สงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย
ส่วนหนึ่งของ การรวมชาติเยอรมัน

(ตามเข็มนาฬิกาจากบนขวา)
วันที่19 กรกฎาคม ค.ศ. 1870 – 28 มกราคม ค.ศ. 1871
(6 เดือน 1 สัปดาห์ 2 วัน)
สถานที่
ผล

ฝ่ายเยอรมนีชนะ

ดินแดน
เปลี่ยนแปลง
  • การรวมชาติเยอรมันสำเร็จ
  • สถาปนาจักรวรรดิเยอรมัน
  • เยอรมันผนวกอาลซัส-ลอแรน
  • คู่สงคราม

     เยอรมนี

     แกรนด์ดัชชีบาเดิน
     บาวาเรีย
    ราชอาณาจักรเวือร์ทเทิมแบร์ค
    แกรนด์ดัชชีเฮ็สเซิน

    (ก่อนวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1871)


     เยอรมนีc

    (หลังวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1871)

     จักรวรรดิฝรั่งเศสa


     สาธารณรัฐฝรั่งเศสb (Government of National Defense)

    ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ
    กำลัง

    รวม:

    • 1,494,412 นาย[1]

    กำลังเดิม:

    • 938,424 นาย
    • ทหารทั่วไปและสำรอง 730,274 นาย[2]
    • Landwehr 208,150 นาย[2]

    กำลังของกองทัพภาคสนามช่วงสูงสุด:

    รวม:

    • 2,000,740 นาย[2]

    กำลังเดิม:

    • 909,951 นาย
    • ใช้งาน 492,585 นาย รวมตัวสำรอง 300,000 นาย[3][2]
    • Garde Mobile 417,366 นาย[3]

    กำลังของกองทัพภาคสนามช่วงสูงสุด:

    • 710,000 นาย[2]
    ความสูญเสีย

    144,642 นาย[4]

    • เสียชีวิต 44,700 นาย[5]
    • บาดเจ็บ 89,732 นาย
    • หายตัวหรือถูกจับกุม 10,129 นาย

    1,005,427 นาย[6]

    • เสียชีวิต 138,871 นาย[7][8]
    • บาดเจ็บ 143,000 นาย
    • ถูกจับกุม ยอมจำนน หรือกักขัง 723,556 นาย[9]
    พลเมืองเสียชีวิตประมาณ 250,000 คน รวมชายเยอรมัน 162,000 ที่เสียชีวิตด้วยโรคฝีดาษจากเชลยศึกชาวฝรั่งเศส[4]
    • a จนถึงวันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 1870
    • b ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 1870
    • c ตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1871

    สงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย (อังกฤษ: Franco-Prussian War) หรือ สงครามฝรั่งเศส-เยอรมัน ในฝรั่งเศสเรียกกันว่า สงครามปี 1870[10] (1870 War) เป็นความขัดแย้งระหว่างจักรวรรดิฝรั่งเศสที่สอง(และต่อมากลายเป็นสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3) และรัฐเยอรมันแห่งสมาพันธรัฐเยอรมันเหนือภายใต้การนำโดยราชอาณาจักรปรัสเซีย กินเวลาตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1870 ถึง 28 มกราคม ค.ศ. 1871 ความขัดแย้งครั้งนี้มีสาเหตุมาจากความทะเยอทะยานของปรัสเซียที่จะขยายอำนาจในการรวมชาติเยอรมันและความเกรงกลัวของฝรั่งเศสในการเปลี่ยนแปลงสมดุลแห่งอำนาจในยุโรปที่จะส่งผลลัพธ์ หากปรัสเซียทำสำเร็จ นักประวัติศาสตร์บางคนได้โต้แย้งว่า นายกรัฐมนตรีปรัสเซีย อ็อทโท ฟ็อน บิสมาร์ค ได้มีความจงใจในการยั่วยุฝรั่งเศสให้ประกาศสงครามกับปรัสเซีย เพื่อที่จะชักนำให้รัฐทางใต้ของเยอรมันที่เป็นอิสระ ได้แก่ บาเดิน เวือร์ทเทิมแบร์ค บาวาเรีย และเฮ็สเซิน - ดาร์มชตัดท์ เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับสมาพันธรัฐเยอรมันเหนือซึ่งถูกปกครองโดยปรัสเซีย ในขณะที่คนอื่นยืนยันว่า บิสมาร์คไม่ได้วางแผนและใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ครั้งนี้ในขณะที่พวกเขาได้แฉออกไป อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครโต้แย้งความจริงที่ว่าบิสมาร์คต้องยอมรับศักยภาพของพันธมิตรเยอรมันใหม่ในการรับมือสถานการณ์โดยรวม[11]

    ฝรั่งเศสได้ระดมกองทัพ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 1870 ทำให้สมาพันธรัฐเยอรมันเหนือได้ทำการตอบโต้ด้วยการระดมพลเช่นกันในวันเดียวกัน เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1870 รัฐสภาฝรั่งเศสได้โหวตเพื่อประกาศสงครามกับปรัสเซียและคำประกาศสงครามได้ถูกไปยังปรัสเซียในสามวันต่อมา กองทัพฝรั่งเศสได้เข้ารุกดินแดนเยอรมัน เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม เยอรมันได้ระดมพลของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าฝรั่งเศสและได้เข้ารุกทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม กองทัพเยอรมันมีจำนวนที่เหนือกว่า มีการฝึกอบรมและความเป็นผู้นำที่ดี และมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือทางรถไฟ และปืนใหญ่

    หนึ่งในชัยชนะอย่างรวดเร็วของปรัสเซียและเยอรมันในทางตะวันออกของฝรั่งเศส จุดสูงสุดในการล้อมที่แม็สและยุทธการที่เชอด็อง ทำให้จักรพรรดิ นโปเลียนที่ 3ทรงถูกจับกุมและกองทัพจักรวรรดิที่สองได้ปราชัยอย่างย่อยยับ รัฐบาลปกป้องชาติได้ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่สามขึ้นในปารีส เมื่อวันที่ 4 กันยายน และทำสงครามต่อไปในอีกห้าเดือน กองทัพเยอรมันได้ต่อสู้รบและพ่ายแพ้ให้กับกองทัพฝรั่งเศสใหม่ในภาคเหนือของฝรั่งเศส ปารีสซึ่งเป็นเมืองหลวงได้ถูกปิดล้อมและถูกยึดครอง เมื่อวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 1871 ภายหลังการก่อการกำเริบของฝ่ายคณะปฏิวัติที่เรียกตนเองว่า คอมมูนปารีส ได้เข้ายึดอำนาจในเมืองและถือครองไว้เป็นเวลาสองเดือน จนกระทั่งกองทัพฝรั่งเศสได้เข้าปราบปรามอย่างเลือดเย็น เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1871

    รัฐเยอรมันทั้งหมดได้ประกาศว่าจะรวมตัวกันเป็นจักรวรรดิเยอรมันภายใต้การนำโดยกษัตริย์แห่งปรัสเซีย วิลเฮล์มที่ 1 ในที่สุดเยอรมนีก็รวมชาติเป็นหนึ่งเดียวในฐานะที่เป็นชาติ-รัฐ(ออสเตรียได้ถูกแยกออกไป) สนธิสัญญาแฟรงก์เฟิร์ต เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ.1871 ทำให้ส่วนใหญ่ของแคว้นอาลซัสและบางส่วนของแคว้นลอแรนตกเป็นของเยอรมนี ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นดินแดนจักรวรรดิแห่งอาลซัสและลอแรน(Reichsland Elsaß-Lothringen). การที่เยอรมันพิชิตฝรั่งเศสและรวมชาติเยอรมนีทำให้เกิดการเสียสมดุลแห่งอำนาจในยุโรปที่มีมาตั้งแต่การประชุมใหญ่แห่งเวียนนา ในปี ค.ศ. 1815 และบิสมาร์คยังรักษาอำนาจอย่างมากในกิจการระหว่างประเทศเป็นเวลาสองทศวรรษ

    ด้วยความมุ่งมั่นของฝรั่งเศสที่จะชิงอาลซัสและลอแรนกลับคืนมา และความหวาดกลัวของสงครามฝรั่งเศสและเยอรมันอีกครั้งพร้อมกับความหวั่นเกรงของบริติชเกี่ยวกับสมดุลแห่งอำนาจ กลายเป็นปัจจัยในสาเหตุของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

    ดูเพิ่ม[แก้]

    อ้างอิง[แก้]

    1. Clodfelter 2017, p. 184, 33,101 officers and 1,113,254 men were deployed into France. A further 348,057 officers and men were mobilized and stayed in Germany..
    2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 Clodfelter 2017, p. 184.
    3. 3.0 3.1 Howard 1991, p. 39.
    4. 4.0 4.1 Clodfelter 2017, p. 187.
    5. Clodfelter 2017, p. 187, of which 17,585 killed in action, 10,721 died of wounds, 12,147 died from disease, 290 died in accidents, 29 committed suicide and 4,009 were missing and presumed dead.
    6. Nolte 1884, pp. 526–527.
    7. Nolte 1884, p. 527.
    8. Clodfelter 2017, p. 187, of which 41,000 killed in action, 36,000 died of wounds and 45,000 died from disease.
    9. German General Staff 1884, p. 247, of which 11,860 officers and 371,981 men were captured, 7,456 officers and 241,686 men laid down their arms in Paris and 2,192 officers and 88,381 men were interned in Switzerland.
    10. Taithe, Bertrand (2001). Citizenship and Wars: France in Turmoil 1056-1871. Routledge.
    11. Ramm 1967, pp. 308–313, highlights three difficulties with the argument that Bismarck planned or provoked a French attack..

    หนังสือ[แก้]

    วารสาร[แก้]

    เว็บไซต์[แก้]

    แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]