ข้ามไปเนื้อหา

ดาบมังกรหยก ตอน เทพบุตรมังกรฟ้า

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ดาบมังกรหยก ตอน เทพบุตรมังกรฟ้า
ปกดีวีดีภาพยนตร์
ประเภทWuxia
เขียนโดย
  • กิมย้ง (original story)
  • กวน ฉินบก
  • หลอ ฮอนหว่า
  • ถัง ไหว่หลิง
  • หลี่ หยินปิง
  • เล่า บักนุง
กำกับโดย
แสดงนำ
ผู้ประพันธ์ดนตรีแก่นเรื่องไมเคิล หลาย
ดนตรีแก่นเรื่องเปิดKim Bun Sui Tsoi (劍伴誰在)
ขับร้องโดย เหลียง เฉาเหว่ย และ เหมย ยั่นฟาง
ประเทศแหล่งกำเนิดฮ่องกง
ภาษาต้นฉบับกวางตุ้ง
จำนวนตอน40
การผลิต
ผู้อำนวยการสร้างหว่อง ทินหลาม
สถานที่ถ่ายทำฮ่องกง
ผู้ลำดับภาพตาม หลิง
ความยาวตอน42 นาที
บริษัทผู้ผลิตTVB
ออกอากาศ
เครือข่ายTVB Jade
ออกอากาศ3 พฤศจิกายน –
30 ธันวาคม พ.ศ. 2529

ดาบมังกรหยก 1986 หรือ ดาบมังกรหยก ตอน เทพบุตรมังกรฟ้า (อังกฤษ: New Heaven Sword and Dragon Saber) เป็นละครโทรทัศน์ที่กล่าวถึงเรื่องราวของวรรณกรรมชิ้นเอกของ กิมย้ง เรื่อง มังกรหยก ภาค 3 ตอน กระบี่อิงฟ้า ดาบฆ่ามังกร อีกเวอร์ชันหนึ่ง ออกอากาศครั้งแรกในเกาะฮ่องกงทางช่อง TVB และได้เรตติ้งเฉลี่ย 54 จุดเปิด ส่วนในประเทศไทย จะออกอากาศทางช่อง 3 นำแสดงโดย เหลียง เฉาเหว่ย, เติ้ง ชุ่ยเหวิน, คิตตี้ ไล, เส้า เหม่ยฉี, เจิ้ง อวี้หลิง, เหริน ต๋าหัว, เคนเนธ ซาง ละครเรื่องนี้เป็นละครภาคต่อของ มังกรหยก ภาค 2 ตอน จอมยุทธอินทรี มีการนำไปออกอากาศที่จีน เช่นกัน แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมเพราะได้เรตติ้งในจีนไม่ค่อยสูง[1]

เนื้อเรื่อง

[แก้]

ละครเรื่องนี้กล่าวข้ามระยะเวลาถัดจากมังกรหยก ภาค 2 ไปสามถึงสี่ชั่วอายุคน เกี่ยวกับการช่วงชิงความเป็นใหญ่ในยุทธภพของสำนักง้อไบ๊ และสำนักบู๊ตึ้ง ตัวเอก เตียบ่อกี้ (บุตรชายเพียงคนเดียวของ จอมยุทธ์ที่ห้า แห่งสำนักบู๊ตึ้ง เตียชุ่ยซัว และ บุตรีของจ้าวอินทรีคิ้วขาวแห่งพรรคมาร ฮึงซู่ซู่) ซึ่งเป็นลูกหลานในบู๊ตึ้งต้องผจญภัยมากมาย และสุดท้ายได้เป็นประมุขนิกายเม้งก่า (บางสำนวนใช้ พรรคจรัสหรือพรรครุ่งเรือง) ซึ่งมีบทบาทในการกอบกู้ประเทศจากมองโกล โดยนางเอกในภาคนี้ชื่อหมิ่นหมิ่น (เตี๋ยเมี่ยง) เป็นลูกสาวของอ๋องมองโกล

รายชื่อนักแสดง

[แก้]

ตัวละครหลัก

[แก้]

นิกายโชติช่วง (เม้งก่า)

[แก้]
  • หลิว เจ้าหมิง รับบท เอี๊ยงเต็งที
  • อู๋ เจียลี่ รับบท เอี๊ยงฮูหยิน

สองเทพสราญรมย์

[แก้]
  • หลีฮั่นฉือ รับบท ทูตซ้ายเจิดจรัส เอี้ยเซียว
  • เถา ต้าอวี่ รับบท ทูตขวาเจิดจรัส ฮ่วมเอี้ยว / หลวงจีนทุกขตา

สี่อธิราช

[แก้]
  • หูเหม่ยอี๋ รับบท พญามังกรเสื้อม่วง ไดอีชี่ / แม่เฒ่ากิมฮวย
  • หลันเทียน รับบท ขุนเหยี่ยวคิ้วขาว ฮึงทีเจี่ย
  • เจิงเจียง รับบท ราชสีห์ขนทอง เจี่ยซุ้ง
  • สวี่เส้าสยุง รับบท จ้าวค้างคาวปีกเขียว อุ้ยเจ็กเฉีย

ห้าผู้พเนจร

[แก้]
  • อวี๋เทียนเหว่ย รับบท นักพรตมาลาเหล็ก เตียตง
  • ฉินหวง รับบท ยอดพิลึก จิวเตียง
  • ม่ายจื่ออวิ๋น รับบท ซินแสหน้าเย็น แนเคี้ยม
  • เจิงเหว่ยหมิง รับบท ภิกษุแซ่แพ้ แพ้อิ้งเง็ก
  • จวิ้นสยุง รับบท หลวงจีนถุงผ้า ซวยปุกเต็ก

พรรคเหยี่ยวฟ้า

[แก้]
  • จางเหลย รับบท ฮึงเอี่ยอ๊วง
  • จูเถี่ยเหอ รับบท แป๊ะกูซิ่ว

อื่น ๆ

[แก้]
  • อู๋เชี่ยนเวย รับบท เอี้ยปุ๊กฮุ่ย
  • ม่ายฮ่าวเหวิน รับบท จูง้วนเจียง
  • เหลียงหงหัว รับบท เซี่ยงง้อชุน
  • เฉินตี๋เคอะ รับบท ฉื่อตั๊ก

หุบเหวผีเสื้อ

[แก้]
  • กวนไห่ซัน รับบท จับตายไม่รักษา โอ้วแชงู้
  • ไป๋อิน รับบท เซียนพิษ เฮ้งลั่งโกว

สำนักบู๊ตึ๊ง

[แก้]
  • เป้าฟาง รับบท เตียซำฮง
  • เหอซู่เซิน รับบท เม้งเซียงหน้าหยก ซ้งแชจือ

เจ็ดจอมยุทธ์

[แก้]
  • หวงอวิ่นไฉ รับบท ซ้งเอี้ยงเกี๊ย
  • หลงเทียนเซิง รับบท ยู้เน้ยจิว
  • เลี่ยวฉีจื้อ รับบท ยู้ไต้ง้ำ
  • อ้ายเวย รับบท เตียซงโค่ย
  • ไต้จื้อเหว่ย รับบท ฮึงหลีเต๊ง
  • หลี่ซู่เจีย รับบท มกเซียก๊อก

สำนักง้อไบ๊

[แก้]
  • เจิงหัวเชี่ยน รับบท ก๊วยเซียง
  • หลี่เซียงฉิน รับบท มิกจ้อ
  • หลัวหลัน รับบท แจ๋เฮี้ยง
  • หวงหมิ่นอี๋ รับบท เต็งเมี่ยงกุง
  • หรงฮุ่ยเหวิน รับบท กีเฮียวฮู้
  • ซูซิ่งเสวียน รับบท แจ๋เจียว
  • เหลียงอ้าย รับบท แจ๋เกีย

วัดเสี้ยวลิ้ม

[แก้]
  • เกาสง รับบท กักเอี๊ยง
  • ลู่อิงคัง รับบท คงเกี่ยง
  • จางอิงไฉ รับบท คงบุ๊ง
  • หลิวเจียง รับบท หัตถ์อสนีบาต เซ่งคุน / อี่จิง
  • เหอปี้เจียน รับบท คงตี่
  • เซวียฉุนจี รับบท คงแส่

สำนักคุ้มภัย

[แก้]
  • ลั่วอิงจวิน รับบท โตวไต้กิม

สำนักคุนลุ้น

[แก้]
  • หลี่เฉิงชาง รับบท สามศักดิ์สิทธิ์คุนลุ้น ฮ่อจกเต๋า
  • หลิวตัน รับบท ฮ่อไท้ชง
  • เกาเมี่ยวซือ รับบท ปังซกเฮี้ยง
  • สวี่อี้หัว รับบท อุ้ยสี่เนี้ย

สำนักคงท้ง

[แก้]
  • เฉินกั๋วเฉวียน รับบท จงยุ่ยเฮียบ
  • ซูฮั่นเซิง รับบท เชียงเก่งจือ

ตำหนักลื่อเอี๊ยง

[แก้]
  • หวงซิ่น รับบท ลื่อเอี๊ยงอ๋อง ซากันเตมูร์
  • ฝงกั๋ว รับบท คาฮาเตมูร์ / เฮ้งปอป้อ
  • หลีเย่าเสียง รับบท แม่ทัพฮา

สองภูตเร้นลับ

[แก้]
  • จูกัง รับบท มารขาว พู่กันกระเรียนเฒ่า
  • เจิ้งฟานเซิง รับบท มารดำ อาคันตุกะไม้เท้ากวาง

ตัวละครอื่น ๆ

[แก้]
  • เฉินหรงจวิ้น รับบท ฮั่งโชยเฮียะ / ซินแสเงิงเอี๊ยบ
  • เหอกุ้ยหลิน รับบท ตั้งอิวเลี้ยง
  • เซียะหนิง รับบท ดรุณีเสื้อเหลือง (ไม่ใช่กลุ่มพันธมิตรแต่อย่างใด)

บ้านตระกูลจู - บู๊

[แก้]
  • ถานปิ่งเหวิน รับบท จูเชี่ยงเล้ง
  • เยี่ยเทียนสิง รับบท บู๊เลียก
  • หลิวปี้อี๋ รับบท จูเก้าจิน
  • เจิงฮุ่ยอวิ๋น รับบท บู๊แชเอ็ง
  • กวนจั๋วหยวน รับบท อุยเปียะ

เรตติ้ง

[แก้]

ในฮ่องกง

[แก้]

ดาบมังกรหยก 1986 (มังกรหยก ภาค 3) ฉบับนี้ ได้เรตติ้งน้อยที่สุด ในบรรดางานสร้าง มังกรหยก ในยุค 80s ของทั้งสามภาค โดยได้เรตติ้งเฉลี่ยต่อตอน 54 จุดเปิด (จริง ๆ เรตติ้งในระดับนี้ถือว่าสูงมากแล้ว)

อาจเพราะโดนผลกระทบจากผู้ชมในยุคนั้นทางเกาะฮ่องกง ได้นำไปเปรียบเทียบกับเวอร์ชันเก่า ดาบมังกรหยก 1978 ฉบับ เจิ้งเส้าชิว ที่ได้รับความนิยมในฮ่องกงมากกว่า[2]แต่ถึงอย่างไร ดาบมังกรหยก 1986 ฉบับ เหลียงเฉาเหว่ย ชุดนี้ก็เป็นหนึ่งในสิบอันดับละครที่มีเรตติ้งเฉลี่ยต่อตอนมากที่สุดแห่งปีค.ศ. 1986 ในฮ่องกง

ในจีน

[แก้]

มีการนำไปออกอากาศในจีนเช่นกัน แต่กลับได้เรตติ้งในจีนไม่สูง ไม่ค่อยได้รับความนิยม เท่างานสร้างของเวอร์ชันฮ่องกงในยุคถัดมา คือ ดาบมังกรหยก 2001 เวอร์ชัน อู๋ฉีหัว รับบท เตียบ่อกี้ ซึ่งเป็นเวอร์ชันยุคถัดมาที่ได้รับความนิยมในจีนมากกว่าด้วยเรตติ้งที่สูงกว่าเวอร์ชัน เหลียงเฉาเหว่ย จึงทำให้ในจีนยกย่อง ดาบมังกรหยก 2001 ว่าเป็นเวอร์ชันคลาสสิกของทางฮ่องกงที่ ประสบความสำเร็จทางด้านเรตติ้งในจีนมากที่สุด

ทั่วโลก

[แก้]

เรตติ้งทั่วโลกมียอดรวมที่ไม่ค่อยสูง จึงทำให้ ดาบมังกรหยก ฉบับนี้ ไม่ติดสิบอันดับละครทีวีบีที่มีเรตติ้งสูงสุดทั่วโลก

อิทธิพล

[แก้]

ถึงแม้ว่าตอนฉายครั้งแรกในฮ่องกง ผู้ชมจะนำไปเปรียบเทียบกับ ดาบมังกรหยก 1978 เวอร์ชัน เจิ้งเส้าชิว แล้วเกิดกระแสวิพากวิพากษ์วิจารณ์ก็ตาม

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ดาบมังกรหยก ชุดนี้ กลับเป็นที่กล่าวถึงและยกย่องว่า เป็นหนึ่งในละครคลาสสิคยุค 80 ที่อยู่ในใจชาวฮ่องกง

การคัดเลือกนักแสดงและบทสรุป

[แก้]

วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2528 (1985) หลังจากงานเฉลิมฉลองวันเกิดครบรอบ 18 ปีของทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) [3]"หลิวเทียนซื่อ (劉天賜) " ผู้จัดการฝ่ายผลิตทั่วไปกล่าวว่า ได้มีการแนะนำแผนการผลิตละครใหม่สำหรับออกอากาศในปีหน้าพ.ศ. 2529 (1986) เขาได้รวบรวมความคิดเห็นและระบุว่า อาจจะมีการรีเมคละครกิมย้งเรื่อง "ดาบมังกรหยก" ขึ้นมาใหม่อีกครั้งแต่ยังไม่มีการคอนเฟริ์ม

วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2528 "หวังเทียนหลิน" ได้เริ่มเตรียมงานสำหรับละครเรื่องนี้ โดยเขาระบุว่า ดาบมังกรหยก เวอร์ชันใหม่ จะมีการตีความเปลี่ยนไปจากฉบับเก่า "ดาบมังกรหยก 1978" เวอร์ชัน เจิ้งเส้าชิว

วันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2529 หลิวเทียนซื่อ ยืนยันชัดเจนว่าจะมีการสร้าง "ดาบมังกรหยก" ขึ้นใหม่ภายในปีนี้ และยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมทางบ้านส่งจดหมายเสนอชื่อนักแสดงในบทต่าง ๆ เข้ามายังบริษัท เพื่อใช้ร่วมในการพิจารณาคัดนักแสดง

ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2529 หวังเทียนหลิน ได้กล่าวว่า ทีวีบีได้เลือก เหลียงเฉาเหว่ย สำหรับบท เตียบ่อกี้ ส่วนในบทตัวละครนำฝ่ายหญิง ได้มีผู้ชมทางบ้านจำนวนมากส่งจดหมายเสนอชื่อของ เซียะหนิง รับบท เตี๋ยเมี่ยง

ถึงแม้ เซียะหนิง จะเป็นคนแรกที่ถูกเสนอชื่อเข้ามาอย่างมากมาย แต่ หวังเทียนหลิน กลับปฏิเสธและเห็นว่า เธอไม่เหมาะกับบท เตี๋ยเมี่ยง นัก ในอนาคตคงจะมีบทบาทที่เหมาะสมกับเธอมากกว่านี้

ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529 หวังเทียนหลิน ทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ของละครเรื่องนี้ และยังคงยืนยันเลือก เหลียงเฉาเหว่ย เป็นผู้ที่เหมาะสมในการเล่นเป็น เตียบ่กี้ ต่อมาได้มีคนเสนอชื่อ เติ้งชุ่ยเหวิน และ หลันเจี๋ยอิง ให้รับบท จิวจี้เยียก และ เตี๋ยเมี่ยง แต่ทั้งสองคนยังคงไม่ได้รับการพิจารณาในขณะนั้น

ในปลายเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529 ละครเรื่องนี้ได้จัดการประชุมเหล่านักเขียนบทและได้รวบรวมรายชื่อนักแสดงทั้งหมดสำหรับตัวละครหญิง แต่การตัดสินใจถูกเลื่อนออกไปเพราะ หลิวเทียนซื่อ ผู้จัดการฝ่ายผลิตไม่มาประชุม

ช่วงกลางเดือนมีนาคม ทั้ง เติ้งชุ่ยเหวิน และ หลันเจี่ยอิง ได้รับแจ้งจากทางทีวีบีให้ร่วมแสดงนำในละครเรื่องนี้ แต่ทั้งสองคนกลับยังไม่รู้ว่าจะได้รับบทบาทอะไรในละครเรื่องนี้

ปลายเดือนมีนาคม หวังเทียนหลิน กล่าวว่า บทเตี่ยเมี่ยง นางเอกของเรื่องยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใครและยังคงอยู่ระหว่างการโต้เถียง โดยเขาหวังแต่เพียงว่า เติ้งชุ่ยเหวิน จะได้เล่นเป็น จิวจี้เยียก ส่วน หลันเจี่ยอิง จะได้เล่นเป็น เตี๋ยเมี่ยง ต่อมา หวังเทียนหลิน เสนอทางทีวีบีให้ ว่านจือเหลียง รับบทเล่นเป็น "เตียฉุ่ยซัว" หรือไม่ก็ หลี่เหลียงเหว่ย แต่ต่อมาถูกทางทีวีบี ปฏิเสธ

วันที่ 8 พฤษภาคม หวังเทียนหลิน ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีมติเป็นเอกฉันท์และตัดสินใจว่า

  • หลันเจี่ยอิง จะได้เล่นเป็น เตี๋ยเมี่ยง
  • เติ้งชุ่ยเหวิน จะได้เล่นเป็น จิวจี้เยียก
  • เฉินอันอิ๋ง จะได้เล่นเป็น ฮึงลี้ / ตูยี้
  • เหอเหม่ยถิง จะได้เล่นเป็น เอี้ยปุ๊กฮุ่ย
  • เยิ่นต๊ะหัว  จะได้เล่นเป็น เตียฉุ่ยซัว
  • เจิ้งอวี้หลิง จะได้เล่นเป็น  ฮึงซู่ซู่

วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 ได้มีการกำหนดบทบาทของนักแสดงสำหรับละครเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง โดยมีนักแสดงเพิ่มเติมคือ เส้าเหม่ยฉี จะได้รับบท "เสี่ยวเจียว" โดย หวังเทียนหลิน กล่าวว่า เจิงหัวเชี่ยน จะปรากฏตัวในละครเรื่องนี้ด้วยอีกคนแต่ยังหาบทบาทที่เหมาะสมให้กับเธอยังไม่ได้

ส่วนทางทีมงานคัดนักแสดง ได้มีการพูดคุยกันและมีการพิจารณาเสนอชื่อ เจิงหัวเชี่ยน มาเล่นเป็น จิวจี้เยียก แทน เติ้งชุ่ยเหวิน เพราะในช่วงเวลานั้นเธอกับเหลียงเฉาเหว่ย เป็นคู่รักที่ร้อนแรงในตอนนั้น มีข่าวรัก ๆ เลิก ๆ กันบ่อยครั้ง ซึ่งความสัมพันธ์ของทั้งสองคนคล้ายกับตัวละคร เตียบ่กี้ กับ จิวจี้เยียก ในละครคือ มีทั้งความรักและความเกลียดชังและยังซับซ้อน ซึ่งจะทำให้ทั้งสองคนเข้าถึงบทบาทได้เป็นอย่างดี แต่ต่อมา เจิงหัวเชี่ยน ได้ปฏิเสธโดยเธอคิดว่าจะไม่แสวงหาโอกาสจากกรณีนี้ ดังนั้นเธอจึงคัดค้านและไม่รับบท จิวจี้เยียก

ช่วงนั้น หวังเทียนหลิน กล่าวด้วยว่า นักแสดงยังคงมีการเปลี่ยนแปลงจนกว่าจะเริ่มถ่ายทำในสิ้นเดือนกรกฎาคม

วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2529 ตัวนักแสดงมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทางด้าน หวังเทียนหลิน ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ทางทีวีบี จะมีการเปลี่ยนตัวแสดง โดยเดิมวางแผนที่จะให้ โจวไห่เม่ย มาเล่นบทเป็น เตี๋ยเมี่ยง แทน หลันเจี๋ยอิง แต่ตอนนี้ทางทีวีบีได้ตัดสินใจว่าจะเอา หลีเหม่ยเสียน มาเล่นบท เตี๋ยเมี่ยง แทน ในขณะที่ โจวไห่เม่ย จะให้ไปเล่นเป็น "เอี้ยปุ๊กฮุ่ย" แทน เหอเหม่ยถิง และ เหอเหม่ยถิง จะถูกพิจารณาในบทอื่นอีกครั้ง ทางด้าน เจิงหัวเชี่ยน จะเป็นแขกรับเชิญในบท ก๊วยเซียง

หวังเทียนหลิน ชี้แจ้งให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงบทบาทครั้งนี้เป็นความตั้งใจของทางบริษัททั้งหมด เนื่องจากทีมสร้างสรรค์ของละครเชื่อว่ารูปลักษณ์ของ โจวไห่เม่ย ไม่เหมาะกับบท เตี๋ยเมี่ยง และ หลีเหม่ยเสียน ดูมีความเหมาะสมมากกว่า ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ก็เป็นไปตามความเห็นของบริษัท

ช่วงนั้นทั้ง หลันเจี๋ยอิง และ หลีเหม่ยเสียน มีคิวถ่ายละครเรื่องเดียวกันและกำลังยุ่งอยู่กับการถ่ายทำละครสากลเรื่อง "วีระบุรุษมือปราบ" (英雄故事 1986) ทางด้านทีวีบีรู้สึกว่า บทเตียเมี่ยง เป็นบทบาทที่หนักเกินไปสำหรับ หลันเจี๋ยอิง และกลัวว่าเธอจะรับมือกับตัวละครตัวนี้ได้ยาก ดังนั้นทางบริษัทจึงพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าจะไม่ให้เธอเล่นบทนี้ ส่วนทางด้าน หลีเหม่ยเสียน ที่กำลังยุ่งอยู่กับการถ่ายทำละครสากลเรื่องเดียวกันกับ หลันเจี่ยอิง ในขณะนั้น แต่ทางบริษัทกลับเชื่อว่าเธอมีพรสวรรค์เพียงพอ เพราะผ่านการแสดงละครมาแล้วกว่าครึ่งปี และยังมีประสบการณ์การฝึกอบรมในชั้นเรียนมาก่อน น่าจะสามารถรับมือกับบทบาท เตียเมี่ยง ได้อย่างแน่นอน

เมื่อ หลันเจี่ยอิง ได้รับข่าวว่าเธอถูกแทนที่โดย หลีเหม่ยเสียน และรายชื่อถูกถอนออกจากละคร เธอโกรธทันที เธอไม่คิดว่าทางทีวีบีจะทำกับเธอเช่นนี้ เธอคิดว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับการที่เธอปฏิเสธที่จะเซ็นสัญญาระยะยาว 5 ปี กับทางทีวีบี 

"เติ้งฉีหยาง" แฟนหนุ่มของ หลันเจี๋ยอิง ในขณะนั้นได้ฆ่าตัวตายอย่างกะทันหันเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ข่าวลือว่าทั้งคู่ทะเลาะกัน กลายเป็นข่าวซุบซิบ นักข่าวบางคนตั้งคำถามว่าอาจเกิดจากบทบาทของ หลันเจี่ยอิง ถูกเปลี่ยนไปเป็นของคนอื่น เธอจึงเครียดและมีปากเสียงกับแฟนหนุ่ม

ทางด้าน หวังเทียนหลิน กล่าวว่า เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว ผู้ชมบางคนคิดว่า หลันเจี๋ยอิง ดังกว่า หลีเหม่ยเสียน และการเปลี่ยนแปลงบทบาทจะส่งผลกระทบต่อเรตติ้ง แต่ตราบใดที่บทบาทเหมาะสม ฉันเชื่อว่าปัญหาการเปลี่ยนตัวจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่

วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 ทีมนักแสดงทั้งหมดที่ถูกวางตัวไว้ได้มาถ่ายภาพนิ่งสำหรับโปรโมทละครเรื่องนี้ และรายชื่อนักแสดงของละครก็ได้รับการเปิดเผยออกสื่ออย่างเป็นทางการ ทางด้าน โจวไห่เม่ย กล่าวว่า เธอรู้สึกขอบคุณที่ ทีวีบี ได้ให้โอกาสเธอแสดงในบท เอี้ยปุ๊กฮุ่ย ถึงแม้ว่าบทบาทนี้ของเธอในละครจะมีไม่มากนักก็ตาม แต่ก็ทำให้เธอสามารถแสดงทักษะการแสดงได้อย่างเต็มที่

ไม่นานละครเรื่องนี้ก็มีการเปลี่ยนตัวนักแสดงอีกครั้ง จากเดิม โจวไห่เม่ย รับบท เอี้ยปุ๊กฮุ่ย แทน เหอเหม่ยถิง และให้ เหอเหม่ยถิง รับบทเป็น "จูเก้าจิน" ต่อมาได้มีการเปลี่ยนตัวให้ หลิวปี้อี๋ (劉碧儀) มารับบทเป็น จูเก้าจิน แทนที่ เหอเหม่ยถิง

ทาง หวังเทียนหลิน ได้รับการร้องเรียนจำนวนมากจากผู้ชมที่ไม่เห็นด้วยกับทีวีบี ที่ได้เลือกเอา หลีเหม่ยเสียน มารับบทเป็น เตี๋ยเมี่ยง เขาตอบว่าเขาทำทุกอย่างตามคำแนะนำของทางบริษัท แต่ยังคงกังวลมากว่า หลีเหม่ยเสียน จะแสดงบทนี้ออกมาได้ดีหรือไม่ เพราะดาบมังกรหยกเวอร์ชัน 1978 วังหมิงฉวน รับบท เตี๋ยเมี่ยง จนคนดูประทับใจอย่างมาก

ทางด้าน นักข่าวเห็นชัดเจนว่า ทีวีบี ต้องการสนับสนุนผลักดัน หลีเหม่ยเสียน อย่างชัดเจน ซึ่งเธอก็เข้าใจตรงจุดนี้ด้วยว่าหาก หวังเทียนหลิน ไม่เลือกเธอ เขาจะถูกตัดออกจากการเป็น "ผู้อำนวยการสร้าง" ของละครเรื่องนี้ และ หลีเหม่ยเสียน ไม่กลัวที่จะถูกเปรียบเทียบกับ วังหมิงฉวน (เตี๋ยเมี่ยงคนก่อน) โดยเธอกล่าวว่า เธอไม่จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจาก วังหมิงฉวน และยืนยันจะแสดงบทนี้ในแบบฉบับของตัวเอง ส่วนทางด้าน วังหมิงฉวน เองก็ไม่เคยแสดงความคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกับการสร้างละครเรื่องนี้ขึ้นมาใหม่เช่นกัน

ทางด้าน เหลียงเฉาเหว่ย กล่าวว่าเขาได้อ่านสคริปต์และรวบรวมข้อมูลแล้ว และคิดว่าบท เตียบ่กี้ เป็นบทที่เล่นไม่ยากและค่อนข้างเข้าใจได้ง่าย

ส่วน เติ้งชุ่ยเหวิน ได้รับคำชมจาก หวังเทียนหลิน ว่า เธอมีบุคลิกคล้าย จิวจี้เยียก ที่ เจ้าหย่าจือ แสดง ตรงที่บุคลิกภายนอกดูอ่อนโยน แต่ภายในแฝงไปด้วยความดื้อรั้น ซึ่งเติ้งชุ่ยเหวิน เหมาะสมกับบทนี้มาก เธอคือตัวเลือกในอุดมคติของบทจิวจี้เยียก สวนทางกับทาง หลีเหม่ยเสียน ที่ยังคงถูกผู้คนส่งจดหมายจำนวนมากถึงทีวีบี แสดงความไม่พึงพอใจในการเลือกเธอมารับบท เตี๋ยเมี่ยง

โดยทางด้าน หวังเทียนหลิน และ บรรณาธิการของทีวีบี หวังแต่เพียงว่า หลันเจี๋ยอิง จะถูกทีวีบีเรียกกลับมาให้รับบทเป็น เตี๋ยเมี่ยง อีกครั้ง พวกเขาคิดว่า เธอมีความงามและบุคลิกเย่อยิ่งจองหอง คล้ายกับตัวละครตัวนี้มาก ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากกว่า หลีเหม่ยเสียน

มีนักข่าวบางคนเชื่อว่า หวังเทียนหลิน รู้สึกไม่พอใจและผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่บท เตี๋ยเมี่ยง ถูกแทนที่โดย หลีเหม่ยเสียน เพราะ หวังเทียนหลิน ได้ชี้แจ้งให้เห็นว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายมากที่ หลันเจี๋ยอิง ไม่ได้รับบทนี้และเขายังคงมีความหวังลึก ๆ ว่าทีวีบีอาจเปลี่ยนใจก่อนมีการเปิดกล้องละคร ด้วยเหตุผลสองประการ คือ

  • ประการแรก ในช่วงนั้น หลันเจี่ยอิง ดังกว่า หลีเหม่ยเสียน เป็นชื่อดาราที่ใหญ่กว่าในมือของเขา
  • ประการที่สอง เขาหวงแหนโอกาสนี้เพราะตั้งแต่ หลันเจี๋ยอิง เข้าสู่สังกัดทีวีบี พวกเขาทั้งสองคนไม่เคยได้ร่วมงานกันเลย

ถึงแม้จะมีการทักท้วงมากมายแต่ หลีเหม่ยเสียนยังคงแสดงความเต็มใจที่จะเผชิญหน้ากับมัน เธอกล่าวว่า ทีวีบี ได้แจ้งให้เธอทราบว่าจะได้รับบทเล่นเป็น เตี๋ยเมี่ยง อย่างลับ ๆ หนึ่งเดือนก่อนจะ ประกาศรายชื่ออย่างเป็นทางการ เธอเพียงทำตามแผนการของบริษัทเท่านั้น ทางด้าน เติ้งชุยเหวิน เพื่อนสนิทของ หลันเจี๋ยอิง ย้ำคำแถลงอย่างเป็นทางการและกล่าวว่า ในตอนแรกที่มีการเปลี่ยนคนแสดงในบท เตี๋ยเมี่ยง เธอก็รู้สึกผิดหวัง แต่ต่อมาเธอกลับรู้สึกว่า หลีเหม่ยเสียน ไม่ได้เลวร้ายอะไร และเธอก็เหมาะสมดี

ในขณะที่ผู้คนในฮ่องกงกำลังพูดถึงการเปลี่ยนแปลงบทบาท เตี๋ยเมี่ยง กันอย่างครึกโครม ทางด้าน หลันเจี๋ยอิง กลับซ่อนตัวเองเงียบ ๆ อยู่ในสตูดิโอและหมกมุ่นอยู่กับงานแสดงละครเรื่องอื่นของเธอ และไม่วิจารณ์ หลีเหม่ยเสียน ใด ๆ

ในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2529 ทีมนักแสดงฝ่ายหญิงมีการถ่ายรูปครั้งที่สองเพื่อจะใช้ในการโปรโมทละคร มีทั้ง เติ้งชุ่ยเหวิน, หลีเหม่ยเสียน, หลิวปี้อี๋ และ โจวไห่เม่ย ทาง หวังเทียนหลิน ไม่ค่อยพอใจกับการคัดเลือกนักแสดงในครั้งสุดท้ายนี้เท่าไรนัก และได้ขอให้ทางบริษัทเพิ่มเงินทุนในการผลิตเพิ่มเติมถึง 90,000 เหรียญต่อตอน แต่ ทีวีบี ไม่อนุมัติเนื่องจากปัญหาด้านเงินทุน และตั้งข้อกำหนดกฎว่าในการถายทำหนึ่งตอนเงินต้องไม่เกินขีดจำกัดที่ให้ไป

จากเดิมการถ่ายทำมีกำหนดจะเริ่มถ่ายในวันที่ 21 กรกฎาคม แต่ก็ต้องถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 8 สิงหาคม 

ต่อมา โจวไห่เม่ย ขอถอนตัวจากบท "เอี้ยปุ๊กฮุ่ย" เพราะติดคิวงานละคร

วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2529 ได้นักแสดงสาวดาวรุ่ง "'อู๋เชี่ยนเวย" มารับบทเป็น เอี้ยปุ๊กฮุ่ย แทนโจวไห่เม่ย

ทางด้าน หวังเทียนหลิน ได้ชี้แจ้งเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า โจวไห่เม่ย ขอถอนตัวเพราะต้องการเล่นละครเรื่อง คนเหนือคน  (赤腳紳士 1986) ที่มีบทดีกว่าเพราะได้รับบทนางเอกครั้งแรก

หลังจากนั้น มีการเปิดกล้องละครถ่ายทำ หวังเทียนหลิน เป็นผู้อำนวยการผลิตละครเรื่องนี้ เขาได้ไปเยี่ยมเยียนกองถ่าย และกล่าวชื่นชมสำหรับทักษะการแสดงของ เติ้งชุยเหวิน ส่วน หลีเหม่ยเสียน เขากล่าวว่ายังไม่ได้เห็นเธอเข้าฉากถ่ายทำเลยยังไม่รู้ว่าทักษะการแสดงของเธอเป็นอย่างไร สำหรับ อู๋เชี่ยนเว่ย เขากล่าวว่า ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ แต่ฉันเชื่อว่าเธอสามารถแสดงได้ ต่อมา เซียะหนิง ถูกทีวีบีเรียกตัวให้มารับบทเป็น "แม่นางเสื้อเหลือง"

สำหรับบทบาทในละครเรื่องนี้ของ เจิ้งอวี้หลิง และ เยิ่นต๊ะหัว นั้น หวังเทียนหลิน กล่าวชื่นชมมากในความทุ่มเท โดยเฉพาะ เจิ้งอวี้หลิง

สำหรับ เหลียงเฉาเหว่ย ถึงแม้เขาจะแสดงได้ดี แต่มีข่าวว่า เขามักจะมากองถ่ายสายหลายครั้งโดยไม่ให้เหตุผล หวังเทียนหลิน ชี้แจ้งว่าเขาได้พูดคุยกับเหลียงเฉาเหว่ยแล้ว ช่วงนั้นเขาอารมณ์ไม่ดี แต่เขาจะปรับปรุงตัวในภายหลัง

วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2529 ช่วงกำลังถ่ายทำละคร ทาง หวังเทียนหลิน ได้กล่าวชื่นชมทักษะการแสดงของ เจิ้งอวี้หลิง อีกครั้ง และชี้แจ้งว่า ถึงแม้ทั้ง เยิ่นต๊ะหัว และ เจิ้งอวี้หลิง จะแสดงในละครได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ เหลียงเฉาเหว่ย, เติ้งชุ่ยเหวิน และ หลีเหม่ยเสียน ก็ทำได้ดี เช่นกัน

วันที่ 3 พฤศจิกายน ละครได้เริ่มออกอากาศตอนแรกทางโทรทัศน์ในช่อง ทีวีบีเจด (TVB Jade)

วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2529 เติ้งชุ่ยเหวิน ประสบความสำเร็จมาก เมื่อได้ยินนักข่าวรายงานว่า ผู้ชมละครเรื่องนี้ไม่ค่อยชอบเธอเพราะ บท จิวจี้เยียก

ต่อมา เติ้งชุ่ยเหวิน ได้โต้ตอบกลับอย่างรุนแรงและกล่าวว่า แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังเกลียดบท จิวจี้เยียก ที่เกือบจะทำให้เธอเป็นโรคจิต หลังจากที่เธอแสดงบทนี้ เธอชี้ให้เห็นว่ามีความแตกต่างมากมายระหว่างการดัดแปลงบทของตัวละครนี้กับ เวอร์ชันเก่าที่ เจ้าหย่าจือ แสดง

เธอได้ยกตัวอย่างในเวอร์ชันเดิม คือ ดาบมังกรหยก 1978 ที่เตียบ่กี้ เวอร์ชัน เจิ้งเส้าชิว หลงรัก จิวจี้เยียก อย่างสุดซึ้ง แต่ในละครเวอร์ชันใหม่ที่เธอแสดง บทความสัมพันธ์ระหว่าง จิวจี้เยียก กับ เตียบ่กี้ กลับคลุมเครือไม่ชัดเจนซึ่งทำให้ผู้ชมละครคิดว่า จิวจี้เยียก แอบหลงรัก เตียบ่กี้ อยู่เพียงฝ่ายเดียว เติ้งชุ่ยเหวิน กล่าวต่อว่า เธอรู้สึกว่า เตียบ่กี้ มีเพียง เตี๋ยเมี่ยง ในใจของเขาเท่านั้น ซึ่งในความจริงได้มีการถ่ายทำมากกว่า 7 ฉากที่อธิบายว่า จิวจี้เยียก และ เตียบ่กี้ รักกันมากแค่ไหน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทางทีมงานจึงตัดฉากเหล่านั้นออกไปทั้งหมด ทำให้พล็อตเรื่องไม่ได้อธิบายถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่าง จิวจี้เยียก กับ เตียบ่กี้ มากนัก ผู้ชมจึงไม่เข้าใจตัวละคร จิวจี้เยียก ในเวอร์ชันที่เธอแสดงเพราะบทไม่เคลียร์

แต่เดิมบทความสัมพันธ์ ของตัวละคร เตียบ่กี้ และ จิวจี้เยียก ผู้กำกับเคยบอกกับ เติ้งชุ่ยเหวิน ว่า จะมีฉากรักระหว่างเธอกับเหลียงเฉาเหว่ย ซึ่งสวยงามมาก และมีการถ่ายทำฉากดังกล่าวแต่พอออกอากาศฉากเหล่านั้นกลับถูกตัดทิ้งทั้งหมด ยิ่งถ้าคนดูไม่ได้อ่านนวนิยายต้นฉบับมาก่อน พวกเขาคงเกลียดเธอมาก และไม่มีใครเห็นใจตัวละครตัวนี้ แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังรู้สึกแบบนั้นด้วยเช่นกัน

การสรุป

[แก้]

หลังละครอวสานเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2529 (1986) ทางหนังสือพิมพ์ชั้นนำ "'โอเวอร์ซีส์ไชนีสเดลี่" ได้สรุปว่า

ดาบมังกรหยก เวอร์ชันยุค 80 นี้มีการใช้นักแสดงนำกลุ่มใหม่ในระหว่างการถ่ายทำละครเพื่อแสดงให้เห็นว่ามันแตกต่างจากเวอร์ชันเดิม 1978 ฉบับ เจิ้งเส้าชิว ในครั้งก่อน และสรุปได้ว่าไม่ดีเท่าเวอร์ชันเก่า ถึงแม้นักแสดงหญิงในชุดใหม่นี้จะมีใบหน้าที่สวยสดใส แต่ยังคงขาดทักษะการแสดง เมื่อดูจากการแสดงในละครแล้ว แทบแยกไม่ออกเลยว่าเรื่องความรักของตัวละคร ใครกันที่ซื่อสัตย์และใครกันเป็นคนทรยศ การแสดงระหว่างคู่พระนาง เหลียงเฉาเหว่ย และ หลีเหม่ยเสียน นั้นดูว่าเขาจะเหมาะสมกับ เติ้งชุ่ยเหวิน มากกว่า

สรุป ในแง่ของการคัดเลือกนักแสดงเวอร์ชันนี้ ด้อยกว่าเวอร์ชันเก่า ดาบมังกรหยก 1978

อ้างอิง

[แก้]
  1. "ออกอากาศในจีน".
  2. 电影聚焦. "คู่ทรนง เป็นแชมป์ละครที่มีเรตติ้งสูงสุดทั่วโลกแห่งปี 1986". โดย ทีวีบีโทรทัศน์. สืบค้นเมื่อ January 3, 2022.
  3. "การคัดเลือกนักแสดงฉบับเต็มและการประเมินผล". HKBD. สืบค้นเมื่อ 2022-04-17.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]