สวนป่าสิงโต

พิกัด: 31°19′23.60″N 120°37′30.20″E / 31.3232222°N 120.6250556°E / 31.3232222; 120.6250556
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Classical Gardens of Suzhou *
  แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก
Inside the Lion Grove Garden
ประเทศ ประเทศจีน
ภูมิภาค **Asia-Pacific
ประเภทCultural
เกณฑ์พิจารณาi, ii, iii, iv, v
อ้างอิง813
ประวัติการขึ้นทะเบียน
ขึ้นทะเบียน1997 (คณะกรรมการสมัยที่ 21st)
เพิ่มเติม2000
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีแหล่งมรดกโลก
** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก

สวนป่าสิงโต (อังกฤษ: Lion Grove Garden; จีนตัวย่อ: 狮子林园; จีนตัวเต็ม: 獅子林園; พินอิน: Shī Zǐ Lín Yuán) หรือสวนซือจึ ตั้งอยู่ที่เลขที่ 23 ถนนหยวนหลิน เขตผิงเจียง (Pingjiang District; 平江区) ในเมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นสวนที่มีความโดดเด่นที่อาณาบริเวณขนาดกว้างใหญ่และมีหินประดับจากไท่หู (หรือทะเลสาบหู) อันสวยงามซับซ้อนที่จัดแต่งอยู่กลางสวน ชื่อของสวนได้มาจากลักษณะของหินประดับนี้ที่มีรูปร่างคล้ายสิงโต นอกจากนั้นสวนป่าสิงโตยังได้รับการบันทึกให้เป็นหนึ่งในสวนโบราณเมืองซูโจวที่เป็นมรดกโลกโดยองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) เช่นกัน

ประวัติศาสตร์[แก้]

Lion Grove Garden

"ในบรรดาหินประดับสวนที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ มีเพืยงหนึ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ คือ หินประดับที่สวนป่าสิงโตในเมืองซูโจว (Of all the famous rock-gardens in history, only one has survived. This is the so-called 'Lion Garden' in Suzhou."[1] สวนป่าสิงโตสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1342 ช่วงราชวงศ์หยวน โดยนักบวชในศาสนาพุทธนิกายเซน ชื่อ เหวินเทียนหรู๋ (Wen Tianru) เพื่อเป็นที่ระลึกให้แก่อาจารย์ของท่านที่ชื่อ นักบวชจงเฟิง (Abbot Zhongfeng) ซึ่งในเวลานั้นสถานที่นี้เป็นส่วนหนึ่งของพระอารามผู๋ที๋เจ้งจง (อังกฤษ: Bodhi Orthodox Monastery; จีน:菩提正宗).[2] ชื่อสวนแห่งนี้ได้มาจากหินจากทะเลสาบไท่หูที่มีรูปร่างคล้ายสิงโต หรืออีกนัยหนึ่งชื่อสวนแห่งนี้ได้มาจากยอดเขาสิงโต (the Lion Peak) แห่งทิวเขาเทียนมู่ (อังกฤษ: Mount Tianmu หรือ Tianmushan; จีนตัวย่อ: 天目山; พินอิน: Tiānmùshān) ในเมืองหลินอัน (อังกฤษ: Lin'an City; จีนตัวย่อ: 临安市; พินอิน: Lín'ān Shì) หางโจว มณฑลเจ้อเจียง ซึ่งเป็นสถานที่ที่นักบวชจงเฟิงเข้าสู่นิพพาน ในช่วงเวลานั้นสวนป่าสิงโตมีพื้นที่ประมาณ 6,670 ตารางเมตร เต็มไปด้วยหินประดับและสวนไผ่ หลังจากที่เหวินเทียนหรู๋เสียชีวิตลงสวนได้ถูกปล่อยทิ้งร้างให้ชำรุดทรุดโทรม จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1589 ในช่วงของราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1368-1644) นักบวชในพุทธศาสนาอีกรูปหนึ่งชื่อ หมิงซิง (Mingxing) บูรณะสวนขึ้นใหม่

ต่อมาในสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดิคังซีแห่งราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1644-1911) หวงสิงซู (Huang Xingzu) ซึ่งเป็นผู้ตรวจการเมืองเหิงโจว (Hengzhou) ได้ซื้อสวนป่าสิงโตไว้และบุตรชายของเขา คือ หวงซี (Huang Xi) ได้เริ่มบูรณะสวนใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ. 1771 และตั้งชื่อแก่สวนใหม่ว่า 'สวนสนห้าต้น (Garden of Five Pines)' หลังจากปี ค.ศ. 1850 สวนก็ถูกทิ้งและทรุดโทรมลงอีกครั้ง ในปี ค.ศ. 1917 เป่ยหรุนเซิง (Bei Runsheng) ซื้อสวนไว้และได้ทำการบูรณะเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 1926 จากข้อมูลบนป้ายประชาสัมพันธ์ภายในสวนป่าสิงโต กล่าวว่าครอบครัวเป่ยได้บริจาคสวนแห่งนี้ให้แก่รัฐบาลจีนเมื่อปี ค.ศ. 1949 ข้อความเหล่านี้ยังเป็นที่สงสัยกันอยู่ เนื่องจากเมื่อพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน (Communist Party) เข้าปกครองประเทศได้ยึดทรัพย์สินต่าง ๆ เข้าเป็นของหลวงในปีเดียวกันนั้นเอง โดยมีการปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมสวนได้ในปี ค.ศ. 1956 เป็นต้นมา[3]

การออกแบบสวนนับได้ว่าเป็นที่ดึงดูดความสนใจแก่ผู้เข้าเยี่ยมชมเป็นอันมาก อาทิ หนีจ้าน (อังกฤษ: Ni Zan; จีนตัวย่อ: 倪瓒; จีนตัวเต็ม: 倪瓚; พินอิน: Ní Zàn) หนึ่งในสี่จิตรกรเอกสมัยราชวงศ์หยวน และเป็นผู้วาดภาพ "Picture Scroll of Lion Grove" ไว้เมื่อปี ค.ศ. 1373 ในปี ค.ศ. 1703 สมเด็จพระจักรพรรดิคังซียังได้เสด็จมาประพาสสวนป่าสิงโตนี้ ต่อมาในปี ค.ศ. 1765 สมเด็จพระจักรพรรดิเฉียนหลงได้เสด็จประพาสสวนป่าสิงโตเช่นกัน โดยพระองค์มีรับสั่งให้สร้างสวนที่มีลักษณะเลียนแบบสวนป่าสิงโตไว้ที่พระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวน คือ สวนฉางชุน (อังกฤษ: Changchun garden; จีนตัวย่อ: 长春园; จีนตัวเต็ม: 長春園; พินอิน: Chángchūn Yuán) และในสถานที่พักร้อนและหมู่วัดในเฉิงเต๋อด้วย

การออกแบบ[แก้]

A bridge

ด้วยพื้นที่สวนประมาณ 1.1 เฮกตาร์ (ha; hectare) ได้แบ่งสวนออกเป็นสองส่วนที่สำคัญ คือส่วนอาคารพักอาศัย และส่วนสวนหินบริเวณรอบสระน้ำที่อยู่ตั้งใจกลางสวน[4] นอกจากจะมีอาคารทั้งหมดรวม 22 หลังแล้ว ภายในสวนยังมีแผ่นจารึก (tablets) 25 แผ่น เสาหินสลัก (stelae) 71 แท่ง ฉากไม้แกะสลัก 5 ชิ้น และ ต้นไม้โบราณอีก 13 ชนิด ซึ่งบางต้นมีอายุย้อนหลังไปตั้งแต่สมัยราชวงศ์หยวน[3] ส่วนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในสวนคือบรรดาหินประดับจากไท่หู ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ขนาด 1154 ตารางเมตร ประกอบด้วยถ้ำ 21 ถ้ำ มีทางเดินวกวน 9 สาย ซ้อนกันเป็น 3 ระดับ ในส่วนของสระน้ำได้แบ่งกั้นพื้นที่สวนเป็นส่วนตะวันออกและตะวันตก ทางเข้าสวนเดิมสู่สวนตะวันตก มีชื่อเรียกว่า the Eight Diagram Tactics ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสะพานหยกสะท้อน (the Jade Mirror Bridge) หินประดับที่มีชื่อเสียงที่สุดในสวนคือหินยอดสิงโต (the Lion Peak) ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยหินอื่นอีก 4 ก้อน คือ Han Hui, Xuan Yu, Tu Yue และ Ang Xiao รวมทั้งหมดเป็น "หินห้ายอดอันมีชื่อเสียง (the Famous Five Peaks)"

มีนิทานพื้นบ้านเกี่ยวกับเทพในลัทธิเต๋าสองตน คือ หลี่ขาเหล็ก และ ลหฺวี่ ต้งปิน ซึ่งได้เดินหลงเข้าไปในสวนหินอันซับซ้อน่ของสวนป่าสิงโตและไม่สามารถหาทางออกได้ ดังนั้นเทพทั้งสองจึงได้ใช้เวลาสำหรับเล่นหมากรุกในถ้ำบริเวณสวนแห่งนี้

ดูเพิ่ม[แก้]

หมายเหตุ[แก้]

แม่แบบ:Contains Chinese text

  1. Inn, Henry (1950). Chinese Houses & Gardens. New York: Bonanza Books. p. 27.
  2. World Cultural Heritage, 2006
  3. 3.0 3.1 Suzhou, 2009
  4. Terebess, 2009

อ้างอิง[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

  • Asian Historical architecture (June 24, 2004), The Lion Grove Garden, สืบค้นเมื่อ 2009-03-01

แม่แบบ:Classical Gardens of Suzhou

31°19′23.60″N 120°37′30.20″E / 31.3232222°N 120.6250556°E / 31.3232222; 120.6250556