รัฐประหารในประเทศกัมพูชา พ.ศ. 2513
รัฐประหารในประเทศกัมพูชา พ.ศ. 2513 | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ สงครามกลางเมืองกัมพูชา | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
พระราชอาณาจักรกัมพูชา (สมัยสังคมราษฏรนิยม)
|
กองทัพแห่งชาติเขมร/สภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา สนับสนุนโดย:
| ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ |
ลอน นอล อิน ตัม นักองค์ราชวงศ์สีสุวัตถิ์ สิริมตะ |
รัฐประหารในประเทศกัมพูชา พ.ศ. 2513 (Cambodian coup of 1970) หมายถึง การถอดสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ประมุขแห่งรัฐกัมพูชา หลังการออกเสียงในรัฐสภาเมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2513 อำนาจกลายเป็นของนายกรัฐมนตรี ลน นลที่ได้ประกาศยุบพระราชอาณาจักรกัมพูชา ทำให้ระบอบราชอาณาจักรภายใต้พรรคสังคมราษฎรนิยมของพระนโรดม สีหนุต้องล่มสลายลง และนำไปสู่การก่อตั้งสาธารณรัฐเขมร และกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่นำไปสู่สงครามกลางเมืองกัมพูชา ก่อนการประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐเขมรในเดือนตุลาคมได้กำหนดให้เรียกชื่อประเทศว่ารัฐกัมพูชา "État du Cambodge" (รัฐกัมพูชา) ในช่วงหกเดือนหลังรัฐประหาร นอกจากนั้น จุดนี้ยังทำให้กัมพูชาเข้าไปพัวพันกับสงครามเวียดนาม โดยลน นลได้ดำเนินการขับไล่ชาวเวียดนามออกจากกัมพูชา
ภูมิหลัง
[แก้]หลังจากได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสใน พ.ศ. 2496 กัมพูชามีพระนโรดม สีหนุเป็นประมุขรัฐและปกครองประเทศผ่านระบอบสังคม พรรคสังคมราษฎรนิยมคุมอำนาจทางการเมืองนับตั้งแต่ชนะการเลือกตั้งใน พ.ศ. 2498 ต่อมาใน พ.ศ. 2506 พระนโรดม สีหนุได้บีบให้สมัชชาแห่งชาติแก้ไขรัฐธรรมนูญกำหนดให้พระองค์เป็นประมุขรัฐ พระองค์พยายามถ่วงดุลอำนาจระหว่างฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาภายในรัฐบาล และเป็นผู้กำหนดศัพท์เรียกฝ่ายคอมมิวนิสต์ว่าเขมรแดง เมื่อสงครามเวียดนามเริ่มขึ้น พระนโรดมสีหนุพยายามถ่วงดุลระหว่างฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา แต่ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2509 ดุลอำนาจในพรรคสังคมเปลี่ยนเป็นฝ่ายขวา มีกลุ่มนิยมคอมมิวนิสต์จำนวนน้อย เช่น ฮู ยวนและเขียว สัมพันที่ได้รับเลือก ลน นลได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ใน พ.ศ. 2512 ลน นลและฝ่ายขวาในพรรคมีบทบาทมากขึ้น กลุ่มชาตินิยมและต่อต้านคอมมิวนิสต์ของลน นลไม่ยอมรับนโยบายของพระนโรดม สีหนุที่อดทนต่อเวียดกงและกองทัพประชาชนเวียดนามในระดับหนึ่งในการล้ำแดนกัมพูชา นโยบายของพระนโรดม สีหนุเริ่มเอียงไปทางฝ่ายซ้ายระหว่าง พ.ศ. 2506 – 2509 มีการเจรจาในทางลับกับฮานอย โดยจะยอมให้ใช้ท่าเรือสีหนุวิลล์ในการขนส่งอาวุธให้เวียดกง นักการเมืองฝ่ายเสรีนิยมในพรรคสังคมนำโดยอิน ตัมได้เพิ่มการต่อต้านพระนโรดม สีหนุมากขึ้น
ระหว่าง พ.ศ. 2512 ลน นลได้เจรจากับกองทัพสหรัฐเกี่ยวกับการสนับสนุนทางทหารเพื่อต่อต้านพระนโรดม สีหนุ[1] ลน นลได้กล่าวว่าพระสีสุวัตถิ์ สิริมตะเคยมีความคิดว่าควรลอบสังหารพระนโรดม สีหนุ แต่ลน นลไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้[2] พระนโรดม สีหนุเองเห็นว่าสิริมตะนั้นมีซีไอเอหนุนหลังและได้ติดต่อกับฝ่ายต่อต้านพระนโรดม สีหนุที่ลี้ภัยอยู่อย่างเซิง งอกทัญ ซึ่งได้แนะนำให้ลน นลปฏิวัติใน พ.ศ. 2512[3] ความเกี่ยวข้องกับซีไอเอของรัฐประหารครั้งนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ เฮนรี คิสซินเจอร์ได้กล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สหรัฐประหลาดใจ แต่ก็เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าสหรัฐวางแผนจะเข้าโจมตีที่มั่นของเวียดนามเหนือในกัมพูชาตั้งแต่ พ.ศ. 2509 – 2510[4]
การปลดสีหนุออกจากประมุขรัฐ
[แก้]ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2513 ในขณะที่พระนโรดม สีหนุเดินทางไปเยือนยุโรป สหภาพโซเวียตและจีน ได้มีกลุ่มต่อต้านเวียดนามปรากฏขึ้นในเวียดนาม และไปประท้วงหน้าสถานทูตเวียดนามเหนือและเวียดกง ในช่วงแรก พระนโรดม สีหนุเห็นด้วยกับผู้ประท้วง และต้องการให้สหภาพโซเวียตกับจีนช่วยกดดันเวียดนามเหนือให้เข้ามาในกัมพูชาน้อยลง อย่างไรก็ตาม การชุมนุมรุนแรงขึ้น โดยลน นลและสิริมตะเข้ามาร่วมสนับสนุนด้วย ในวันที่ 12 มีนาคม สิริมตะประกาศยกเลิกข้อตกลงทางการค้ากับเวียดนามเหนือที่พระนโรดม สีหนุเคยทำไว้ ลน นลสั่งปิดท่าเรือสีหนุวิลล์ไม่ให้เวียดนามเหนือเข้ามาใช้ และให้ทหารเวียดนามเหนือและเวียดกงออกไปจากกัมพูชาภายใน 15 มีนาคม[5] แต่ในตอนเช้าวันที่ 16 มีนาคม ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง มีกลุ่มคนประมาณ 30,000 คนมาประท้วงที่หน้าสมัชชาแห่งชาติถึงการคงอยู่ของเวียดนาม
ในเวลาเดียวกัน นายพลอุม มันโนรีน บุตรเขยของพระนโรดม สีหนุ ทราบข่าวเกี่ยวกับรัฐประหารและพยายามนำกลุ่มตำรวจลับไปจับตัวผู้วางแผนแต่ช้าเกินไป มันโนรีนและผู้จงรักภักดีต่อสีหนุถูกจับได้ก่อน อย่างไรก็ตาม ระหว่างวันที่ 16 – 17 มีนาคม ลน นลยังลังเลใจในการปลดพระนโรดม สีหนุออกจากประมุขรัฐ แม้สิริมตะจะข่มขู่ว่าพระนโรดม สีหนุได้กล่าวในที่ประชุมที่ปารีสว่าจะประหารชีวิตทั้งลน นลและสิริมตะเมื่อกลับมาถึงพนมเปญ[6] แต่ลน นลก็ยังลังเล ในที่สุด สิริมตะจึงใช้ทหารและอาวุธบีบบังคับให้ลน นลลงนามในเอกสาร
ในวันที่ 18 มีนาคม ได้มีการประชุมในสมัชชาแห่งชาติภายใต้การควบคุมของอิน ตัม มีกำลังทหารลาดตระเวนไปทั่วพนมเปญ กิม พนได้ประท้วงโดยออกจากที่ประชุมสมัชชา ในที่สุดสมาชิกที่เหลือได้ลงมติถอดถอนพระนโรดม สีหนุออกจากประมุขรัฐเป็นการฉุกเฉิน เจง เฮงดำรงตำแหน่งประมุขรัฐแทน หลังจากนั้นจึงเริ่มกระบวนการเพื่อจัดตั้งสาธารณรัฐเขมร
การต่อต้านรัฐประหาร
[แก้]ในวันที่ 23 มีนาคม พระนโรดม สีหนุได้ประกาศผ่านทางวิทยุเรียกร้องให้มีการลุกฮือขึ้นต่อต้านลน นล ได้เกิดการประท้วงเพื่อเรียกร้องให้พระนโรดม สีหนุกลับมาในจังหวัดกำปงจาม จังหวัดตาแก้ว และจังหวัดกำปอต[7] การประท้วงในจังหวัดกำปงจามรุนแรงขึ้น โดยสมาชิกสมัชชาแห่งชาติสองคนคือ สส ซวนและกิม พนถูกผู้ประท้วงฆ่าตาย หลังจากที่ทั้งสองคนขับรถเข้าไปเพื่อที่จะเจรจากับกลุ่มผู้ประท้วง ลน นิล น้องชายของลน นลได้นำกำลังตำรวจเข้าไปปราบปรามแต่เขาก็ถูกฆ่าตายเช่นกัน ในที่สุด รัฐบาลได้ส่งทหารเข้าไปปราบอย่างรุนแรง ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน และถูกจับกุมเป็นพันคน
หลังจากนั้น
[แก้]หลังเหตุการณ์รัฐประหาร กองกำลังเวียดนามเหนือได้รุกรานเข้ามาในกัมพูชาใน พ.ศ. 2513 ตามคำของของนวน เจียผู้นำเขมรแดง จากจุดนี้จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามกลางเมืองกัมพูชาเพื่อโค่นล้มรัฐบาลของลน นลที่มีสหรัฐหนุนหลัง
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Kiernan, p.300
- ↑ Kiernan, p.301
- ↑ Sihanouk, pp.36–38
- ↑ Clymer, p.23
- ↑ Sutsakhan, Lt. Gen. S. The Khmer Republic at War and the Final Collapse เก็บถาวร 2019-04-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Washington DC: United States Army Center of Military History, 1987, Part 1, p. 42. See also Part 1 เก็บถาวร 2019-04-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีนPart 2 เก็บถาวร 2007-02-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีนPart 3 เก็บถาวร 2007-02-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน.
- ↑ Marlay, R. and Neher, C. Patriots and tyrants, Rowman & Littlefield, 1999, p.165
- ↑ Kiernan, p.302