หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมล สุขสวัสดิ์
หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมล สุขสวัสดิ์ | |
---|---|
หม่อมเจ้า ชั้น 4 | |
ประสูติ | 24 ธันวาคม พ.ศ. 2460 ประเทศสยาม หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมล |
สิ้นชีพตักษัย | 2 ตุลาคม พ.ศ. 2561 (100 ปี) โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร |
พระราชทานเพลิง | 10 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส |
สวามี | หม่อมเจ้าประสบสุข สุขสวัสดิ์ (พ.ศ. 2483-2528) |
โอรสธิดา | หม่อมราชวงศ์พิมลพักตร์ สุขสวัสดิ์ หม่อมราชวงศ์จำเริญลักษณ์ โสฬสจินดา หม่อมราชวงศ์ประเสริฐศักดิ์ สุขสวัสดิ์ หม่อมราชวงศ์ดำรงเดช สุขสวัสดิ์ หม่อมราชวงศ์วิไลกัญญา วิชัยดิษฐ์ หม่อมราชวงศ์อุษณิษา สุขสวัสดิ์ |
ราชวงศ์ | จักรี |
ราชสกุล | ดิศกุล (ประสูติ) ศุขสวัสดิ์ (เสกสมรส) |
พระบิดา | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ |
พระมารดา | หม่อมแสง ศตะรัต |
ศาสนา | เถรวาท |
หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมล สุขสวัสดิ์ (ราชสกุลเดิม ดิศกุล; 24 ธันวาคม พ.ศ. 2460 – 2 ตุลาคม พ.ศ. 2561) เป็นพระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประสูติแต่หม่อมแสง ศตะรัต[1]
พระประวัติ
[แก้]ปฐมวัย
[แก้]หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมล มีพระนามลำลองว่า ท่านหญิงเพียร เป็นพระธิดาองค์เล็กในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และหม่อมแสง ศตะรัต ประสูติเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2460[2] มีโสทรเชษฐาและโสทรเชษฐภคินีรวม 5 องค์ ได้แก่ หม่อมเจ้ามารยาตรกัญญา ดิศกุล, พรพิลาศ บุนนาค, หม่อมเจ้าพวงมาศผกา ดิศกุล, หม่อมเจ้าศุกรวรรณดิศ ดิศกุล และเราหิณาวดี กำภู[3]
หลังจากประสูติได้เพียงไม่กี่เดือน หม่อมแสง พระมารดาของหม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมลก็ถึงแก่กรรม สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ จึงได้มอบให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอัพภันตรีปชา อุปถัมภ์เลี้ยงดู เนื่องจากเจ้าจอมมารดาของพระองค์เจ้าอัพภันตรีปชา คือ เจ้าจอมมารดาแส ในรัชกาลที่ 5 และเจ้าจอมมารดาชุ่ม ในรัชกาลที่ 4 พระมารดาของกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นพี่น้องกัน
หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมลทรงเริ่มการศึกษาที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ในระดับประถมศึกษา และสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนราชินี หลังจากนั้นทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนฝึกหัดครูเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ ก่อนจะเริ่มทำงานเป็นครูที่โรงเรียนศึกษาวิทยา ถนนสีลม[4]
หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมลยังมีความสามารถด้านการตัดเย็บเสื้อผ้า ทรงตัดชุดสวมใส่เองอย่างสวยงาม และได้นำเศษผ้าที่เหลือจากการตัดเย็บมาประดิษฐ์รองเท้าให้เข้าชุดกัน ทำให้เป็นผู้นำแฟชั่นในวิทยาลัยและได้รับการยกย่องจากทั้งคณาจารย์และนักศึกษา
เสกสมรส
[แก้]หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมลทรงพบกับหม่อมเจ้าประสบสุข สุขสวัสดิ์ พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช ครั้งแรกที่ตำหนักของหม่อมเจ้าจงจิตรถนอม ดิศกุล ซึ่งเป็นเชษฐภคินีของท่านหญิง หม่อมเจ้าประสบสุขทรงเล่าว่าครั้งแรกที่ได้พบหม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมลนั้น ท่านหญิงกำลังใส่รองเท้า และในขณะนั้นก็ทรงหลงรักทันที
หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมลและหม่อมเจ้าประสบสุขทรงเข้าพิธีเสกสมรสเมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2483 โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงเป็นผู้ประกอบพิธี หลังจากพิธีเสกสมรส ทั้งสองได้เสด็จไปเฝ้าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ณ ชินนะมอนฮอลล์ รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย เพื่อขอพรและฉลองน้ำผึ้งพระจันทร์
หลังจากเสกสมรส หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมลและหม่อมเจ้าประสบสุข สุขสวัสดิ์ ทรงใช้ชีวิตร่วมกันที่ตำหนักของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามนัศสวาสดิ์ พระเชษฐภคินีของหม่อมเจ้าประสบสุข บนถนนพระอาทิตย์ พระองค์เจ้ามนัศสวาสดิ์ทรงปลูกเรือนหอเล็ก ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อเป็นที่ประทับของทั้งสอง หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมลทรงเล่าว่าเคยซื้อกุ้งแม่น้ำจากชาวประมงที่หากุ้งอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าตำหนักดังกล่าว ซึ่งต่อมาตำหนักนี้ได้กลายเป็นที่ทำการของพุทธสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ครอบครัวของหม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมลได้ย้ายไปพำนักที่ซอยกาติ๊บ (ปัจจุบันคือซอยอารีย์สัมพันธ์) ซึ่งในเวลานั้นยังเป็นพื้นที่ที่รายล้อมด้วยทุ่งนา หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมลเคยทรงจักรยานจากบ้านที่ซอยกาติ๊บไปจ่ายตลาดที่ประตูน้ำ
หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมล มีโอรสและธิดา 6 คน ได้แก่
- หม่อมราชวงศ์พิมลพักตร์ สุขสวัสดิ์ (เกิด 6 กันยายน พ.ศ. 2483)
- หม่อมราชวงศ์จำเริญลักษณ์ โสฬสจินดา (เกิด 11 กันยายน พ.ศ. 2484)
- พลอากาศโท หม่อมราชวงศ์ประเสริฐศักดิ์ สุขสวัสดิ์ (เกิด 15 มกราคม พ.ศ. 2486)
- หม่อมราชวงศ์ดำรงเดช สุขสวัสดิ์ (เกิด 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2489)
- หม่อมราชวงศ์วิไลกัญญา วิชัยดิษฐ์ (เกิด 15 มกราคม พ.ศ. 2492)
- หม่อมราชวงศ์อุษณิษา สุขสวัสดิ์ (เกิด 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2498)
ในปี พ.ศ. 2486 หม่อมเจ้าประสบสุข สุขสวัสดิ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งราชการในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตพาณิชย์และการคลังของประเทศไทยประจำกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ครอบครัวจึงได้ย้ายไปพำนักในประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลาสองปี ในปีเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ สิ้นพระชนม์ หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมลได้รับพระมรดกเป็นห้องแถวสามห้องที่บริเวณสี่กั๊กเสาชิงช้า (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของร้านกระเป๋าจาค็อบ) ซึ่งท่านหญิงทรงขายทรัพย์สินดังกล่าวเพื่อนำเงินไปลงทุนซื้อขายที่ดินต่ออีกหลายแปลง รวมถึงที่ดินในซอยสุขใจ (ซอย 12) ถนนสุขุมวิท ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นพื้นที่ทุ่งนาเลี้ยงโคกระบือ และที่ดินดังกล่าวยังคงเป็นที่พำนักของครอบครัวจนถึงปัจจุบัน
หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมลทรงเป็นแม่ศรีเรือนที่มีความสามารถรอบด้าน ไม่เพียงแต่ในเรื่องการปรุงอาหารและดูแลบ้านเท่านั้น ยังมีฝีพระหัตถ์ด้านงานเย็บปักถักร้อย และมักตัดเย็บเสื้อผ้าให้โอรสและธิดาสวมใส่เอง รวมถึงการประดิษฐ์เครื่องตกแต่งบ้าน เช่น ม่าน หมอน และผ้าเช็ดปาก ซึ่งจะปักอย่างประณีต นอกจากนี้ยังมีความถนัดในงานช่างแบบผู้ชาย เช่น งานไม้ งานปูน และงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นงานที่ทรงศึกษาเรียนรู้จากช่างก่อสร้างที่มาซ่อมแซมบ้าน ทำให้สามารถซ่อมแซมงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบ้านได้ด้วยองค์เอง
หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมลมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง จนกระทั่งเคยบวชชี โกนศีรษะ และครองผ้าขาว ทรงสร้างกุฏิขององค์เองที่วัดเขาพุทธโคดม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และใช้ชีวิตอย่างสมถะที่นั่นเป็นเวลาหลายปี หลังจากลาสิกขาบทแล้วได้กลับมาใช้ชีวิตกับครอบครัว และเริ่มหันมาสนใจงานอดิเรกใหม่ คือ การทัศนาจร ซึ่งโปรดเป็นพิเศษ ทั้งการเดินทางในประเทศและต่างประเทศ โดยมักเดินทางกับกลุ่มทัศนาจรประจำ
หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมลทรงยึดถือพระบิดา ซึ่งเคยเสด็จประพาสทั่วประเทศไทยในตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยเป็นแบบอย่าง การทัศนาจรครั้งสุดท้ายคือเมื่อมีชันษากว่า 90 ปี โดยเสด็จประทับรถยนต์จากกรุงเทพมหานครไปประเทศกัมพูชา แม้ทรงทราบดีว่าการลงไปเดินชมโบราณสถานต่าง ๆ คงไม่สะดวกเนื่องด้วยชันษาที่มากแล้ว แต่ด้วยความรักในการเดินทาง ยังทรงเลือกที่จะประทับรถยนต์ประพาสเพื่อความเพลิดเพลิน
ปัจฉิมวัย
[แก้]หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมลเป็นผู้ที่นิยมการดำเนินชีวิตอย่างสมถะ แม้ในวัยสูงอายุ ยังทรงงานบ้านต่าง ๆ ด้วยองค์เอง ห้องพักภายในบ้านมีครัวเล็ก ๆ และเครื่องซักผ้าในตัว ทรงดำรงพระชนม์อย่างเป็นอิสระ จนกระทั่งเมื่อทรงหกล้มและกระดูกพระอุรุ (สะโพก) ร้าวในช่วงชันษา 90 กว่าปี ต้องเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นจึงต้องทรงระมัดระวังในการดำเนิน แม้จะทรงประสบกับปัญหาด้านการเดิน แต่หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมลยังคงไม่ทรงยอมใช้เครื่องช่วยเดินหรือธารพระกร และไม่โปรดให้ผู้ช่วยพยาบาลมาเฝ้าดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
พระอาการที่ทรงลุกดำเนินไม่ได้ทำให้เกิดแผลกดทับ ซึ่งรุนแรงขึ้นตามลำดับ จนในที่สุดต้องเข้ารับถวายการรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ในโอกาสนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแจกันดอกไม้แก่หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมล โดยมีข้อความบนบัตรที่แนบมากับแจกันว่า "พระราชทานหม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมล ศุขสวัสดิ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐"
แม้กระทั่งเมื่อหม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมลทรงเจริญชันษาครบ 100 ปี ในวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ก็ได้มีการจัดพิธีทำบุญถวายสังฆทานภายในห้องพักที่โรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นพระอาการของหม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมลเริ่มทรุดลง แพทย์จึงตัดสินใจถวายยามอร์ฟีนเพื่อลดความเจ็บปวด และในเดือนกันยายน พ.ศ. 2561 พระอาการก็ทรุดลงอีกครั้ง จึงจำเป็นต้องถวายยามอร์ฟีนเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาความทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บป่วย
ชีพิตักษัย
[แก้]หม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมลได้ถึงชีพิตักษัยด้วยพระอาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ[4] เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 13.55 น. ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า สิริชันษา 100 ปีเศษ ศพตั้งสวดที่วัดธาตุทอง (กรุงเทพมหานคร) จนถึงวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2561[5] นับเป็นหม่อมเจ้าองค์สุดท้ายของราชสกุลดิศกุลและราชสกุลสุขสวัสดิ์ รวมถึงเป็นหม่อมเจ้าที่มีพระชนม์อยู่เป็นองค์สุดท้ายในบรรดาหม่อมเจ้าที่ได้เกศากันต์ ในการนี้พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานหีบทองทึบ พร้อมฉัตรเบญจา 4 คันประกอบเกียรติยศ ภายหลังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนชั้นหีบทองทึบเป็นโกศแปดเหลี่ยม และในวันที่ 10 ตุลาคมปีเดียวกัน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานในการพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส[4]
พงศาวลี
[แก้]พงศาวลีของหม่อมเจ้ากฤษณาพักตรพิมล สุขสวัสดิ์ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
[แก้]- ↑ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และ หม่อมเจ้าหญิง จงจิตรถนอม ดิศกุล. จดหมายถึงหญิงใหญ่ (ฉบับชำระใหม่). กรุงเทพ : สถาพรบุ๊คส์, 2551. ISBN 978-974-16-6535-8
- ↑ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์. มหามกุฎราชสันตติวงศ์ พระนามพระราชโอรสธิดา พระราชนัดดา. กรุงเทพ : อมรินทร์พริ้นติ้ง, พ.ศ. 2547. หน้า หน้าที่. ISBN 974-272-911-5
- ↑ ศุภวัฒย์ เกษมศรี, พลตรี หม่อมราชวงศ์, และรัชนี ทรัพย์วิจิตร. พระอนุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าในพระราชวงศ์จักรี. กรุงเทพ : สำนักพิมพ์บรรณกิจ, พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2549. 360 หน้า. หน้า หน้าที่. ISBN 974-221-818-8
- ↑ 4.0 4.1 4.2 "สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ดังนี้". ช่อง 7 HD. 10 ตุลาคม 2561. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-08-07. สืบค้นเมื่อ 12 ตุลาคม 2561.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "บุคคลในข่าว (หน้า 4)". ไทยรัฐออนไลน์. 5 ตุลาคม 2561. สืบค้นเมื่อ 5 ตุลาคม 2561.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)