พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546
พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 | |
---|---|
พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา (เล่ม 120/ตอนที่ 95 ก/หน้า 1/2 ตุลาคม 2546) | |
ข้อมูลทั่วไป | |
ผู้ตรา | รัฐสภาไทย |
ผู้ลงนาม | พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร |
วันลงนาม | 24 กันยายน 2546 |
ผู้ลงนามรับรอง | พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี |
วันลงนามรับรอง | 24 กันยายน 2546 |
วันประกาศ | 2 ตุลาคม 2546 (ราชกิจจานุเบกษา: เล่ม 120/ตอนที่ 95 ก/หน้า 1/2 ตุลาคม 2546) |
วันเริ่มใช้ | 30 มีนาคม 2547 (เมื่อพ้นหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศ) [1] |
ท้องที่ใช้ | ทั่วประเทศไทย |
ผู้รักษาการ | • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม[2] |
การร่าง | |
ชื่อร่าง | ดูในบทความ |
ผู้เสนอ | ดูในบทความ |
การยกร่างในชั้นสภาล่าง | |
วาระที่หนึ่ง | 30 ตุลาคม 2545 ขั้นรับหลักการ ให้รับหลักการ[3] |
วาระที่สอง | 26 มีนาคม 2546 ขั้นพิจารณาเรียงลำดับมาตรา[4] |
วาระที่สาม | 26 มีนาคม 2546 ขั้นสุดท้าย ให้เสนอวุฒิสภาพิจารณาต่อได้[4] |
การยกร่างในชั้นสภาสูง | |
วาระที่หนึ่ง | 4 เมษายน 2546 ขั้นรับหลักการให้รับหลักการ[5] |
วาระที่สอง | ขั้นพิจารณาเรียงลำดับมาตรา |
วาระที่สาม | ขั้นสุดท้าย |
คำสำคัญ | |
การคุ้มครองเด็ก • สวัสดิภาพของเด็ก | |
เว็บไซต์ | |
ห้องสมุดกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 เป็นกฎหมายไทย ประเภทพระราชบัญญัติ ร่างขึ้นโดยคณะรัฐมนตรีไทยในสมัยทักษิณ ชินวัตร และตราขึ้นโดยรัฐสภาไทยในสมัย อุทัย พิมพ์ใจชน เป็นประธานรัฐสภา โดยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงลงพระปรมาภิไธยเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2546 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2546 และมีผลใช้บังคับในอีกหนึ่งร้อยแปดสิบวันถัดมา คือ วันที่ 30 มีนาคม 2547 แทนที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 132 และประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 294
การยกร่าง
[แก้]ชั้นสภาผู้แทนราษฎร
[แก้]การเสนอร่างพระราชบัญญัติ ในปลาย พ.ศ. 2545 มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กถึงแปดฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 21 คือ[3]
1. | คณะรัฐมนตรี | "ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ..." |
2. | นิภา พริ้งศุลกะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และคณะ | "ร่างพระราชบัญญัติสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กและเยาวชน พ.ศ. ..." |
3. | ปวีณา หงสกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร | "ร่างพระราชบัญญัติสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก เยาวชน และครอบครัว พ.ศ. ..." |
4. | ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ และศรคม ฦๅชา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร | "ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ..." |
5. | กัญจนา ศิลปอาชา และจณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร | "ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ..." |
6. | อำนวย คลังผา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และคณะ | "ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ..." |
7. | พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร | "ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ..." |
8. | สลิลทิพย์ ชัยสดมภ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร | "ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ..." |
วาระที่หนึ่ง ขั้นรับหลักการ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ปีที่ 2 ครั้งที่ 24 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันที่ 30 ตุลาคม 2545 ที่ประชุมมีมติให้รับหลักการของร่างพระราชบัญญัติทั้งแปด หลักการ คือ ให้มีกฎหมายคุ้มครองเด็ก[3] นอกจากนี้ ที่ประชุมยังให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นพิจารณาร่างพระราชบัญญัติทั้งแปดรวมกัน ประกอบกรรมาธิการทั้งสิ้นสามสิบห้าคน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 190 และให้แปรญัตติร่างพระราชบัญญัติทั้งแปดภายในเจ็ดวัน[6]
วาระที่สอง ขั้นพิจารณาเรียงลำดับมาตรา แม้ว่าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้แปรญัตติร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวภายในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2545 แต่มีการปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติก่อนในช่วงขึ้นปีใหม่ ต่อมา เมื่อคณะกรรมาธิการรวมร่างพระราชบัญญัติทั้งแปดฉบับเข้าเป็นร่างฉบับเดียวกัน ให้ชื่อว่า "ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ..." แล้ว สภาผู้แทนราษฎรจึงให้นำขึ้นพิจารณาใหม่ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ปีที่ 3 ครั้งที่ 15 วันที่ 26 มีนาคม 2546 โดยที่ประชุมพิจารณาชื่อร่าง คำปรารภ แล้วเรียงมาตราตามลำดับจนจบร่าง
วาระที่สาม ขั้นสุดท้าย ในการประชุมครั้งเดียวกันกับวาระที่สอง ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติให้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อวุฒิสภาได้ เป็นอันสิ้นสุดกระบวนการในชั้นสภาผู้แทนราษฎร[4]
ชั้นวุฒิสภา
[แก้]วาระที่หนึ่ง ขั้นรับหลักการ ในการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 16 (สมัยสามัญทั่วไป) วันที่ 4 เมษายน 2546 ที่ประชุมวุฒิสภาอภิปราย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แถลงตอบ เสร็จแล้ว ที่ประชุมมีมติให้รับหลักการ คือ ให้มีกฎหมายคุ้มครองเด็ก[7] ในการนี้ ให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ประกอบกรรมาธิการยี่สิบเจ็ดคน แล้วกำหนดให้แปรญัตติภายในสิบห้าวัน[5]
อย่างไรก็ดี ในการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 19 (สมัยสามัญทั่วไป) วันที่ 25 เมษายน 2546 คณะกรรมาธิการขอขยายเวลาพิจารณาออกไปอีกสามสิบวัน จากเดิมให้พิจารณาถึงวันที่ 27 เมษายน 2546 และที่ประชุมอนุมัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศ้กราช 2540 มาตรา 174
วาระที่สอง ขั้นพิจารณาเรียงลำดับมาตรา
วาระที่สาม ขั้นสุดท้าย
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
โครงสร้าง
[แก้]พระราชบัญญัตินี้ ประกอบด้วยมาตราทั้งหมดแปดสิบแปดมาตรา แบ่งเป็นสิบเอ็ดหมวด ดังต่อไปนี้
1. | - (หมวดนิรนาม) | 1-6 |
2. | หมวด 1 คณะกรรมการคุ้มครองเด็ก | 7-21 |
3. | หมวด 2 การปฏิบัติต่อเด็ก | 22-31 |
4. | หมวด 3 การสงเคราะห์เด็ก | 32-39 |
5. | หมวด 4 การคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก | 40-47 |
6. | หมวด 5 ผู้คุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก | 48-50 |
7. | หมวด 6 สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ และสถานพัฒนาและฟื้นฟู | 51-62 |
8. | หมวด 7 การส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา | 63-67 |
9. | หมวด 8 กองทุนคุ้มครองเด็ก | 68-77 |
10. | หมวด 9 บทกำหนดโทษ | 78-86 |
11. | บทเฉพาะกาล | 87-88 |
ภาพรวม
[แก้]เหตุผล
[แก้]เหตุผล ของพระราชบัญญัตินี้ คือ
"...โดยที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 132 ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2515 และประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 294 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน สาระสำคัญและรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็ก ไม่เหมาะสมกับสภาพสังคมปัจจุบัน สมควรกำหนดขั้นตอนและปรับปรุงวิธีการปฏิบัติต่อเด็กให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อให้เด็กได้รับการอุปการะเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน และมีพัฒนาการที่เหมาะสม อันเป็นการส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันครอบครัว รวมทั้งป้องกันมิให้เด็กถูกทารุณกรรม ตกเป็นเครื่องมือในการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ หรือถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม และสมควรปรับปรุงวิธีการส่งเสริมความร่วมมือในการคุ้มครองเด็กระหว่างหน่วยงานของรัฐและเอกชนให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตตินี้"
คณะกรรมการคุ้มครองเด็ก
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การคุ้มครองเด็ก
[แก้]พระราชบัญญัติดังกล่าวคุ้มครองเด็ก คือ บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่รวมถึงผู้ที่สมรส โดยมีการจดทะเบียนสมรสชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว แต่ไม่นับรวมการสมรสโดยพฤตินัย
เด็กในกระบวนการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพหรือส่งเสริมความประพฤติตามพระราชบัญญัตินี้ จะต้องมีอายุไม่ครบ 18 ปีบริบูรณ์ แต่หากเข้าสู่กระบวนการนี้แล้ว แม้จะอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์แล้ว ก็ถือว่าบุคคลนั้นยังมีสิทธิได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพหรือส่งเสริมความประพฤติต่อไป[8]
หัวใจของบทบาทของผู้ปกครองอยู่ที่มาตรา 23 ซึ่งบัญญัติว่า[9]
"ผู้ปกครองต้องให้การอุปการะเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนและพัฒนาเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแลของตนตามสมควรแก่ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมแห่งท้องถิ่น แต่ทั้งนี้ต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานขั้นต่ำตามที่กำหนดในกฎกระทรวง และต้องคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแลของตนมิให้ตกอยู่ในภาวะอันน่าจะเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ"
กองทุนคุ้มครองเด็ก
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ความผิดอาญา
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
กรณีการห้ามเด็กออกจากบ้านหลัง 22.00 นาฬิกา พ.ศ. 2554
[แก้]โฆษกสำนักงานตำรวจนครบาลเปิดเผยว่า แนวคิดการห้ามเด็กออกจากบ้านเริ่มขึ้นในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554 โดยเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองโนยบายลดอาชญากรรมในกรุงเทพมหานคร 20% ภายใน 6 เดือนของรัฐบาล
พลตำรวจตรีอำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเสนอให้ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัตินี้ ห้ามเด็กออกจากบ้านหลัง 22.00 นาฬิกา [10] เพื่อลดอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับเด็ก โดยมีพื้นที่เฝ้าจับตา คือ สถานบันเทิง และร้านให้บริการคอมพิวเตอร์ โดยใช้มาตรการคือ หากพบเด็กอยู่ในสถานที่ไม่เหมาะสม โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร จะนำตัวไปยังโรงพัก เพื่อทำประวัติและเรียกผู้ปกครองมารับกลับบ้าน[10] รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลระบุว่ามาตรการดังกล่าวช่วยปกป้องเด็ก ซึ่งอาศัยความตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก หากพบเด็กคนใดฝ่าฝืน เจ้าหน้าที่จะนำตัวมาทำประวัติและเชิญผู้ปกครองมาพบ ผู้ปกครองที่ปล่อยปละละเลยให้เด็กกระทำความผิดมากกว่า 1 ครั้ง มีโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 2 หมื่นบาท
มาตรการดังกล่าวได้รับการตอบรับทั้งสนับสนุนและคัดค้าน โดยฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเรียกมาตรการนี้ว่า "เคอร์ฟิวเด็ก" และเห็นว่าอาจเป็นอันตรายต่อเด็ก เช่น อาจถูกตำรวจรีดไถ หรือมีคนอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ทำอันตรายต่อเด็ก ส่วนนักวิชาการและองค์การสิทธิมนุษยชนเห็นว่าอาจละเมิดสิทธิและเสรีภาพของเด็ก บางคนยืนยันว่าตำรวจไม่มีอำนาจออกคำสั่งเช่นนี้ เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติ ซึ่งอาจทำให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้ต้องหาฐานใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเสียเอง[11] สำหรับฝ่ายที่เชื่อว่าตำรวจนครบาลสามารถใช้อำนาจตามพระราชบัญญัตินี้บังคับใช้นโยบาลดังกล่าว อ้างอำนาจตามกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงที่ออกโดยอาศัยอำนาจคำสั่งคณะปฏิวัติที่ 249
ตัวแทนตำรวจนครบาล กล่าวว่า ตำรวจมีแนวคิดควบคุมโต๊ะสนุกเกอร์ ร้านอินเทอร์เน็ต ร้านเกม และสถานบันเทิง ซึ่งจะดำเนินการในกรณีที่พบเด็กในสถานที่ดังกล่าวโดยไม่มีผู้ปกครองมาด้วยเท่านั้น[12]
จากสำรวจความคิดเห็นของประชาชนโดยสวนดุสิตโพล ร้อยละ 62.87 เห็นว่าสามารถแก้ปัญหาอาชญากรรมที่เกิดจากเด็กและเยาวชนได้ ร้อยละ 67.41 คิดว่ารัฐบาลมีสิทธิควบคุมความประพฤติของเยาวชนของประเทศ ร้อยละ 68.15 เห็นว่ามาตรการดังกล่าวเป็นการคุ้มครองเด็ก และร้อยละ 65.91 เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว ส่วนร้อยละ 52.27 เห็นว่ากระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็ก[13]
เชิงอรรถ
[แก้]- ↑ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 2
"พระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป"
- ↑ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง
"ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้..."
- ↑ 3.0 3.1 3.2 "ประกาศสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาต่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ...". (2545, 12 ธันวาคม 2545). ราชกิจจานุเบกษา, (เล่ม 119, ตอนที่ 100 ง). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: <ลิงก์>. เข้าถึงเมื่อ: 1 กุมภาพันธ์ 2554.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 "บันทึกการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 21 ปีที่ 3 ครั้งที่ 15 (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ 26 มีนาคม พุทธศักราช 2546 ณ ตึกรัฐสภา". (2545, 12 ธันวาคม). ราชกิจจานุเบกษา, (เล่ม 119, ตอนที่ 100 ง). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: <ลิงก์>. เข้าถึงเมื่อ: 1 กุมภาพันธ์ 2554.
- ↑ 5.0 5.1 "ประกาศวุฒิสภา เรื่อง ตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาต่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ...". (2546, 13 พฤษภาคม). ราชกิจจานุเบกษา, (เล่ม 120, ตอนที่ 38 ง). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: <ลิงก์>. เข้าถึงเมื่อ: 1 กุมภาพันธ์ 2554.
- ↑ "บันทึกการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 21 ปีที่ 2 ครั้งที่ 24 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพุธที่ 30 ตุลาคม พุทธศักราช 2545 ณ ตึกรัฐสภา". (2545, 12 ธันวาคม). ราชกิจจานุเบกษา, (เล่ม 119, ตอนที่ 100 ง). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: <ลิงก์ เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน>. เข้าถึงเมื่อ: 1 กุมภาพันธ์ 2554.
- ↑ "บันทึกการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 16 (สมัยสามัญทั่วไป) วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พุทธศักราช 2546 ณ ตึกรัฐสภา". (2546, 8 พฤษภาคม). ราชกิจจานุเบกษา, (เล่ม 120, ตอนที่ 37 ง). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: <ลิงก์ เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน>. เข้าถึงเมื่อ: 1 กุมภาพันธ์ 2554.
- ↑ สคช.จังหวัดพิจิตร. พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 เก็บถาวร 2008-06-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. สืบค้น 30-1-2554.
- ↑ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 เก็บถาวร 2010-07-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. มูลนิธิอาสาพัฒนาเด็ก. สืบค้น 30-1-2554.
- ↑ 10.0 10.1 เจาะประเด็น: กฎเหล็ก..เคอร์ฟิวเด็ก 18 ปี. (17 มกราคม 2554). สืบค้น 30-1-2554.
- ↑ เคอร์ฟิวเด็กคือดาบ 2 คม. (18 มกราคม 2554). สืบค้น 30-1-2554.
- ↑ ตำรวจย้ำเคอร์ฟิวเด็กแค่ 4 จุดร้านเน็ต-เกม-โต๊ะสนุก-สถานบันเทิง. (27 มกราคม 2554). สืบค้น 30-1-2554.
- ↑ ดุสิตโพลชี้คนชอบเคอร์ฟิวเด็ก เก็บถาวร 2011-01-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. โพสต์ทูเดย์. (16 มกราคม 2554). สืบค้น 30-1-2554.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก - ห้องสมุดกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เก็บถาวร 2011-03-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ประกาศ
- บันทึกการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
- บันทึกการประชุมวุฒิสภา