ข้ามไปเนื้อหา

สนามกีฬาซานมาเมส

พิกัด: 43°15′51″N 2°57′01″W / 43.264284°N 2.950366°W / 43.264284; -2.950366
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก สนามกีฬาซันมาเมส)
ซานมาเมส
นูเอโบซานมาเมส
ซานมาเมสบาร์เรีย
กาเตดราลา
แผนที่
ชื่อเต็มซานมาเมส
ที่ตั้งบิลบาโอ แคว้นประเทศบาสก์ สเปน
พิกัด43°15′51″N 2°57′01″W / 43.264284°N 2.950366°W / 43.264284; -2.950366
เจ้าของบริษัท ซานมาเมส บาร์เรีย จำกัด, อัตเลติกเดบิลบาโอ, รัฐบาลบาสก์, สภาจังหวัดบิซกายา และธนาคารเบเบกา
ผู้ดำเนินการอัตเลติกเดบิลบาโอ
ความจุ53,289 ที่นั่ง[1]
สถิติผู้ชม49,164 คน (ฟุตบอล; อัตเลติกพบเรอัลมาดริด, 18 มีนาคม ค.ศ. 2017)[2]
(รักบี้) 52,282 คน (เลนสเตอร์พบราซิง 92, 12 พฤษภาคม ค.ศ. 2018)[3]
ขนาดสนาม105 × 68 m (344 × 223 ft)
พื้นผิวหญ้าผสม
การก่อสร้าง
ลงเสาเข็ม26 พฤษภาคม ค.ศ. 2010
ก่อสร้าง16 กันยายน ค.ศ. 2013 (ระยะแรก)
25 สิงหาคม ค.ศ. 2014 (เสร็จสมบูรณ์)
เปิดใช้สนาม16 กันยายน ค.ศ. 2013
งบประมาณในการก่อสร้าง211 ล้านยูโร
สถาปนิก
  • อิดอม
  • เซซาร์ อัซการาเต
ผู้จัดการโครงการอิดอม
การใช้งาน
อัตเลติกเดบิลบาโอ (2013–ปัจจุบัน)
อัตเลติกเดบิลบาโอ เบ (2015–2016)
ฟุตบอลทีมชาติบาสก์ (2013–ปัจจุบัน)

สนามกีฬาซานมาเมส (หรือรู้จักในชื่อ นูเอโบซานมาเมส หรือ ซานมาเมสบาร์เรีย) เป็นสนามกีฬาฟุตบอลตั้งอยู่ที่ถนนราฟาเอล โมเรโน "ปิชิชิ" ในเมืองบิลบาโอ แคว้นประเทศบาสก์ ประเทศสเปน เปิดใช้เมื่อ 16 กันยายน ค.ศ. 2013 แทนที่ของสนามซานมาเมสเดิม เป็นสนามเหย้าของอัตเลติกเดบิลบาโอ มีความจุ 53,289 ที่นั่ง ซึ่งมีความจุมากที่สุดในแคว้นประเทศบาสก์ และเป็นลำดับที่ 8 ของประเทศสเปน

ประวัติ

[แก้]

การวางแผนและการก่อสร้าง

[แก้]

ระยะแรกของการวางแผนงานเกิดขึ้นในในข่วงต้นปี ค.ศ. 2004[4] โดยมีสัญญาเริ่มต้นที่ลงนามในช่วงปลายปี ค.ศ. 2006 หลังจากได้รับอนุมัติให้ก่อสร้างในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2006 สนามกีฬาแห่งใหม่จะถูกสร้างขึ้นบนที่ดินของสนามเดิม และบนที่ดินของงานแสดงสินค้านานาชาติบิลบาโอ ที่ใช้งานมาจนถึงปี ค.ศ. 2003

ในวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 ในเวลา 12:00 นาที (GMT+1) พิธีวางศิลาฤกษ์เกิดขึ้นที่สนามซันมาเมสเดิม[5] มีผู้เข้าร่วมงาน อาทิ เช่น ปัตชิ โลเปซ เลเอนดากาลิ แห่งแคว้นประเทศบาสก์, โฆเซ หลุยส์ บิลบาโอ ประธานสภาแคว้นประเทศบาสก์, อิญญากิ อัซกูนา นายกเทศมนตรีเมืองบิลบาโอ มาริโอ เฟร์นันเดซ ประธานธนาคารบิลบาโอบิซไกอากูชา, อังเฆล มาริอา บิยาร์ ประธานราชสหพันธ์ฟุตบอลสเปน, และเฟร์นันโด การ์ซิอา มากูอา ประธานสโมสรอัตเลติกบิลบาโอ

ภาพขณะรื้อถอนสนามเดิม กับสนามกีฬาใหม่ที่เพิ่งสร้างขึ้นเพิ่มข้างหลัง ในเดือน มินายน ค.ศ. 2013

ในพิธีการมีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ ด้วยการส่งต่อเศษหญ้าและอิฐจากด้านหน้าที่ถูกรื้อถอนออกจากสนามเดิม ส่งต่อไปยังพื้นที่ก่อสร้างสนามใหม่ที่อยู่ติดกันด้วยห่วงโซ่มนุษย์ ซึ่งมีทั้งผู้เล่นที่มีชื่อเสียง เช่น โฆเซ อังเฆล อิริบาร์, ไอตอร์ ลาร์ราซาบัล, อังเดร์ อิตูร์รัสเป และ กิเก มูเนียอิน รวมทั้งสมาชิกของทีมเยาวชน ทีมหญิง ทีมสำรอง และแฟนบอลที่ลงทะเบียนที่อายุมากและอายุน้อยที่สุด[6]

ในขั้นต้น ได้เริ่มการก่อสร้างอัฒจรรย์สามด้านของสนามแห่งใหม่ และจากนั้นก็จัดการแข่งขัน ในขณะที่สนามเก่าถูกรื้อถอนเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับสร้างอัฒจรรย์อีกหนึ่งด้านให้เสร็จสมบูรณ์[4]

สนามระหว่างการก่อสร้าง ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2013

สนามถูกสร้างขึ้นในขณะที่ประเทศกำลังอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเฉพาะชาวบาสก์ โดยสนามมีได้ใช้เงินในการซื้อที่ดินและก่อสร้าง 211 ล้านยูโร (178 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง) โดย 52.6% ของทั้งหมดจ่ายโดยงบประมาณของรัฐ ซึ่งเป็นของรัฐบาลบาสก์ 50 ล้านยูโร สภาเมืองบิลบาโอ 11 ล้านยูโร และสภาจังหวัดบิสเกย์ 50 ล้านยูโร นอกจากนี้ยังเป็นเงินของอัตเลติกบิลบาโอ 50 ล้านยูโร และธนาคารกูชา 50 ล้านยูโร ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าสนามกีฬาจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการใช้งานสาธารณะ เช่น ศูนย์กีฬา[7] มีความเชื่อว่า คณะกรรมาธิการยุโรป กำลังสืบสวนการใช้งบประมาณสาธารณะที่อาจไม่เหมาะสมในข้อตกลง ก่อนที่ปลายปี ค.ศ. 2013 ฆัวกิน อัลมูเนีย หนึ่งในกรรมาธิการคณะกรรมาธิการยุโรปในขณะนั้น (ซึ่งเป็นแฟนบอลของอัตเลติกบิลบาโอ) ยืนยันว่าจะไม่มีการดำเนินคดีดังกล่าว[8]

เปิดตัวครั้งแรก

[แก้]
การเสร็จสิ้นบางส่วนในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2013

ซันมาเมสสนามใหม่ได้เปิดตัวขึ้นเมื่อวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 2013 102 วันหลังจากการแข่งขันนัดสุดท้ายในสนามเดิม ในขณะนั้นความจุอย่างเป็นทางการของสนามที่เสร็จสมบูรณ์บางส่วนคือ 35,686 ที่นั่ง[9] การแข่งขันนัดแรกเกิดขึ้นในเวลา 22:00 ซึ่งเป็นการแข่งขันฟุตบอลลาลิกา ฤดูกาล 2013-14 ระหว่างทีมเหย้าอัตเลติกบิลบาโอ พบกับเซลตาบิโก ซึ่งทีมเจ้าถิ่นชนะไปด้วยคะแนน 3–2 โดยมีผู้เข้าชมราว 33,000 คน[10] ซึ่งก่อนเกมได้มีกัปตันในแต่ละกลุ่มอายุของสโมสร รวมถึงการ์โลส กูร์เปกี และโฆซู อูร์รูเตีย ประธานสโมสร ได้เข้าร่วมในการแสดงสั้นๆ พร้อมด้วยการเต้นรำแบบ "เอาเรสกู" แบบดั้งเดิม โดยผู้ทำประตูคนแรกในสนามแห่งนี้คือ ชาร์เลส กองหน้าจากเซลตา ขณะที่ผู้ทำประตูคนแรกของอัตเลติกคือ มิเกล ซันโฆเซ ไม่กี่หลังจากประตูแรกของเซลตาเกิดขึ้น[11]

การแข่งขันนัดนี้เป็นนัดที่สองในฤดูกาลนั้นที่อัตเลติกลงเล่นในสนามเหย้า โดยก่อนหน้านี้ได้แข่งขันในอาโนเอตา สนามเหย้าของคู่แข่งสำคัญอย่างเรอัลโซซิเอดัด ซึ่งพวกเขาเอาชนะโอซาซูนา 2–0 ในซานเซบัสเตียน กิปุซโกอา[12][13][14]

เสร็จสมบูรณ์

[แก้]
ซันมาเมสในปี ค.ศ. 2015

การแข่งขันนัดแรกภายใต้สนามที่เสร็จสมบูรณ์ เกิดขึ้นใน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบเพลย์-ออฟ พบกับ นาโปลี ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2014 มีผู้ชม 49,017 คน ซึ่งอัตเลติกเอาชนะ 3–1 ทำให้ผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มได้สำเร็จ[15]

การต่อเติมหลังคา

[แก้]
มุมมองด้านบนหลังจากขยายหลังคา (ค.ศ. 2017)

นับตั้งแต่สนามเปิดใข้งาน แฟนบอลที่เข้ามาชมในสนามต่างไม่พอใจลักษณะของหลังคา ซึ่งไม่สามารถป้องกันทุกเก้าอี้ให้พ้นจากฝนที่ตกลงบ่อยครั้งในบิลบาโอได้ เมื่อจบฤดูกาล 2015–16 ตลอดทั้งช่วงปิดเทอมฤดูร้อนและตอนต้นของฤดูกาล 2016–17 การต่อเติมจึงเกิดขึ้นโดยมีมูลค่า 12.6 ล้านยูโร คาดว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพในการทนต่อสภาพอากาศเปียกได้ร้อยละ 70[16][4] ในที่สุด เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016 งานต่อเติมหลังคาก็แล้วเสร็จและสามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ในนัดที่เอาชนะบิยาร์เรอัล 1–0 ในการแข่งขันลาลิกา[17][18] การขาดแสงแดดลงสู่สนามจากหลังคาถูกชดเชยด้วยโมดูลไฟส่องสว่างภายในซึ่งรักษาสภาพและการเติบโตของสนามหญ้า ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ในสนามกีฬาแห่งอื่น ๆ ของสเปน[19]

อ้างอิง

[แก้]
  1. UEFA EURO 2020 Evaluation Report
  2. "Athletic – Real Madrid". La Liga. 18 March 2017. สืบค้นเมื่อ 13 May 2018.
  3. "Leinster lift fourth European Cup after 15-12 victory over Racing 92". www.epcrugby.com. 12 May 2018. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-05-13. สืบค้นเมื่อ 13 May 2018.
  4. 4.0 4.1 4.2 A new Cathedral: Athletic Club’s move to a new San Mamés, Simon Lloyd, Joe.co.uk
  5. Sinnott, John (11 May 2011). "Homage to San Mames". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 10 April 2016.
  6. "Work begins on the San Mames Barria". Irekia Euskadi. 26 May 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-11-12. สืบค้นเมื่อ 19 March 2017.
  7. "¿Cómo se financió San Mames Barria?" [How is San Mamés Barria financed?] (ภาษาสเปน). EITB. 4 July 2016. สืบค้นเมื่อ 24 March 2017.
  8. "European Commission confusion over Athletic Bilbao's stadium deal under investigation". The Independent. 18 December 2013. สืบค้นเมื่อ 24 March 2017.
  9. "San Mamés se abre al mundo" [San Mamés opens to the world]. Marca (ภาษาสเปน). 16 September 2013. สืบค้นเมื่อ 22 March 2017.
  10. "Partido Athletic – Celta en directo, en vivo" (ภาษาสเปน). LaLiga. 16 September 2013.
  11. ""Seremos recordados", dice Mikel San José, autor del primer gol en el nuevo San Mamés" ["We shall be remembered", says Mikel San José, author of first goal in the new San Mamés]. Canal Athletic. 17 September 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-12-09. สืบค้นเมื่อ 19 March 2017.
  12. "20.000 rojiblancos apoyarán al Athletic en Anoeta" [20,000 red-and-whites will support Athletic in Anoeta] (ภาษาสเปน). EITB. 22 August 2013. สืบค้นเมื่อ 10 August 2017.
  13. "Una 'mudanza' muy rentable" [A very profitable move']. Marca (ภาษาสเปน). 23 August 2013. สืบค้นเมื่อ 10 August 2017.
  14. "El Athletic de Bilbao gana 2-0 a Osasuna en Anoeta" [Athletic Bilbao wins 2-0 against Osasuna at Anoeta]. La Vanguardia (ภาษาสเปน). 24 August 2013. สืบค้นเมื่อ 10 August 2017.
  15. "Aduriz relishing Athletic's group stage adventure". UEFA.com. 28 August 2014. สืบค้นเมื่อ 25 July 2017.
  16. "El derbi bautiza la cubierta de San Mamés" [The derby will be the baptism for San Mamés roof] (ภาษาสเปน). Deia. 11 October 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-10-14. สืบค้นเมื่อ 24 March 2017.
  17. "Una victoria de esas que valen por dos" (ภาษาสเปน). El Desmarque. 20 November 2016. สืบค้นเมื่อ 11 October 2018.
  18. @athletic (20 November 2016). "Espectacular vista aérea de San Mamés" (ทวีต) – โดยทาง ทวิตเตอร์.
  19. "Sistema de iluminación arquitectónica de fachada de última generación para San Mamés" [State-of-the-art architectural lighting system for San Mamés] (ภาษาสเปน). Smart-lighting.es(with video). 28 February 2014. สืบค้นเมื่อ 24 March 2017.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]
ก่อนหน้า สนามกีฬาซานมาเมส ถัดไป
อวีวาสเตเดียม
ดับลิน
สนามในรอบชิงชนะเลิศ
ยูฟ่ายูโรปาลีก

(2025)
ไม่ทราบ

43°15′51″N 2°57′01″W / 43.264284°N 2.950366°W / 43.264284; -2.950366