อเล็กทีนิบ
ข้อมูลทางคลินิก | |
---|---|
การอ่านออกเสียง | /əˈlɛktɪnɪb/ ə-lek-ti-nib |
ชื่อทางการค้า | Alecensa |
AHFS/Drugs.com | โมโนกราฟ |
MedlinePlus | a616007 |
ข้อมูลทะเบียนยา | |
ระดับความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ | |
ช่องทางการรับยา | รับประทาน (แคปซูล) |
รหัส ATC | |
กฏหมาย | |
สถานะตามกฏหมาย |
|
ข้อมูลเภสัชจลนศาสตร์ | |
ชีวประสิทธิผล | 37% (ภายใต้สภาวะให้อาหาร) |
การจับกับโปรตีน | >99% |
การเปลี่ยนแปลงยา | ส่วนใหญ่โดย CYP3A4 |
สารซึ่งได้หลังการเปลี่ยนแปลงยา | M4 (สารออกฤทธิ์) |
ครึ่งชีวิตทางชีวภาพ | 33 ชั่วโมง (อเล็กทีนิบ), 31 ชั่วโมง (M4) |
การขับออก | อุจจาระ (98%)[1] |
ตัวบ่งชี้ | |
| |
เลขทะเบียน CAS | |
PubChem CID | |
DrugBank | |
ChemSpider | |
UNII | |
KEGG | |
ChEBI | |
ECHA InfoCard | 100.256.083 |
ข้อมูลทางกายภาพและเคมี | |
สูตร | C30H34N4O2 |
มวลต่อโมล | 482.628 g·mol−1 |
แบบจำลอง 3D (JSmol) | |
| |
| |
อเล็กทีนิบ[2] (INN: Alectinib[3] และชื่อทางการค้า Alecensa) เป็นยารับประทานที่ออกฤทธิ์ขัดขวางการทำงานของเอนไซม์อะนาพลาสติกลิมโฟมาไคเนส (anaplastic lymphoma kinase, ALK)[4][5] และใช้ในการรักษามะเร็งปอดชนิดเซลล์ที่ขนาดไม่เล็ก (non-small cell lung cancer, NSCLC) พัฒนาขึ้นโดยบริษัทชูไก ฟาร์มาซูติคอล (Chugai Pharmaceutical) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัทฮอฟฟ์แมน-ลา โรช
ประวัติ การทดลองทางคลินิก การอนุมัติ และการใช้ทางการแพทย์[แก้]
อเล็กทีนิบ ได้รับการอนุมัติในประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2557[6] สำหรับการรักษามะเร็งปอดชนิดเซลล์ที่ขนาดไม่เล็ก (NSCLC) ซึ่งตรวจพบยีนลูกผสม ALK, ไม่สามารถผ่าตัดได้, ระยะลุกลาม หรือกลับเป็นซ้ำ[5]
ยาได้รับการอนุมัติเร่งด่วนจากองค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2558 ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งชนิด NSCLC ที่ตรวจพบ ALK-positive ซึ่งมีอาการรุนแรง โดยโรคแย่ลงภายหลังรักษาด้วยยาไครโซทีนิบ (Crizotinib, Xalkori) หรือผู้ที่ไม่สามารถทนต่อการรักษาดังกล่าว[4] (สิ่งนี้ถูกแปลงเป็นการอนุมัติเต็มรูปแบบในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2560)[7]
ได้รับการอนุมัติแบบมีเงื่อนไขจากองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicines Agency) ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 สำหรับข้อบ่งชี้เดียวกัน ซึ่งหมายความว่ากำลังรอการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันอัตราส่วนผลประโยชน์-ความเสี่ยง ในเชิงบวก[8]
การอนุมัติมีพื้นฐานมาจากการทดลองสองฉบับ: ในการทดลองระยะที่ I–II ของประเทศญี่ปุ่น หลังจากผ่านไปประมาณ 2 ปี ผู้ป่วยร้อยละ 19.6 มีผลการตอบสนองอย่างสมบูรณ์ โดยอัตราการรอดชีวิตที่มะเร็งไม่มีการลุกลามสองปีอยู่ที่ร้อยละ 76[5] ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 การศึกษา J-ALEX ระยะที่ 3 ที่เปรียบเทียบอเล็กทีนิบ กับไครโซทีนิบ ถูกยกเลิกก่อนกำหนด เนื่องจากการวิเคราะห์ระหว่างกาลแสดงให้เห็นว่าผู้ได้รับอเล็กทีนิบมีการรอดชีวิตที่ปราศจากการลุกลามยาวนานกว่า[9]
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2560 องค์การอาหารและยาสหรัฐอนุมัติอเล็กทีนิบเป็นการรักษาลำดับแรกสำหรับรักษาผู้ป่วยมะเร็งปอดชนิดเซลล์ที่ขนาดไม่เล็กซึ่งมี ALK-positive ในระยะแพร่กระจาย[7] โดยอิงจากผลของการทดลอง ALEX ระยะที่ 3 เปรียบเทียบกับยาไครโซทีนิบ[7]
ข้อห้าม[แก้]
ไม่มีข้อห้ามใช้ภายใต้การอนุมัติของสหรัฐ[10] สำหรับข้อห้ามใช้ในการอนุมัติของยุโรปมีเพียงข้อสังเกตเบื้องต้นเกี่ยวกับภาวะภูมิไวเกิน[11]
ผลข้างเคียง[แก้]
นอกเหนือจากผลกระทบต่อทางเดินอาหารที่ไม่จำเพาะเจาะจง เช่น อาการท้องผูก (ในผู้ป่วยร้อยละ 34) และคลื่นไส้ (ร้อยละ 22) ผลข้างเคียงที่พบบ่อยในการทดลองได้แก่ อาการบวมน้ำ (ร้อยละ 34) ปวดกล้ามเนื้อ (ร้อยละ 31) ภาวะโลหิตจาง (ตรวจวัดมีจำนวนเม็ดเลือดแดงต่ำ) ความผิดปกติของการมองเห็น อาการไวแสง และผื่น (ทั้งหมดต่ำกว่าร้อยละ 20)[12] ผลข้างเคียงที่ร้ายแรงเกิดขึ้นผู้ป่วยร้อยละ 19 โดยเสียชีวิตร้อยละ 2.8[10]
อันตรกิริยา[แก้]
อเล็กทีนิบมีศักยภาพในการเกิดปฏิกริยาต่ำ ในขณะที่มันถูกเผาผลาญโดยเอนไซม์ตับ CYP3A4 ผลที่ตามมาตัวยับยั้งของเอนไซม์จะมีความเข้มข้นเพิ่มขึ้นในร่างกาย พวกมันจะลดความเข้มข้นของสารเมแทบอไลต์ M4 ในรูปออกฤทธิ์ ส่งผลให้มีประสิทธิผลโดยรวมเพียงเล็กน้อย ในทางกลับกัน ตัวกระตุ้น CYP3A4 จะลดความเข้มข้นของอเล็กทีนิบ และเพิ่มความเข้มข้นของ M4 ปฏิกริยาผ่านเอนไซม์ CYP อื่นและโปรตีนขนส่งไม่สามารถแยกออกได้ แต่ไม่น่าจะมีความสำคัญทางคลินิก[11][12]
เภสัชวิทยา[แก้]
กลไกการออกฤทธิ์[แก้]
สารนี้สกัดกั้นตัวรับเอนไซม์ไทโรซีนไคเนสอย่างมีศักยภาพและเจาะจงสองตัวได้แก่ อะนาพลาสติกลิมโฟมาไคเนส (ALK) และโปรโต-ออนโคยีน RET สารออกฤทธิ์ M4 มีฤทธิ์คล้ายต่อต้านกับ ALK ซึ่งการยับยั้ง ALK จะตามด้วยการขัดขวางเส้นทางการส่งสัญญาณของเซลล์ รวมถึงเส้นทาง STAT3 และ PI3K/AKT/mTOR และทำให้เกิดการตายของเซลล์เนื้องอก (apoptosis)[11][12]
เภสัชจลนศาสตร์[แก้]
มีอัตราการดูดซึมยาได้อย่างสมบูรณ์เมื่อรับประทานพร้อมอาหารที่ร้อยละ 37 ความเข้มข้นในพลาสมาจะสูงสุดหลังจากผ่านไปสี่ถึงหกชั่วโมง และเข้าสู่สภาวะคงตัวภายในเจ็ดวัน การจับโปรตีนในพลาสมาของอเล็กทีนิบและ M4 มีค่ามากกว่าร้อยละ 99 เอนไซม์ที่มีหน้าที่หลักในการเผาผลาญอเล็กทีนิบคือ CYP3A4 ส่วนเอนไซม์ CYP อื่น ๆ และแอลดีไฮด์ดีไฮโดรจีเนส (aldehyde dehydrogenases) มีบทบาทเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อเล็กทีนิบ และ M4 คิดเป็นร้อยละ 76 ของสารในระบบไหลเวียน ในขณะที่ส่วนที่เหลือเป็นสารเมแทโบไลต์รอง[12][13]
ครึ่งชีวิตในพลาสมาของอเล็กทีนิบคือ 32.5 ชั่วโมง และของ M4 คือ 30.7 ชั่วโมง ถูกขับออกทางอุจจาระร้อยละ 98 โดยร้อยละ 84 เป็นอเล็กทีนิบที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และร้อยละ 6 เป็น M4 ส่วนการขับออกทางปัสสาวะพบน้อยกว่าร้อยละ 1[12][13]
เคมี[แก้]
อเล็กทีนิบมีค่า pKa เท่ากับ 7.05 การใช้งานอยู่ในรูปของไฮโดรคลอไรด์ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนผงสีขาวถึงขาวเหลือง[10]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ "Alecensa (alectinib) Capsules, for Oral Use. Full Prescribing Information" (PDF). Genentech USA, Inc. สืบค้นเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2017.
- ↑ "ชื่อสามัญทางยา อเล็กทีนิบ ความแรง 150 (มิลลิกรัม) ชนิดแคปซูล" (PDF). กลุ่มนโยบายแห่งชาติด้านยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. กรกฎาคม 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 25 กันยายน 2023.
- ↑ "International Nonproprietary Names for Pharmaceutical Substances (INN). Recommended International Nonproprietary Names: List 70" (PDF). World Health Organization. p. 279. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 20 มกราคม 2022. สืบค้นเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2017.
- ↑ 4.0 4.1 "New Oral Therapy To Treat ALK-Positive Lung Cancer". Pharmacy Practice News. McMahon Publishing. 15 ธันวาคม 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2016.
- ↑ 5.0 5.1 5.2 McKeage K (มกราคม 2015). "Alectinib: a review of its use in advanced ALK-rearranged non-small cell lung cancer". Drugs. 75 (1): 75–82. doi:10.1007/s40265-014-0329-y. PMID 25428710. S2CID 34062880.
- ↑ Roche (4 กรกฎาคม 2014). "Japan becomes first country to approve Roche's alectinib for people with a specific form of advanced lung cancer". European Pharmaceutical Review. Russell Publishing.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 "FDA approves Alecensa for ALK-positive metastatic non-small cell lung cancer". Healio. 6 พฤศจิกายน 2017.
- ↑ "Alecensa authorisation details". European Medicines Agency. 16 กุมภาพันธ์ 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 มิถุนายน 2018. สืบค้นเมื่อ 4 พฤศจิกายน 2022.
- ↑ "Chugai's ALK Inhibitor "Alecensa" Trial Stopped Early for Benefit. Feb 2016" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 18 เมษายน 2016. สืบค้นเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2016.
- ↑ 10.0 10.1 10.2 ข้อมูลยาของ FDA สำหรับผู้เชี่ยวชาญ on Alecensa.
- ↑ 11.0 11.1 11.2 "Alecensa: EPAR – Product Information" (PDF). European Medicines Agency. 16 พฤษภาคม 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 17 เมษายน 2018. สืบค้นเมื่อ 4 พฤศจิกายน 2022.
- ↑ 12.0 12.1 12.2 12.3 12.4 Haberfeld, H, บ.ก. (2017–2018). Alecensa 150 mg Hartkapseln. Austria-Codex (ภาษาเยอรมัน). Vienna: Österreichischer Apothekerverlag. ISBN 978-3-85200-250-7.
- ↑ 13.0 13.1 13.2 "Alecensa: Assessment report" (PDF). European Medicines Agency. 15 ธันวาคม 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 20 กันยายน 2018. สืบค้นเมื่อ 4 พฤศจิกายน 2022.
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ อเล็กทีนิบ
- "Alectinib", Drug Information Portal, U.S. National Library of Medicine