอยวันี้ประจวบปานบวบประจบบุญพาได้มาพบ (ห้า ให้) น้องยา
- ให้แม่เอ่ยกันเถิดน้องขอให้แม่ร้องขึ้นรำพี่อยากจะขอฟังคำ (ห้า ให้) น้องว่า
- ให้แม่ร่ายขึ้นร้องให้แม่น้องเอื้อนเอ่ยอย่าทำท่าวางเฉย (ห้า ให้) ให้มันช้า
- น้องอย่านิ่งจับบทไปเลยแม่รจนา เงาะน้อยหอยสังข์คู่สร้างมาหา ให้เผยพักตร์ขึ้นมาพาทีเอยเอิง
ฝ่ายหญิง
- เสียงใครที่ไหนแน่เสียงใครมาเรียกหาแม่ (ห้า ให้) ที่ไหนล่า
- แต่พอเรียกก็ขานแต่พอวานก็เอ่ยน้องไม่นิ่งอยู่เฉย (ห้า ให้) ชักช้า
- ถามพ่อเจ้าประคุณทูลกระหม่อมเต่าทองพี่มาเรียกหาน้อง (ห้า ให้) ทำไมขา
- ฉันร้องทักชมโฉมไปด้วยลมวาจา ฉันได้รองน้ำข้าวไว้ซักเก้ากะลาให้คุณพี่ที่มาหาน้องเอย
ลักษณะบังคับ
[แก้]- บาทละ 2 วรรค
- วรรคละ 7 - 9 คำ
- จำนวนคำวรรคแรกมักมากกว่าวรรคหลัง
- ไม่จำกัดความยาวในหนึ่งบทมีตั้งแต่ 3 คำกลอนขึ้นไป
- จบบทด้วยคำว่า เอย
- บังคับสัมผัสแบบกานต์ดั้น
บทร้องพิเศษ
[แก้]บทจากเพลงเรือนอกจากจะร้องแบบธรรมดาแล้วยังมีบทร้องพิเศษที่เรียกว่า ออกช่อ ต่อท้าย ดังตัวอย่าง
ญ.
- ช่อเจ้าเอ้ยมะกอกหอมดอกมะปลิง
- พอของใหม่มาเข้าเอาของเก่าขว้างทิ้ง
- ดิฉันไม่ใช่แสร้งรำพันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ
- จะดักลอบเอาปลาเขาถอดงาขว้างทิ้ง
- อีกหน่อยก็แบนแปดแป๋เเหมือนตะแกรกล้วยปิ้ง
- คงจะมีอยู่เหลือก็ไอ้มะขือนมลิง
- ช่อฉันเอ้ยมะปลิงหอมไม่หายเลยเอย
ช.
- เหลืองเอ๋ยใบยอหอมช่อผักบุ้ง
- จะแปลงเป็นยุงก้นปล่องไปกัดน้องในมุ้ง
- กัดตรงไหนไม่ปวดยกเว้นตรงหนวดยุ่ง ๆ
- เจ้าช่อฉันเอ้ยผักยุ้งหอมเมื่อยามเย็นเอยหอมเมื่อเย็นวานเอยหอมเมื่อวานซืนเอยหอมเมื่อคืนวานเอย