ข้ามไปเนื้อหา

พระยาพัทลุง (ทองขาว)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระยาพัทลุง
(ทองขาว)
เจ้าเมืองพัทลุง
ดำรงตำแหน่ง
พ.ศ. 2334 – พ.ศ. 2360 (26 ปี)
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ก่อนหน้าพระศรีไกรลาศ
ถัดไปพระยาพัทลุง (เผือก)
ข้อมูลส่วนบุคคล
เสียชีวิตพ.ศ. 2360
เมืองพัทลุง อาณาจักรรัตนโกสินทร์
บุพการี
ญาติเจ้าจอมมารดาทรัพย์ (หลานสาว)

พระยาพัทลุง (ทองขาว) เป็นบุตรพระยาพัทลุง (ขุนคางเหล็ก) เป็นเจ้าเมืองพัทลุงอยู่ 26 ปี แต่เดิมชื่อนายศักดิ์ (ทองขาว) ได้มีการโปรดเกล้าฯ ในปี 2334 เป็นเจ้าเมืองพัทลุง พระยาพัทลุง (ทองขาว) เป็นผู้กล้าหาญเหมือนบิดาคือ ขุนคางเหล็ก ที่ร่วมต้านศึกฯ ทัพของพม่าที่ท่าเสม็ด จนชนะและไปตีเมืองปัตตานีจนได้รับชัยชนะเป็นครั้งที่ 2

ในปี พ.ศ. 2352 พม่ายกทัพเข้ามาตีเมืองถลาง (ภูเก็ต) จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระยาพัทลุง (ทองขาว) ยกทัพไปร่วมกับทัพหลวงที่เมืองตรัง ซึ่งก็สามารถยกทัพไปตีเมืองถลางคืนจากพม่าได้สำเร็จ

พระยาพัทลุง (ทองขาว) มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก ท่านได้สร้างวัดวัง เมื่อปี พ.ศ. 2359 ที่บ้านลำปำ จังหวัดพัทลุง

พระยาพัทลุง (ทองขาว) ได้ปกครองเมืองพัทลุง ระหว่างปี 2334-2360 รวม 26 ปี หลังจากพระยาพัทลุง (ทองขาว) ได้ถึงแก่อนิจกรรม ก็ได้มีเจ้าเมืองเชื้อสายตระกูลดังกล่าว ปกครองเมืองพัทลุง ติดต่อกันมาเรื่อย ๆ จนถึงปี 2446 รวมการปกครองเมืองพัทลุง 110 ปี ส่วนหนึ่งก็ได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานกันในหลายพื้นที่ เช่น จังหวัดตรัง จังหวัดพัทลุง จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดสงขลา จังหวัดกระบี่ จังหวัดชุมพร จังหวัดนครปฐม จังหวัดยโสธร จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดกรุงเทพมหานคร จังหวัดนครสวรรค์ ฯลฯ

พระยาพัทลุง (ทองขาว) เป็นต้นตระกูลที่เกี่ยวโยงกับสกุลสายอื่นๆ อีกจำนวนมาก เช่น ตระกูล ณ พัทลุง สกุลจันทโรจวงศ์ สกุลศิริธร และยังเป็นคุณตาของเจ้าจอมมารดาทรัพย์ในรัชกาลที่ 3 จึงเป็นบรรพบุรุษทางชนนีของสมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ (พระองค์เจ้าศิริวงศ์) พระอัยกาพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง[1]

ลำดับสาแหรก

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "พระยาทุกขราษฎร์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2005-11-19. สืบค้นเมื่อ 2010-09-10.
  • ทำเนีนบสกุล ทองขาว และสกุลในเครือ ในเขตจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ. กำนันชูชัย ทองขาว รวบรวมและจัดทำ. งานรวมญาติ ๖ เมษายน ๒๕๕๑.