ตูโปเลฟ ตู-160
ตู-160 | |
---|---|
ข้อมูลทั่วไป | |
บทบาท | เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ |
ชาติกำเนิด | สหภาพโซเวียต |
บริษัทผู้ผลิต | ตูโปเลฟ |
สถานะ | ประจำการ |
จำนวนที่ผลิต | 35 ลำ |
ประวัติ | |
เริ่มใช้งาน | พ.ศ. 2530 (เริ่มใช้อย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2548) |
เที่ยวบินแรก | 19 ธันวาคม พ.ศ. 2524 |
ตูโปเลฟ ตู-160 (อังกฤษ: Tupolev Tu-160, Blackjack, รัสเซีย: Туполев Ту-160, เนโทใช้ชื่อรหัสว่าแบล็คแจ็ค) เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดหนักที่มีความเร็วเหนือเสียงและปีกที่สามารถพับได้ซึ่งออกแบบโดยสหภาพโซเวียต มันมีความคล้ายคลึงกับบี-1 แลนเซอร์แต่มีขนาดใหญ่กว่าและเร็วกว่าบี-1บี พร้อมกับความจุและพิสัยที่มากกว่ามาก
มันได้เข้าประจำการในปี พ.ศ. 2530 ในกองบินทิ้งระเบิดที่ 184 ของสหภาพโซเวียต[1] ตู-160 เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์แบบสุดท้ายที่ออกแบบโดยโซเวียตแต่ยังคงอยู่ในการผลิต โดยมีอย่างน้อย 16 ลำที่ประจำการในกองทัพอากาศรัสเซีย
นักบินของตู-160 เรียกมันว่า"หงส์ขาว" (White Swan) เพราะว่าความคล่องตัวและสีขาวของมัน[2]
ถึงแม้ว่าเครื่องบินขนส่งทางทหารและพลเรือนจำนวนมากจะมีขนาดใหญ่กว่า ตู-160 ก็มีแรงขับที่มากที่สุดและมีน้ำหนักตอนนำเครื่องขึ้นมากที่สุดในบรรดาเครื่องบินรบ มันยังมีความเร็วสูงสุดเช่นเดียวกับความจุมากที่สุดในบรรดาเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดหนัก
การพัฒนา
[แก้]การแข่งขันครั้งแรกของเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ขนาดหนักที่มีความเร็วเหนือเสียงเกิดขึ้นในสหภาพโซเวียตเมื่อปี พ.ศ. 2510 เครื่องบินลำใหม่มีความเร็วมากกว่ามัค 3 เทียบกับบี-70 วัลคีรีของอเมริกา ไม่นานมันก็เห็นได้ชัดว่าเครื่องบินแบบนั้นอาจมีราคาแพงเกินไปและยากเกินไปที่จะทำการผลิต ดังนั้นมันจึงถูกลดจำนวนการผลิตลง (บี-70 ของสหรัฐ ถูกยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว)
ในปีพ.ศ. 2515 สหภาพโซเวียตได้เปิดการแข่งขันของเครื่องบินทิ้งระเบิดหลากภารกิจครั้งใหม่เพื่อสร้างเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดหนักที่มีความเร็วเหนือเสียงและสามารถพับปีกได้ พร้อมความเร็วสูงสุดที่ 2.3 มัค เทียบกับบี-1 แลนเซอร์ของกองทัพอากาศสหรัฐ ตูโปเลฟได้ทำแบบที่เรียกว่า 160เอ็มที่มีส่วนประกอบจากตูโปเลฟ ตู-144 แบบของมิยาซิสเชฟคู่แข่งถูกมองว่าประสบความสำเร็จมากที่สุดแม้ว่าของติวโปเลฟจะเป็นสิ่งที่ตรงตามโครงการมากกว่า ดังนั้นตูโปเลฟได้รับสิทธิในการพัฒนาเครื่องบินของมิยาซิสเชฟต่อในปี พ.ศ. 2516
ถึงแม้ว่าบี-1เอ จะถูกยกเลิกในปี พ.ศ. 2520 งานของโซเวียตก็ยังคงดำเนินต่อไปและในปีเดียวกันนั้นทางรัฐบาลก็ได้รับแบบ ต้นแบบถูกถ่ายภาพโดยผู้โดยสารสายการบินที่สนามบินซูคอฟสกี้เมื่อเดือนพฤศจิกายนพ.ศ. 2524 ประมาณหนึ่งเดือนก่อนมันจะทำการบินครั้งแรกในวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2524 การผลิตเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2527 โดยเริ่มขึ้นที่คาซัน มันมีชื่อว่าตู-160 โดยเดิมทีถูกคาดว่าจะผลิตออกมา 100 ลำแม้ว่าจะมีเพียง 35 ลำเท่านั้นที่ผลิตออกมาซึ่งรวมทั้งต้นแบบทั้งสามลำ ต้นแบบที่สองสูญหายในการทดสอบเมื่อปี พ.ศ. 2520 ลูกเรือนั้นดีดตัวออกได้อย่างปลอดภัย
การออกแบบ
[แก้]ตู-160 เป็นเครื่องบินที่ปีกสามารถพับได้ตั้งแต่ 20° ถึง 65° มันใช้ปีกแบบพับและแผ่ที่มีแฟลบอยู่ที่ขอบ ตู-160 ใช้ระบบควบคุมแบบฟลาย-บาย-ไวร์ (fly-by-wire)
มันมีเครื่องยนต์เป็นเครื่องยนต์เทอร์โบแฟนคุซเนทซอฟ เอ็นเค-321 พร้อมสันดาปท้ายสี่เครื่องยนต์ มันเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยใช้กับเครื่องบินรบ มันไม่เหมือนกับบี-1บี ซึ่งไม่สามารถทำความเร็วกว่ากว่า 2 มัคเหมือนกับบี-1เอ ตู-160 นั้นมีส่วนหน้าของเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนรูปได้และสามารถทำความเร็วได้มากกว่า 2 มัค
ตู-160 ระบบเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศสำหรับภารกิจระยะไกลถึงแม้ว่าน้อยครั้งนักที่ต้องใช้ ความจุเชื้อเพลิงอย่างมหาศาลของตู-160 คือ 130 ตันทำให้ทำการบินได้นาน 15 ชั่วโมงด้วยความเร็ว 850 กิโลเมตร/ชั่วโมงที่ความสูง 30,003 ฟุต[3]
ตู-160 มีความคล้ายคลึงกับบี1เอ แลนเซอร์ของนอร์ท อเมริกัน ร็อคเวลล์ ถึงแม้ว่าตู-160 นั้นจะมีขนาดใหญ่กว่าและเร็วกว่ามากก็ตาม
แม้ว่าตู-160 นั้นจะถูกออกแบบมาเพื่อลดการถูกตรวจจับโดยเรดาร์และอินฟราเรด มันก็ยังไม่ใช่อากาศยานล่องหน ถึงกระนั้นในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2549 ผู้บัญชาการอิกอร์ โควรอฟได้อ้างว่าตู-160 ได้ทำการรุกล้ำเขตอาร์กติกของสหรัฐ โดยที่ไม่ถูกตรวจจับ ทำให้เนโททำการสืบสวนในเรื่องดังกล่าว[4][5][6]
ตู-160 มีเรดาร์แบบออบซอร์-เคในส่วนคล้ายโดมและเรดาร์พื้นผิวซึ่งทำให้บินได้อย่างปลอดภัยในระดับต่ำ ตู-160 มีกล้องมองแบบกลางคืนเพื่อทิ้งระเบิดในตอนกลางคืน ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ของมันก็มีระบบต่อต้านการคุกคามด้วยอิเล็กทรอนิกส์เช่นกัน
ตู-160 มีลูกเรือทั้งสิ้นสี่นาย (นักบิน นักบินผู้ช่วย ผู้ควบคุมอาวุธ และผู้ควบคุมระบบป้องกัน) พร้อมเก้าอี้ดีดตัวแบบเค-36ดีเอ็ม นักบินมีคันบังคับแบบเครื่องบินขับไล่แต่มีส่วนเข็มวัดที่เป็นแบบไอน้ำ ส่วนที่พักของลูกเรือ ห้องน้ำ และห้องครัวมีไว้สำหรับการบินในระยะยาว มันไม่มีจอแสดงผลและจอซีทีอาร์เหมือนกับเครื่องบินทั่วไป อย่างไรก็ตามมีการวางแผนที่จะให้ตู-160 ทันสมัยยิ่งขึ้นในปี พ.ศ. 2546 พวกมันยังรวมทั้งระบบควบคุมการบินแบบดิจิทัลและความสามารถในการบรรทุกอาวุธแบบใหม่ อย่าง ขีปนาวุธพิสัยไกล
อาวุธจะถูกบรรทุกเอาไว้ในห้องสองห้องภายในตัวเครื่องบิน แต่ละห้องจะสามารถจุได้ 20,000 กิโลกรัมสำหรับอาวุธแบบปล่อยและขีปนาวุธนิวเคลียร์ นอกจากห้องเก็บขีปนาวุธแล้วก็ยังมีการบรรทุกที่ส่วนนอกอีกด้วย ความจุอาวุธของเครื่องบินอยู่ที่ 45,000 กิโลกรัมนั้นทำให้มันเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดหนักที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างขึ้นมา อย่างไรก็ดีมันไม่มีอาวุธสำหรับป้องกันตนเอง ตู-160 เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบแรกของโซเวียตที่ไร้อาวุธหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง
มีรุ่นสำหรับการแสดงโดยมีชื่อว่าตู-160เอสเค ซึ่งถูกแสดงที่เอเซียน แอร์โรสเปซในสิงคโปร์เมื่อปี พ.ศ. 2537 พร้อมแบบจำลองของยานพาหนะอวกาศที่ส่วนใต้ของเครื่องบินในปี พ.ศ. 2538 ตูโปเลฟได้ประกาศหุ้นส่วนกับเยอรมนีเพื่อทำการผลิตเครื่องบินสำหรับบรรทุกยานพาหนะ รัฐบาลเยอรมันถอนตัวในปี พ.ศ. 2541
ประวัติศาสตร์การใช้งาน
[แก้]ในประจำการ
[แก้]ตู-160 ปรากฏตัวต่อสาธารณะครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2532 ในปี พ.ศ. 2532 และ 2533 มันได้ทำการบินบันทึกสถิติเอาไว้ การเข้าประจำการเกิดขึ้นในเดือนเมษายน พ.ศ. 2530 จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2534 เครื่องบิน 19 ลำก็เข้าทำหน้าที่ในกองบินทิ้งระเบิดที่ 184 ของสหภาพโซเวียตในยูเครนเพื่อเข้าแทนที่ตูโปเลฟ ตู-16 และตูโปเลฟ ตู-22เอ็ม ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2535 บอริส เยทซินได้ตัดสินใจที่จะยกเลิกการผลิตตู-160 ในเวลานี้เองเครื่องบินจำนวน 35 ลำก็ถูกสร้างขึ้นมา ในปีเดียวกันนั้นรัสเซียได้ใช้มันทำการบินเดียวนอกดินแดนของตนเอง หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตเครื่องบิน 19 ลำจาก 35 ลำกลายมาเป็นทรัพย์สินของยูเครนถึงแม้ว่าในปี พ.ศ. 2542 จะมีการตกลงระหว่างรัสเซียและยูเครนทำให้แปดเครื่องในนั้นตกเป็นของรัสเซียเพื่อแลกเปลี่ยนกับลดหนี้ด้านพลังงานของยูเครน ยูเครนซึ่งได้ยอมแพ้ต่ออาวุธนิวเคลียร์หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ได้ทำลายตู-160 ที่เหลือยกเว้นเอาไว้หนึ่งลำ
หน่วยตู-160 ที่สองของรัสเซียคือกองบินทิ้งระเบิดที่ 121 ถูกจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2535 แต่ในปี พ.ศ. 2537 มันก็ได้รับเครื่องบินเพียงหกลำเท่านั้น ระหว่างปี พ.ศ. 2542 และ 2543 เครื่องบินของยูเครนแปดลำถูกมอบหมายให้กับกองบินนี้ และมีการสร้างเพิ่มในปี พ.ศ. 2543 ในต้นปี พ.ศ. 2544 ในสนธิสัญญาสตาร์ท-2 รัสเซียได้สร้างตู-160 เพิ่มอีก 15 ลำ ซึ่งหกลำเคยเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดติดขีปนาวุธ เครื่องบินลำหนึ่งสูญหายในการทดสอบการบินหลังจากทำการซ่อมแซมเครื่องยนต์เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2546
มีตู-160 จำนวน 14 ลำในประจำการเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2548 อีกสองลำกำลังสร้างเสร็จที่ฐานบินคาซัน หนึ่งในนั้นเข้าประจำการในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2549 พร้อมกับลำอื่น ๆ ในปีเดียวกัน เมื่อถึงปี พ.ศ. 2544 มีตู-160 หกลำทำหน้าที่เป็นเครื่องบินทดสอบที่ซูคอฟสกี สี่ในหกยังคงทำการบินได้
ในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2548 ภายใต้คำสั่งของประธานาธิบดีรัสเซียวลาดิเมียร์ ปูติน ตู-160 ก็ได้เข้าประจำการในกองทัพอากาศรัสเซียอย่างเป็นทางการ
ในวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินได้ประกาศว่ารัสเซียทำยกเลิกการหยุดบินทางยุทธศาสตร์ในปี พ.ศ. 2534 ด้วยการส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดเข้าทำการลาดตระเวนระยะไกล ในวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ตู-160 สองลำได้เข้ามาในน่านฟ้าของเดนมาร์ก เดนมาร์กได้ส่งเอฟ-16 ออกไปสองลำเพื่อเข้าสกัดกั้นและระบุตัวข้าศึก.[7]
ตามแหล่งข้อมูลของรัฐบาลรัสเซียเมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2550 ได้อ้างว่าตู-160 ลำหนึ่งถูกใช้เพื่อทิ้งระเบิดเชื้อเพลิงขนาดหนักเพื่อทำการทดสอบครั้งแรก[8]
ในปลายปี พ.ศ. 2550 เครื่องบินทิ้งระเบิดตู-160 ได้บินภายในระยะ 32 กิโลเมตรของเมืองคิงส์ตันในอังกฤษ มันเกือบเข้ามาในน่านฟ้าของอังกฤษซึ่งห่างจากชายฝั่ง 19 กิโลเมตรโดยที่เมืองดังกล่าวอยู่บนฝั่งห่างออกไป 16 กิโลเมตร มันไม่ถูกสกัดกั้นแม้ว่ามันจะอยู่ห่างจากอังกฤษเพียง 90 วินาที นี่แสดงให้เห็นว่าระบบป้องกันทางอากาศของอังกฤษมีความล้มเหลวที่จะตรวจับการเข้ามาของเครื่องบิน[9]
ในวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2550 เครื่องตู-160 ถูกรายงานว่าสร้างเสร็จเรียบร้อยที่ฐานบินคาซัน หลังจากการบินทดสอบมันก็เข้าประจำการในกองทัพอากาศรัสเซียในปี พ.ศ. 2551 รายงานยังบอกว่ากองทัพอากาศรัสเซียกล่าวว่าจะมีโครงการใช้อาวุธในระยะยาวที่รวมทั้งแผนที่จะสร้างตู-160 เพิ่มทุก ๆ 1–2 ปีเพื่อให้ได้จำนวนทั้งสิ้น 30 ลำภายในปี พ.ศ. 2568–2573[10]
ในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2551 ตู-160 สองลำได้เดินทางสู่อ่าวบิสเคย์ที่ซึ่งพวกมันถูกสกัดกั้นโดยเครื่องบินของนอร์เวย์
ในวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2551 ตู-160 สองลำได้ลงจอดที่เวเนซุเอลาในส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวทางทหาร เป็นการประกาศถึงพันธมิตรของรัสเซียเป็นเพิ่มความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับสหรัฐ และทวีปยุโรป หลังจากเหตุการในจอร์เจีย กระทรวงกลาโหมของรัสเซียกล่าวว่าตู-160 สองลำกำลังทำภารกิจฝึกอยู่ มันกล่าวว่าอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่รัสเซียสองนายซึ่งเครื่องบินจะทำการฝึกบินตลอดน่านน้ำสากลก่อนที่จะกลับฐานที่รัสเซีย ผู้แถลงการกล่าวเสริมว่าเครื่องบินได้รับการคุ้มกันโดยเครื่องบินของเนโทในตอนที่มันบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก[11] [12]
ในวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ตู-160 จำนวนมากเกี่ยวข้องกับการฝึกทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ขนาดใหญ่ที่สุดของรัสเซียตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 มีเครื่องบินทั้งสิ้น 12 ลำที่รวมทั้งตู-160 แบล็คแจ็คและตู-95 แบร์ที่ทำการยิงขีปนาวุธร่อนของพวกมัน เครื่องบินทิ้งระเบิดบางลำได้ทำการยิงขีปนาวุธทั้งหมดของมัน มันเป็นครั้งแรกที่ตู-160 ทำการยิงอย่างเต็มรูปแบบ[13][14]
ในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ตู-160 สองลำที่ทำภาจกิจลาดตระเวนเหนือทะเลเหนือได้ถูกสกัดกั้นโดยเอฟ-16 ของนอร์เวย์และทอร์นาโด ไฟเตอร์ของอังกฤษ[15]
ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 ตู-160 หนึ่งลำบินเข้าน่านฟ้าของแคนาดาเหนือมหาสมุทรอาร์กติกหนึ่งวันให้หลังที่บารัก โอบามามาเยือนแคนาดาในการเดินทางออกนอกสหรัฐ ครั้งแรกของเขาในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 เครื่องซีเอฟ-18 ฮอร์เน็ทสองลำของแคนาดาเข้าสกัดกั้นเครื่องตู-160 ทั้งสองประเทศอ้างว่าเป็นความบังเอิญ[16]
การทำให้ทันสมัยขึ้น
[แก้]ในปีพ.ศ. 2549 กองทัพอากาศรัสเซียถูกคาดว่าจะได้รับตู-160 ห้าลำที่ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัย[17] กองทัพอากาศรัสเซียจะได้รับอีกห้าลำในแต่ละปี[18] ซึ่งหมายความว่าการปรับปรุงให้ทันสมัยให้ทั้งกองบินจะสำเร็จภายในสามปีหากตรงตามตาราง
การเปลี่ยนแปลงมีดังนี้:
- ระบบอิเล็กทรอนิกส์อากาศแบบดิจิทัลทั้งหมดที่ต้านทานการรบกวน
- มีการเชื่อมต่อผ่านทางดาวเทียม
- ใช้เครื่องยนต์เอ็นเค-32 พร้อมความน่าเชื่อถือที่มากขึ้น[18]
- ความสามารถในการใช้ขีปนาวุธร่อนแบบธรรมดาและขีปนาวุธร่อนแบบนิวเคลียร์[19]
- ความสามารถในการจัดการกับขีปนาวุธทางทหารและดาวเทียม [20]
- ความสามารถในการใช้ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์[21]
- เรดาร์พิเศษ[22]
ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2550 นายพลวลาดิเมียร์ มิไคลอฟได้ประกาศว่าจะมีการสร้างตู-160 เพิ่มอีกสองลำในทุก ๆ สามปี และจะเริ่มโครงการใหม่เพื่อพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์อากาศให้กับเครื่องบินทั้ง 16 ลำในปัจจุบัน[23]
แบบต่าง ๆ
[แก้]- ตู-160
แบบอื่นนั้นมีมากมายที่ถูกเสนอแต่ไม่ถูกผลิตขึ้นมา มีดังนี้
- ตู-160เอส เป็นชื่อที่ใช้สำหรับรหัสเมื่อต้องการแยกออกจากรุ่นที่ผลิตก่อนหน้าและรุ่นทดลอง[24]
- ตู-160วี รุ่นที่ใช้เชื้อเพลิงเป็นไฮโดรเจนเหลว (ดูที่ตู-155) [24]
- ตู-160 เอ็นเค-74 รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เอ็นเค-74 เพื่อเพิ่มพิสัย[24]
- ตู-160เอ็ม รุ่นที่มีขีปนาวุธพิสัยไกลสองลูก
- ตู-160พี (ตู-161) เครื่องบินขับไล่สกัดกั้นที่มีพิสัยไกลมาก
- ตู-160พีพี เครื่องบินสำหรับสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่มีเครื่องรบกวนสัญญาณและอุปกรณ์ต่อต้านอิเล็กทรอนิกส์
- ตู-160อาร์ แบบสำหรับการลาดตระเวนทางยุทธศาสตร์
- ตู-160เอสเค รุ่นที่ออกแบบมาเพื่อปล่อยดาวเทียมภายในระบบ"เบอร์ลัค" (รัสเซีย: Бурлак) [24]
- ตู-170
ประเทศผู้ใช้งาน
[แก้]ปัจจุบัน
[แก้]- กองทัพอากาศรัสเซียมี 16 ลำในประจำการเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2551[25] มีสามถึงสี่ลำที่จะเข้าประจำการเพิ่มเมื่อสิ้นปี[26]
อดีต
[แก้]- กองทัพอากาศยูเครนมีตู-160 จำนวน 19 ลำ (ยูเครนมอบให้กับรัสเซีย 8 ลำแลกกับหนี้ในปี พ.ศ. 2532)
- กองทัพอากาศโซเวียต (เปลี่ยนเป็นของรัสเซียและยูเครนในปี พ.ศ. 2534)
รายละเอียดของตูโปเลฟ ตู-160
[แก้]- ผู้ผลิต บริษัทตูโปเลฟ (สหภาพโซเวียต)
- จำนวนลูกเรือ 4 นาย
- เครื่องยนต์ คุทเน้ตซอฟ เอ็นเค-32 จำนวน 4 เครื่องยนต์ ให้แรงขับเครื่องละ 25,000 กิโลกรัม
- ความยาว 54.095 เมตร
- ความสูง 13 เมตร
- กางปีก 57.7 เมตร
- พื้นที่ปีก 293.15 ตารางเมตร
- เพดานบินทำการ 15,000 เมตร
- พิสัยบินเมื่อบรรทุกอาวุธสูงสุด
- เมื่อใช้เชื้อเพลิงภายในตัวเครื่อง 12,300 กิโลเมตร
- เมื่อได้รับการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศหนึ่งครั้ง 14,100 กิโลเมตร
- ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง 171,000 กิโลกรัม
- ความเร็ว
- ความเร็วปกติ 1,000 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- ความเร็วสูงสุด 2,000 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ Miller, David (1998). The Cold War: A Military History (Pimlico 2001 ed.). London: John Murray, Random House. p. 162. ISBN 1-44813793-4.
- ↑ "El Insuperable TU-160". Sputnik (ภาษาสเปน). 1 กรกฎาคม 2006.
- ↑ "Aircraft Museum – Tupolev Tu-160, ASCC codename: Blackjack, Intercontinental Strategic Bomber". Aerospaceweb.org.
- ↑ "Russians claim bomber flights over US territory went undetected". FlightGlobal. 24 เมษายน 2006. สืบค้นเมื่อ 9 ธันวาคม 2019.
- ↑ Канадские радиолокаторы не заметили российских стратегических бомбардировщиков. United Volga. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-06-16. สืบค้นเมื่อ 2009-04-08.
- ↑ RIA Novosti (22 เมษายน 2006). "Russian bombers flew undetected across Arctic - AF commander". Sputnik (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Danish fighter jets v. Russian bombers: 18-minute chase". RT (TV network). 26 ธันวาคม 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 กันยายน 2012. สืบค้นเมื่อ 19 กรกฎาคม 2009.
- ↑ Кузькин отец 11 сентября 2007 года в России прошли испытания самой мощной неядерной бомбы. Lenta.ru. 12 กันยายน 2007.
- ↑ "Russian nuclear bomber flies undetected to within 20 miles of Hull". Dailymail. 30 กันยายน 2008.
- ↑ На КАПО им.Горбунова испытали новый серийный Ту-160. Татар-информ. 6 มกราคม 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2018. สืบค้นเมื่อ 8 เมษายน 2009.
- ↑ "2 Russian strategic bombers land in Venezuela". Associated Press. 10 กันยายน 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 กันยายน 2008. สืบค้นเมื่อ 16 กันยายน 2008.
- ↑ "Russian bombers land in Venezuela". BBC News. 11 กันยายน 2008.
- ↑ "Russia plans biggest missile test for 24 years". The Telegraph. 7 October 2008.
- ↑ "Bombers conduct ALCM launches". Russian strategic nuclear forces. 12 ตุลาคม 2008.
- ↑ "NATO jets shadow Russian bombers over North Sea". Sputnik. 12 ธันวาคม 2008.
- ↑ Mike Blanchfield; Canwest News Service (28 กุมภาพันธ์ 2009). "Harper warns Russians after two bombers intercepted". National Post. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 กันยายน 2012.
- ↑ На энгельсской авиабазе приземлится модернизированный Ту-160. СаратовБизнесКонсалтинг. 7 กรกฎาคม 2006.
- ↑ 18.0 18.1 Самара. Сергей Иванов поддержал ОАО "СНТК им. Кузнецова". United Volga. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-07. สืบค้นเมื่อ 2009-04-08.
- ↑ Самара. Бомбардировщик Ту-160 получил новые двигатели. United Volga. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-12-19. สืบค้นเมื่อ 2009-04-08.
- ↑ Александр Минаков (6 กรกฎาคม 2006). "Новый военный бренд России". Вести.Ru. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 ตุลาคม 2014.
- ↑ На вооружение ВВС России поступит улучшенная модификация стратегического бомбардировщика Ту-160. The Voice of Russia (ภาษารัสเซีย). 4 กรกฎาคม 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 มิถุนายน 2009.
- ↑ Проблемы в команде Путина (Что делает Греф?). ЕВРАЗИЯ. 30 มกราคม 2005. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 กันยายน 2007. สืบค้นเมื่อ 8 เมษายน 2009.
{{cite news}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "Russian Air Force to get two strategic bombers every three years". RIA Novosti (ภาษาอังกฤษ). 18 มกราคม 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 กันยายน 2008. สืบค้นเมื่อ 8 เมษายน 2009.
- ↑ 24.0 24.1 24.2 24.3 Aviation and cosmonautics. พฤษภาคม 2006. p. 10–11. ISSN 168-7759.
- ↑ RIA Novosti (29 เมษายน 2008). "Russian Air Force receives new Tu-160 strategic bomber". Sputnik (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ RIA Novosti (22 เมษายน 2008). "Russia Air Force to get new Tu-160 strategic bomber in April". Sputnik (ภาษาอังกฤษ).
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ ตูโปเลฟ ตู-160