ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มังกรโกโมโด"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 23: | บรรทัด 23: | ||
| range_map_width = 256px |
| range_map_width = 256px |
||
}} |
}} |
||
'''มังกรโจเซีย''' |
|||
'''มังกรโกโมโด''' ({{lang-en|Komodo dragon}}; [[ชื่อวิทยาศาสตร์]]: ''Varanus komodoensis'') เป็น[[สัตว์เลื้อยคลาน]]ในอันดับ[[กิ้งก่า]][[สปีชีส์|ชนิด]]หนึ่ง มีถิ่นอาศัยอยู่บน[[เกาะโกโมโด]], รินจา, [[เกาะโฟลเร็ซ|โฟลเร็ซ]] และ[[กีลีโมตัง]]ใน[[ประเทศอินโดนีเซีย]] อยู่ใน[[Varanidae|วงศ์และสกุลเดียวกับเหี้ย]] (Varanidae) จัดเป็นตะกวดชนิดที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังสืบเผ่าพันธุ์มาจนถึงปัจจุบันนี้ ตัวโตเต็มวัยมีขนาดความยาวโดยเฉลี่ย 2-3 [[เมตร]] (6.6 ถึง 9.8 [[ฟุต]]) และมีน้ำหนักประมาณ 90 [[กิโลกรัม]] (150 [[ปอนด์ (หน่วยมวล)|ปอนด์]]) |
|||
มังกรโกโมโดมีรูปร่างหน้าตาเหมือนตัวเงินตัวทองชนิดอื่นทั่วไป แต่ทว่ามีลำตัวใหญ่และยาวกว่ามาก มีลำตัว[[สีเทา]]ออก[[ดำ]]กว่า |
|||
== บทนำ == |
== บทนำ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:45, 14 สิงหาคม 2561
มังกรโกโมโด ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: ไพลโอซีน - โฮโลซีน, 3.8–0Ma [1] | |
---|---|
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Reptilia |
อันดับ: | Squamata |
อันดับย่อย: | Lacertilia |
วงศ์: | Varanidae |
สกุล: | Varanus |
สปีชีส์: | V. komodoensis |
ชื่อทวินาม | |
Varanus komodoensis Ouwens, 1912[3] | |
แผนที่แสดงที่อยู่ของมังกรโกโมโด |
มังกรโจเซีย
บทนำ
ประวัติ
มังกรโกโมโดเป็นที่รู้จักครั้งแรกของชาวโลก เมื่อพันตรีปีเตอร์ เอาเวินส์ ทหารชาวดัตช์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์สัตววิทยาและสวนพฤกษศาสตร์ชวาที่เมืองเบยเตินซอร์ค (ปัจจุบันคือโบโกร์) ได้ยินเรื่องราวของมันและต้องการข้อมูลของมัน ดังนั้นในปี ค.ศ. 1910 เขาได้ติดต่อไปยังข้าหลวงของเกาะโฟลเร็ซ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเกาะโกโมโด ข้าหลวงซึ่งเป็นนักธรรมชาติวิทยาสมัครเล่นคนหนึ่งรับปากว่าจะหาข้อมูลมาให้
ต่อมาในปี ค.ศ. 1912 นักบินผู้หนึ่งเกิดเครื่องยนต์ขัดข้องขณะบินผ่านเกาะโกโมโด จึงต้องนำเครื่องลงฉุกเฉินที่นั่น เครื่องบินเสียหายแต่ตัวนักบินไม่เป็นอะไร ทว่าเมื่อเขาออกมาจากเครื่องก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่ามีสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ หน้าตาเหมือนสัตว์ดึกดำบรรพ์รายล้อมเครื่องบิน เขารีบวิ่งหนีออกมาทันที และรอดชีวิตออกมาได้ นี่นับเป็นครั้งแรกที่ชาวยุโรปได้พบกับจระเข้บกในตำนานของชาวพื้นเมือง ในปีเดียวกันข้าหลวงแห่งเกาะโฟลเร็ซได้ไปที่นั่น และได้รับการยืนยันเรื่องสัตว์ดังกล่าว จากนั้นข้าหลวงได้มีโอกาสยิงสัตว์ดังกล่าวได้ตัวหนึ่ง และส่งหนังยาว 2.20 เมตรของมันไปให้เอาเวินส์ และบอกว่ามันไม่ใช่จระเข้แต่ใกล้เคียงพวกเหี้ยมากกว่า จากนั้นไม่นาน ทางสวนพฤกษศาสตร์ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังเกาะโกโมโด และสามารถจับสัตว์ดังกล่าวเป็น ๆ ได้ถึง 4 ตัว มีอยู่ตัวหนึ่งยาวถึง 3 เมตร เอาเวินส์ได้เขียนเรื่องของมันลงวารสารวิชาการ และตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ให้มันว่า Varanus komodoensis แปลว่า "เหี้ยแห่งโกโมโด" แต่ด้วยขนาดอันใหญ่โตของมัน ทำให้ผู้คนเรียกมันว่า "มังกรโกโมโด" อย่างที่รู้จักกัน[4]
แต่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับมังกรโกโมโดก็ยังเป็นที่รู้จักน้อยมาก เนื่องด้วยจากที่อยู่บนเกาะห่างไกลและภาวะจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ในปี ค.ศ. 1926 จึงได้มีการศึกษามังกรโกโมโดอย่างจริงจังโดยคณะนักวิทยาศาสตร์และนักสร้างภาพยนตร์ชาวอเมริกัน โดยได้มีภาพยนตร์เกี่ยวกับวิถีชีวิตของมังกรโกโมโดในธรรมชาติ ภาพยนตร์ชุดนี้ได้สร้างความฮือฮาเป็นอย่างยิ่ง และในปีถัดมา มังกรโกโมโดที่มีชีวิต 2 ตัวก็ได้ถูกส่งไปยังทวีปยุโรป แม้จะมีรูปร่างหน้าตาน่ากลัว แต่มังกรโกโมโดทั้ง 2 ตัวนี้กลับมีอุปนิสัยอ่อนโยนน่ารัก[5]
อุปนิสัย
มังกรโกโมโดเป็นสัตว์ที่พบได้เฉพาะบนเกาะโกโมโดและหมู่เกาะใกล้เคียงเท่านั้น ไม่พบในที่อื่นใดของโลกอีก มีอุปนิสัยดุร้าย ชอบอยู่เป็นฝูง มังกรโกโมโดเป็นสัตว์กินเนื้อเป็นอาหาร จะวิ่งล่าเหยื่อด้วยการซุ่มจู่โจมกัดเหยื่อด้วยฟันที่คม แต่มันจะวิ่งไล่ได้เพียงครั้งเดียว ถ้าหากมันจับเหยื่อไม่ได้ มันจะต้องหยุดนิ่งเพื่อชาร์จพลังสำหรับการวิ่งครั้งใหม่ มังกรโกโมโดเป็นสัตว์ไม่มีพิษแต่ก็เสมือนว่ามีพิษ เนื่องจากในน้ำลายของมันมีเชื้อแบคทีเรียอยู่มากกว่าถึง 50 ชนิด เหยื่อที่ถูกกัดจะเกิดอาการโลหิตเป็นพิษ และจะถึงแก่ความตายในเวลาไม่เกิน 3 วัน ซึ่งบางครั้งเมื่อเหยื่อที่มังกรโกโมโดกัดและทิ้งน้ำลายไว้ในแผล หลบหนีไป มังกรโกโมโดจะติดตามไปเพื่อรอให้เหยื่อตายก่อนจะลงมือกินอีกด้วย เหยื่อของมังกรโกโมโดตามธรรมชาตินั้น มักเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ เช่น กวาง หรือวัวควายของชาวบ้าน
มังกรโกโมโดอาจจู่โจมมนุษย์บ้าง แต่มีไม่บ่อยนัก ซึ่งผู้ที่มันจะจู่โจมมักจะเป็นผู้ที่อ่อนแอหรือบาดเจ็บ แต่ในต้นปี ค.ศ. 2009 มีรายงานว่ามังกรโกโมโดได้รุมกัดชายหนุ่มคนหนึ่งจนถึงแก่ชีวิต ขณะที่เขากำลังเก็บผลไม้อยู่[6]
ในปัจจุบันนี้มีมังกรโกโมโดจัดเป็นสัตว์ที่มีสถานะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ โดยมีปริมาณเหลืออยู่ราว 4,000 ตัว จากสาเหตุจำนวนผู้คนที่อาศัยอยู่บนเกาะเพิ่มขึ้น เหยื่อของมันถูกล่าจนลดน้อยลง การขยายตัวของกสิกรรมทำลายพื้นที่หากินของมัน อีกทั้งยังเป็นสัตว์ที่พบได้เฉพาะถิ่นอีกด้วย
ในวัฒนธรรมสมัยนิยม
ด้วยความใหญ่โตและอุปนิสัยอันน่าสะพรึงกลัว ทำให้มังกรโกโมโดได้ถูกกล่าวถึงในวัฒนธรรมร่วมสมัยมากมาย เช่น ภาพยนตร์สัญชาติฮอลลีวูดเรื่อง Komodo ในปี ค.ศ. 1999[7], The Curse of the Komodo ในปี ค.ศ. 2004[8] และ Komodo vs King Cobra ในปี ค.ศ. 2005[9] เป็นต้น
นิเวศวิทยา
มังกรโกโมโดเป็นเหี้ยพันธุ์ใหญ่ที่สุดของโลก โตเต็มที่เมื่อมีอายุได้สิบห้าปี และมีอายุยืนกว่าห้าสิบปีในป่าธรรมชาติ ชาวพื้นเมืองบนเกาะโกโมโดเรียกมันว่า โอรา (ora) หรือจระเข้บก ส่วนบนเกาะโฟลเร็ซเรียกว่า บียาวักรักซาซา (biawak raksasa) หมายถึง เหี้ยหรือตะกวดยักษ์ [10] มังกรโกโมโดเป็นสัตว์ผู้ล่า เดิมเหยื่อของมันเกิดขึ้นเพื่อล่าช้างแคระที่บัดนี้ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว แต่มันก็สามารถล้มควาย กวาง แพะ หรือแม้กระทั่งลูกของมังกรโกโมโดด้วยกัน ด้วยเหตุนี้ลูกของมังกรโกโมโดจึงใช้เวลาช่วงแรก ๆ ของชีวิตอยู่บนยอดของต้นไม้เพื่อไม่ให้ถูกกิน และจะป้องกันตัวด้วยการกลิ้งไปมาในมูลหรือปัสสาวะของเหยื่อ เพื่อไม่ให้ตัวที่ใหญ่กว่ากิน มังกรโกโมโดกินอาหารเดือนละครั้ง และสามารถกินได้มากถึง 3 ใน 4 ของน้ำหนักตัว[11] โดยกินด้วยการกลืนลงไปเลยโดยไม่เคี้ยว[12]
ความสัมพันธ์เชิงวิวัฒนาการของมังกรโกโมโดและญาติ
บรรพบุรุษของมังกรโกโมโดมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับไดโนเสาร์[13][14] โดยมีบรรพบุรุษร่วมกันเมื่อ 300 ล้านปีมาแล้ว (ยุคคาร์บอนิเฟอรัส) และเริ่มแยกออกจากกันเมื่อประมาณ 250 ล้านปีก่อน โดยไดโนเสาร์เริ่มมีวิวัฒนาการในการเดิน 2 ขา ส่วนมังกรโกโมโดยังคลาน 4 เท้า เมื่อ 100 ล้านปีก่อน ต้นตระกูลของมังกรโกโมโด เริ่มออกเดินทางจากเอเชียมุ่งสู่ยุโรป อเมริกาเหนือ และเดินทางมายังออสเตรเลียเมื่อ 15 ล้านปีก่อน โดยเดินทางผ่านอินโดนีเซีย เมื่อระดับนํ้าทะเลเพิ่มสูงขึ้น แผ่นดินอินโดนีเซียถูกแยกเป็นเกาะ ๆ มังกรโกโมโดจึงตกค้างอยู่ตามเกาะเหล่านั้นมาจนทุกวันนี้ [15]
การปรับตัวเชิงวิวัฒนาการ
การล่าเหยื่อ
มังกรโกโมโดสามารถวิ่งได้เร็ว 20 กิโลเมตร/ชั่วโมง ด้วยกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง แต่มันจะวิ่งได้ระยะสั้นแล้วต้องหยุดพักเพราะมีขนาดลำตัวที่ใหญ่ มันจึงมักล่าโดยใช้วิธีซุ่มดักเหยื่ออยู่ตามทางเดินของสัตว์ รอจนกระทั่งเหยื่อเข้ามาใกล้ระยะที่มันจู่โจมได้ มันจึงจะจู่โจมด้วยฟันที่คมกริบ และเล็บที่แข็งแรง [16]อีกทั้งยังมีน้ำลายที่เต็มไปด้วยจุลินทรีย์ที่เป็นพิษมากมายแม้มันจะล้มเหยื่อไม่ได้ในการล่า แต่ถ้าหากเหยื่อถูกกัดแล้วจะเกิดอาการเลือดเป็นพิษ และตายในเวลาไม่เกินสามวัน จากนั้นมังกรโกโมโดก็จะตามกลิ่นของเหยื่อที่ตายเพื่อไปกินได้ [17]
ประสาทรับกลิ่น
มังกรโกโมโดมีประสาทในการรับกลิ่นและแยกกลิ่นดีมาก มันสามารถรับกลิ่นได้ไกลหลายกิโลเมตร โดยมันจะใช้ลิ้นในการรับกลิ่น และใช้ปุ่มที่เพดานปากในการแยกกลิ่น มันสามารถบอกได้ว่าเหยื่อของมันอยู่ที่ใด และมีอาการเป็นอย่างไร ซึ่งก็เป็นการเพิ่มโอกาสในการหาอาหารของมัน[18]
การพัฒนาขนาดร่างกาย
มังกรโกโมโดมีขนาดร่างกายที่ใหญ่โต เนื่องจากบนเกาะเหล่านี้เคยมีช้างแคระอาศัยอยู่สองชนิด (จากหลักฐานทางซากดึกดำบรรพ์) ซึ่งน่าจะเป็นเป็นอาหารเดิมของมังกรโกโมโด และจากการที่พวกมันต้องล่าเหยื่อขนาดใหญ่นี้เอง จึงทำให้มันต้องวิวัฒนาการร่างกายให้ใหญ่โต เพื่อล่าเหยื่อ [19]
การสืบพันธุ์
ดูบทความหลักที่ การเกิดโดยไม่ผสมพันธุ์
มังกรโกโมโดตัวผู้จะต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงตัวเมีย ในฤดูผสมพันธุ์ที่อยู่ระหว่างเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม การผสมพันธุ์จะเริ่มต้นที่ตัวผู้ใช้ข้างแก้มถูไปตามข้างลำตัวของตัวเมีย ตัวเมียโดยปกติแล้ว จะวางไข่ครั้งละ 20 ฟอง ใช้เวลาฟักราว 7-8 เดือน ลูกมังกรโกโมโดจะฟักเป็นตัวในช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นฤดูที่มีแมลงชุกชุมมากที่สุด เนื่องจากเป็นอาหารของมังกรโกโมโดวัยอ่อน ในช่วงที่ยังเป็นวัยอ่อนซึ่งสีของลำตัวยังไม่เหมือนกับตัวเต็มวัย ส่วนมากจะใช้ชีวิตอยู่บนต้นไม้โดยสามารถปีนป่ายต้นไม้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากต้องหลบหนีจากมังกรโกโมโดตัวเต็มวัยที่กินมังกรโกโมโดวัยอ่อนเป็นอาหาร ซึ่งเป็นสัญชาติญาณในการกำจัดคู่แข่ง[12]
นอกจากนี้แล้ว ยังมีกรณีที่มังกรโกโมโดตัวเมีย 2 ตัว ที่สวนสัตว์เชสเตอร์ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ได้ออกไข่แล้วฟักออกมาเป็นตัวโดยที่ไม่ต้องมีการผสมพันธุ์กับตัวผู้ นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่า การสืบพันธุ์โดยไม่ใช้เพศนั้น (การเกิดโดยไม่ผสมพันธุ์) เกิดขึ้นกับสัตว์มีกระดูกสันหลังราว 70 ชนิด เช่น งู, ปลาฉลาม, กิ้งก่า หรือแม้แต่ไก่งวงหรือปลากระเบน แต่มักถูกมองว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก การให้กำเนิดโดยไม่ใช้เพศผู้ของมังกรโกโมโดนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจทีเดียว[20][21]
ในกรณีของมังกรโกโมโดพบว่า ลูกมังกรโกโมโดที่เกิดจากไข่ที่เกิดจากการเกิดโดยไม่ผสมพันธุ์นั้นเป็นตัวผู้ทั้งหมด เนื่องจากมังกรโกโมโดตัวเมียมีโครโมโซมเพศ 2 ชุด ที่แตกต่างกัน คือ W และ Z ขณะที่ตัวผู้มีโครโมโซมที่เหมือนกัน 2 ชุด คือ Z และ Z ถ้าไม่มีตัวผู้จะเหลือโครโมโซม W และ Z ในตัวเมีย ในกรณีนี้ตัวเมียจะแบ่งเซลล์ไข่ของตัวเองออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งมีโครโมโซม W และอีกส่วนเป็นโครโมโซม Z จากนั้นตัวเมียจะทำสำเนาตัวเองเป็นโครโมโซม W และ W กับ Z และ Z สำหรับมังกรโกโมโดโครโมโซม W และ W จะไม่ทำงาน ดังนั้นจึงมีเพียงแต่โครโมโซม Z และ Z เท่านั้น จึงทำให้ไข่ที่เกิดมาเป็นตัวผู้ทั้งหมด ทั้งนี้เชื่อว่าเป็นผลมาจากการวิวัฒนาการในอดีต ที่บรรพบุรุษของมังกรโกโมโดเดินทางยังเกาะโกโมโดจากแผ่นดินใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งยังมีจำนวนประชากรที่น้อยและขาดแคลน ทำให้ต้องพัฒนาตัวเองขึ้นมาเช่นนี้
จากการสำรวจพบว่ามังกรโกโมโดในธรรมชาติ 2 ใน 3 เป็นตัวผู้ นั่นแสดงว่าแม้มังกรโกโมโดจะสามารถสืบพันธุ์โดยไม่ต้องผสมพันธุ์ได้ แต่ก็มีความยืดหยุ่นที่มีการสืบพันธุ์โดยใช้การผสมพันธุ์ได้ด้วย [5] แต่ทว่าด้วยความสามารถพิเศษในการสืบพันธุ์แบบนี้ ทำให้มังกรโกโมโดตัวเมียมีอายุสั้นกว่าตัวผู้ถึงครึ่งต่อครึ่ง[22]
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- ↑ Hocknull SA, Piper PJ, van den Bergh GD, Due RA, Morwood MJ, Kurniawan I (2009). "Dragon's Paradise Lost: Palaeobiogeography, Evolution and Extinction of the Largest-Ever Terrestrial Lizards (Varanidae)" (Free full text). PLoS ONE. 4 (9): e7241. doi:10.1371/journal.pone.0007241. PMC 2748693. PMID 19789642.
{{cite journal}}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์) - ↑ World Conservation Monitoring Centre (1996). "Varanus komodoensis". IUCN Red List of Threatened Species. IUCN. 1996: e.T22884A9396736. สืบค้นเมื่อ 9 December 2015.
{{cite journal}}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์) - ↑ Ouwens, P.A. (1912). "On a large Varanus species from the island of Komodo". Bull. Jard. Bot. Buit. 2 (6): 1–3.
- ↑ มังกรโกโมโด ตำนานที่มีชีวิต
- ↑ 5.0 5.1 "ท่องโลกกว้าง : เจาะความลับของธรรมชาติ ตอน สีสันและลวดลาย และ ก่อกำเนิด". ไทยพีบีเอส. 2015-01-05. สืบค้นเมื่อ 2015-01-06.
{{cite news}}
: line feed character ใน|title=
ที่ตำแหน่ง 13 (help) - ↑ หนุ่มอินโดสุดซวย! มังกรโกโมโดรุมกัดเสียชีวิตขณะเก็บผลไม้
- ↑ Komodo จากIMDb
- ↑ The Curse of the Komodo จาก IMDb
- ↑ Komodo vs King Cobra จาก IMDb
- ↑ http://www.komkid.com/%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2/%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%94-komodo/
- ↑ http://animaldiversity.ummz.umich.edu/accounts/Varanus_komodoensis/
- ↑ 12.0 12.1 สารคดี พิษร้ายสายพันธุ์มรณะ ทางช่อง 7
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2423397/
- ↑ http://www.plosone.org/article/info:doi%2F10.1371%2Fjournal.pone.0007241
- ↑ http://www.mwit.ac.th/~physicslab/content_01/sutut/komodo.pdf
- ↑ http://bioweb.uwlax.edu/bio203/s2008/borgen_mega/Adaptation.htm
- ↑ http://animaldiversity.ummz.umich.edu/accounts/Varanus_komodoensis/
- ↑ http://a-z-animals.com/animals/komodo-dragon/
- ↑ http://bicycle2011.com/%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%94-komodo-dragon-%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87/
- ↑ พบฉลามมีลูกโดยไม่ผสมพันธุ์
- ↑ เวอร์จินเบิร์ธ !! มังกรโกโมโดสาวฟักไข่โดยไม่ใช้ตัวผู้
- ↑ จุดประกาย 7 WILD, เล่ห์ร้ายยัยตัวแสบ. กรุงเทพธุรกิจปีที่ 29 ฉบับที่ 10479: วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2560
แหล่งข้อมูลอื่น
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ มังกรโกโมโด ที่วิกิสปีชีส์