ข้ามไปเนื้อหา

สมชาย นีละไพจิตร

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สมชาย นีละไพจิตร
เกิด13 พฤษภาคม พ.ศ. 2494 (74 ปี)
สาบสูญ12 มีนาคม พ.ศ. 2547
(ผ่านมาแล้ว​ 21 ปี)
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
สถานะปิดคดี
สัญชาติไทย
อาชีพนักกฎหมาย
นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน
ปีปฏิบัติงานคริสต์ทศวรรษ 1970 - 2004
คู่สมรสอังคณา นีละไพจิตร

สมชาย นีละไพจิตร (13 พฤษภาคม พ.ศ. 2494 – ไม่ทราบ?) เป็นนักกฎหมายและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนมุสลิมชาวไทยที่หายสาบสูญในวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2547 ในช่วงของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร โดยในวันนั้น มีพยานเห็นสมชายครั้งสุดท้ายที่ย่านรามคำแหงโดยมีชายสี่คนลากเขาเข้าไปในรถ[1] และหลังจากนั้นไม่มีใครพบเห็นเขาอีกเลย[2] และน่าจะเสียชีวิตแล้วไม่เห็นร่างเพราะย่อยสลายไปตามกาลเวลา

เจ้าหน้าที่ห้าคนถูกบังคับให้สืบสวนคดีของสมชายและพ้นผิดไปใน พ.ศ. 2558 ปีต่อมาทางดีเอสไอปิดคดีนี้ หลังจากไม่มีผลจากการสืบสวนมา 12 ปี สาเหตุการเสียชีวิต (ที่เป็นไปได้) ของสมชาย นีละไพจิตร ยังไม่ได้รับคำอธิบาย และใน พ.ศ. 2559 ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประกาศปิดการสืบสวนคดีนี้[3][4]

ประวัติ

[แก้]

เขาเป็นทนายให้ความช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ โดยเฉพาะคดีที่ประชาชนถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับการก่อการร้ายจนจำเลยพ้นจากข้อหาได้เกือบทุกคดี เช่น คดี โต๊ะกูเฮง หรือ กูมะนาเส กอตอนีลอ จากคดีเผาโรงเรียนเมื่อปี 2537 คดีหมอแว นายแพทย์ แวมาฮาดี แวดาโอะ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับกลุ่มก่อการร้ายเจไอ และยังเข้าไปเป็นทนายให้กับผู้ต้องหาที่ตำรวจจับกุมได้ในภายหลังจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดโรงเรียนเมื่อ 4 มกราคม 2547[5]

เขาสมรสกับ อังคณา นีละไพจิตร มีบุตร 5 คน บุตรสาวคนหนึ่งได้แก่ ดร.ประทับจิต นีละไพจิตร เป็นอดีตอาจารย์ สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ปัจจุบันทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านสิทธิมนุษยชนให้กับสหประชาชาติ

เบี้องหลัง

[แก้]

ในช่วงที่เขาหายตัว สมชายส่งตัวแทนผู้ต้องสงสัย 5 คนที่ก่อเหตุในค่ายทหารที่จังหวัดนราธิวาสในเดือนมกราคม พ.ศ. 2547 อุบัติเหตุในวันนั้นส่งผลใหเกิดความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ สมชายที่ทำงานในด้านวิชาชีพทางกฎหมายเป็นเวลา 30 ปี ได้เรียกร้องให้ทหารยกเลิกกฏอัยการศึกในบริเวณนี้ เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2547[6] ข้อมูลเมื่อ 2017 กฎอัยการศึกยังคงมีผลในจังหวัดปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส[2]

ใน พ.ศ. 2549 ศาลอาญามีคำสั่งให้ พันตำรวจตรี เงิน ทองสุข (Pol.Maj. Ngern Thongsuk) จากกองปราบปรามให้จำคุก 3 ปี เนื่องจากมีส่วนร่วมในการหายตัวของสมชาย ในขณะที่ตำรวจชายทั้งหมดที่ตั้งข้อหาขโมยและใช้กำลังในทางมิชอบได้รับการปล่อยตัว หลังจากนั้น พันตำรวจตรี เงินหายตัวไป ครอบครัวของเขาพิสูจน์ว่าเขาเสียชีวิตในเหตุการณ์ดินถล่ม ทางศาลประกาศให้เขาเป็นบุคคลสูญหาย[2]

สถานะคดี

[แก้]

การสืบสวนเกี่ยวกับชะตาของสมชายเริ่มขึ้นใน พ.ศ. 2547 ใน พ.ศ. 2552 ภรรยาของเขาได้เผยแพร่บัญชีที่ทำโดยเธอ, ที่ปรึกษากฎหมาย และองค์การนอกภาครัฐในนามของสมชาย[7] ข้อมูลเมื่อมีนาคม 2560 เป็นช่วงครบรอบ 13 ปีที่หายตัวไป จึงคาดว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว

ในช่วงปลาย พ.ศ. 2556 ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่าแฟ้มคดีหายไป แต่อ้างในภายหลังว่าได้พบแฟ้มแล้ว[8] ข้อมูลเมื่อ 2014 สถานะของคดีและกระทรวงที่ดำเนินการก็ยังไม่ทราบที่แน่ชัด[9]

ใน พ.ศ. 2559 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) "ประกาศปิดคดี โดยกล่าวว่าไม่พบผู้กระทำผิด"[3]

ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Thailand: Lawyer's Disappearance Darkens Rights Climate". Human Rights Watch. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-03-12. สืบค้นเมื่อ 11 March 2017.
  2. 1 2 3 Rithdee, Kong (11 March 2017). "Keep Somchai from the black hole of history" (Editorial). Bangkok Post. สืบค้นเมื่อ 11 March 2017.
  3. 1 2 "Somchai Neelapaijit case closed, says DSI". Bangkok Post. 13 October 2016. สืบค้นเมื่อ 11 March 2017.
  4. "DSI faces an uphill battle in 'Billy' case" (Editorial). Bangkok Post. 1 July 2018. สืบค้นเมื่อ 1 July 2018.
  5. จาก ทักษิณ สู่ ประยุทธ์ การสูญหายของ สมชาย นีละไพจิตร กับ ไฟใต้ ที่ยังไร้คำตอบ บีบีซีไทย สืบค้นเมื่อ 11 มีนาคม 2019
  6. "Thai districts impose martial law". BBC News. 3 November 2005. สืบค้นเมื่อ 2017-03-11.
  7. Neelapaichit, Angkhana (March 2009). Reading Between the Lines (PDF) (1st ed.). Bangkok: Working Group on Justice for Peace. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-03-03. สืบค้นเมื่อ 11 March 2017.
  8. Laohong, King-oua (19 December 2013). "Wife of missing lawyer slams DSI". Bangkok Post. สืบค้นเมื่อ 11 March 2017.
  9. "THAILAND: Ten years without justice for Somchai Neelaphaijit". Asian Human Rights Commission. Hong Kong: Asian Legal Resource Centre. 2014-02-26. สืบค้นเมื่อ 11 March 2017.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]