ข้ามไปเนื้อหา

ปอบ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ปอบ เป็นผีจำพวกหนึ่ง ที่อยู่ในความเชื่อพื้นบ้านของไทย โดยเฉพาะในภาคอีสาน โดยเชื่อกันว่าเป็นผีที่กินของดิบ ๆ สด ๆ กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม โดยมีความเชื่อว่า ผู้ที่จะกลายเป็นปอบนั้น มักจะเป็นผู้เล่นคาถาอาคม หรือคุณไสย พอรักษาคาถาอาคมที่มีอยู่กับตัวไม่ได้ หรือกระทำผิดข้อห้าม ซึ่งในภาษาอีสานจะเรียกว่า "คะลำ" ซึ่งผู้ที่เป็นปอบจะเป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

ลักษณะ

[แก้]

ปอบ เป็นผีที่ไม่มีตัวตนเหมือนกระสือหรือกองกอย แต่ปอบคือจิตวิญญาณมิจฉาทิฏฐิ จะเข้าแฝงร่างสิงสู่คนที่เป็นสื่อให้ และใช้ร่างหรือรูปลักษณ์ของคน ๆ นั้น ไปกระทำการไม่ดีต่าง ๆ และเชื่อด้วยว่า หากวิญญาณปอบเข้าสิงสู่ผู้ใด จะกินตับไตไส้พุงของผู้ที่โดนสิงจนกระทั่งตาย ผู้ที่โดนกินจะนอนตายเหมือนกับนอนหลับธรรมดา ๆ ไม่มีบาดแผล ซึ่งเรียกกันว่า "ใหลตาย"[1]

ปอบ แบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. ปอบธรรมดา คือ ผู้ที่มีปอบสิงอยู่ในร่าง คือตนเองเป็นปอบ เมื่อเจ้าของร่างตายไป ปอบที่สิงสู่อยู่ก็จะตายตามไปด้วย
2. ปอบเชื้อ คือ ครอบครัวใดพ่อแม่เป็นปอบ เมื่อพ่อแม่ตายไป ลูกหลานจะสืบทอด เป็นปอบต่อไปเรื่อย ๆ
3. ปอบแลกหน้า คือ ปอบเจ้าเล่ห์ เอาความผิดโยนให้ผู้อื่น เวลาไปเข้าสิงใคร เมื่อถูกสอบถามว่ามีผู้ใดเลี้ยงหรือบังคับ ปอบจะไม่บอกความจริง แต่ไปกล่าวโทษว่าเป็นคนนั้นคน

ผู้ที่ถูกปอบเข้าสิง จะมีอาการเปลี่ยนไป เป็นดุร้าย รำพึงรำพันต่าง ๆ นานา จดจำบุคคลคุ้นเคยหรือคนในครอบครัวไม่ได้หรือไม่ก็กินอาหารดิบ ๆ สุก ๆ ที่เท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม วิธีการปราบผีปอบต้องใช้หมอผีหรือวิธีทางไสยศาสตร์ ในภาคอีสาน จะมีการทำพิธีจับผีปอบเป็นพิธีใหญ่ โดยหมอผีจะไล่จับผีปอบตามที่ต่าง ๆ โดยใช้อุปกรณ์อย่างหนึ่ง ที่เป็นเครื่องสาน เรียก "โมงข้อง" ใช้สำหรับกักขังปอบ

ในทางมานุษยวิทยาและสังคมศาสตร์ อธิบายว่า ความเชื่อเรื่องปอบนั้นเป็นกลไกการสร้างความเชื่อของคนในชุมชน เนื่องจากไม่วางใจบุคคลแปลกหน้าหรือแม้แต่กระทั่งคนในชุมชนเดียวกันเอง ที่มีพฤติกรรมแปลกออกไป ซึ่งในสมัยโบราณ บุคคลที่โดนกล่าวหาว่าเป็นปอบ จะถึงกับถูกขับไล่ให้ออกชุมชนเลยทีเดียว[2]

ปอบเป็นอวิชชาตามตำนานเล่าว่า ผีปอบ คือ ผีสายยักษ์ อยู่ในสายการปกครอง ของท้าวเวสวัณ ที่เข้าสิงร่างมนุษย์ ก็เพื่ออาศัยร่างมนุษย์กินอาหาร โดยเฉพาะอาหารสดคาว หรือ สัตว์เป็น ๆ เช่น ไปหักคอเป็ด ไก่ ในเล้ากิน หรืออาศัยร่าง เหมือนเป็นร่างทรง จะเข้าสิงร่างมนุษย์ที่มีวิบากกรรมทางนี้ คือ อดีตเคยนับถือผีเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกยามมีทุกข์ จนเป็นประเพณีธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมา มีจิตผูกพันกับผี และกรรมทำปาณาติบาต ฆ่าสัตว์เซ่นไหว้ผี บางทีก็ฆ่าสัตว์เล็ก เช่น เป็ด ไก่ บางทีก็ฆ่าสัตว์ใหญ่ เช่น วัว ควาย เป็นต้น[3]

ปอบหมาดำ เป็นผีตามความเชื่อของภาคเหนือและอีสาน เป็นหมาตัวใหญ่มีขนสีดำและมีดวงตาสีแดง มีนิสัยดุร้าย มักจะปรากฏตัวตามข้างถนน เชื่อว่าเป็นร่างแปลงของปอบหรือเป็นสัตว์ที่ปอบเลี้ยงไว้เพื่อหาอาหารในเวลากลางคืน หากหมาดำกินอิ่ม เจ้าของก็จะอิ่มไปด้วย เมื่อไรที่หมาดำเจ็บ เจ้าของก็จะเจ็บไปด้วย

การบันทึก

[แก้]

เรื่องราวเกี่ยวกับปอบ มีการบันทึกครั้งแรกในหนังสือ วชิรญาณ เป็นหนังสือชุดซึ่งพิมพ์ระหว่าง พ.ศ. 2427–2448 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยบันทึกของปอบตาพวง เกิดขึ้นช่วงเดือนพฤศจิกายน ร.ศ. 111 หรือ พ.ศ. 2435 ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ใน วชิรญาณ เล่มที่แปด แผ่นที่สิบ ใช้ชื่อเรื่องว่า "อำนาจผีปอบ"[4]

วัฒนธรรมประชานิยม

[แก้]

ปอบ เป็นผีที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในสังคมไทย มีการนำไปอ้างอิงถึงในวัฒนธรรมร่วมสมัยหลายประการ เช่น ภาพยนตร์ชุด บ้านผีปอบ[5] ในภาพยนตร์ ธี่หยด 2 มีเรื่องราวของปอบตาพวง[6]

ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. เก็บถาวร 2012-08-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ปอบ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542
  2. ผีปอบ คำอธิบายของนักวิชาการในเชิง มานุษยวิทยา และ สังคมศาสตร์
  3. sanook.com
  4. "ปอบตาพวง มีจริงไหม เป็นใคร ไขข้อสงสัย กับ ตำนานความหลอนเมืองอุตรดิตถ์ เรื่องราวของ ปอบตาพวง ผีปอบตัวแรกที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ไทย". คมชัดลึก.
  5. "ผีปอบ ขึ้นชั้น 'ภูตร้ายอมตะ'". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-05. สืบค้นเมื่อ 2011-07-21.
  6. "รู้จัก "ปอบตาพวง" ธี่หยด 2 ปอบตัวแรกที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ ตำนานแห่งอุตรดิตถ์". สนุก.คอม.