โทกูงาวะ อิเอยาซุ
โทกูงาวะ อิเอยาซุ (ญี่ปุ่น: 徳川家康; โรมาจิ: Tokugawa Ieyasu 31 มกราคม ค.ศ. 1543 – 1 มิถุนายน ค.ศ. 1616)[1][2] เดิมชื่อ มัตสึไดระ ทาเกจิโยะ เป็นผู้ก่อตั้งและโชกุนคนแรกของรัฐบาลโชกุนโทกูงาวะ ซึ่งปกครองญี่ปุ่นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1603 จนถึงการฟื้นฟูเมจิในปี ค.ศ. 1868 อิเอยาซุนั้นถือกันว่าเป็นหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ที่สร้างความเป็นปึกแผ่นให้แก่ญี่ปุ่น อีกสองคน คือ โอดะ โนบูนางะ และโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ อิเอยาซุเป็นบุตรชายของไดเมียวเล็ก ๆ ครั้งหนึ่งเคยใช้ชีวิตในฐานะตัวประกันภายใต้ไดเมียวอิมางาวะ โยชิโมโตะ ในนามของบิดาของเขา ต่อมาเขาได้ดำรงตำแหน่งไดเมียวหลังจากการเสียชีวิตของบิดา โดยทำหน้าที่เป็นข้ารับใช้และขุนพลของตระกูลโอดะ[3] และสร้างความแข็งแกร่งภายใต้โอดะ โนบูนางะ [4]
ความพยายามของฮิเดโยชิในการยึดครองเกาหลีนั้นล้มเหลว แต่ไม่กระเทือนถึงขุมกำลังของอิเอยาซุ[3] หลังจากฮิเดโยชิถึงแก่กรรมใน ค.ศ. 1598 และเกิดเหตุการณ์แย่งชิงกันเป็นผู้สืบอำนาจต่อในยุทธการที่เซกิงาฮาระซึ่งอิเอยาซุมีชัยชนะแล้ว อิเอยาซุก็ได้เถลิงอำนาจใน ค.ศ. 1600[3] ต่อมาใน ค.ศ. 1603 จักรพรรดิโกะ-โยเซพระราชทานบรรดาศักดิ์โชกุนให้แก่เขา เวลานั้นเขาอายุ 60 ปีแล้ว จน ค.ศ. 1605 เขายอมสละบรรดาศักดิ์นี้ให้โทกูงาวะ ฮิเดตาดะ ผู้เป็นบุตร สืบแทน แต่ที่จริงเขายังถืออำนาจไว้จนตัวตายใน ค.ศ. 1616 ในช่วงที่เขาเป็นโชกุนนั้น เขาริเริ่มใช้ระบบที่เรียกว่า บากูฮัง เพื่อคุมไดเมียวและซามูไรไว้ใต้ระบอบโชกุน[3][4]
ปฐมวัย
[แก้]โทกูงาวะ อิเอยาซุ เกิดเมื่อวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1542 ที่ปราสาทโอกาซากิ ในแคว้นมิกาวะ (เมืองโอกาซากิจังหวัดไอจิในปัจจุบัน) เดิมมี่ชื่อว่า ทาเกชิโยะ (竹千代) ซึ่งชื่อทาเกชิโยะนี้เป็นชื่อของบุตรชายคนโตของตระกูลมัตซึไดระมาโดยตลอด ทาเกชิโยะเป็นบุตรชายคนแรกของ มัตซึไดระ ฮิโรตาดะ (松平広忠) ไดเมียวผู้ปกครองปราสาทโอกาซากิในแคว้นมิกาวะ และนางโอได (於大の方) บุตรสาวของมิซูโนะ ทาดามาซะ (水野忠政) ไดเมียวแคว้นข้างเคียง สองปีต่อมาในค.ศ. 1544 เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างตระกูลมัตซึไดระและตระกูลมิซูโนะ ฮิโรตาดะบิดาของทาเกชิโยะจึงหย่ากับนางโอไดมารดาของทาเกชิโยะและส่งนางโอไดกลับไปอยู่ที่แคว้นเดิม
ในช่วงสมัยของฮิโรตาดะบิดาของทาเกชิโยะ ตระกูลมัตซึไดระซึ่งเป็นตระกูลที่ไม่มีอำนาจและกอลกำลังมากนักต้องตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างสองตระกูลไดเมียวซึ่งมีอำนาจมากในภูมิภาคได้แก่ตระกูลอิมางาวะ มีผู้นำคืออิมางาวะ โยชิโมโตะ (今川義元) และตระกูลโอดะแห่งแคว้นโอวาริซึ่งมีผู้นำคือโอดะ โนบูฮิเดะ (織田信秀 บิดาของโอดะ โนบูนางะ) ในค.ศ. 1548 โอดะ โนบูฮิเดะ นำทัพเข้ารุกรานแคว้นมิกาวะ ทำให้ฮิโรตาดะตัดสินใจนำตระกูลมัตสึไดระเข้าสวามิภักดิ์ต่ออิมางาวะ โยชิโมโตะ โดยมีข้อแม้ว่าฮิโรตาดะต้องส่งบุตรชายคือทาเกชิโยะอายุเพียงหกปีไปเป็นตัวประกันที่ปราสาทซุมปุ (駿府) ในเมืองชิซูโอกะ อันเป็นฐานที่มั่นของตระกูลอิมางาวะ แต่ทว่าในระหว่างที่ทาเกชิโยะกำลังเดินทางไปปราสาทซูมปุนั้น โอดะ โนบูฮิเดะ ส่งทหารมาลักพาตัวทาเกชิโยะในระหว่างทางมาไว้เป็นตัวประกัน โอดะ โนบูฮิเดะ ข่มขู่มัตซึไดระ ฮิโรตาดะ ว่าหากตระกูลมัตซึไดระไม่ยกเลิกความเป็นพันธมิตรกับตระกูลอิมางาวะจะสังหารทาเกชิโยะไปเสีย ฮิโรตาดะตอบโต้ด้วยการประกาศว่าแม้ว่าตระกูลโอดะจะสังหารบุตรชายของตนเองแต่ฮิโรตาดะก็ยังยืนยันความจงรักภักดีที่มีต่อตระกูลอิมางาวะ โอดะ โนบูฮิเดะ ไม่ได้สังหารทาเกชิโยะแต่ให้ไปอยู่ที่วัดบังโช (万松寺) ที่นาโงยะเป็นเวลาสามปี ในค.ศ. 1549 ฮิโรตาดะบิดาของทาเกชิโยะเสียชีวิต ทาเกชิโยะจึงสืบทอดตำแหน่งไดเมียวแห่งปราสาทโอกาซากิและผู้นำตระกูลมัตซึไดระด้วยอายุเพียงเจ็ดปีเท่านั้น ในปีเดียวกันนั้นเองโอดะ โนบูฮิเดะ เสียชีวิต อิมางาวะ โยชิโมโตะ ส่งทัพเข้ารุกรานแคว้นโอวาริของตระกูลโอดะ ทัพของตระกูลอิมางาวะเจรจากับโอดะ โนบูนางะ (織田信長) บุตรชายของโนบูฮิเดะ ว่าหากฝ่ายตระกูลโอดะส่งตัวทาเกชิโยะให้แก่ตระกูลอิมางาวะจะยุติการรุกราน โอดะ โนบูนางะ ยินยอมให้ทาเกชิโยะเดินทางไปเป็นตัวประกันของตระกูลอิมางาวะที่ปราสาทซูมปุในที่สุด แม้ว่าทาเกชิโยะจะมีตำแหน่งเป็นถึงไดเมียวแต่ทว่าอายุยังน้อยและต้องเป็นตัวประกันใแก่ตระกูลอิมางาวะที่ปราสาทซูมปุ
ในค.ศ. 1556 ทาเกชิโยะได้เข้าพิธี เง็มปุกุ ที่ปราสาทซูมปุ ได้รับชื่อของผู้ใหญ่ว่า มัตซึไดระ โมโตยาซุ (松平元康) สมรสกับนางซึกิยามะ (築山) หลานสาวของอิมางวะ โยชิโมโตะ และได้รับการปล่อยตัวให้กลับไปปกครองปราสาทโอกาซากิเพื่อเป็นไดเมียวข้ารับใช้ของตระกูลอิมางาวะ มัตซึไดระ โมโตยาซุจับศึกครั้งแรกมีหน้าที่ส่งเสบียงเมื่อคราวที่โอดะ โนบูนางะ ยกทัพเข้าล้อมปราสาทเทราเบะ (寺部城) ในค.ศ. 1558 แต่ถูกทัพของโนบูนางะตีแตกไป ในค.ศ. 1559 นางซึกิยามะให้กำเนิดบุตรชายคนโตคนแรกชื่อว่า ทาเกชิโยะ หลังจากที่อิมางาวะ โยชิโมโตะ ถูกสังหารไปในยุทธการโอะเกะฮะซะมะ (Okehazama-no-tatakai, 桶狭間の戦い) เมื่อค.ศ. 1560 โมโตยาซุ จึงเข้าสวามิภักดิ์ต่อโอดะ โนบูนางะ และตระกูลโอดะ
สมัยของโอดะ โนบูนางะ
[แก้]เมื่ออิมางาวะ โยชิโมโตะ เสียชีวิตไปนั้นทำให้อำนาจของตระกูลอิมางาวะเสื่อมลง โมโตยาซุจึงผันตนเองเปลี่ยนฝ่ายย้ายไปเป็นข้ารับใช้ของโอดะ โนบูนางะ ในค.ศ. 1563 โมโตยาซุให้บุตรชายคนโตของตนคือทาเกชิโยะ ซึ่งได้รับชื่อว่ามัตซึไดระ โนบุยาซุ (松平信康) แต่งงานกับนางโทกุ-ฮิเมะ (徳姫) บุตรสาวของโอดะ โนบูนางะ ในค.ศ. 1564 โมโตยาซุได้ทำการปรามปรามกองทัพพระสงฆ์นักรบที่เรียกว่า อิกโก-อิกกิ (一向一揆) ในแคว้นมิกาวะ ซึ่งเป็นกลุ่มของพระสงฆ์และชาวบ้านที่ยึดมั่นในพระพุทธศาสนามหายานนิกายแดนบริสุทธิ์และต่อต้านการปกครองของซามูไร ในยุทธการอาซูกิซากะ (小豆坂の戦い) ในค.ศ. 1567 โมโตยาซุเข้ารับตำแหน่งในราชสำนักขององค์พระจักรพรรดิโองิมาจิ โมโตยาซุขอพระบรมราชานุญาตให้เปลี่ยนตระกูลจากมัตซีไดระเป็น "โทกูงาวะ" เพื่ออ้างการสืบเชื้อสายจากตระกูลมินาโมโตะผ่านทางตระกูลนิตตะ รวมทั้งเปลี่ยนชื่อของตนเองเป็น โทกูงาวะ อิเอยาซุ ในค.ศ. 1569 ได้เอาชนะอิมางาวะ อุจิซาเนะ (今川氏真) บุตรชายของอิมางาวะ โยชิโมโตะ ในการล้อมปราสาทคะเกะงะวะ และในค.ศ. 1570 ได้ร่วมกับโอดะ โนบูนางะในการต่อสู้กับตระกูลอะไซ (浅井) และอาซากูระ (朝倉) ในยุทธการอาเนงาวะ (姉川の戦い) ซึ่งชัยชนะในครั้งนี้ทำให้โอดะ โนบูนางะ มีอำนาจเหนือแถบคันไซอย่างสมบูรณ์
สงครามกับตระกูลทาเกดะ
[แก้]เมื่อรวบรวมอำนาจในแถบคันไซได้อย่างเป็นปึกแผ่นแล้ว โอดะ โนบูนางะ ได้เบนความสนใจไปยังแถบคันโตในทางตะวันออก ซึ่งในขณะนั้นตระกูลทาเกดะ (武田) กำลังเรืองอำนาจ มีทาเกดะ ชิงเง็ง (武田信玄) และทาเกดะ คัตสึโยริ (武田勝頼) บุตรชาย เป็นผู้นำ ในค.ศ. 1572 ทาเกดะ ชิงเง็ง ได้ยกทัพเข้าบุกแคว้นโทโตมิ (遠江) อันเป็นดินแดนของตระกูลโทกูงาวะ ในยุทธการมิกะตะงะฮะระ (三方ヶ原の戦い) จังหวัดชิซูโอกะในปัจจุบัน แม้จะได้รับกำลังเสริมจากโอดะ โนบูนางะ แต่การสู้รบในครั้งนี้เป็นความพ่ายแพ้ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอิเอยาซุ จนต้องหลบหนีออกจากสมรภูมิพร้อมกำลังพลเพียงหยิบมือ แต่โชคดีที่ในปีต่อทาเกดะ ชิงเง็ง ได้เสียชีวิตลงในค.ศ. 1573 ในค.ศ. 1575 คัตสึโยริบุตรชายได้ยกทัพมาล้อมปราสาทนะงะชิโนะ (長篠) ในแคว้นมิกาวะ (จังหวัดไอจิในปัจจุบัน) ซึ่งดูแลป้องกันโดยโอกูไดระ ซาดามาซะ (奥平貞昌) ทั้งอิเอยาซุและโอดะ โนบูนางะต่างส่งทัพของตนเข้ากอบกู้ปราสาทอย่างเต็มที่ จนกระทั่งประสบชัยชนะสามารถขับทัพของตระกูลทาเกดะออกไปได้
กล่าวถึงนางสึกิยามะ ภรรยาของอิเอยาซุ มักจะมีปัญหาขัดแย้งกับลูกสะใภ้อยู่เสมอ คือท่านหญิงโทะกุ ภรรยาของโนบุยะซุ จนกระทั่งในปี 1579 ท่านหญิงโทะกุทนไม่ได้จึงเขียนจดหมายฟ้องโอดะ โนบูนางะ บิดาของตน ว่านางสึกิยามะ ซึ่งเป็นคนจากตระกูลอิมางาวะ ได้ติดต่อและสมคบคิดกับทาเกดะ คัตสึโยริ ในการทรยศหักหลังท่านโอดะ เมื่อทราบเรื่องอิเอยาซุได้มีคำสั่งให้กักขังนางสึกิยามะภรรยาเอกของตนไว้ ต่อมาไม่นานจึงมีคำสั่งจากโอดะ โนบูนางะ ให้โนบุยะซุ บุตรชายคนโตของอิเอยาซุ กระทำการเซ็ปปุกุ และประหารชีวิตนางสึกิยามะ ในข้อหาทรยศสมคบคิดกับตระกูลทาเกดะ อิเอยาซุจึงจำต้องสั่งประหารชีวิตภรรยาและบุตรชายของตนไป แต่ในปีเดียวกันนั้นเอง นางไซโง (西郷の局) ภรรยาน้อยคนโปรดของอิเอยาซุ ได้ให้กำเนิดบุตรชายคนที่สาม คือ นากามารุ หรือภายหลังคือ โทกูงาวะ ฮิเดตาดะ (徳川秀忠)
ในค.ศ. 1582 ทัพผสมของตระกูลโอดะและตระกูลโทกูงาวะ เอาชนะทัพของทาเกดะ คัตสึโยริได้ ในยุทธการเท็มโมะกุซัน (天目山の戦い) (จังหวัดยามานาชิในปัจจุบัน) คัตสึโยริได้กระทำการเซ็ปปุกุหลังจากที่พ่ายแพ้ เป็นอวสานของตระกูลทาเกดะ
สมัยของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ
[แก้]ในค.ศ. 1582 โอดะ โนบูนางะ ถูกลอบสังหารที่วัดฮนโน โดยอาเกจิ มิตสึฮิเดะ ในเวลานั้นอิเอยาซุพำนักอยู่ที่บริเวณใกล้กับเมืองโอซากะในปัจจุบัน พร้อมกับกำลังพลเพียงน้อยนิด เกรงว่าตนจะถูกลอบสังหารจึงได้เดินทางอย่างหลบซ่อนกลับไปยังปราสาทโอกาซากิ เมื่อถึงแคว้นของตนแล้วก็ได้ทราบข่าวว่า ฮาจิบะ ฮิเดโยชิ (羽柴秀吉 ภายหลังคือ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ) ได้ทำการสังหารอาเกจิ มิตสึฮิเดะ ไปเสียแล้ว และได้ทำการยึดอำนาจเพื่อขึ้นปกครองญี่ปุ่น แต่อิเอยาซุในฐานะที่เป็นข้ารับใช้คนสำคัญของโอดะ โนบูนางะ และมีกำลังพลมาก ยังเป็นอุปสรรคขัดขวางการเถลิงอำนาจของฮาจิบะ ฮิเดโยชิ จนกระทั่งเมื่อโอดะ โนบุกะสึ (織田信雄) บุตรชายคนที่สองของโอดะ โนบูนางะ ซึ่งไม่พอใจการยึดอำนาจของฮิเดโยชิและต้องการที่จะสืบทอดตระกูลโอดะ จึงได้มาขอความช่วยเหลือจากอิเอยาซุ ไดเมียวผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองจึงสู้รบกันในยุทธการโคะมะกิและนะงะกุเตะ (小牧・長久手の戦い) ในค.ศ. 1584 แต่ไม่ปรากฏมีผู้แพ้ชนะเสียทีทั้งสองฝ่ายจึงเจรจาสงบศึก โดยที่ตระกูลโทกูงาวะยอมที่จะเป็นพันธมิตรของฮิเดโยชิ และฮิเดโยชิได้ส่งน้องสาวของตนคือ ท่านหญิงอาซาฮิ (朝日姫) มาเป็นภรรยาเอกคนใหม่ของอิเอยาซุ
ทั้งโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ และโทกูงาวะ อิเอยาซุ ต่างหวาดระแวงกันตลอดมา โดยเฉพาะในคราวสงครามกับตระกูลโฮโจ (Hōjō, 北条) ในค.ศ. 1590 ในแถบคันโต อิเอยาซุได้เคยเป็นพันธมิตรกับโฮโจ อุจิมะซะ (Hōjō Ujimasa, 北条氏政) เมื่อครั้งสงครามกับตระกูลทาเกดะ และได้ยกบุตรสาวของตนคือ ท่านหญิงโทะกุ (Toku-hime, 督姫) ให้ไปแต่งงานกับโฮโจ อุจินะโอะ (Hōjō Ujinao, 北条氏直) ทายาทของโฮโจ อุจิมาซะ ฮิเดโยชิทราบความจริงข้อนี้เป็นอย่างดี และแม้จะขอทัพตระกูลโทกูงาวะเป็นกำลังสำคัญแต่ก็มีความหวาดระแวงอย่างมาก จึงร้องขอให้อิเอยาซุส่งบุตรชายคือ นากะมารุ มาเป็นตัวประกันที่ปราสาทโอซากะ การล้อมปราสาทโอดาวาระของตระกูลโฮโจ จบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายโทโยโตมิ และโฮโจ อุจิมะซะได้กระทำการเซ็ปปุกุ ชัยชนะในครั้งนี้ทำให้ฮิเดโยชิเข้าควบคุมแถบคันโตได้อย่างสมบูรณ์ หลังจากศึกในครั้งนี้ฮิเดโยชิได้ตอบแทนอิเอยาซุ ด้วยการขับตระกูลโทกูงาวะออกจากแคว้นมิกาวะ อันเป็นฐานที่มั่นของตระกูลโทกูงาวะมาเกือบหนึ่งร้อยปี และมอบดินแดนทางแถบคันโตอันห่างไกลและกันดารที่เคยเป็นของตระกูลโฮโจให้ปกครอง อิเอยาซุจึงได้เลือกปราสาทเอโดะ เป็นฐานที่มั่นใหม่ของตระกูลโทกูงาวะ
อิเอยาซุยังได้หลีกเลี่ยง ที่จะส่งกองทัพของตนเข้าร่วมการรุกรานอาณาจักรโชซ็อน (การรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่น (พ.ศ. 2135-2141)) ของฮิเดโยชิในค.ศ. 1592 เป็นรักษากำลังทหารของตนเอง ไม่ให้เสียไปกับสงครามที่ไม่คุ้มค่า
ยุทธการที่เซกิงาฮาระ
[แก้]ในค.ศ. 1598 ไทโค โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ถึงแก่อสัญกรรมด้วยความชราภาพ เหลือบุตรชายคือ โทโยโตมิ ฮิเดโยริ (豊臣秀頼) อายุเพียงห้าปี สืบทอดตระกูลโทโยโตมิต่อมา ก่อนจะถึงแก่อสัญกรรมฮิเดโยชิผู้ซึ่งเกรงว่าบุตรชายของตนอายุน้อยจะถูกบรรดาไดเมียวผู้ทรงกำลังแก่งแย่งอำนาจไป ถึงได้แต่งตั้งให้ไดเมียวที่มีกำลังมากที่สุดจำนวนห้าคนเป็น ผู้อาวุโสทั้งห้า หรือ โกะไทโร (五大老) เป็นผู้สำเร็จราชการแทน ประกอบด้วย โทกูงาวะ อิเอยาซุ, มาเอดะ โทชิอิเอะ (前田利家), โมริ เทรูโมโตะ (毛利輝元), อูเอซูงิ คางากัตสึ (上杉景勝) และอุกิตะ ฮิเดอิเอะ (宇喜多秀家) และฮิเดโยชิยังให้โงะไทโรกระทำการสัตย์สาบานว่าจะคอยช่วยเหลือฮิเดโยริบุตรชายของตนจนกว่าจะเติบใหญ่
อย่างไรก็ตามเมื่อไทโคฮิเดโยชิถึงแก่อสัญกรรมไปแล้ว เกิดความระแวงสงสัยและการคาดการณ์ว่าอิเอยาซุจะยึดอำนาจขึ้นเป็นผู้ปกครองญี่ปุ่นเสียเอง จึงเกิดกลุ่มขุนนางตระกูลโทโยโตมิที่ต่อต้านอำนาจของอิเอยาซุ นำโดยอิชิดะ มิตสึนาริ คนรับใช้คนสนิทของไทโคฮิเดโยชิ ฝ่ายอิเอยาซุไม่รอช้าได้จัดเตรียมเสาะแสวงหาพันธมิตรต่างๆไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ในค.ศ. 1599 มาเอดะ โทชิอิเอะ ขุนนางที่อาวุโสที่สุดในโงะไทโรซึ่งคอยเป็นผู้ไกล่เกลี่ยได้ถึงแก่อสัญกรรมลง ทำให้บรรดาขุนนางซะมุไรในญี่ปุ่นแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน คือ
- ฝ่ายของมิตสึนาริ ประกอบด้วยไดเมียวจากทางตะวันตกของญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ จึงเรียกว่า ฝ่ายทัพตะวันตก (西軍 ไซงุง) ได้แก่ อิชิดะ มิตสึนาริ, โมริ เทรูโมโตะ, อูเอซูงิ คางากัตสึ, อุกิตะ ฮิเดอิเอะ, ฯลฯ
- ฝ่ายของอิเอยาซุ ประกอบด้วยไดเมียวจากทางตะวันออกของญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ จึงเรียกว่า ฝ่ายทัพตะวันออก (東軍 โทงุง)
ในค.ศ. 1600 อูเอซูงิ คางากัตสึ ได้แสดงความกระด้างกระเดื่องต่ออิเอยาซุอย่างชัดเจน โดยการสะสมกำลังพลและสร้างป้อมปราการโดยไม่ได้รับอนุญาต อิเอยาซุจึงยกทัพหมายจะปราบตระกูลอูเอซูงิ แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองได้ทราบข่าวว่ามิตสึนาริมีความเคลื่อนไหวในแถบคันไซ ยึดปราสาทฟูชิมิ ในนครเกียวโตอันเป็นศูนย์การปกครองของโทโยโตมิ ทำให้อิเอยาซุเปลี่ยนใจยกทัพไปทางตะวันตกเพื่อเข้ายึดปราสาทโอซากะอันเป็นที่อยู่ของโทโยโตมิ ฮิเดโยริ โดยอิเอยาซุเดินทัพมาตามเส้นทางโทไก (東海道) เลียบมาตามชายฝั่งทางด้านใต้ของเกาะฮอนชู และให้ฮิเดตาดะทายาทของตนเดินทัพไปตามเส้นทางนากะเซ็น (Nakasen-dō, 中山道) เพื่อไปสมทบกันที่โอซากะ แต่มิตสึนาริทราบข่าวการยกทัพของอิเอยาซุ จึงได้ยกทัพออกจากเกียวโตมาพบกับทัพของอิเอยาซุที่ทุ่งเซกิงาฮาระ (関ヶ原) ในจังหวัดกิฟุในปัจจุบัน
ในสมรภูมิ อิเอยาซุได้เกลี้ยกล่อมให้ขุนพลฝ่ายทัพตะวันตกคนหนึ่ง ชื่อว่า โคบายากาวะ ฮิเดอากิ (小早川秀秋) ทรยศเปลี่ยนฝ่ายมาเข้ากับฝ่ายตะวันออก ทำให้ทัพฝ่ายตะวันตกต้องพ่ายแพ้ในการรบที่เซกิงาฮาระ อิชิดะ มิตสึนาริ ถูกจับกุมตัวได้และถูกประหารชีวิต
ยุทธการเซกิงาฮาระเป็นยุทธการที่มีความสำคัญที่สุด และเป็นการสู้รบระหว่างซะมุไรอย่างมหึมาครั้งสุดท้าย ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ชัยชนะยุทธการเซกิงาฮาระ มีอำนาจเหนือญี่ปุ่นอย่างเบ็ดเสร็จ ปราศจากไดเมียวผู้ใดที่สามารถต่อต้านอำนาจ
โชกุนอิเอยาซุ
[แก้]เนื่องจากโทกูงาวะ อิเอยาซุ สามารถอ้างการสืบเชื้อสายไปถึงตระกูลมินาโมโตะของจักรพรรดิเซวะ หรือ เซวะ เก็นจิ (清和源氏) ได้ จึงเข้าข่ายมีสิทธิ์สามารถดำรงตำแหน่งโชกุนได้ ในค.ศ. 1603 โทกูงาวะ อิเอยาซุ จึงได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนักเกียวโต ให้ดำรงตำแหน่งเซอิไทโชกุน (征夷大将軍) เป็นปฐมโชกุนแห่งตระกูลโทกูงาวะ หรือรัฐบาลเอโดะ อันจะปกครองประเทศญี่ปุ่นไปอีกประมาณสองร้อยห้าสิบปี โดยมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่นครเอโดะหรือโตเกียวในปัจจุบัน
อิเอยาซุได้อ้างอำนาจการปกครองเหนือไดเมียวทั้งหมดที่เหลืออยู่ในญี่ปุ่น โดยให้ไดเมียวเหล่านั้นมากระทำสัตย์สาบาทเป็นข้ารับใช้ของบะกุฟุ โดยอิเอยาซุได้จำแนกไดเมียวออกเป็นสองกลุ่ม ได้แก่ ไดเมียวฟุได (Fudai, 譜代) คือไดเมียวที่เป็นข้ารับใช้เก่าแก่ของตระกูลโทกูงาวะมาแต่สมัยเซ็งโงะกุ หรือตระกูลที่เข้ามาเป็นข้ารับใช้ของตระกูลโทกูงาวะก่อนยุทธการเซกิงาฮาระ และไดเมียวโทซามะ (外様) คือไดเมียวที่ไม่ได้เป็นข้ารับใช้ของตระกูลโทกูงาวะ หรือเข้ามาเป็นข้ารับใช้ของตระกูลโทกูงาวะหลังยุทธการเซกิงาฮาระ โชกุนอิเอยาซุได้มอบดินแดนแคว้นๆต่างๆให้ไดเมียวเหล่านี้ไปปกครอง เรียกว่า ฮัน (藩) โดยโชกุนอิเอยาซุได้มอบฮันในจุดยุทธศาสตร์สำคัญให้ไดเมียวจากตระกูลโทกูงาวะหรือไดเมียวฟุไดไปปกครอง ส่วนไดเมียวโทซามะนั้น ก็คือเจ้าครองแคว้นไดเมียวทั้งหลายในสมัยเซ็งโงะกุ ซึ่งมีอาณาเขตกว้างใหญ่อยู่ก่อนแล้ว
ในช่วงต้นศตวรรษที่สิบเจ็ด ได้มีชาติตะวันตกชาติใหม่มาติดต่อขอทำการค้ากับญี่ปุ่น ได้แก่ฮอลันดาและอังกฤษ ซึ่งมาถึงเมืองนางาซากิในค.ศ. 1600 โดยโชกุนอิเอยาซุได้ให้นายวิลเลียม อดัมส์ (William Adams) ชาวอังกฤษต่อเรือแบบตะวันตกให้แก่ญี่ปุ่นเป็นลำแรกจนสำเร็จในค.ศ. 1604 นับแต่นั้นมาโชกุนอิเอยาซุจึงอนุญาตให้พ่อค้าต่างๆล่องเรือสำเภาแบบตะวันตกไปค้าขายยังอาณาจักรต่างๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรียกว่า เรือตราแดง (朱印船) โชกุนอิเอยาซุดำเนินนโยบายเป็นมิตรกับฮอลันดาและอังกฤษ ในขณะเดียวกันก็พยายามที่จะขับไล่มิชชันนารีชาวโปรตุเกสและสเปนอันเป็นคู่แข่งการค้าของฮอลันดา ขับไล่และปราบปรามชาวคาทอลิก
บั้นปลายชีวิต
[แก้]ในค.ศ. 1605 โชกุนอิเอยาซุได้สละตำแหน่งโชกุนให้แก่โทกูงาวะ ฮิเดตาดะ บุตรชายที่เป็นทายาทของตน โดยที่อำนาจการปกครองที่แท้จริงยังคงอยู่ที่อิเอยาซุ เปลี่ยนมาดำรงตำแหน่งเป็นโอโงโช (大御所) หรือโชกุนผู้สละตำแหน่ง และย้ายมาพำนักที่ปราสาทซุมปุ (อันเป็นปราสาทที่อิเอยาซุเคยพำนักเมื่อครั้งเป็นตัวประกันของตระกูลอิมางาวะ) โดยการยกให้โชกุนฮิเดตาดะบริหารปกครองอยู่ที่นครเอโดะ ทำให้โอโงโชอิเอยาซุสามารถจัดการกับการค้าขายกับชาติตะวันตกได้ ในค.ศ. 1609 โอโงโชอิเอยาซุออกประกาศอนุญาต ให้บริษัทอินเดียตะวันออกของฮอลันดา เข้ามาตั้งสถานีการค้าที่เมืองท่าฮิระโดะ นอกชายฝั่งเมืองท่านางาซากิ อันเป็นจุดเริ่มต้นของการค้าขายระหว่างญี่ปุ่นกับฮอลันดาไปอีกสองร้อยห้าสิบปี (ชาวฮอลันดายังคงอยู่ที่ฮิระโดะจนกระทั่งถูกย้ายออกไปที่เกาะเดะจิมะในสมัยของโชกุนโทกูงาวะ อิเอมิตสึ)
ในค.ศ. 1614 เกิดข่าวลือว่าโทโยโตมิ ฮิเดโยริ บุตรชายของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ซึ่งได้เติบใหญ่อยู่ที่ปราสาทโอซากะ ได้วางแผนกับมารดาของตนคือ นางโยะโดะ (淀殿) ซ่องซุมกำลังคนเพื่อที่จะฟื้นฟูตระกูลโทโยโตมิให้กลับมาปกครองญี่ปุ่นอีกครั้ง ในค.ศ. 1615 โอโงโชอิเอยาซุร่วมกับโชกุนฮิเดตาดะ ยกทัพขนาดมหึมาไปทำการล้อมปราสาทโอซากะ ในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว จนกระทั่งฝ่ายโทโยโตมิพ่ายแพ้ ฮิเดโยริกระทำการเซ็ปปุกุเสียชีวิต โดยท่านหญิงเซ็ง (千姫) ภรรยาของฮิเดโยริผู้ซึ่งเป็นหลานสาวของอิเอยาซุได้รับการช่วยเหลือออกมาก่อน
โอโงโชโทกูงาวะ อิเอยาซุ ถึงแก่อสัญกรรมในค.ศ. 1616 ที่ปราสาทซุนปุ อายุ 73 ปี หลังจากที่ถึงแก่อสัญกรรมแล้วโทกูงาวะ อิเอยาซุ ได้รับการยกย่องให้เป็นเทพเจ้า มีชื่อว่า โทโช ไดงนเง็น ( 東照大権現) เป็นพระโพธิสัตว์ที่ลงมาโปรดสัตว์บนโลกมนุษย์ มีศาลเจ้าคือ ศาลเจ้านิกโกโทโช ในเมืองนิกโก
ครอบครัว
[แก้]- บิดา: มัตสึไดระ ฮิโรตาดะ (松平広忠 ค.ศ. 1529 - 1549)
- มารดา: นางโอะได-โนะ-กะตะ (於大の方 ค.ศ. 1528 - 1602)
- ภรรยาเอก: นางสึกิยามะ-โดโนะ (築山殿 ค.ศ. 1542 - 1579) บุตรสาวของเซะกิงุชิ ชิกานางะ (関口親永)
- บุตรชายคนแรก: มัตสึไดระ โนบุยะซุ (松平信康 ค.ศ. 1559 - 1579)
- บุตรสาวคนแรก: คะเมะ-ฮิเมะ (亀姫 ค.ศ. 1560 - 1625) สมรสกับ โอกูไดระ โนบุมะซะ (奥平信昌)
- ภรรยาเอก: นางอะซะฮิ-ฮิเมะ (朝日姫 ค.ศ. 1543 - 1590) น้องสาวของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ
- ภรรยาน้อย: โคโตกุ-โนะ-สึโบเนะ (小督局 ค.ศ. 1548 - 1620) หรือนางโชโช-อิง (長勝院)
- บุตรชายคนที่สอง: ยูกิ ฮิเดยาซุ (結城秀康 ค.ศ. 1574 - 1607) ไปเป็นบุตรบุญธรรมของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ และต่อมาเป็นบุตรบุญธรรมของยูกิ ฮะรุโตะโมะ (結城晴朝)
- ภรรยาน้อย: ไซโง-โนะ-สึโบเนะ (西郷局 ค.ศ. 1552 - 1589)
- บุตรสาวคนที่สอง: ท่านหญิงโทกุ (督姫 ค.ศ. 1565 - 1615) สมรสกับ โฮโจ อุจินะโอะ (北条氏直) และต่อมาสมรสกับอิเกะดะ เทะรุมะซะ (池田輝政)
- บุตรชายคนที่สาม: โทกูงาวะ ฮิเดตาดะ (ค.ศ. 1579 - 1632) โชกุนคนที่ 2
- บุตรชายคนที่สี่: มัตสึไดระ ทะดะโยะชิ (松平忠吉 ค.ศ. 1580 - 1607)
- ภรรยาน้อย: นางทะเกะ (Take)
- บุตรสาวคนที่สาม: ฟุริ-ฮิเมะ (振姫 ค.ศ. 1580 - 1617) หรือ นางโชเซ-อิง (正清院) สมรสกับกะโม ฮิเดะยุกิ (蒲生秀行) และต่อมาสมรสกับอะซะโนะ นะงะอะกิระ (浅野長晟)
- ภรรยาน้อย: นางโอสึมะ (Otsuma) หรือชิโมะยามะ-โดโนะ (下山殿 ค.ศ. 1564 - 1591)
- บุตรชายคนที่ห้า: ทาเกดะ โนบูโยชิ (武田信吉 ค.ศ. 1583 - 1603) ไปเป็นบุตรบุญธรรมของทาเกดะ โนบุฮะรุ (武田信治)
- ภรรยาน้อย: ชะอะ-โนะ-สึโบเนะ (茶阿局 ? - ค.ศ. 1621)
- บุตรชายคนที่หก: มัตสึไดระ ทาดาเตรุ (松平忠輝 ค.ศ. 1592 - 1683)
- บุตรชายคนที่เจ็ด: มัตสึไดระ มัตสึชิโยะ (松平松千代 ค.ศ. 1594 - 1599)
- ภรรยาน้อย: นางคะเมะ (Kame) ค.ศ. 1573 - 1642
- บุตรชายคนที่แปด: มัตสึไดระ เซ็งชิโยะ (松平仙千代 ค.ศ. 1595 - 1600)
- บุตรชายคนที่เก้า: โทกูงาวะ โยะชินะโอะ (徳川義直 ค.ศ. 1601 - 1650) ไดเมียวแห่งคิโยะซุ หนึ่งในโงะซังเกะ
- ภรรยาน้อย: นางมัง (Man) หรือโยจูอิง (養珠院 ค.ศ. 1580 - 1653)
- บุตรชายคนที่สิบ: โทกูงาวะ โยะริโนบุ (徳川頼宣 ค.ศ. 1602 - 1671) ไดเมียวแห่งคิอิ หนึ่งในโงะซังเกะ เป็นปู่ของโทกูงาวะ โยชิมูเนะ โชกุนคนที่ 8
- บุตรชายคนที่สิบเอ็ด: โทกูงาวะ โยะริฟุซะ (徳川頼房 ค.ศ. 1603 - 1661) ไดเมียวแห่งมิโตะ หนึ่งในโงะซังเกะ
อ้างอิง
[แก้]ก่อนหน้า | โทกูงาวะ อิเอยาซุ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ยุคเซ็งโงะกุ | โชกุนแห่งรัฐบาลเอโดะ (ค.ศ. 1603 – 1605) |
โทกูงาวะ ฮิเดตาดะ |