ข้ามไปเนื้อหา

อนุสัญญาอิสตันบูล

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อนุสัญญาอิสตันบูล
อนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามความรุนแรงต่อสตรีและความรุนแรงในครอบครัวแห่งสภายุโรป
วันร่าง7 เมษายน 2554
วันลงนาม11 พฤษภาคม 2554
ที่ลงนามอิสตันบูล, ประเทศตุรกี
วันมีผล1 สิงหาคม 2557
เงื่อนไขการให้สัตยาบันรวม 10 ครั้ง โดย 8 จาก 10 ครั้งมาจากสมาชิกสภายุโรป
ผู้ลงนาม45 รัฐ + สหภาพยุโรป
ผู้ให้สัตยาบัน35
ผู้เก็บรักษาเลขาธิการแห่งสภายุโรป
อ้างอิงชุดสนธิสัญญาสภายุโรป ที่. 210
ภาษาภาษาอังกฤษ และ ภาษาฝรั่งเศส

อนุสัญญาอิสตันบูล (อังกฤษ: Istanbul Convention) หรือในฉบับเต็มเรียกว่า อนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามความรุนแรงต่อสตรีและความรุนแรงในครอบครัวแห่งสภายุโรป (อังกฤษ: Council of Europe Convention on preventing and combating violence against women and domestic violence) เป็นสนธิสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนของสภายุโรปว่าด้วยความรุนแรงต่อสตรีและความรุนแรงในครอบครัว โดยเปิดให้ลงนามเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี อนุสัญญานี้มีจุดมุ่งหมายในการป้องกันความรุนแรง การคุ้มครองดูแลผู้เสียหาย และยุติการอภัยโทษผู้กระทำความผิด[1] เมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2555 ประเทศตุรกีเป็นประเทศแรกที่ให้สัตยาบันตามอนุสัญญา และถัดมาอีก 34 ประเทศ ในตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 ถึง 2564 ดังนี้ แอลเบเนีย อันดอร์รา ออสเตรีย เบลเยียม บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา โครเอเชีย ไซปรัส เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส จอร์เจีย เยอรมนี กรีซ[2] ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ อิตาลี ลิกเตนสไตน์ ลักเซมเบิร์ก มอลตา มอลโดวา โมนาโก มอนเตเนโกร เนเธอร์แลนด์ มาซิโดเนียเหนือ นอร์เวย์ โปแลนด์ โปรตุเกส โรมาเนีย ซานมารีโน เซอร์เบีย สโลวีเนีย สเปน สวีเดน และสวิตเซอร์แลนด์[3] ณ เดือนมีนาคม พ.ศ. 2562 มีการลงนามโดย 45 ประเทศ รวมถึงสหภาพยุโรป[3] โดยอนุสัญญามีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2557[3] จนกระทั่งปี พ.ศ. 2564 ตุรกีเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวที่ถอนตัวจากอนุสัญญาเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2564 อนุสัญญาดังกล่าวยุติการบังคับใช้ในตุรกีในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564[4][5]

ประวัติ

[แก้]
โจฮันน่า เนลเลส ตัวแทนแห่งสภายุโรป พูดคุยถึงวัตถุประสงค์ของอนุสัญญา (มิถุนายน 2554)

สภายุโรปได้ริเริ่มดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการคุ้มครองสตรีจากความรุนแรงตั้งแต่ทศวรรษ 1990 โดยจะเห็นผลอย่างชัดเจนในการใช้ข้อเสนอแนะแห่งสภายุโรปที่ 5 (2545) ของคณะกรรมการรัฐมนตรีประจำประเทศสมาชิกว่าด้วยการคุ้มครองสตรีจากความรุนแรง[6] และการรณรงค์เพื่อขจัดความรุนแรงต่อตรี รวมถึงความรุนแรงในครอบครัวทั่วทวีปยุโรปในระหว่างปี พ.ศ. 2549 ถึง พ.ศ. 2551[7] ทางฝั่งสมัชชารัฐสภาแห่งสภายุโรปได้แสดงจุดยืนทางการเมืองในการต่อต้านความรุนแรงต่อสตรีทุกรูปแบบ รวมถึงได้ใช้ข้อมติและข้อเสนอแนะจำนวนหนึ่งเพื่อเรียกร้องให้มีมาตรฐานที่มีผลผูกพันทางกฎหมายในการป้องกัน ปกป้อง และดำเนินคดีในรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงทางเพศ[8]

อ่างอิงรายงานการศึกษาและการสำรวจระดับชาติเผยให้เห็นถึงความสำคัญของปัญหานี้ในยุโรป[8] การรณรงค์นี้แสดงให้เห็นถึงการโต้ตอบถึงปัญหาความรุนแรงต่อสรีและครอบครัวของรัฐต่าง ๆ ในทวีปยุโรป ดังนั้นการรณรงค์นี้จึงเป็นการแสดงออกถึงความต้องการในความปลอดภัย มาตรฐานทางกฎหมายที่สอดคล้องกัน เพื่อให้สามารถยืนยันได้ว่าเหยื่อจะได้รับประโยชน์จากการคุ้มครองในระดับเดียวกันในทุกที่ในยุโรป ทางรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของสภาประเทศสมาชิกยุโรป จึงเริ่มหารือถึงความจำเป็นในการเพิ่มการคุ้มครองจากความรุนแรงในครอบครัว

เพื่อการนั้น สภายุโรปจึงได้ตัดสินใจว่าจำเป็นต้องกำหนดมาตรฐานที่ครอบคลุมเพื่อป้องกันและต่อสู้กับความรุนแรงต่อสตรีและความรุนแรงในครอบครัว ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 คณะกรรมการรัฐมนตรีได้จัดตั้งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ โดยมอบหมายให้จัดทำร่างอนุสัญญาในด้านนี้ ผ่านไปเพียงสองปี กลุ่ม CAHVIO (Ad Hoc Committee on Preventing and Combating Violence against Women and Domestic Violence, คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อป้องกันและต่อสู้กับความรุนแรงต่อสตรีและความรุนแรงในครอบครัว)[9] ได้ร่างข้อความขึ้นมา และได้เสนอในการประชุมระหว่าง สหราชอาณาจักร อิตาลี รัสเซีย และสันตะสำนัก ในการประชุมมีการแก้ไขหลายประการเพื่อจำกัดข้อกำหนดบางอย่างเอาไว้ จึงทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล[10] ท้ายที่สุด ร่างสุดท้ายของการประชุมถูกจัดทำขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553

การนำมาใช้ การลงนาม การให้สัตยาบัน และการเลิกใช้

[แก้]

กระบวนการทั่วไป

[แก้]

ร่างอนุสัญญาได้รับการรับรองโดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุโรปเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554 ในการประชุมครั้งที่ 1111[11] และเปิดให้ลงนามเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เนื่องในการประชุมคณะรัฐมนตรีสมัยที่ 121 ณ อิสตันบูล โดยมีผลบังคับใช้หลังจากการให้สัตยาบัน 10 ครั้ง โดย 8 ประเทศต้องเป็นรัฐสมาชิกของสภายุโรป ในการประชุมเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2558 มีการลงนามโดย 39 รัฐ ตามด้วยการให้สัตยาบันของสมาชิกสภายุโรป 8 รัฐ ได้แก่ แอลเบเนีย ออสเตรีย บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา อิตาลี มอนเตเนโกร โปรตุเกส เซอร์เบีย และตุรกี ต่อมาในปีนั้น อันดอร์รา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส มอลตา โมนาโก สเปน และสวีเดนก็ได้ให้สัตยาบันตามมา ถัดมาในปี พ.ศ. 2558 มีการให้สัตยาบันโดยฟินแลนด์ เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ และสโลวีเนีย ในปี พ.ศ. 2559 โดยเบลเยียม ซานมารีโน และโรมาเนีย ในปี พ.ศ. 2560 โดยไซปรัส เอสโตเนีย จอร์เจีย เยอรมนี นอร์เวย์ และสวิตเซอร์แลนด์ ในปี พ.ศ. 2561 โดยโครเอเชีย กรีซ ไอซ์แลนด์ ลักเซมเบิร์กและสาธารณรัฐมาซิโดเนีย และในปี พ.ศ. 2562 โดยสาธารณรัฐไอร์แลนด์[2] เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2560 Věra Jourová แห่งกรรมาธิการความเท่าเทียมทางเพศแห่งยุโรป เป็นผู้การลงนามในอนุสัญญาอิสตันบูลในนามของสหภาพยุโรป[12] รัฐใด ๆ ก็ตามที่ได้ให้สัตยาบันตามอนุสัญญามีข้อผูกพันทางกฎหมายตามบทบัญญัติให้มีผลใช้บังคับใช้ในประเทศของตัวเอง

อนุสัญญาสามารถเพิกถอนได้ โดยให้แจ้งเลขาธิการแห่งสภายุโรป (ตามมาตรา 80) และให้มีผลบังคับใช้สามเดือนหลังจากการประกาศ[13]

ผู้ลงนาม[14] ลงนาม ให้สัตยาบัน มีผลบังคับใช้ เลิกใช้
 แอลเบเนีย 19 ธันวาคม 2011 4 กุมภาพันธ์ 2013 1 สิงหาคม 2014
 อันดอร์รา 22 กุมภาพันธ์ 2013 22 เมษายน 2014 1 สิงหาคม 2014
 อาร์มีเนีย 18 มกราคม 2018
 ออสเตรีย 11 พฤษภาคม 2011 14 พฤศจิกายน 2013 1 สิงหาคม 2014
 เบลเยียม 11 กันยายน 2012 14 มีนาคม 2016 1 กรกฎาคม 2016
 บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา 8 มีนาคม 2013 7 พฤศจิกายน 2013 1 สิงหาคม 2014
 บัลแกเรีย 21 เมษายน 2016
 โครเอเชีย 22 มกราคม 2013 12 มิถุนายน 2018 1 ตุลาคม 2018
 ไซปรัส 16 มิถุนายน 2015 10 พฤศจิกายน 2017 1 มีนาคม 2018
 เช็กเกีย 2 พฤษภาคม 2016
 เดนมาร์ก[note 3] 11 ตุลาคม 2013 23 เมษายน 2014 1 สิงหาคม 2014
 เอสโตเนีย 2 ธันวาคม 2014 26 ตุลาคม 2017 1 กุมภาพันธ์ 2018
 สหภาพยุโรป 13 มิถุนายน 2017
 ฟินแลนด์ 11 พฤษภาคม 2011 17 เมษายน 2015 1 สิงหาคม 2015
 ฝรั่งเศส 11 พฤษภาคม 2011 4 กรกฎาคม 2014 1 พฤศจิกายน 2014
 จอร์เจีย 19 มิถุนายน 2014 19 พฤษภาคม 2017 1 กันยายน 2017
 เยอรมนี 11 พฤษภาคม 2011 12 ตุลาคม 2017 1 กุมภาพันธ์ 2018
 กรีซ 11 พฤษภาคม 2011 18 มิถุนายน 2018 1 ตุลาคม 2018
 ฮังการี 14 มีนาคม 2014
 ไอซ์แลนด์ 11 พฤษภาคม 2011 26 เมษายน 2018 1 สิงหาคม 2018
 ไอร์แลนด์ 15 พฤศจิกายน 2015 8 มีนาคม 2019 1 กรกฎาคม 2019
 อิตาลี 27 กันยายน 2012 10 กันยายน 2013 1 สิงหาคม 2014
 ลัตเวีย 18 พฤษภาคม 2016
 ลีชเทินชไตน์ 10 พฤศจิกายน 2016 17 มิถุนายน 2021 1 ตุลาคม 2021
 ลิทัวเนีย 7 มิถุนายน 2013
 ลักเซมเบิร์ก 11 พฤษภาคม 2011 7 สิงหาคม 2018 1 ธันวาคม 2018
 มอลตา 21 พฤษภาคม 2012 29 กรกฎาคม 2014 1 พฤศจิกายน 2014
 มอลโดวา 6 กุมภาพันธ์ 2017 14 ตุลาคม 2021 20 ตุลาคม 2021
 โมนาโก 20 กันยายน 2012 7 ตุลาคม 2014 1 กุมภาพันธ์ 2015
 มอนเตเนโกร 11 พฤษภาคม 2011 22 เมษายน 2013 1 สิงหาคม 2014
 เนเธอร์แลนด์[note 4] 14 พฤศจิกายน 2012 18 พฤศจิกายน 2015 1 มีนาคม 2016
 มาซิโดเนียเหนือ 8 กรกฎาคม 2011 23 มีนาคม 2018 1 กรกฎาคม 2018
 นอร์เวย์ 7 กรกฎาคม 2011 5 กรกฎาคม 2017 1 พฤศจิกายน 2017
 โปแลนด์ 18 ธันวาคม 2012 27 เมษายน 2015 1 สิงหาคม 2015
 โปรตุเกส 11 พฤษภาคม 2011 5 กุมภาพันธ์ 2013 1 สิงหาคม 2014
 โรมาเนีย 27 มิถุนายน 2014 23 พฤษภาคม 2016 1 กันยายน 2016
 ซานมารีโน 30 เมษายน 2014 28 มกราคม 2016 1 พฤษภาคม 2016
 เซอร์เบีย 4 เมษายน 2012 21 พฤศจิกายน 2013 1 สิงหาคม 2014
 สโลวาเกีย 11 พฤษภาคม 2011
 สโลวีเนีย 8 กันยายน 2011 5 กุมภาพันธ์ 2015 1 มิถุนายน 2015
 สเปน 11 พฤษภาคม 2011 10 เมษายน 2014 1 สิงหาคม 2014
 สวีเดน 11 พฤษภาคม 2011 1 กรกฎาคม 2014 1 พฤศจิกายน 2014
 สวิตเซอร์แลนด์ 11 กันยายน 2013 14 ธันวาคม 2017 1 เมษายน 2018
 ตุรกี 11 พฤษภาคม 2011 14 มีนาคม 2012 1 สิงหาคม 2014 1 กรกฎาคม 2021
 ยูเครน 7 พฤศจิกายน 2011
 สหราชอาณาจักร 8 มิถุนายน 2012

อ้างอิง

[แก้]
  1. Council of Europe (2011). "Explanatory Report to the Council of Europe Convention on preventing and combating violence against women and domestic violence". Council of Europe. สืบค้นเมื่อ 31 July 2020.
  2. 2.0 2.1 "Publication to the Government Gazette of the ratification, by Greece, of the CoE Convention on violence against women and domestic violence (Original: Δημοσίευση σε ΦΕΚ του Ν.4531/2018 για την κύρωση από την Ελλάδα της Σύμβασης του Σ.τ.Ε. περί έμφυλης και ενδοοικογενειακής βίας)". Isotita.gr. 16 April 2018. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 March 2021. สืบค้นเมื่อ 12 May 2018.
  3. 3.0 3.1 3.2 "Full list: Chart of signatures and ratifications of Treaty 210". Council of Europe. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 March 2017. สืบค้นเมื่อ 21 April 2016.
  4. "Erdoğan insists it's at his discretion to pull Turkey out of İstanbul Convention". Bianet - Bagimsiz Iletisim Agi. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 July 2021. สืบค้นเมื่อ 2021-03-27.
  5. Story by Reuters (2021-07-01). "Turkey formally quits treaty to prevent violence against women". CNN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 July 2021. สืบค้นเมื่อ 2021-07-01.
  6. "Recommendation Rec(2002)5 of the Committee of Ministers to member states on the protection of women against violence". Council of Europe Committee of Ministers. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 July 2020. สืบค้นเมื่อ 18 December 2012.
  7. "Campaign to Combat Violence against Women, including domestic violence (2006-2008)". Council of Europe. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 July 2021. สืบค้นเมื่อ 18 December 2012.
  8. 8.0 8.1 "Historical background". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 March 2021. สืบค้นเมื่อ 21 March 2021.
  9. "Ad Hoc Committee on preventing and combating violence against women and domestic violence (CAHVIO)". Council of Europe. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 April 2009. สืบค้นเมื่อ 18 December 2012.
  10. "Time to take a stand to oppose violence against women in Europe". Amnesty International. 2011. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 July 2021. สืบค้นเมื่อ 12 September 2012.
  11. "Draft Council of Europe Convention on preventing and combating violence against women and domestic violence". Council of Europe. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 March 2021. สืบค้นเมื่อ 23 March 2021.
  12. "EU signs the Istanbul Convention". European Institute for Gender Equality. 16 June 2017. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 March 2021. สืบค้นเมื่อ 11 February 2019.
  13. "Council of Europe Convention on preventing and combating violence against women and domestic violence". Council of Europe. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 March 2021. สืบค้นเมื่อ 21 March 2021.
  14. "Chart of signatures and ratifications of Treaty 210: Council of Europe Convention on preventing and combating violence against women and domestic violence". Council of Europe website. Council of Europe. 11 May 2011. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 November 2015. สืบค้นเมื่อ 4 April 2020.
  15. 15.0 15.1 "Reservations and Declarations for Treaty No.210 - Council of Europe Convention on preventing and combating violence against women and domestic violence". Council of Europe. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 February 2017. สืบค้นเมื่อ 5 April 2020.

หมายเหตุ

[แก้]
  1. ก. สหภาพยุโรปเป็นผู้ลงนามเช่นกัน
  2. รวมถึงประเทศที่เกี่ยวข้องกับการทำอนุสัญญา ไม่มีประเทศใดเลย (แคนาดา, สันตะสำนัก (นครวาติกัน), ญี่ปุ่น, เม็กซิโก, รัสเซีย และ สหรัฐอเมริกา) ที่ลงนามในอนุสัญญา
  3. อนุสัญญานี้ไม่ใช้บังคับกับ หมู่เกาะแฟโร และ กรีนแลนด์.[15]
  4. อนุสัญญานี้ไม่ได้บังคับใช้ใน ดัตช์แคริบเบียน ใช้เพียงเฉพาะส่วนที่อยู่ในทวีปยุโรปของ ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ เท่านั้น[15]