ด้วงกว่าง
ด้วงกว่าง ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: Eocene–Recent | |
---|---|
กว่างชนไทย_เจไดกว่างชน4.png | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
โดเมน: | ยูแคริโอตา Eukaryota |
อาณาจักร: | สัตว์ |
ไฟลัม: | สัตว์ขาปล้อง |
ชั้น: | แมลง |
อันดับ: | Coleoptera |
วงศ์: | Scarabaeidae |
วงศ์ย่อย: | ด้วงกว่าง MacLeay, 1819 |
เผ่า | |
ดูในเนื้อหา[1] |
ด้วงกว่าง แมงกว่าง แมงกวาง[2] หรือ แมงคาม เป็นแมลงในวงศ์ย่อย Dynastinae จัดอยู่ในวงศ์ใหญ่ Scarabaeidae ในอันดับแมลงปีกแข็ง (Coleoptera) ปัจจุบันมีด้วงกว่างที่เป็นที่รู้จักมากกว่า 1500 ชนิดใน 225 สกุล[3]
ลักษณะ
[แก้]ด้วงกว่างมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากแมลงปีกแข็งจำพวกอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด คือ ตัวผู้มีขนาดที่ใหญ่ แลดูบึกบึน มีปีกที่พัฒนาเป็นเปลือกแข็ง 1 คู่หุ้มลำตัวด้านบนที่นูนอยู่เหมือนสวมชุดเกราะ มีสีดำคล้ำหรือน้ำตาลเข้มที่เงางาม ขณะที่บางชนิดอาจมีสีอ่อนกว่าหรือแม้กระทั่งสีทองก็มี มีจุดเด่นที่เห็นได้ชัด คือ มีอวัยวะบริเวณส่วนหัวที่งอกยาวออกมาคล้ายเขาจำนวนอย่างน้อย 1 คู่ อยู่ด้านบนและด้านล่างของส่วนหัว ซึ่งจะมีจำนวนและลักษณะสั้น-ยาวแตกต่างกันออกไปตามสกุลและชนิด ซึ่งพบมากที่สุดได้ถึง 5 เขา ขณะที่ตัวเมียจะมีขนาดเล็กกว่าและไม่มีเขา หรือมีแต่สั้นกว่ามาก มีผิวลำตัวที่ขรุขระหยาบและมีขีดร่องหรือเรียบกว่า จุดแทง ที่ส่วนปีกแข็งมาก ตามลำตัวในบางชนิดมีขนอ่อนคล้ายกำมะหยี่สีเหลืองหรือสีน้ำตาลปกคลุมอยู่บริเวณใต้ท้องทั้งตัวผู้และตัวเมีย ขาคู่หน้ามีช่องที่อยู่ในแนวขวางสามารถบิดขยับได้ มีหนวดเป็นรูปใบไม้[4]
ด้วงกว่างจะใช้เขานี้ในการต่อสู้ป้องกันตัวและต่อสู้กันเพื่อแย่งตัวเมียในการผสมพันธุ์ ซึ่งอาจจะต่อสู้กันข้ามสายพันธุ์หรือแม้แต่ต่างวงศ์กันได้ เช่น วงศ์ด้วงคีม (Lucanidae) ที่มีพฤติกรรมคล้ายกัน โดยจะใช้เขาอันนี้ขวิดและหนีบหรือแม้กระทั่งยกคู่ต่อสู้ให้ลอยพ้นพื้นได้ ซึ่งการต่อสู้ของด้วงกว่างนั้นไม่ดุเดือดจนถึงขั้นบาดเจ็บหรือล้มตายกันไปข้างเหมือนสัตว์ชนิดอื่น อย่าง ปลากัดหรือไก่ชน แต่อาจจะทำให้เขาหักกันได้
วงจรชีวิตด้วงกว่าง
[แก้]ด้วงกว่างทั้งหมดมีวงจรชีวิตที่คล้ายกัน คือ จะวางไข่และตัวอ่อน คือ ตัวหนอนและดักแด้ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธาตุอาหารทางระบบนิเวศ เช่น มีไม้ผุหรือมูลสัตว์ผสมอยู่ในนั้นเป็นจำนวนมากพอ ตัวหนอนของด้วงกว่างจะมีขนาดใหญ่และป้อมสั้นกว่าแมลงจำพวกอื่น มักมีลำตัวสีขาวหรือเหลืองอ่อนจะขดตัวเป็นรูปตัวซี (C) และจะมีความแตกต่างจากตัวหนอนของแมลงจำพวกอื่น คือ มีส่วนหัวขนาดใหญ่ที่มีสีเข้มกว่าลำตัวเรียกว่าหัวกะโหลก มีกรามหรือมีเขี้ยว และจะมีรูหายใจที่ข้างลำตัวโดยมีปล้องทั้งหมด 8 ปล้อง ปล้องละคู่ และจะมีขาจริงหลังส่วนหัวด้วยรวม 3 คู่ โดยปกติแล้วจะกินอาหารและอยู่เฉย ๆ ในดินเท่านั้นจะไม่เคลื่อนไหวเท่าใดนัก จึงมีลำตัวที่ใหญ่ ตัวหนอนจะกินธาตุอาหารต่าง ๆ ในดิน
ขณะเข้าสู่ระยะดักแด้ จนกว่าจะเป็นตัวเต็มวัยผุดขึ้นมาจากดิน กินระยะเวลานานราว 1 ปี ขณะที่บางชนิดอาจนานกว่านั้น คือ 2-3 ปี ขณะที่ช่วงระยะเวลาของการเป็นตัวเต็มวัยจะมีอายุเพียง 2-3 เดือนเท่านั้น แต่บางชนิดอาจอยู่ได้นานถึง 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย ด้วงกว่างจึงจะอาศัยอยู่ในป่าหรือพื้นที่ที่มีระบบนิเวศที่อุดมเท่านั้น โดยปกติแล้วจะพบชุกชุมในช่วงฤดูฝน อันเป็นช่วงที่ตัวเต็มวัยจะผุดขึ้นมาดินและผสมพันธุ์ เมื่อตัวเต็มวัยปริตัวออกจากเปลือกที่เป็นดักแด้จะเริ่มปริจากส่วนหัวก่อน และจะรูดตัวออกจากทางส่วนปลายท้องคล้ายกับผีเสื้อ แต่การออกมาของด้วงกว่างนั้นมักวางอยู่พื้นดินเพื่อให้ขยับตัวหรือพลิกตัวคล่ำลงได้ง่ายเพื่อให้ส่วนปีกยืดกางได้เป็นอิสระ ขณะที่ออกมาระยะแรกตัวจะยังขาวซีด ซึ่งต้องใช้เวลาอีกนานเป็นวันเพื่อพัฒนาสีและความแข็งของเปลือกลำตัวให้สมบูรณ์ ขณะที่บางชนิดอาจจะอยู่ในเปลือกดักแด้อีกระยะหนึ่ง จึงค่อยผุดขึ้นมา[5][pai]
พฤติกรรมหากินของด้วงกว่างและความผูกพันกับมนุษย์
[แก้]หากินในเวลากลางคืน โดยจะกินยางไม้จากเปลือกไม้ของต้นไม้ใหญ่ในป่า รวมถึงผลไม้หรือพืชบางชนิดเป็นอาหารด้วย จึงจัดเป็นแมลงศัตรูพืชอย่างหนึ่ง และเหมือนกับแมลงอย่างอื่น คือ เมื่อพบแสงไฟก็จะบินเข้าหา
ด้วงกว่างมีความผูกพันกับมนุษย์มาอย่างยาวนาน โดยใช้ทำเป็นเครื่องประดับหรือรับประทานเป็นอาหาร อีกทั้งยังเป็นที่นิยมในการเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงด้วยในหลายพื้นที่ เพราะเหตุที่สามารถต่อสู้กันได้ จนเกิดเป็นเทศกาลหรือประเพณีท้องถิ่น เช่น ที่ประเทศญี่ปุ่นและภาคเหนือของไทย
เผ่าพร้อมตัวอย่างสกุลและชนิด
[แก้]Auth: Burmeister, 1847. ตัวอย่างสกุล:
Auth: Laporte, 1840. ตัวอย่างสกุล:
- Ancognatha Erichson, 1847
- Cyclocephala Dejean, 1821 (masked chafers)
- Dyscinetus Harold, 1869 (rice beetles)
Auth: MacLeay, 1819. ตัวอย่างสกุล:
- Allomyrina Arrow, 1911 (รวม Trypoxylus)
- Allomyrina dichotoma – Japanese rhinoceros beetle
- Chalcosoma Hope, 1837
- Chalcosoma atlas – Atlas beetle
- Chalcosoma moellenkampi – Moellenkampi beetle
- Chalcosoma caucasus – Caucasus beetle
- Dynastes MacLeay, 1819
- Dynastes hercules – Hercules beetle
- Dynastes neptunus – Neptune beetle
- Eupatorus Burmeister, 1847
- Eupatorus gracilicornis – Five-horned rhinoceros beetle
- Eupatorus siamensis – Siamese beetle
- Eupatorus birmanicus – Rabbit beetle
- Megasoma Kirby, 1825
- Megasoma mars - Mars beetle
- Megasoma elephas - Elephant beetle
- Megasoma actaeon - Actaeon beetle
- Xylotrupes Hope, 1837
- Xylotrupes gideon – Siamese rhinoceros beetle
- Xylotrupes ulysses
ตัวอย่างสกุล:
Auth: Mulsant, 1842. ตัวอย่างสกุล:
- Enema Hope, 1837
- Megaceras Hope, 1837
- Oryctes Hellwig, 1798
- Oryctes nasicornis – European rhinoceros beetle
- Oryctes rhinoceros – Asiatic rhinoceros beetle
- Strategus Kirby, 1828
- Strategus aloeus – ox beetle
- Trichogomphus Burmeister, 1847
- Xyloryctes
ตัวอย่างสกุล:
Auth: Mulsant, 1842. ตัวอย่างสกุล:
- Bothynus Hope, 1837
- Diloboderus Sturm, 1826
- Pentodon Hope, 1837
- Pericoptus Burmeister, 1847
- Thronistes Burmeister, 1847
- Tomarus Erichson, 1847
Auth: Burmeister, 1847; ตัวอย่างสกุล:
หมายเหตุ
[แก้]- ด้วงกว่างชนิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ ด้วงกว่างเฮอร์คิวลิส (Dynastes hercules) พบในภูมิภาคอเมริกากลางจนถึงทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งมีสถิติบันทึกไว้ยาวถึง 220 มิลลิเมตร และมีเขาที่ยาวมาก นอกจากนี้แล้วยังถือว่าเป็นสัตว์ที่แข็งแรงที่สุดในโลกด้วยเมื่อเปรียบเทียบแล้ว โดยสามารถยกหรือลากสิ่งที่มีน้ำหนักมากกว่าตัวเองได้ถึง 850 เท่า[6]
- ด้วงกว่างชนิดที่พบได้บ่อยและเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในประเทศไทย คือ ด้วงกว่างโซ้ง หรือ ด้วงกว่างชน (Xylotrupes gideon) เป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงฤดูฝนในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ มีการจัดเป็นประเพณีหรือเทศกาล มีการประกวดแข่งขันความสวยงามของด้วงกว่าง และการแข่งขันการชนกันด้วย [7]
- ด้วงกว่างชนิดที่ใหญ่ที่สุดที่พบได้ในประเทศไทย คือ ด้วงกว่างสามเขาจันทร์ (Chalcosoma caucasus) มีขนาดความยาวถึง 120 มิลลิเมตร และยาวได้ถึง 130 มิลลิเมตรในประเทศอินโดนีเซีย ในประเทศไทยพบเฉพาะที่จังหวัดจันทบุรีเท่านั้น[8]
- ด้วงกว่างเป็นแมลงที่มักถูกอ้างอิงหรือกล่างถึงวัฒนธรรมร่วมสมัยหลายอย่าง เช่น อนิเมะชั่นหรือในมังงะหลายเรื่อง เช่น A Bug's Life ในปี ค.ศ. 1998 ของพิกซาร์ หรือ Mushiking: Battle of the Beetles ซึ่งเป็นการ์ตูนญี่ปุ่น เป็นต้น[9]
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ Bouchard, P., Y. Bousquet, A. Davies, M. Alonso-Zarazaga, J. Lawrence, C. Lyal, A. Newton, et al. (2011). "Family-group names in Coleoptera (Insecta)". ZooKeys, vol. 88, 1-972.
- ↑ [1]เก็บถาวร 2011-09-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน กว่าง ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542
- ↑ Beutel, Rolf G.; Leschen, Richard A.B., บ.ก. (2016-03-21). Coleoptera, Beetles, Volume 1, Morphology and Systematics (Archostemata, Adephaga, Myxophaga, Polyphaga partim). De Gruyter. doi:10.1515/9783110373929. ISBN 978-3-11-037392-9.
- ↑ พิสุทธิ์ เอกอำนวย, คู่มือคนรักแมลง 2 การเลี้ยงด้วง (มีนาคม พ.ศ. 2552) หน้า 152 ISBN 978-974-660-832-9
- ↑ พิสุทธิ์ เอกอำนวย, คู่มือคนรักแมลง 1 ด้วงปีกแข็ง แมลงลึกลับ กับเทคนิคการเพาะเลี้ยง (สิงหาคม พ.ศ. 2551) หน้า 28-29 ISBN 978-974-8132-25-9
- ↑ สัตว์ ที่ แข็งแรงที่สุดในโลก (Strongest animal)
- ↑ "กว่างนักสู้ภาคสอง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-10-16. สืบค้นเมื่อ 2011-09-29.
- ↑ Chalcosoma caucasus (Fabricius 1801)[ลิงก์เสีย]
- ↑ "ด้วงกว่างญี่ปุ่นหรือมูชิคิง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-04-28. สืบค้นเมื่อ 2011-09-29.
อ่านเพิ่ม
[แก้]- Endrödi, S. (1985). The Dynastinae of the World. Series Entomologica. Vol. 28. Dr. W. Junk Publishers. ISBN 978-9061931386.
- Dechambre (R.-P.) & Lachaume (G.) The Beetles of the World, volume 27, The genus Oryctes (Dynastidae), Hillside Books, Canterbury [2]