ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คณะนักบวชคาทอลิก"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
MerlIwBot (คุย | ส่วนร่วม)
โรบอต เพิ่ม: vi:Danh sách dòng tu Công giáo
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
'''คณะนักบวชคาทอลิก''' ({{lang-en|Catholic religious order}}) คือองค์กรของชาวคาทอลิกที่สละชีวิตทางโลกมาถือบวชตลอดชีวิต เพื่ออุทิศตนทำงานรับใช้[[คริสตจักรโรมันคาทอลิก]]อย่างเดียว และอยู่รวมกันเป็น'''คณะนักบวช''' ('''Order'''; '''Society'''; '''Congregation''') โดยคณะนักบวชแต่ละคณะจะมีแนวทางการทำงาน และเน้นวัตรปฏิบัติแตกต่างกันไป
'''คณะนักบวชคาทอลิก''' ({{lang-en|Catholic religious order/institution}}) คือองค์กรของชาวคาทอลิกที่สละชีวิตทางโลกมาถือบวชตลอดชีวิต เพื่ออุทิศตนทำงานรับใช้[[คริสตจักร]][[โรมันคาทอลิก]]อย่างเดียว และอยู่รวมกันเป็น'''คณะนักบวช''' (Order; Society; Congregation) โดยคณะนักบวชแต่ละคณะจะมีแนวทางการทำงาน และเน้นวัตรปฏิบัติแตกต่างกันไป


นอกจากจะเรียกว่าคณะนักบวชแล้ว ราชบัณฑิตยสถานยังบัญญัติให้เรียกว่า '''คณะนักพรต'''และ'''คณะนักบวชถือพรต''' ได้ โดยถือว่ามีความหมายเดียวกัน
นอกจากจะเรียกว่าคณะนักบวชแล้ว ราชบัณฑิตยสถานยังบัญญัติให้เรียกว่า '''คณะนักพรต'''และ'''คณะนักบวชถือพรต''' ได้ โดยถือว่ามีความหมายเดียวกัน
บรรทัด 5: บรรทัด 5:


== ประเภทของคณะ ==
== ประเภทของคณะ ==
คณะนักบวชคาทอลิกแบ่งได้เป็นหลายประเภทตาม[[พระพรพิเศษ]] [[จิตภาพ]] และ[[พันธกิจ]] ซึ่งแต่ละคณะมีแตกต่างกัน โดยคร่าวๆ แบ่งได้ดังนี้
คณะนักบวชคาทอลิกแบ่งได้เป็นหลายประเภทตาม[[พระพรพิเศษ]] [[จิตภาพ]] และ[[พันธกิจ]] ซึ่งแต่ละคณะมีแตกต่างกัน โดยคร่าว ๆ แบ่งได้ดังนี้
* [[คณะนักบวชอารามิก]] (monastic order) เช่น [[คณะเบเนดิกติน]] [[คณะคาร์ทูเซียน]] [[คณะซิสเตอร์เชียน]]
* [[คณะนักบวชอารามิก]] (monastic order) เช่น [[คณะเบเนดิกติน]] [[คณะคาร์ทูเซียน]] [[คณะซิสเตอร์เชียน]]
* [[คณะนักบวชภิกขาจาร]] (mendicant order) เช่น [[คณะฟรันซิสกัน]] [[คณะดอมินิกัน]] [[คณะออกัสติเนียน]] [[คณะคาร์เมไลท์]]
* [[คณะนักบวชภิกขาจาร]] (mendicant order) เช่น [[คณะฟรันซิสกัน]] [[คณะดอมินิกัน]] [[คณะออกัสติเนียน]] [[คณะคาร์เมไลท์]]
* [[คณะนักบวชธรรมทูต]] (missionary order) เช่น [[คณะเยสุอิต]] [[คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส]]
* [[คณะนักบวชธรรมทูต]] (missionary order) เช่น [[คณะแห่งพระเยซูเจ้า]] [[คณะพระมหาไถ่]]
* [[คณะนักบวชการสอน]] (teaching order) เช่น [[คณะภราดาเซนต์คาเบรียล]] [[คณะซาเลเซียน]]
* [[คณะนักบวชการสอน]] (teaching order) เช่น [[คณะภราดาเซนต์คาเบรียล]] [[คณะซาเลเซียนของคุณพ่อบอสโก]]


== การเข้าคณะนักบวช ==
== การเข้าคณะนักบวช ==
ชายหรือหญิงที่ปรารถนาจะเข้าเป็นนักบวชไม่ว่าสังกัดในคณะใด ต้องติดต่อกับคณะนั้น โดยทั่วไปนักบวชจะต้องปฏิญาณตน 3 ข้อเป็นพื้นฐาน<ref name="พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน"/> คือ 1. เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา (คืออธิการคณะ) 2. ถือโสดตลอดชีวิต 3. ไม่ถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินใดๆ นอกจาก 3 ข้อนี้แล้วผู้สมัครยังต้องปฏิญาณข้ออื่นๆ อีกตามแต่ละคณะจะกำหนดไว้ และยังต้องรักษา'''วินัยประจำคณะ''' (Religious rule) ซึ่งจะแตกต่างกันไปอีกเช่นกัน วินัยเหล่านี้เป็นที่อนุมัติของ[[สันตะสำนัก]]
ชายหรือหญิงที่ปรารถนาจะเข้าเป็นนักบวชไม่ว่าสังกัดในคณะใด ต้องติดต่อกับคณะนั้น โดยทั่วไปนักบวชจะต้องปฏิญาณตน 3 ข้อเป็นพื้นฐาน<ref name="พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน"/> คือ 1. เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา (คืออธิการคณะ) 2. ถือโสดตลอดชีวิต 3. ไม่ถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินใด ๆ นอกจาก 3 ข้อนี้แล้วผู้สมัครยังต้องปฏิญาณข้ออื่น ๆ อีกตามแต่ละคณะจะกำหนดไว้ และยังต้องรักษา'''วินัยประจำคณะ''' (Religious rule) ซึ่งจะแตกต่างกันไปอีกเช่นกัน วินัยเหล่านี้เป็นที่อนุมัติของ[[สันตะสำนัก]]


เมื่อตัดสินใจเข้าคณะ ผู้สมัครจะต้องรับการอบรมในฐานะ'''โปสตูลันต์''' (Postulant) เพื่อฝึกการปฏิบัติศาสนกิจเป็นเวลา 6 เดือน และเป็น'''โนวิซ''' (Novice) อีกอย่างน้อย 2 ปี เมื่อครบแล้วจึงขอปฏิญาณตนเป็นสมาชิกของคณะ การปฏิญาณจะทำ 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการปฏิญาณเพื่อถวายตัวชั่วคราว ซึ่งจะกินเวลา 1-3 ปี เมื่อครบกำหนดแล้วผู้สมัครมั่นใจและมีความพร้อมจะเป็นนักบวชได้ตลอดชีพก็จะทำการปฏิญาณตนอีกครั้งเพื่อถวายตัวตลอดชีพ<ref name="พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน"/>
เมื่อตัดสินใจเข้าคณะ ผู้สมัครจะต้องรับการอบรมในฐานะ'''โปสตูลันต์''' (Postulant) เพื่อฝึกการปฏิบัติศาสนกิจเป็นเวลา 6 เดือน และเป็น'''โนวิซ''' (Novice) อีกอย่างน้อย 2 ปี เมื่อครบแล้วจึงขอปฏิญาณตนเป็นสมาชิกของคณะ การปฏิญาณจะทำ 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการปฏิญาณเพื่อถวายตัวชั่วคราว ซึ่งจะกินเวลา 1-3 ปี เมื่อครบกำหนดแล้วผู้สมัครมั่นใจและมีความพร้อมจะเป็นนักบวชได้ตลอดชีพก็จะทำการปฏิญาณตนอีกครั้งเพื่อถวายตัวตลอดชีพ<ref name="พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน"/>
บรรทัด 19: บรรทัด 19:


== ความแตกต่างระหว่างบาทหลวงกับนักบวช ==
== ความแตกต่างระหว่างบาทหลวงกับนักบวช ==
'''[[บาทหลวง]]''' (priest) และ'''นักบวช''' (the religious) มีลักษณะแตกต่างกัน บาทหลวงคือ'''ชาย'''ที่ได้รับ[[ศีลอนุกรม]] (Holy order) ถึงขึ้นที่ 7 ซึ่งเรียกว่า'''ศีลสถาปนา''' (ordination) ทำให้มีสถานะเป็นบาทหลวง มีอำนาจสามารถโปรด[[ศีลศักดิ์สิทธิ์]] (Sacrament) ต่างๆ ได้ตามที่ศาสนจักรกำหนดไว้ เช่น ศีลล้างบาป ศีลกำลัง ศีลอภับาป เป็นต้น บาทหลวงจะถูกเรียกว่า “'''คุณพ่อ'''” (Father) แต่นักบวชมีสถานะโดยเบื้องต้นแค่ผู้ถือพรต ไม่สามารถโปรดศีลได้ ชาวคาทอลิกจะเรียกนักบวชชายว่า “'''บราเดอร์'''” (Brother) และนักบวชหญิงว่า “'''ซิสเตอร์'''” (Sister) อย่างไรก็ตามนักบวชชายบางคนในบางคณะอาจขอรับศีลบวชเป็นบาทหลวงได้ ซึ่งจะทำให้บุคคลนั้นมีสถานะเป็นทั้งนักบวชและบาทหลวง (เรียกว่า Regular priest)<ref name="แก่นปรัชญายุคกลาง">กีรติ บุญเจือ, ''แก่นปรัชญายุคกลาง'', จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2550</ref> สามารถประกอบพิธีอย่างบาทหลวงที่ไม่ได้สังกัดคณะนักบวช (Secular priest) ได้ทุกประการ ต่างแต่เพียงบาทหลวงที่ไม่ได้เป็นนักบวชจะต้องทำงานให้[[เขตมิสซัง]]ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ส่วนนักบวชแม้ว่าเป็นบาทหลวงแล้วก็ยังต้องสังกัดคณะนักบวชต่อไป
'''[[บาทหลวง]]''' (priest) และ'''นักบวช''' (the religious) มีลักษณะแตกต่างกัน บาทหลวงคือ'''ชาย'''ที่ได้รับ[[ศีลอนุกรม]]ขึ้นที่ 7 คือขั้นบาทหลวง ทำให้มีสถานะเป็นบาทหลวง มีอำนาจสามารถโปรด[[ศีลศักดิ์สิทธิ์]] (Sacrament) ต่าง ๆ ได้ตามที่ศาสนจักรกำหนดไว้ เช่น [[ศีลล้างบาป]] [[ศีลกำลัง]] [[ศีลอภับาป]] เป็นต้น บาทหลวงจะถูกเรียกว่า “'''คุณพ่อ'''” (Father) แต่นักบวชมีสถานะโดยเบื้องต้นแค่ผู้ถือพรต ไม่สามารถโปรดศีลได้ ชาวคาทอลิกจะเรียกนักบวชชายว่า “'''บราเดอร์'''” (Brother) และนักบวชหญิงว่า “'''ซิสเตอร์'''” (Sister) อย่างไรก็ตามนักบวชชายบางคนในบางคณะอาจขอรับศีลบวชเป็นบาทหลวงได้ ซึ่งจะทำให้บุคคลนั้นมีสถานะเป็นทั้งนักบวชและบาทหลวง (เรียกว่า Regular priest)<ref name="แก่นปรัชญายุคกลาง">กีรติ บุญเจือ, ''แก่นปรัชญายุคกลาง'', จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2550</ref> สามารถประกอบพิธีอย่างบาทหลวงที่ไม่ได้สังกัดคณะนักบวช (Secular priest) ได้ทุกประการ ต่างแต่เพียงบาทหลวงที่ไม่ได้เป็นนักบวชจะต้องทำงานให้[[มุขมณฑล]]ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ส่วนนักบวชแม้ว่าเป็นบาทหลวงแล้วก็ยังต้องสังกัดคณะนักบวชต่อไป


== คณะนักบวชคาทอลิกในประเทศไทย ==
== คณะนักบวชคาทอลิกในประเทศไทย ==
บรรทัด 25: บรรทัด 25:
คณะนักบวชคาทอลิกคณะแรกที่มาถึงสยามคือ[[คณะดอมินิกัน]]ถึงในปี พ.ศ. 2110 ตามด้วย[[คณะฟรันซิสกัน]]ในปี พ.ศ. 2125<ref>สหพันธ์อธิการเจ้าคณะนักบวชในประเทศไทย, ''นักบวชหญิงและชายในประเทศไทย'', พ.ศ. 2545, หน้า 42</ref> นอกจากนี้ก็มี[[คณะออกัสติเนียน]] และ[[คณะเยสุอิต]] คณะเหล่านี้มีบทบาทมากในการเผยแพร่นิกายคาทอลิกใน[[โรมันคาทอลิกในประเทศไทย#ประวัติการเผยแพร่#ยุคปาโดรอาโด|ยุคปาโดรอาโด]] จากนั้นมี[[คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส]]เป็นกลุ่มหลักที่เข้ามาดำเนินการเผยแพร่ศาสนาและก่อตั้ง[[มิสซังสยาม]]ได้เป็นผลสำเร็จ คณะนี้ได้วางรากฐาน[[คริสตจักร]][[โรมันคาทอลิกในประเทศไทย]]จนพัฒนามาเป็นคริสตจักรท้องถิ่นที่ปกครองและบริหารงานตนเองได้ในปัจจุบัน
คณะนักบวชคาทอลิกคณะแรกที่มาถึงสยามคือ[[คณะดอมินิกัน]]ถึงในปี พ.ศ. 2110 ตามด้วย[[คณะฟรันซิสกัน]]ในปี พ.ศ. 2125<ref>สหพันธ์อธิการเจ้าคณะนักบวชในประเทศไทย, ''นักบวชหญิงและชายในประเทศไทย'', พ.ศ. 2545, หน้า 42</ref> นอกจากนี้ก็มี[[คณะออกัสติเนียน]] และ[[คณะเยสุอิต]] คณะเหล่านี้มีบทบาทมากในการเผยแพร่นิกายคาทอลิกใน[[โรมันคาทอลิกในประเทศไทย#ประวัติการเผยแพร่#ยุคปาโดรอาโด|ยุคปาโดรอาโด]] จากนั้นมี[[คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส]]เป็นกลุ่มหลักที่เข้ามาดำเนินการเผยแพร่ศาสนาและก่อตั้ง[[มิสซังสยาม]]ได้เป็นผลสำเร็จ คณะนี้ได้วางรากฐาน[[คริสตจักร]][[โรมันคาทอลิกในประเทศไทย]]จนพัฒนามาเป็นคริสตจักรท้องถิ่นที่ปกครองและบริหารงานตนเองได้ในปัจจุบัน


ตลอดช่วงของการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ คริสตจักรคาทอลิกในประเทศไทยยังได้ก่อตั้งคณะนักบวชท้องถิ่นขึ้นมาช่วยเหลืองานของเขตมิสซัง เช่น [[คณะรักกางเขน]]ช่วยงานของคริสตจักรคาทอลิกใน[[เขตมิสซังจันทบุรี]] [[เขตมิสซังท่าแร่-หนองแสง]] และ[[เขตมิสซังอุบลราชธานี]] [[คณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า]]ช่วยงานของคริสตจักรคาทอลิกใน[[เขตมิสซังกรุงเทพฯ]]และ[[เขตมิสซังเชียงใหม่]] นอกจากนี้ยังเชิญคณะนักบวชจากต่างประเทศเข้ามาด้วย เช่น [[คณะอุร์สุลิน]]และ[[คณะภราดาเซนต์คาเบรียล]]มาช่วยงานด้านการศึกษา [[คณะซาเลเซียน]]ช่วยงานด้านพัฒนาสวัสดิภาพเยาวชน [[คณะคามิลเลียน]]เน้นงานด้านการสาธารณสุข นอกจากงานสังคมสงเคราะห์ยังมี[[คณะนักบวชอารามิก]]ซึ่งเน้นวัตร[[การอธิษฐาน]]และ[[การเข้าฌาน]] ได้แก่ [[คณะคาร์เมไลท์ไม่สวมรองเท้า]]ซึ่งเปิดอารามแห่งแรกในปี พ.ศ. 2468 และ[[คณะกลาริส|คณะกลาริสกาปูชิน]]เข้ามาตั้งอารามในปี พ.ศ. 2479
ตลอดช่วงของการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ คริสตจักรคาทอลิกในประเทศไทยยังได้ก่อตั้งคณะนักบวชท้องถิ่นขึ้นมาช่วยเหลืองานของเขตมิสซัง เช่น [[คณะรักกางเขน]]ช่วยงานของคริสตจักรคาทอลิกใน[[เขตมิสซังจันทบุรี]] [[เขตมิสซังท่าแร่-หนองแสง]] และ[[เขตมิสซังอุบลราชธานี]] [[คณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า]]ช่วยงานของคริสตจักรคาทอลิกใน[[เขตมิสซังกรุงเทพฯ]]และ[[เขตมิสซังเชียงใหม่]] นอกจากนี้ยังเชิญคณะนักบวชจากต่างประเทศเข้ามาด้วย เช่น [[คณะอุร์สุลิน]]และ[[คณะภราดาเซนต์คาเบรียล]]มาช่วยงานด้านการศึกษา [[คณะซาเลเซียน]]ช่วยงานด้านพัฒนาสวัสดิภาพเยาวชน [[คณะคามิลเลียน]]เน้นงานด้านการสาธารณสุข นอกจากงานสังคมสงเคราะห์ยังมี[[คณะนักบวชอารามิก]]ซึ่งเน้นวัตร[[การอธิษฐาน]]และ[[การเข้าฌาน]] ได้แก่ [[คณะคาร์เมไลท์ไม่สวมรองเท้า]]ซึ่งเปิดอารามแห่งแรกในปี พ.ศ. 2468 และ[[คณะกลาริส]]กาปูชินเข้ามาตั้งอารามในปี พ.ศ. 2479


ปัจจุบันอธิการเจ้าคณะนักบวชชายในประเทศไทยได้รวมกลุ่มกันเป็น'''ชมรมอธิการเจ้าคณะนักบวชชายแห่งประเทศไทย'''<ref>สหพันธ์อธิการเจ้าคณะนักบวชในประเทศไทย, 68-9</ref> ขณะที่อธิการิณีเจ้าคณะนักบวชหญิงก็ร่วมกันก่อตั้งเป็น'''ชมรมอธิการิณีเจ้าคณะแห่งประเทศไทย'''<ref>[http://www.sistersinthai.org ชมรมอธิการิณีเจ้าคณะแห่งประเทศไทยและลาว]</ref> ทั้งสององค์การรวมกันเป็น'''สหพันธ์อธิการเจ้าคณะนักบวชในประเทศไทย'''<ref>[http://www.catholic.or.th/events/news/news46/46p.html สหพันธ์อธิการเจ้าคณะนักบวชในประเทศไทยประชุมสามัญประจำปี ครั้งที่ 2/2009 ]</ref>
ปัจจุบันอธิการเจ้าคณะนักบวชชายในประเทศไทยได้รวมกลุ่มกันเป็น'''ชมรมอธิการเจ้าคณะนักบวชชายแห่งประเทศไทย'''<ref>สหพันธ์อธิการเจ้าคณะนักบวชในประเทศไทย, 68-9</ref> ขณะที่อธิการิณีเจ้าคณะนักบวชหญิงก็ร่วมกันก่อตั้งเป็น'''ชมรมอธิการิณีเจ้าคณะแห่งประเทศไทย'''<ref>[http://www.sistersinthai.org ชมรมอธิการิณีเจ้าคณะแห่งประเทศไทยและลาว]</ref> ทั้งสององค์การรวมกันเป็น'''สหพันธ์อธิการเจ้าคณะนักบวชในประเทศไทย'''<ref>[http://www.catholic.or.th/events/news/news46/46p.html สหพันธ์อธิการเจ้าคณะนักบวชในประเทศไทยประชุมสามัญประจำปี ครั้งที่ 2/2009 ]</ref>
บรรทัด 32: บรรทัด 32:
* [[มุขนายก]]
* [[มุขนายก]]
* [[บาทหลวง]]
* [[บาทหลวง]]
* [[มุขมณฑล]]
* [[เขตมิสซัง]]


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}
{{รายการอ้างอิง}}


[[หมวดหมู่:ศาสนาคริสต์]]
[[หมวดหมู่:คณะนักบวชคาทอลิก|*]]
[[หมวดหมู่:คณะนักบวชคาทอลิก|*]]



รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:12, 20 กันยายน 2555

คณะนักบวชคาทอลิก (อังกฤษ: Catholic religious order/institution) คือองค์กรของชาวคาทอลิกที่สละชีวิตทางโลกมาถือบวชตลอดชีวิต เพื่ออุทิศตนทำงานรับใช้คริสตจักรโรมันคาทอลิกอย่างเดียว และอยู่รวมกันเป็นคณะนักบวช (Order; Society; Congregation) โดยคณะนักบวชแต่ละคณะจะมีแนวทางการทำงาน และเน้นวัตรปฏิบัติแตกต่างกันไป

นอกจากจะเรียกว่าคณะนักบวชแล้ว ราชบัณฑิตยสถานยังบัญญัติให้เรียกว่า คณะนักพรตและคณะนักบวชถือพรต ได้ โดยถือว่ามีความหมายเดียวกัน [1]

ประเภทของคณะ

คณะนักบวชคาทอลิกแบ่งได้เป็นหลายประเภทตามพระพรพิเศษ จิตภาพ และพันธกิจ ซึ่งแต่ละคณะมีแตกต่างกัน โดยคร่าว ๆ แบ่งได้ดังนี้

การเข้าคณะนักบวช

ชายหรือหญิงที่ปรารถนาจะเข้าเป็นนักบวชไม่ว่าสังกัดในคณะใด ต้องติดต่อกับคณะนั้น โดยทั่วไปนักบวชจะต้องปฏิญาณตน 3 ข้อเป็นพื้นฐาน[1] คือ 1. เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา (คืออธิการคณะ) 2. ถือโสดตลอดชีวิต 3. ไม่ถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินใด ๆ นอกจาก 3 ข้อนี้แล้วผู้สมัครยังต้องปฏิญาณข้ออื่น ๆ อีกตามแต่ละคณะจะกำหนดไว้ และยังต้องรักษาวินัยประจำคณะ (Religious rule) ซึ่งจะแตกต่างกันไปอีกเช่นกัน วินัยเหล่านี้เป็นที่อนุมัติของสันตะสำนัก

เมื่อตัดสินใจเข้าคณะ ผู้สมัครจะต้องรับการอบรมในฐานะโปสตูลันต์ (Postulant) เพื่อฝึกการปฏิบัติศาสนกิจเป็นเวลา 6 เดือน และเป็นโนวิซ (Novice) อีกอย่างน้อย 2 ปี เมื่อครบแล้วจึงขอปฏิญาณตนเป็นสมาชิกของคณะ การปฏิญาณจะทำ 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการปฏิญาณเพื่อถวายตัวชั่วคราว ซึ่งจะกินเวลา 1-3 ปี เมื่อครบกำหนดแล้วผู้สมัครมั่นใจและมีความพร้อมจะเป็นนักบวชได้ตลอดชีพก็จะทำการปฏิญาณตนอีกครั้งเพื่อถวายตัวตลอดชีพ[1]

เมื่อเป็นนักบวชในคณะโดยสมบูรณ์แล้ว นักบวชจะต้องปฏิบัติศาสนกิจในสังกัดคณะตลอด เว้นแต่จะละเมิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกขับออกจากคณะ ส่วนคณะก็ต้องรับผิดชอบความเป็นอยู่ขอปงนักบวชในทุกด้าน ทั้งที่พักอาศัย (ซึ่งนักบวชจะต้องอาศัยอยู่ร่วมกันในอาราม หรือบ้านพักของคณะ) ค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย เป็นต้น[1]

ความแตกต่างระหว่างบาทหลวงกับนักบวช

บาทหลวง (priest) และนักบวช (the religious) มีลักษณะแตกต่างกัน บาทหลวงคือชายที่ได้รับศีลอนุกรมขึ้นที่ 7 คือขั้นบาทหลวง ทำให้มีสถานะเป็นบาทหลวง มีอำนาจสามารถโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์ (Sacrament) ต่าง ๆ ได้ตามที่ศาสนจักรกำหนดไว้ เช่น ศีลล้างบาป ศีลกำลัง ศีลอภับาป เป็นต้น บาทหลวงจะถูกเรียกว่า “คุณพ่อ” (Father) แต่นักบวชมีสถานะโดยเบื้องต้นแค่ผู้ถือพรต ไม่สามารถโปรดศีลได้ ชาวคาทอลิกจะเรียกนักบวชชายว่า “บราเดอร์” (Brother) และนักบวชหญิงว่า “ซิสเตอร์” (Sister) อย่างไรก็ตามนักบวชชายบางคนในบางคณะอาจขอรับศีลบวชเป็นบาทหลวงได้ ซึ่งจะทำให้บุคคลนั้นมีสถานะเป็นทั้งนักบวชและบาทหลวง (เรียกว่า Regular priest)[2] สามารถประกอบพิธีอย่างบาทหลวงที่ไม่ได้สังกัดคณะนักบวช (Secular priest) ได้ทุกประการ ต่างแต่เพียงบาทหลวงที่ไม่ได้เป็นนักบวชจะต้องทำงานให้มุขมณฑลตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ส่วนนักบวชแม้ว่าเป็นบาทหลวงแล้วก็ยังต้องสังกัดคณะนักบวชต่อไป

คณะนักบวชคาทอลิกในประเทศไทย

คณะนักบวชคาทอลิกคณะแรกที่มาถึงสยามคือคณะดอมินิกันถึงในปี พ.ศ. 2110 ตามด้วยคณะฟรันซิสกันในปี พ.ศ. 2125[3] นอกจากนี้ก็มีคณะออกัสติเนียน และคณะเยสุอิต คณะเหล่านี้มีบทบาทมากในการเผยแพร่นิกายคาทอลิกในยุคปาโดรอาโด จากนั้นมีคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีสเป็นกลุ่มหลักที่เข้ามาดำเนินการเผยแพร่ศาสนาและก่อตั้งมิสซังสยามได้เป็นผลสำเร็จ คณะนี้ได้วางรากฐานคริสตจักรโรมันคาทอลิกในประเทศไทยจนพัฒนามาเป็นคริสตจักรท้องถิ่นที่ปกครองและบริหารงานตนเองได้ในปัจจุบัน

ตลอดช่วงของการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ คริสตจักรคาทอลิกในประเทศไทยยังได้ก่อตั้งคณะนักบวชท้องถิ่นขึ้นมาช่วยเหลืองานของเขตมิสซัง เช่น คณะรักกางเขนช่วยงานของคริสตจักรคาทอลิกในเขตมิสซังจันทบุรี เขตมิสซังท่าแร่-หนองแสง และเขตมิสซังอุบลราชธานี คณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าช่วยงานของคริสตจักรคาทอลิกในเขตมิสซังกรุงเทพฯและเขตมิสซังเชียงใหม่ นอกจากนี้ยังเชิญคณะนักบวชจากต่างประเทศเข้ามาด้วย เช่น คณะอุร์สุลินและคณะภราดาเซนต์คาเบรียลมาช่วยงานด้านการศึกษา คณะซาเลเซียนช่วยงานด้านพัฒนาสวัสดิภาพเยาวชน คณะคามิลเลียนเน้นงานด้านการสาธารณสุข นอกจากงานสังคมสงเคราะห์ยังมีคณะนักบวชอารามิกซึ่งเน้นวัตรการอธิษฐานและการเข้าฌาน ได้แก่ คณะคาร์เมไลท์ไม่สวมรองเท้าซึ่งเปิดอารามแห่งแรกในปี พ.ศ. 2468 และคณะกลาริสกาปูชินเข้ามาตั้งอารามในปี พ.ศ. 2479

ปัจจุบันอธิการเจ้าคณะนักบวชชายในประเทศไทยได้รวมกลุ่มกันเป็นชมรมอธิการเจ้าคณะนักบวชชายแห่งประเทศไทย[4] ขณะที่อธิการิณีเจ้าคณะนักบวชหญิงก็ร่วมกันก่อตั้งเป็นชมรมอธิการิณีเจ้าคณะแห่งประเทศไทย[5] ทั้งสององค์การรวมกันเป็นสหพันธ์อธิการเจ้าคณะนักบวชในประเทศไทย[6]

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, ราชบัณฑิตยสถาน, 2548, หน้า 163, 421-2
  2. กีรติ บุญเจือ, แก่นปรัชญายุคกลาง, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2550
  3. สหพันธ์อธิการเจ้าคณะนักบวชในประเทศไทย, นักบวชหญิงและชายในประเทศไทย, พ.ศ. 2545, หน้า 42
  4. สหพันธ์อธิการเจ้าคณะนักบวชในประเทศไทย, 68-9
  5. ชมรมอธิการิณีเจ้าคณะแห่งประเทศไทยและลาว
  6. สหพันธ์อธิการเจ้าคณะนักบวชในประเทศไทยประชุมสามัญประจำปี ครั้งที่ 2/2009