พระวรสารนักบุญบารนาบัส
พระวรสารนักบุญบารนาบัส (อังกฤษ: Gospel of Barnabas) เป็นพระวรสารนอกสารบบปลอมที่เขียนขึ้นในสมัยกลางตอนปลายและอ้างว่าอุทิศแด่บารนาบัส สาวกชาวคริสต์ยุคแรกที่เป็นหนึ่งในอัครสาวกของพระเยซู (ตามที่ระบุในนี้)[1] มีความยาวประมาณเกือบเท่ากับพระวรสารทั้ง 4 และผสมผสานเรื่องราวต่าง ๆ ในพระวรสารที่เป็นที่ยอมรับด้วยองค์ประกอบในศาสนาอิสลาม เช่น การปฏิเสธต่อการตรึงพระเยซูที่กางเขน พระวรสารนี้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตพระเยซูโดยละเอียด โดยเริ่มต้นด้วยการประสูติของพระเยซู ตั้งแต่แม่พระรับสารที่เป็นเรื่องราวของทูตสวรรค์เกเบรียลกับพระแม่มารีย์ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการประสูติของพระเยซู จากนั้นจึงเล่าเรื่องพระพันธกิจ แล้วสิ้นสุดที่พระมหาบัญชาที่จะเผยแผ่คำสอนของพระองค์ทั่วโลก ยูดาส อิสคาริโอทถูกนำมาแทนที่พระเยซูตอนตรึงกางเขน
พระวรสารนี้มีเอกสารตัวเขียนหลงเหลือรอดเพียง 2 ฉบับ (ในภาษาอิตาลีและสเปน) ทั้งสองฉบับมีอายุในสมัยกลาง
ต้นกำเนิดของพระวรสารยังคงเป็นข้อพิพาท มีหลายทฤษฎีที่เป็นการคาดเดา และโดยทั่วไปไม่ได้รับการยอมรับ พระวรสารนักบุญบารนาบัสมีอายุตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15[2] ซึ่งช้าเกินไปที่บารนาบัสเป็นผู้เขียน (ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1) คำสอนหลายอย่างสอดคล้องกับอัลกุรอานและขัดแย้งกับคัมภีร์ไบเบิล โดยเฉพาะภาคพันธสัญญาใหม่ อย่างไรก็ตาม มีเนื้อหาบางส่วนที่ขัดแย้งกับอัลกุรอานด้วย
เนื้อหา
[แก้]การวิเคราะห์
[แก้]สิ่งที่เกิดผิดสมัยและข้อผิดพลาดตามข้อเท็จจริง
[แก้]พระวรสารนักบุญบารนาบัสมีสิ่งที่เกิดผิดสมัย และข้อผิดพลาดทางภูมิศาสตร์และข้อเท็จจริงอื่น ๆ[3][4]: 27, 43 Raggs รายงานว่า สิ่งนี้พิสูจน์ว่าพระวรสารนี้มีต้นกำเนิดในสมัยกลาง[5]: 433 และผู้เขียนไม่รู้เกี่ยวกับปาเลสไตน์ในคริสต์ศตวรรษที่ 1[4]: 24
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เนื้อหาต่อต้านเปาโล
[แก้]การวิเคราะห์เชิงวิชาการระบุว่าพระวรสารนักบุญบารนาบัสมีเนื้อหาที่ต่อต้านศาสนศาสตร์ของเปาโล ส่วนใหญ่แสดงให้เห็นชัดเจนในอารัมภบทและปัจฉิมบทที่กล่างถึงเปาโลว่าสอนคำสอนของพระเยซูในทางที่ผิด และเป็นการ "หลอกลวง" โดยคิดว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้า (หรือบุตรของพระเจ้า)[6]: 12, 20–21 [7] Fouad Masri นักเขียนและมิชชันนารีชาวเลบานอน เขียนถึงพระวรสารนี้ใน Connecting with Muslims: A Guide to Communicating Effectively (2014) ว่า ผิดสมัย (anachronistic) โดยในกิจการของอัครทูตระบุว่าบารนาบัสเป็นสหายที่ดีที่สุดของเปาโล ไม่ใช่ศัตรู[8]: 165–166 ส่วนใน Journal of Higher Criticism อาร์. แบล็กเฮิร์สต์เขียนว่า บันทึกความข้ดแย้งระหว่างเปาโลกับบารนาบัสในจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวกาลาเทียอาจเป็นสาเหตุว่าทำให้ผู้เขียนพระวรสารถึงอุทิศให้แก่บารนาบัส[7]
ความสอดคล้องกับอัลกุรอาน
[แก้]การตรึงกางเขนพระเยซู
[แก้]ในพระวรสารนักบุญบารนาบัส พระเยซูไม่ได้ถูกตรึงกางเขน แต่แทนที่ด้วยยูดาส อิสคาริโอท (ผู้ที่ใบหน้าถูกทำให้คล้ายกับพระองค์) ส่วนพระเยซูนั้น พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ยกขึ้นสวรรค์[4]: 2 [5]: xxvii ข้อความนี้สอดคล้องกับการตีความซูเราะฮ์อันนิซาอ์ 157–158 ตามสายหลักที่ยืนยันว่าพระเยซูไม่ได้ถูกตรึงกางเขน แต่กลับเป็นคนมีรูปร่างหน้าตาเหมือนพระองค์ต่างหาก:
และการที่พวกเขากล่าวว่า "แท้จริงพวกเราได้ฆ่า อัล-มะซีหฺ อีซา บุตรของมัรฺยัม รอซูลของอัลลอฮฺ" และพวกเขาหาได้ฆ่าอีซา และหาได้ตรึงเขาบนไม้กางเขนไม่ แต่ทว่าเขาถูกให้เหมือนแก้พวกเขา และแท้จริงบรรดาผู้ที่ขัดแย้งในตัวเขานั้น แน่นอนย่อมอยู่ในความสงสัยเกี่ยวกับเขา พวกเขาหามีความรู้ใดๆ ต่อเขาไม่ นอกจากคล้อยตามความนึกคิดเท่านั้น และพวกเขามิได้ฆ่าเขาด้วยความแน่ใจ หามิได้ อัลลอฮฺได้ทรงยกเขา (อีซา) ขึ้นไปยังพระองค์ต่างหาก และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ[9]: 2, 42
ในรายงานการตรึงกางเขน คาดว่าพระวรสารนี้ได้รับอิทธิพล (หรือรับมา) จากโดเสติส: แนวคิดนอกรีตที่กล่าวถึงรูปมนุษย์ของพระเยซูเป็นเพียงภาพลวงตา[6]: 98 [5]: xlvii David Sox เขียนไว้ว่า ภาพลักษณ์ของยูดาส อิสคาริโอทในพระวรสารนักบุญบารนาบัสมีความเห็นอกเห็นใจมากกว่าในพระวรสารที่เป็นที่ยอมรับ ซึ่งตัวเขาถูกคัดให้เป็นผู้ทรยศที่ชั่วร้าย ตามธรรมเนียมชาวคริสต์ ชื่อของเขามีความหมายเดียวกันกับผู้ที่หลอกลวงภายใต้หน้ากากมิตรภาพ[6]: 94–95 ส่วน Raggs ระบุว่า เนื่องจากไม่มีการให้ชื่อและอธิบายข้อกล่าวหาว่ามีการแทนที่อัลกุรอานได้ ผู้เขียนพระวรสารจึงพยายามที่จะเติมเต็มช่องว่างนี้[5]: xxvii
คำทำนายมุฮัมมัด
[แก้]ตามข้อมูลจากซูเราะฮ์อัศศ็อฟฟ์ 6 มุสลิมเชื่อว่าพระเยซูเป็นผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้ามุฮัมมัด และทำนายการมาของมุฮัมมัด:
และจงรำลึก เมื่ออีซา อิบนฺ มัรยัม ได้กล่าวว่า โอ้วงศ์วานอิสรออีลเอ๋ย แท้จริงฉันเป็นรอซูลของอัลลอฮฺมายังพวกท่านเป็นผู้ยืนยันสิ่งที่มีอยู่ในเตารอต ก่อนหน้าฉัน และเป็นผู้แจ้งข่าวดีถึงรอซูลคนหนึ่ง ผู้จะมาภายหลังฉัน ชื่อของเขาคือ อะหมัด ครั้นเมื่อเขา (อะหมัด) ได้มายังพวกเขาพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้งแล้ว พวกเขากล่าวว่านี่คือมายากลแท้ ๆ[4]: 2
คำว่าอะห์มัด (ภาษาอาหรับแปลว่า "ผู้ได้รับการสรรเสริญ") ในศาสนาอิสลามสื่อถึงมุฮัมมัด[3][10]: 157 พระวรสารนักบุญบารนาบัสมีคำสอนที่อุทิศแด่พระเยซูหลายบทที่มุสลิมเชื่อว่าทำนายการมาของมุฮัมมัด[4]: 2 พระวรสารระบุพระเยซูในบทบาทของยอห์นผู้ให้บัพติศมาในพระวรสารในสารบบ[11]: 90 อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ขัดแย้งกับอัลกุรอานที่ระบุว่าพระเยซูเป็นพระเมสสิยาห์ที่สัญญาไว้[3]
ไม่อิงตรีเอกานุภาพ
[แก้]ตามรายงานในหลักข้อเชื่อไนซีน แนวคิดตรีเอกานุภาพคือพระเจ้ามีเพียงองค์เดียวและปรากฏเป็น 3 พระบุคคล (พระบิดา, พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์) โดยพระเยซูคือพระบุตร[12] ศาสนาอิสลามปฏิเสธหลักการนี้ โดยเชื่อในแนวคิดเตาฮีด (ความเป็นเอกะ) และถือตรีเอกานุภาพเป็นชิรก์ ซึ่งเทียบพระเจ้าให้เท่ากับสิ่งถูกสร้าง[10]: 46, 135–136 มุสลิมเชื่อว่าพระเยซูเป็นมนุษย์เหมือนกับนบีคนอื่น ๆ และไม่เคยอ้างตนเองเป็นพระเจ้า[10]: 223 พระวรสารนักบุญบารนาบัสมีข้อความที่ระบุว่าพระเยซูปฏิเสธว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้า[4]: 7 พระวรสารนี้ระบุว่าพระเยซูดูเหมือนถูกตรึงกางเขนเพื่อเป็นการลงโทษผู้ที่อ้างความเป็นพระเจ้าของพระองค์ และภายหลังได้มีการส่งมุฮัมมัดมาเพื่อเปิดโปงการฝ่าฝืนของคริสเตียนที่นมัสการพระเยซู[13]
มุมมอง
[แก้]คริสต์
[แก้]ชาวคริสต์ไม่ยอมรับพระวรสารนักบุญบารนาบัส[14] โดยถือว่าพระวรสารนี้ต่ำกว่าพระวรสารในสารบบและเป็นการปลอมแปลง[3][10]: 307 Jan Joosten เรียกพระวรสารนี้เป็น "จับฉ่ายในเนื้อหาของชาวคริสต์ ยิว และมุสลิม"[15] J. N. J. Kritzinger เขียนใน Religion in Southern Africa ว่าพระวรสารนี้เป็นอุปสรรคต่อการเสวนาระหว่างศาสนาระหว่างชาวคริสต์–มุสลิม และทั้งสองฝ่ายไม่ควรใช้สิ่งนี้ทำให้ศาสนาหนึ่งเสียชื่อเสียง[16]
อิสลาม
[แก้]ยอมรับ
[แก้]พระวรสารนักบุญบารนาบัสเป็นพระวรสารที่ขายดีที่สุดในโลกมุสลิม[10]: 295 และเป็นที่นิยมในบรรดาผู้พูดป้องกันศาสนาอิสลาม[4]: 1 บางคนระบุพระวรสารนี้เป็นอินญีล หนึ่งใน 4 คัมภีร์ในศาสนาอิสลามที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมา[17][a] สำหรับคำตอบรับพระวรสารในเชิงบวกโดยทั่วไปในโลกมุสลิมนั้น ดับเบิลยู. มอนต์โกเมอรี วัตต์ นักบูรพคดีชาวสกอต กล่าวว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่มุสลิมที่ถูกชักชวนให้เชื่อโดยไม่มีข้อสงสัย บางคนไม่ทราบความเห็นพ้องต้องกันของนักวิชาการว่าเป็นของปลอม[18]: 117–118 Christine Schirrmacher นักวิชาการชาวเยอรมัน รายงานว่า ทัศนคติเชิงบวกของมุสลิมเกี่ยวกับพระวรสารนั้นอิงตามการกล่าวอ้างว่าเขียนโดยผู้เห็นเหตุการณ์ และการไม่เห็นด้วยกับหลักคำสอนของคริสเตียนกระแสหลัก[14]
ปฏิเสธ
[แก้]พระวรสารนักบุญบารนาบัสถูกปฏิเสธจากนักวิชาการมุสลิม[10]: 298 ที่ปฏิเสธทั้งเพียงบางส่วน[9]: 101 หรือทั้งหมด[19] Amina Inloes นักวิชาการชาวอเมริกัน กล่าวว่า ความแตกต่างมากมายระหว่างพระวรสารกับอัลกุรอานทำให้พระวรสารมีความสำคัญลดลง[20] ในวารสาร Islamic World League ฉบับเดือนมกราคม ค.ศ. 1977 Yahya al-Hashimi นักเขียนชาวซีเรีย กล่าวถึงพระวรสารนี้ว่าเป็นการโต้เถียงของชาวยิวที่สร้างความเกลียดชังระหว่างชาวคริสต์กับมุสลิม[6]: 115 [3] อับบาส มะห์มูด อัลอักกอด นักวิจารณ์วรรณกรรมชาวอียิปต์ อ้างเหตุผลในการปฏิเสธพระวรสารนี้บางประการ เช่น การใช้วลีภาษาอาหรับอันดาลูซีอาและคำสอนที่ขัดแย้งกับอัลกุรอาน[4]: 34 [3]
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ ไม่มีข้อมูลใดที่กล่าวถึงคุณลักษณะของอินญีล[17] ในขณะที่นักวิชาการมุสลิมโดยทั่วไปถือว่าอินญีลสื่อถึงพระวรสารทั้งสี่เล่ม[4]: 1–2 บางส่วนคิดว่าอินญีลควรเป็นพระวรสารเล่มเดียวที่พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่พระเยซู โดยไม่มีฝีมือมนุษย์ปรากฏในนั้น และยังคงมีเศษส่วนในพระวรสารที่เป็นที่ยอมรับเหล่านี้[10]: 215–216 นักวิชาการมุสลิมหลายคนมีส่วนในการเชื่อมโยงอินญีลเข้ากับพระวรสารนักบุญบารนาบัส เช่น อะห์มัด ดีดาต[17]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Geneviève Gobillot, Évangiles, in M. A. Amir-Moezzi, Dictionnaire du Coran, ed. Robert Laffont, 2007, p. 291.
- ↑ Joosten, Jan (2010). "The Date and Provenance of the "Gospel of Barnabas"". The Journal of Theological Studies. 61 (1): 200–215. doi:10.1093/jts/flq010. ISSN 0022-5185. JSTOR 43665026.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 Slomp, Jan. "The 'Gospel of Barnabas' in recent research". Christlich-Islamische Gesellschaft . เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 April 2022. สืบค้นเมื่อ 22 May 2022.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 4.5 4.6 4.7 4.8 Campbell, William F. (1989). Gospel of Barnabas: Its True Value. Christian Study Centre. ISBN 1-881085-02-3.
- ↑ 5.0 5.1 5.2 5.3 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อRaggs
- ↑ 6.0 6.1 6.2 6.3 Sox, David (1984). The Gospel of Barnabas. Allen & Unwin. ISBN 0-04-200044-0.
- ↑ 7.0 7.1 Blackhirst, R. (Spring 2000). "Barnabas and the Gospels: Was There an Early Gospel of Barnabas?". Journal of Higher Criticism. 7 (1): 1–22. ISSN 1075-7139. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-02-20. สืบค้นเมื่อ 2022-06-03.
- ↑ Masri, Fouad (2014). Connecting with Muslims: A Guide to Communicating Effectively. InterVarsity Press. ISBN 978-08-30895-90-8.
- ↑ 9.0 9.1 O'Brien, Jack (2020). The Qur'an and the Cross—A Study of Al-Nisa (4):157: 'and They Did Not Kill Him and Did Not Crucify Him, But It Was Made to Appear So to Them'. LIT Verlag. ISBN 978-36-43910-82-0.
- ↑ 10.0 10.1 10.2 10.3 10.4 10.5 10.6 Geisler, Norman; Saleeb, Abdul (1993). Answering Islam: The Crescent in Light of the Cross. Baker Books. ISBN 0-8010-3859-6.
- ↑ Zahniser, A. H. Mathias (2017). The Mission and Death of Jesus in Islam and Christianity. Wipf and Stock Publishers. ISBN 978-17-25256-26-2.
- ↑ lookup%5d%5d.HTM "CCC, 2.1". Vatican.va. สืบค้นเมื่อ 232–267.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่า|url=
(help); ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ Licona, Michael R. (2009). "Using the Death of Jesus to Refute Islam" (PDF). Journal of the International Society of Christian Apologetics. 2 (1): 87–110. ISSN 2572-9322. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-10-30. สืบค้นเมื่อ 2022-05-30.
- ↑ 14.0 14.1 Schirrmacher, Christine. "The 'Gospel of Barnabas' – Has the True Gospel of Jesus Been Found?". IslamInstitut.de. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 March 2016. สืบค้นเมื่อ 27 May 2022.
- ↑ Joosten, Jan (April 2010). "The Date and Provenance of the 'Gospel of Barnabas'". The Journal of Theological Studies. 61 (1): 200–215. doi:10.1093/jts/flq010. JSTOR 43665026.
- ↑ Kritzinger, J. N. J. (January 1980). "A Critical Study of the Gospel of Barnabas". Religion in South Africa. 1 (1): 49–65. JSTOR 24763798.
- ↑ 17.0 17.1 17.2 Hewer, Chris (May 2008). "Theological Issues in Christian–Muslim Dialogue". New Blackfriars. 89 (1021): 311–323. doi:10.1111/j.1741-2005.2008.00223.x. JSTOR 43251232.
- ↑ Watt, W. Montgomery (1991). Muslim–Christian Encounters: Perceptions and Misperceptions. Routledge. ISBN 0-415-05410-9.
- ↑ Reed, Annette Yoshiko (22 May 2014). "'Muslim Gospel' Revealing the 'Christian Truth' Excites The Da Vinci Code Set". Religion Dispatches. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 October 2020. สืบค้นเมื่อ 27 May 2022.
- ↑ Inloes, Amina (2016). "The Gospel of Barnabas: A Muslim Forgery?". Islamic Writings: The Student Journal of the Islamic College. 6 (1): 49–65. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-05-23. สืบค้นเมื่อ 2022-05-23.