หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก โรจนกุล)
นายพันโท หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก โรจนกุล) | |
---|---|
เจ้ากรมสรรพยุทธ กระทรวงกลาโหม | |
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2452 – พ.ศ. 2453 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ก่อนหน้า | พระยาฤทธิไกรเกรียงหาญ |
ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมยุทธนาธิการ | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2401 แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงรัตนโกสินทร์ |
เสียชีวิต | 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2472 (71 ปี) แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงรัตนโกสินทร์ |
บุตร | 2 คน 1.พระยาชำนาญอักษร (ปลอบ โรจนกุล) 2. ร.อ.ต. โปรด โรจนกุล |
บุพการี |
|
อาชีพ | ทหารบก |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
สังกัด | กองทัพบกไทย กระทรวงกลาโหม |
ประจำการ | พ.ศ. 2431 – พ.ศ. 2477 |
ยศ | ![]() |
นายพันโท หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2401 – 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2472) มีนามเดิมว่า ปึก อดีตเจ้ากรมสรรพยุทธ กระทรวงกลาโหม สัสดีมณฑล ข้าหลวงทหารราบประจำกองพันตรีมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมทหารบกราบที่ ๑ (มหาดเล็กรักษาพระองค์)[1]: 130 อดีตนายทหารสังกัดกรมยุทธนาธิการ[note 1] อดีต ผบ.ร.พัน 30 (ลำปาง)[note 2] ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 7 รัชสมัยวาระนายพลเอก สมเด็จฯ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ (พระยศในขณะนั้น) เป็นผู้บังคับบัญชา
ประวัติ
[แก้]หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2401[3] ปีมะเส็ง ราวสมัยรัชกาลที่ 4ที่บ้านช่างหล่อ วังหลัง กรุงเทพพระมหานคร บิดาชื่อนายราชจํานง (นามเดิม: อู๋ โรจนกุล)[3] มหาดเล็กหุ้มแพรต้นเชือกเวรมหาใจภักดิ์ฝ่ายพระราชวังบวร บุตรของหลวงลิขิตปรีชา (คุ้ม โรจนกุล) เจ้ากรมพระอาลักษณ์ฝ่ายพระบวรราชวัง (วังหน้า) บุตรชื่อ พระยาชำนาญอักษร (ปลอบ โรจนกุล)[4] และรองอำมาตย์ตรี โปรด โรจนกุล[5]
เดิมนายปึก รับราชการเป็นหุ้มแพรมหาดเล็กตำแหน่งพลทหารม้า[3] (บ้างก็เรียกว่านายทหารแถว) ในกรมทหารมหาดเล็ก[1]: 10 ต่อมาจึงได้รับโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นนายพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก)
เมื่อ พ.ศ. 2429 นายพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) เข้าร่วมกระบวนพยุหยาตราชลมารคในการพระราชพิธีลงสรงสนานเฉลิมพระปรมาภิไธยสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชโอรสในรัชกาลที่ 5 โดยทำหน้าที่กำกับเรือกราบกัญญา[6]: 353 คุมพลพายเรือกระบวนทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ (กรมวัง) ตามลำดับยศท้ายเรือพระที่นั่งอนันตนาคราชสายนอก ลำดับเรือกราบกัญญาขนัดที่ 20 ลำที่ 1[6]: 358
เมื่อ พ.ศ. 2432 เลื่อนบรรดาศักดิ์ขึ้นเป็นขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ในช่วงไปรับราชการที่เมืองอุบลราชธานี หลังจากที่ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) กลับราชการจากเมืองอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน จุลศักราช 1251 (ตรงกับ พ.ศ. 2432)[7]: 126 [8]
ในปี พ.ศ. 2431 นั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชประสงค์ โปรดให้จัดตั้งกองทหารประจำการตามหัวเมืองต่างๆ อย่างแบบยุโรป ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ ว่าที่นายพันตรี หลวงพิพักษ์นรินทร์ (ผึ้ง) เป็นผู้บังคับกองทหารคนแรก นับว่าเป็นการการตั้งกองทหารแบบยุโรปเป็นครั้งแรก ซึ่งขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ได้รับพระราชทานพระกรุณาให้เข้าร่วมกองทหารแบบใหม่นี้ด้วย ในการนี้กรมมหาดไทยได้นำขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) และนายทหารอีก 7 นายเข้าเฝ้าถวายบังคมลา[9] ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ไปประจำกองทหารประจำการ ณ เมืองตะโปน เมืองพิน เมืองนอง กับกองทหารของ ว่าที่นายพันตรี หลวงพิทักษ์นรินทร์ (ผึ้ง) ที่บริเวณทุ่งศรีเมือง จุลศักราช 1251 ปีฉลู ตรงกับ พ.ศ. 2432
ปรากฏใน พงศาวดารหัวเมืองมณฑลอิสาณ ของหม่อมอมรวงษ์วิจิตร์ (หม่อมราชวงศ์ปฐม) ว่า :-
โปรดเกล้า ฯ ให้กรมยุทธนาธิการส่งนายร้อยเอก ขุนพิศลยุทธการ (ปึก) ๑ นายร้อยตรีชื่น ๑ นายร้อยตรีคำ ๑ นายร้อยตรีพลับ ๑ นายร้อยตรีพึ่ง ๑ นายร้อยตรีวาด ๑ นายร้อยตรีพรหม ๑ กับพลแตรเดี่ยว ๑ ขึ้นไปรับราชการกับ ว่าที่นายพันตรี หลวงพิทักษ์นรินทร์ (ผึ้ง) ขุนพิศล ฯ กับนายร้อย ๗ นาย ได้ไปถึงเมืองอุบลเมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม แล้วหลวงพิทักษ์นรินทร์จัดให้ ขุนพิศลฯ ๑ นายร้อยตรีพึ่ง ๑ นายร้อยตรีคล้าย ๑ นายร้อยตรีคำ ๑ ไปรับราชการอยู่กับหลวงพิทักษ์นรินทร์ (ผึ้ง) ณ ด่านเมืองตะโปน เมืองพิน เมืองนอง แลจัดให้นายร้อยตรีวาด ๑ นายร้อยตรีชื่น ๑ นายร้อยตรีพลับ ๑ นายร้อยตรีพรหม ๑ ไปรักษาราชการหน้าด่านเมืองนครจำปาศักดิ์...[10][7]: 115 [11]
เมื่อ พ.ศ. 2432 เอกสารหอจดหมายเหตุแห่งชาติ หมายเลข ร.๕ ม.๒. ๑๒ ข/๖๑ จ.ศ. ๑๒๕๑ (พ.ศ. 2432) กล่าวว่า ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ตำแหน่งผู้บังคับการกองทหารมณฑลอีสานในขณะนั้น ถูกพระยาราชเสน (ทัด ไกรฤกษ์) ข้าหลวงกำกับราชการเมืองอุบลราชธานีกล่าวโทษว่าขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) นำเงินส่วยของหลวงไปใช้ซื้อม้าไว้ใช้ในราชการ ผลสอบสวนไม่พบความผิดตามคำกล่าวโทษนั้นจึงมีพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้คงตำแหน่งผู้บังคับการทหารมณฑลอีสานเดิมต่อไป[12]
ระหว่างที่ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ผู้บังคับการกองทหารมณฑลอีสานประจำกองทหารครั้งนั้นอยู่เกือบปี ปรากฏว่านายร้อยตรีคำในกองทหารป่วยเป็นไข้พิศม์ หรือไข้อายพิศม์[note 3] ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2432 ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) จึงได้ประกอบพิธีศพตามธรรมเนียม ปรากฏในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พุทธศักราช ๒๔๓๓ ว่า "...บอกพระราชเสนาข้าหลวงเมืองอุบลราชธานี ลงวันที่ ๓๐ มีนาคม ร.ศ. ๑๐๘ ว่า นายร้อยตรี นายคำ ซึ่งไปราชการเมืองตะโปนป่วยเป็นไข้พิศม์ พอ ณ วันที่ ๒๙ มกราคม นายร้อยตรี นายคำถึงแก่กรรม นายร้อยเอก ขุนพิสณฑ์ (ปึก) จัดการไหว้ศพตามธรรมเนียม..."[14] และได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการที่นั่นกระทั่งกลับราชการจากเมืองอุบลราชธานีมายังกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2434[11]: 183
เมื่อ พ.ศ. 2435 ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ได้เป็นนายร้อยโทชั้นสัญญาบัตร เข้าประจำกองพันตรี กองทหารราบในมหาดเล็กรักษาพระองค์[15] กรมทหารบกราบที่ ๑ (มหาดเล็กรักษาพระองค์) โดยมีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช ทรงเป็นผู้บังคับการในขณะนั้น[1]: 41–42
เมื่อ พ.ศ. 2436 ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ได้ไปเข้าร่วมราชการทหารกับกองทหารของพระพิเรนทรเทพ[16] เพื่อไปรักษาหัวเมืองลาวกาวมีหัวเมืองสำคัญ 7 เมือง[17] ได้แก่ เมืองอุบลราชธานี เมืองนครจำปาศักดิ์ เมืองศรีสะเกษ เมืองสุรินทร์ เมืองร้อยเอ็ด เมืองมหาสารคาม และเมืองกาฬสินธุ์ โดยพระยาจ่าแสนบดี ปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทย นำข้าราชการฝ่ายทหารเข้าเฝ้ากราบถวายบังคมทูลลาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน
เมื่อ พ.ศ. 2441 หนังสือพิมพ์บางกอกสมัย ฉบับวันที่ ๔ ธันวาคม ร.ศ. ๑๑๗ รายงานข่าวหัวเมือง “บ้านหมากแข้ง แขวงกุมภวาปี” กล่าวถึงงานบุญบ้านหมากแข้งมีการประชุมเล่นนักขัตฤกษ์ และงานรื่นเริงที่หนองมหาสนุก ณ บ้านหมากแข้ง (จังหวัดอุดรธานีในปัจจุบัน) แขวงกุมภวาปี มณฑลลาวพวน ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ผู้บังคับการกองทหารมณฑลลาวพวนในขณะนั้นออกร้านขายถั่วยี่สงคั่วและต้มที่เรือนแพรอบหนองมหาสนุก[18]
ภายหลังมียศที่นายพันตรี ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ได้เป็นผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 30 (ผบ.ร.พัน 30) (ลำปาง) กรมยุทธนาธิการ และได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นหลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ถือศักดินา 800[19] ระหว่างรับราชการเมื่อ พ.ศ. 2445 ได้ร่วมบริจาคทรัพย์ 34 บาท[20] เพื่อก่อสร้างโรงเรียนอุดรพิทยานุกูล มลฑลอุดร ในคราวเหตุการณ์เพลิงไหม้ของโรงเรียนสอนหนังสือไทยบ้านหมากแข้ง (ชื่อโรงเรียนเดิม) ซึ่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมทรงสร้างไว้ กระทั่งปลดประจำการเป็นทหารกองหนุน กระทรวงกลาโหม มียศสุดท้ายเป็น นายพันโท หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ถือศักดินา 2000[21]: 362
เมื่อ พ.ศ. 2452 เป็นเจ้ากรมสรรพยุทธ สังกัดกระทรวงกลาโหมถัดจากนายพันเอก พระยาฤทธิไกรเกรียงหาญ เจ้ากรมสรรพยุทธคนก่อน[22] จนครบเกษียณอายุราชการจึงได้ลาออกจากประจำการเป็นนายทหารกองหนุน กรมทหารราบที่ 3 กระทรวงกลาโหม เมื่อ พ.ศ. 2453 แล้วปลดประจำการเป็นนายทหารนอกราชการบำนาญ กรมทหารราบที่ 3[3]
หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ป่วยเป็นโรคไส้เลื่อนถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2472[3] สิริรวมอายุได้ 71 ปี เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) คุณหญิงรามราฆพ (ประจวบ พึ่งบุญ) เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) และ พล.ต.ต.นิตย์ สุขุม บุตรเจ้าคุณยมราชได้กระทำฌาปนกิจศพเมื่อวันอาทิยต์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2477 เพลาบ่าย ณ วัดอมรินทรารามวรวิหาร[23]
ยศและบรรดาศักดิ์
[แก้]บรรดาศักดิ์
[แก้]- พ.ศ. 2420 หุ้มแพรมหาดเล็ก[1]: 10
- พ.ศ. 2431 นายพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ศักดินา 500[24]
- พ.ศ. 2432 ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ศักดินา 800[25]
- พ.ศ. 2441 หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก)[26]: 118 ศักดินา 2000[21]: 362
ยศทหาร
[แก้]- พ.ศ. 2420 นายสิบโท[3]
- พ.ศ. 2420 นายสิบเอก[3]
- นายร้อยตรี
- พ.ศ. 2431 นายร้อยโท[27]: 258
- พ.ศ. 2431 นายร้อยเอก
- พ.ศ. 2431 ว่าที่นายพันตรี[3]
- พ.ศ. 2442 นายพันตรี[28]: 442
- พ.ศ. 2451 นายพันโท[29]
หมายเหตุ: ชื่อบรรดาศักดิ์จากหลักฐานบ้างก็ปรากฏว่า พิสณฑ์ยุทธการ พิศลยุทธการ หรือ พิสันฑ์ยุทธการ[30] ทว่าหลักฐานต่างๆ กล่าวว่าข้าราชการผู้นี้มีนามเดิมชื่อ ปึก ตรงกัน
ตำแหน่งราชการ
[แก้]หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) มีตำแหน่งราชการดังต่อไปนี้[3]
- พ.ศ. 2420 หุ้มแพร (พลทหารม้า) กรมทหารมหาดเล็ก
- พ.ศ. 2431 นายทหารประจำกรมทหารมหาดเล็ก
- พ.ศ. 2432 ผู้บังคับการกองทหารมณฑลอีสาน เมืองอุบลราชธานี
- พ.ศ. 2434 ประจำกองพันตรี กรมทหารมหาดเล็ก
- พ.ศ. 2435 นายร้อยโทประจำกองพันตรีทหารราบ กองทหารราบในมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมทหารบกราบที่ ๑ (มหาดเล็กรักษาพระองค์) กรมยุทธนาธิการ[27]: 258
- พ.ศ. 2436 ผู้บังคับการมณฑลทหารพิษณุโลก และประจำกรมทหารล้อมวังขึ้นกับกรมยุทธนาธิการ
- พ.ศ. 2438 ผู้บังคับการมณฑลทหารพิษณุโลก และผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 20
- พ.ศ. 2440 ผู้บังคับการกองทหารมณฑลลาวพวน[31] (อุดรธานี)
- พ.ศ. 2441 ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 30 (ผบ.ร.พัน 30) (ลำปาง) กรมยุทธนาธิการ
- พ.ศ. 2443 ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 7 มณฑลฝ่ายเหนือ (ผบ.ร.7)[28]
- พ.ศ. 2446 ข้าหลวงมณฑลทหารราชบุรี
- พ.ศ. 2447 ผู้ช่วยข้าหลวงพิเศษมณฑลทหารอยุธยา
- พ.ศ. 2451 ข้าหลวงทหารบกประจำมณฑลกรุงเทพ (สัสดีมณฑล)[32]: 43
- พ.ศ. 2449 สัสดีมณฑลนครสวรรค์
- พ.ศ. 2452 เจ้ากรมสรรพยุทธ กระทรวงกลาโหม และสารวัตรทหารบก มณฑลทหารบกกรุงเทพฯ กรมสารวัตรใหญ่ทหารบก[33][34]
- พ.ศ. 2453 นายทหารกองหนุน กรมทหารราบที่ 3 กระทรวงกลาโหม
- พ.ศ. 2457 นายทหารนอกราชการบำนาญ กรมทหารราบที่ 3
- พ.ศ. 2472 นายทหารพ้นราชการบำนาญ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
[แก้]- พ.ศ. 2444 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย (จ.ม.)[32]: 43 [35]
- พ.ศ. 2436 –
เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)[36][32]: 43
หมายเหตุ
[แก้]- เชิงอรรถ
- ↑ กรมยุทธนาธิการ คือ กรมรวมระหว่างทหารบกกับทหารเรือ ตามพระราชบัญญัติจัดการทหาร เมื่อวันศุกร์เดือน ๕ แรมค่ำ ๑ ปีกุน อัฐศกจุลศักราช ๑๒๔๘ (คือ พ.ศ. ๒๔๓๐)[1]: 37
- ↑ หนังสือกรมพระราชวังหลัง เขียนว่า ร.พัน ๓๐ (ลำปาง) ผบ.พัน พ.ต.ขุนพิสณฑ์ยุทธการ[2]
- ↑ หมอบรัดเล ให้คำจำกัดความว่า หมายถึง โรคลมมีพิศม์ เสมือนพิศม์งู[13]
อ้างอิง
[แก้]- เชิงอรรถ
- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 วรการบัญชา, พันเอก นาย. (2496). ตำนานทหารมหาดเล็ก. พันเอก นายวรการบัญชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ พิมพ์ถวายสนองพระคุณ ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลเอก พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอดิศรอุดมศักดิ์ ณ พระเมรุวัดเบญจมบพิตร วันที่ ๑๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๙๖. พระนคร: ประชาช่าง. 302 หน้า.
- ↑ ยิ้ม บัณฑยางกูร. (2534). กรมพระราชวังหลัง อนุสรณ์ พลตรี ม.ล.จวง เสนีวงศ์ (หลวงเสนียุทธกาจ). ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศก พลตรี ม.ล. จวง เสนีวงศ์ ท.ช., ท.ม. ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยราม วันที่ ๓๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๓๔. กรุงเทพฯ: บริษัท อมรโปรดัดส์ จำกัด. 167 หน้า. ISBN 974-417-187-1
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 3.6 3.7 3.8 ข่าวตาย: ประวัติสังเขป นายพันโท หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก โรจนะกุล). (๒๔๗๒, ๒๒ ธันวาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๔๖. หน้า ๓,๓๗๐–๓,๓๗๑.
- ↑ ข่าวตาย. เก็บถาวร 2023-06-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. (๒๔๗๐, ๑๑ ธันวาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ ๔๔. หน้า ๒,๙๕๙ – ๒,๙๖๐.
- ↑ ข่าวตาย. เก็บถาวร 2023-06-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. (๒๔๗๒, ๕ มกราคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ ๔๖. หน้า ๓,๕๑๒.
- ↑ 6.0 6.1 ภาณุพันธุวงศ์วรเดช, สมเด็จ ฯ เจ้าฟ้ากรมพระยา. (2513). จดหมายเหตุพระราชพิธีลงสรง สมเด็จ ฯ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ในรัชกาลที่ ๕. พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลตำรวจเอก พระพินิจชนคดี (พินิจ อินทรทูต) ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๑๓. กรุงเทพฯ: ประจักษ์การพิมพ์.
- ↑ 7.0 7.1 อมรวงษ์วิจิตร์ (หม่อมราชวงศ์ปฐม คเนจร), หม่อม. (2516). เมืองในภาคอิสาน. พระนคร: กรมศิลปากร. 269 หน้า.
- ↑ อมรวงษ์วิจิตร์ (หม่อมราชวงศ์ปฐม คเนจร), หม่อม. (2506). ประชุมพงศาวดารภาค ๔ และประวัติท้องที่จังหวัดมหาสารคาม. พระนคร: โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น. หน้า 133.
- ↑ ข้าราชการถวายบังคมลา วันที่ ๑๗ มิถุนายน ร.ศ. ๑๐๘. (๒๔๓๒, ๑๗ มิถุนายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ ๖. หน้า ๑๐๑.
- ↑ ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จ ฯ กรมพระยา. (2459). ประชุมพงศาวดารภาคที่ 4. พระนคร: โสภณพิพรรฒธนากร. 222 หน้า. หน้า 171.
- ↑ 11.0 11.1 อมรวงษ์วิจิตร (ม.ร.ว. ปฐม คเนจร), หม่อม. (2458). "พงษาวดารหัวเมืองมณฑลอิสาณ", ใน ประชุมพงษาวดาร ภาคที่ ๔. อำมาตย์เอก พระยาศรีสำรวจ (ชื่น ภัทรนาวิก) ม.ม,ท.ช,รัตน ว,ป,ร.๔ พิมพ์แจกในงานศพพัน ภัทรนาวิก ผู้มารดา เมื่อปีเถาะ สัปตศก พ.ศ. ๒๔๕๘. กรุงเทพฯ: โสภณพิพรรฒธนากร. หน้า 170.
- ↑ ปริญ รสจันทร์ เกศินี ศรีวงค์ษา และอมรรัตน์ นาคเสพ. (2555). รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง การสร้างความปรองดองระหว่างสยามและท้องถิ่นหลังความขัดแย้งกรณีกบฏผู้มีบุญอีสาน พุทธศักราช 2444-2455: The Harmony builds up between Siam and Local Area after the Holy man rebel, 1901-1912. ร้อยเอ็ด: คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด. หน้า 168. อ้างใน เอกสารจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ร.๕ ม.๒. ๑๒ ข/๖๑ จ.ศ. ๑๒๕๑.
- ↑ แดน บีช บรัดเลย์. (2514). หนังสือ อักขราภิธานศรับท์ ของหมดบลัดเล (Dictionary of the SIAMESE LANGUAGE by D.B.Bradley) 1873. พระนคร: คุรุสภา.
- ↑ จดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พุทธศักราช ๒๔๓๓. กรุงเทพฯ: สำนักราชเลขาธิการ, 2514. 424 หน้า. หน้า 94. หน้า 94.
- ↑ ตำแหน่งนายทหารสัญญาบัตร กรมยุทธนาธิการ ในรัตนโกสินทร์ศก ๑๑๑ เก็บถาวร 2019-12-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. (๒๔๓๕, ๓๐ ตุลาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ ๙. ตอนที่ ๓๑. หน้า 258.
- ↑ ข้าราชการถวายบังคมลา วันที่ ๑๑ มิถุนายน ร.ศ. ๑๑๒. (๒๔๓๖, ๑๑ มิถุนายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ ๑๐. ตอนที่ ๓๑. หน้า ๒๕๘.
- ↑ ภูเดช แสนสา (ปริวรรต) (แต่ง), หออัตลักษณ์นครน่าน (เผยแพร่). ชาติพันธุ์ในเมืองน่าน. หน้า 72.
- ↑ เอนก นาวิกมูล. "งานบุญบ้านหมากแข้ง พ.ศ. 2441 มีอีหยังจึงม่วนซื่นหลาย?," ศิลปวัฒนธรรม 22(7)(กรกฎาคม 2544):82-84. อ้างใน “บ้านหมากแข้ง แขวงกุมภวาปี,” หนังสือพิมพ์บางกอกสมัย ฉบับวันที่ ๔ ธันวาคม ร.ศ. ๑๑๗. หน้า 14.
- ↑ ส่งสัญญาบัตรไปพระราชทาน วันที่ ๕ กุมพาพันธ์ ร.ศ. ๑๑๗. (๒๔๔๑, ๕ กุมภาพันธ์). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ ๑๕. หน้า ๔๙๐.
- ↑ แจ้งความกระทรวงธรรมการ พแนกกรมศึกษาธิการ วันที่ ๑๔ ธันวาคม ร.ศ. ๑๒๑. (๒๔๔๕, ๑๔ ธันวาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ ๑๙. หน้า ๗๔๐.
- ↑ 21.0 21.1 สำนักราชเลขาธิการ. (2540). "ศักดินาทหารบก", พระราชบัญญัติศักดินาทหาร จุลศักราช ๑๒๕๐ กฎหมายในรัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พิมพ์พระราชทานในงานพระราชทานเพลิงศพ นายจิตติ ติงศภัทิย์ ป.จ. ม.ป.ช. ม.ว.ม. ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันเสาร์ที่ ๒๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๐. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง. 857 หน้า. ISBN 974-827-469-1
- ↑ กรมยุทธนาธิการ. (2451). รายงานประชุมผู้บัญชาการทหารบกมณฑล ปีที่ ๕ รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๗ ศาลายุทธนาธิการ. พระนคร: โรงพิมพ์ในศาลายุทธนาธิการ. หน้า 100.
- ↑ เรื่องเล่าจากอดีต. (2564, 30 มีนาคม). บ้านนรสิงห์ ตอนที่ ๖๕ จากสมุดบันทึกประจำวัน เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) เขียนถึงบุคคลที่มาพบที่บ้านนรสิงห์... [โพสต์และรูปประกอบ]. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2567 จาก Facebook @เรื่องเล่าจากอดีต.
- ↑ ก.ศ.ร. กุหลาบ ตฤษณานนท์. (2448). มหามุขมาตยานุกูลวงศ์ ว่าด้วยลำดับวงศ์ตระกูลขุนนางไทยทั้งสิ้นในแผ่นดินสยาม เล่มที่ 1. พระนคร: สยามประเภท. หน้า 8.
- ↑ พระราชทานสัญญาบัตร์ วันที่ ๑๖ มิถุนายน รัตนโกสินทรศก ๑๐๘. (2432, 16 มิถุนายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 6. หน้า 100.
- ↑ อักขรานุกรมขุนนาง. พระนคร: โรงเรียนมหาดเล็ก, 2462.
- ↑ 27.0 27.1 ตำแหน่งนายทหารสัญญาบัตร กรมยุทธนาธิการ ในรัตนโกสินทร์ศก ๑๑๑ : กองพันตรีทหารราบใน “มหาดเล็ก”. (๒๔๓๖, ๓๐ ตุลาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๓๐ . หน้า ๒๕๘.
- ↑ 28.0 28.1 ตำแหน่งข้าราชการกรมทหารบก รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๘. (๒๔๔๓, ๒๒ ตุลาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๖ หน้า ๔๔๒.
- ↑ เทพชู ทับทอง. (2528). ต้นตระกูลไทย: ราชสกุล–นามสกุลพระราชทาน. กรุงเทพฯ: วัชรินทร์การพิมพ์. 186 หน้า. หน้า 110.
- ↑ รุ่ม, มหาดเล็ก. (2459). หนังสืออุไภยพจน์วิภาค. พระนคร: หนังสือพิมพ์ไทย. 235 หน้า. หน้า 153.
- ↑ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. (2525). จดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจุลศักราช ๑๒๕๗-๑๒๖๐ (ร.ศ. ๑๑๔-๑๑๗). ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นางเฉลยพร เสนีวงศ์ ณ อยุธยา เป็นกรณีพิเศษ ณ เมรุวัดมกุฎกษัตริยาราม วันจันทร์ที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๒๕. กรุงเทพฯ: กรุงสยามการพิมพ์.
- ↑ 32.0 32.1 32.2 กรมเสนาธิการทหารบก. (2450). สมุดคู่มือสำหรับข้าราชการประจำปี ร.ศ. ๑๒๖. พระนคร: โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ. 357 หน้า.
- ↑ ประวัติกรมการสารวัตรทหารบก. หน้า 2. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2567.
- ↑ "เหล่าทหารสารวัตร", วิชากองทัพบกและเหล่าทหาร. นครนายก: กองวิชาเหล่าสนับสนุนการช่วยรบ ส่วนวิชาทหาร โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า. 328 หน้า. หน้า 203.
- ↑ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ วันที่ ๑๕ ธันวาคม รัตนโกสินทร์ ศก ๑๒๐ เก็บถาวร 2020-07-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. (๒๔๔๔, ๒๒ ธันวาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ ๑๘. หน้า ๗๔๕.
- ↑ พระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์ วันที่ ๘ ธันวาคม ร.ศ. ๑๑๒ เก็บถาวร 2020-07-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. (๒๔๓๖, ๘ ธันวาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ ๑๐. หน้า ๔๕๕.
- บรรณานุกรม
- บันทึกคำให้การของครอบครัวผู้สืบลงมาทางหลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก).
- ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จ ฯ กรมพระยา. (2513). "เรื่องล้านช้าง", ใน นิทานโบราณคดี. พระนคร: ศิลปาบรรณาคาร. หน้า 304–306.
- เติม สิงหัษฐิต. (2499). ฝั่งขวาแม่น้ำโขง. กรุงเทพฯ: ไทยสัมพันธ์. หน้า 120.
- มหาสิลา วีรวงส์. (2544). ประวัติศาสตร์ชาติลาวตั้งแต่โบราณถึงปี 1946. เวียงจันทร์: มันตาตุลาด.