เจิ้ง อวี้หลิง
เจิ้ง อวี้หลิง | |
---|---|
เจิ้งอวี้หลิง ในวัย 57 ปี | |
สารนิเทศภูมิหลัง | |
เกิด | 9 กันยายน พ.ศ. 2500 เจิ้ง อวี้หลิง |
การศึกษา | มัธยมต้น |
คู่ครอง | -กันกั๋วเหลียง (甘國亮) (2523–2533) -หลี่ฟาง (呂方) (2535–2551) |
อาชีพ | นักแสดง-พิธีกร |
ปีที่แสดง | 2518 |
ผลงานเด่น | -บท ปึงฮีบุ๊ง เรื่อง เทพบุตรชาวดิน (พ.ศ. 2522) -บท ตงซวนหัว เรื่อง จอมทรนง (พ.ศ. 2524) -บท ยู่อิ๋ง เรื่อง เหยี่ยวถลาลม (พ.ศ. 2524) -บท เจ็งบ่อเอี่ยม เรื่อง นางพญาหน้าด่าง (พ.ศ. 2528) -บท ฮึงซู่ซู่ เรื่อง ดาบมังกรหยก (พ.ศ. 2529) |
ฐานข้อมูล | |
IMDb |
เจิ้งอวี้หลิง หรือ แครอล เฉิง (จีนตัวย่อ: 郑裕玲; จีนตัวเต็ม: 鄭裕玲; พินอิน :Zhèng Yùlíng, กวางตุ้ง :Cheng6 Yu6 Ling4; อังกฤษ: Carol Cheng Yu-Ling) เป็นนักแสดง-พิธีกรหญิงชาวฮ่องกงผู้มากความสามารถ ที่อดีตเคยโด่งดังมากทั่วเอเชีย ในช่วงปลายยุค 70s จนถึง ต้นยุค 90s เธอเป็นทั้งนักแสดงนำหญิงและสมทบหญิงยอดเยี่ยม ของละครทางช่องสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) อีกทั้งยังเคยเป็นอดีตกลุ่ม 4 ดรุณีหยก ยุค70s รุ่นสอง ของทางช่องสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ซึ่งในกลุ่มประกอบไปด้วยนักแสดงหญิงแถวหน้าชื่อดังของทางช่องในยุคนั้น ได้แก่ วังหมิงฉวน, จ้าว หย่าจือ, หวง ซิ่งซิ่ว ถึงแม้การศัลยกรรมจะมีแล้วก็ตาม แต่ในยุคสมัยนั้นค่านิยมของผู้คนยังเน้นสวยธรรมชาติอาศัยการแต่งหน้าและไม่ยอมรับดาราที่ศัลยกรรมตกแต่งใบหน้ามากนัก และในยุคนั้นเธอเป็นดาราจอแก้วที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำศัลยกรรม คนส่วนใหญ่ในยุคนั้นยังไม่ยอมรับและมองว่าเธอเป็นนางเอกที่ขี้เหร่และไม่สวยจริง จึงเป็นที่มาของฉายาในวงการบันเทิงที่บรรดาสื่อมวลชนตั้งให้เธอว่า "ลูกเป็ดขี้เหร่" แห่งฮ่องกง แต่ฉายาที่คนไทยในสมัยนั้น มักนิยมใช้เรียกเธอคือ "มยุรา ธนะบุตร" แห่งเกาะฮ่องกง
เจิ้งอวี้หลิง เกิดที่ฮ่องกงในครอบครัวชนชั้นกลางที่เป็นชาวคริสเตียนคาทอลิก หลังจากจบชั้นมัธยมปลายแล้ว เธอก็ไม่ได้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น เพราะในช่วงนั้นครอบครัวของเธอต้องประสบปัญหาการเงินอย่างหนักจนพ่อและแม่ต้องแยกทางกัน ประจวบเหมาะกับที่ทางบริษัท เจียซื่อ (CTV) กำลังเปิดรับสมัครนักแสดงหน้าใหม่อยู่พอดี เธอเลยตัดสินใจลองเข้าสมัครดูและก็ผ่านการคัดเลือกจนได้เรียนการแสดงกับทางค่ายและได้เป็นนักแสดงในเวลาต่อมา ถึงแม้ในชั้นเรียนการแสดงเธอจะมีบุคลิกที่โดดเด่นอย่างมากก็ตาม แต่ด้วยความที่ในยุคสมัยนั้นเธอจัดว่าไม่ใช่คนสวยเหมือนดารานักแสดงสาวคนอื่น ๆ ของทางค่าย ทำให้เธอเป็นได้แค่นักแสดงสมทบของทางช่องเท่านั้น โดยประเดิมผลงานชิ้นแรกที่เธอแสดงสมทบให้กับทางค่ายเจียซื่อ คือเรื่อง ER ห้องฉุกเฉิน (Emergency room 1976) ต่อมาเธอก็มีผลงานตามมาอีกหลายเรื่อง เช่น ลูกมังกรหยก (Return of the Condor Heroes 1977), ความรักในหอแดง (Dream of the Red Chamber 1977) ผลงานเรื่องท้าย ๆ ก่อนที่ทางค่ายเจียซือ จะประสบปัญหาขาดทุนจนต้องปิดตัวลงไป คือเรื่อง จอมเพชฌฆาตดาบทองคำ (The Gold Dagger Romance 1978) และเรื่องสุดท้ายที่เธอร่วมแสดงนำ คือ "ชีวิตรักเหล่าเซเลบ" (名流情史 1978)
ต่อมาเธอได้ไปเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงกับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ถึงแม้เธอจะไม่ใช่คนสวยเหมือนดาราสาวพิมพ์นิยมในยุคนั้นก็ตาม แต่ทางค่ายทีวีบีเองกลับมองเห็นอะไรบางอย่างที่พิเศษในตัวเธอ จึงผลักดันส่งเสริมเธอขึ้นมาจนโด่งดังกลายเป็นนางเอกแถวหน้าของทางช่องด้วยอีกคน โดยเริ่มแรกทางค่ายให้เธอร่วมแสดงนำไปก่อนที่จะขึ้นมาเป็นนางเอกเต็มตัว ต่อมาไม่นานผลงานที่ทำให้เธอโด่งดังเป็นพลุแตกทั้งในฮ่องกงและทั่วเอเชีย จนกลายเป็นคู่ขวัญคู่บุญกับ โจวเหวินฟะ คือเรื่อง เทพบุตรชาวดิน (The Good, The Bad, and The Ugly หรือ Man in the Net 1979) ที่ออกอากาศไป เมื่อปีพ.ศ. 2522 หลังจากความสำเร็จอย่างสูงของละครเรื่องนี้ ทำให้ทั้งคู่มีผลงานที่แสดงร่วมกันดัง ๆ ตามมาอีกหลายเรื่อง เช่น เลือดต่างสี (The Brothers 1980), จอมทรนง (The Fate 1981) และเรื่อง เพชรตัดเพชร (Good old Times 1981) ซึ่งการจับคู่กันระหว่างเธอกับเฮียโจว เป็นที่ถูกใจแฟน ๆ ละครในยุคนั้นเป็นอย่างมาก
ในขณะที่เธอกับเฮียโจว พีคสุด ๆ อยู่นั้น จู่ ๆ โจวเหวินฟะ ก็เกิดมีปัญหากับทางค่ายทีวีบีขึ้นมาเนื่องจากความดังของเขา ทำให้ทางค่ายใช้งานเขาหนักจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนจนเกิดปัญหาที่เขาไม่ยอมทำตามบริษัท เป็นสาเหตุให้ต่อมาทางช่องลดบทบาทของเขาลง และหันไปปลุกปั้นส่งเสริมนักแสดงชายรุ่นใหม่ในทีม 5 พยัคฆ์ทีวีบี ให้ขึ้นมาแทนที่เขา ทำให้ในช่วงนี้ เจิ้งอวี้หลิง ได้ร่วมแสดงประกบกับดาราชายคนอื่น ๆ หลากหลาย และเธอเองก็ยังคงมีผลงานดัง ๆ ตามมาอีกมากมาย เช่นละครเรื่อง เหยี่ยวถลาลม (The Lonely Hunter 1981) ที่เธอได้มีโอกาสร่วมนำแสดงกับดาราชายดาวรุ่งพุ่งแรงของทางช่องในขณะนั้น อย่าง หวงเย่อหัว และ เหมียวเฉียวเหว่ย อีกทั้งยังเป็นละครที่ทำให้ทั้ง หวงเย่อหัว และ เหมียวเฉียวเหว่ย แจ้งเกิดในวงการจอแก้วทันที, ละครเรื่อง หลี่ซื่อเหนียง (Legend Of A Ching Lady 1985) ที่เธอได้ร่วมนำแสดงกับ หลี่เหลียงเหว่ย, เรื่อง นางพญาหน้าด่าง (The Legend of Lady Chung 1985) ที่เธอร่วมนำแสดงกับ ทัง เจิ้นเยี่ย, เรื่อง ดาบมังกรหยก (Heaven Sword and Dragon Saber 1986) ที่เธอเล่นรับเชิญประกบคู่กับ เยิ่นต๊ะหัว และผลงานที่ดังระเบิดอย่างเรื่อง คู่ทรนง (The Feud of Two Brothers 1986) และเรื่อง ค่าของคน (The Price of Growing up 1987) ทั้ง 2 เรื่องนี้เธอได้มีโอกาสร่วมแสดงนำกับดาราชายชื่อดังที่เพิ่งย้ายค่ายมาจากสถานีโทรทัศน์เอทีวี ในตอนนั้น อย่าง ว่านจื่อเหลียง ซึ่งการแสดงจับคู่กันระหว่างเธอกับเฮียว่าน ทั้งสองมีเคมีที่ตรงกันมาก จนเป็นที่ถูกใจของแฟน ๆ ละครทำให้ในตอนนั้นเขาได้กลายเป็นพระเอกคู่ขวัญในยุคถัดมาของเธอ ต่อจากโจวเหวินฟะ
ในขณะที่เธอรุ่งโรจน์อยู่นั้น ต่อมาเธอเกิดรู้สึกอิ่มตัวกับงานละคร และอยากจะหันไปเอาดีทางด้านจอเงินอย่างเต็มตัว (ซึ่งจริง ๆ แล้วเธอก็เคยเล่นหนังมาบ้าง) ประจวบเหมาะกับที่อดีตคู่ขวัญจอแก้ว โจวเหวินฟะ ได้ชักชวนเธอให้เข้ามาวงการภาพยนตร์ ไม่นานนักเธอก็ตัดสินใจผันตัวเองไปทุ่มเทให้กับการแสดงภาพยนตร์จอเงิน และก็ตอกย้ำความสามารถของเธอในการเล่นภาพยนตร์ขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ถึงแม้จะไม่โด่งดังเหมือนตอนที่แสดงละครทีวีก็ตาม แต่ก็ถือได้ว่าเธอเป็นนักแสดงจอแก้วเพียงไม่กี่คน ที่สามารถไปประสบความสำเร็จในจอเงินได้ ภาพยนตร์ทำเงินดัง ๆ ที่เธอได้ร่วมแสดงเป็นทั้งตัวเอกและสมทบมีมากมายเช่น ยกเครื่องเรื่องจุ๊ ภาค 1, ตุ้งติ้งตี๋ต๋า, ฟัดข้ามโลก ล่าขุมทองนาซี ภาค 2 , บริษัทยุ่งแล้วรวย ภาค2, คนตัดเซียน ตอน ผู้หญิงตัดเซียน เป็นต้น แต่ภาพยนตร์ที่แฟน ๆ คอหนังฮ่องกงจดจำเธอได้มากที่สุดคือ ภาพยนตร์ตระกูล ผู้หญิงแดงดุ ที่เธอแสดงนำและประสบความสำเร็จอย่างมากทำให้ต้องมีการสร้างภาคต่อตามมาจนมีด้วยกันทั้งหมดถึง 4 ภาค และถือว่าเป็นผลงานทางภาพยนตร์ที่เป็นชิ้นโบว์แดงของเธอ หลังจากปีพ.ศ. 2537 ชื่อเสียงของเธอก็เริ่มจางหายไปตามกาลเวลา
กระทั่งปีพ.ศ. 2545 (2002) เธอก็ได้กลับมาถูกพูดถึงอย่างมากอีกครั้งกับบทบาทพิธีกรฝีปากกล้า ในรายการเกมส์โชว์ กำจัดจุดอ่อน (THE WEAKEST LINK) ว่ากันว่าเป็นรายการที่มีแฟรนไชส์เยอะมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ บทบาทพิธีกรที่เธอได้รับในฉบับฮ่องกงคล้ายๆ กับบทบาทพิธีกรของ ดร.กฤษติกา คงสมพงษ์ ในเวอร์ชันภาษาไทย จากความสำเร็จอย่างสูงของการรับหน้าที่เป็นพิธีกรฝีปากกล้าในครั้งนั้น ทำให้เธอกลายเป็นพิธีกรชื่อดังแถวหน้าคนหนึ่งของเกาะฮ่องกงทันที และได้มีโอกาสรับหน้าที่เป็นพิธีกรในรายการอื่น ๆ ที่สำคัญ ๆ ของทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี อยู่เสมอ ๆ อีกทั้งเธอยังมีรายการวาไรตี้ที่เป็นของตัวเธอเองอีกด้วย
ปัจจุบันเธอยังคงสนุกกับงานทางด้านการเป็นพิธีกรมากกว่างานแสดง เพราะเหนื่อยน้อยกว่าและรายได้ค่อนข้างสูง แต่อย่างไรก็ตาม...เธอก็ยังคงมีส่วนร่วมกับกิจกรรมในการทำงานด้านอื่น ๆ กับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี และนาน ๆ ครั้งทีเธอจะรับงานแสดงละครสักเรื่อง ถึงแม้จะไม่ใช่ยุคทองของเธอแล้วก็ตาม[1][2][3][4][5][6][7][8][9][10][11][12]
ประวัติและผลงานละครโทรทัศน์
[แก้]ชีวิตช่วงแรก (พ.ศ. 2500-2517)
[แก้]พ่อและแม่ของเธอเดิมมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตเทศบาลนครฉงชิ่ง ที่อยู่ทางทิศตะวันตก ติดกับมณฑลเสฉวน ที่มีเมืองหลวงชื่อเฉิงตู ในประเทศจีน ต่อมาพ่อและแม่ของเธอได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศฮ่องกง ซึ่งเป็นที่ ๆ เจิ้งอวี้หลิงเกิดและเติบโตขึ้นมา จนมีชื่อเสียงโด่งดังและกลายเป็นตำนาน
เจิ้งอวี้หลิง เกิดเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2500 ที่ฮ่องกง มีชื่อเล่นว่า ตูตู (Do Do) ซึ่งสมาชิกในครอบครัวประกอบไปด้วยพ่อแม่ และน้องชายอีกหนึ่งคน ซึ่งทุกคนนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ในวัยเยาว์ เธอเป็นเด็กที่รักอิสระมากไม่ชอบให้ใครบังคับและชอบการพึ่งพาตนเองเป็นที่สุด ยามว่างเธอชอบดูละครและหนังกับครอบครัวเป็นอย่างมาก ซึ่งในวัยเด็กเธอใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักข่าวสาว เพราะเธอได้รับแรงบันดาลใจจากนักข่าวหญิงแกร่งชื่อดังของฮ่องกงในยุคนั้น อย่าง จงหยู่หัว (宗毓华) ซึ่งเป็นไอดอลของเธอในวัยเยาว์ หลังจากจบชั้นประถม เธอได้เข้าเรียนต่อในระดับมัธยมปลายที่โรงเรียนนานาชาติ แห่งความหวัง (Good hope school) ซึ่งเป็นโรงเรียนคริสเตียนแห่งหนึ่งในฮ่องกง ซึ่งผลการเรียนของเธอดีมากโดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ แต่ทว่า...ในขณะที่เธอกำลังศึกษาอยู่นั้นครอบครัวของเธอก็กลับเจอมรสุมลูกใหญ่เพราะต้องเผชิญกับปัญหาการเงินอย่างหนัก จนพ่อและแม่ของเธอต้องแยกทางกันในเวลาต่อมา เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เธอจำฝังใจและเป็นสาเหตุทำให้ เจิ้งอวี้หลิง กลายเป็นคนระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายเงินเป็นอย่างมาก และนิสัยนี้ก็ติดตัวมาตั้งแต่นั้น
ชีวิตแรกเริ่มในวงการบันเทิง (พ.ศ. 2518-2521)
[แก้]ในปีพ.ศ. 2518 (1975) หลังจากเรียนจบในระดับชั้นมัธยมปลายแล้ว เธอไม่ได้เรียนต่อเนื่องจากสถานการณ์ทางการเงินของครอบครัวไม่ดี ต่อมาเธอได้ตัดสินใจไปสมัครเข้าฝึกอบรมเป็นนักแสดงกับทางค่าย เจียซื่อ (CTV) ที่เปิดรับนักแสดงอยู่ในขณะนั้น โดยที่เธอได้เข้าฝึกอบรมกับครูเจมส์ ซึ่งเป็นผู้สอนหลักสูตรการเป็นศิลปินในชั้นที่เธอเรียน และเธอก็ได้รับผลเรียนการแสดงที่ดี โดยบุคลิกของเธอที่เรียบง่าย,ใจกว้างและเป็นคนตรงชัดเจนจึงทำให้เธอโดดเด่นในชั้นเรียนเป็นอย่างมาก หลังจากเรียนจบ เธอก็ได้เป็นนักแสดงทันทีและมีผลงานเรื่องแรกในชีวิตของเธอคือ ER ห้องฉุกเฉิน (Emergency room 1976) ซึ่งเป็นละครแนวสากล หลังจากนั้นเธอก็มีผลงานตามมาอย่างต่อเนื่อง เช่น คัมภีร์กระเรียนเซียนเหยียบฟ้า (仙鶴神針1977 หรือ The Magic Crane 1977), ลูกมังกรหยก (Return of the Condor Heroes 1977), ความรักในหอแดง (Dream of the Red Chamber 1977), หงส์ฟ้าประกาศิต (Mystical Crane, Magic Needle 1978), จอมเพชฌฆาตดาบทองคำ (The Gold Dagger Romance 1978), และเรื่องสุดท้ายที่เธอร่วมแสดงนำ คือ "ชีวิตรักเหล่าเซเลบ" (名流情史 1978) ซึ่งผลงานเหล่านี้กับทางค่ายเจียซือ ก็ไม่ได้ทำให้เธอมีชื่อเสียงอะไรเลย ถึงแม้ว่าบางเรื่องเธอจะมีบทบาทที่เด่นอยู่บ้างก็ตามแต่ก็ไม่ถึงกับโดดเด่นชัดเจนอะไรมากนัก ซึ่งในความเป็นจริงตัวของ เจิ้งอวี้หลิงเองก็มีบุคลิกที่โด่ดเด่นมาก แต่ทางค่ายเจียซือ ก็ไม่ได้ผลักดันส่งเสริมเธอเท่าที่ควร สาเหตุเพราะในยุคสมัยนั้นจัดว่าเธอไม่ใช่นักแสดงที่สวย อย่าง หมีเซียะ หรือ หวีอันอัน จึงทำให้เธอไม่เคยได้รับบทนางเอกหรือบทที่โด่ดเด่นมาก ๆ เพราะเธอไม่จัดอยู่ในกลุ่มนักแสดงสาวสวยเหล่านั้น ต่อมาบริษัทเจียซือ เกิดยุบตัวลงไปเนื่องจากประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักเลยทำให้นักแสดงในสังกัดต่างต้องหาค่ายใหม่กันอลวน บางคนก็ไปเป็นนักแสดงขึ้นตรงกับทางค่ายอาร์ทีวี แต่บางคนก็ย้ายไปอยู่กับค่ายทีวีบี
ในปีพ.ศ. 2521 (1978) หลังจากการล่มสลายของบริษัทเจียซื่อ (Jiayi) เจิ้งอวี้หลิง ก็ได้ย้ายตัวเองไปเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงให้กับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี(TVB) (ซึ่งใครเลยจะรู้ว่าที่นี้จะเป็นที่ ๆ เห็นความสำคัญของเธอ ถึงขนาดปลุกปั้นส่งเสริมเธอจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเอเชียและกลายเป็นนักแสดงหญิงในระดับตำนานคนหนึ่ง) โดยเริ่มผลงานกับทางค่ายทีวีบี คือเรื่อง แฝดคนละฝา (Between the Twins 1978) ที่นำแสดงโดยดาราดังของทางค่ายอย่าง วังหมิงฉวน และ โอวหยังเพ่ยซัน ซึ่งในเรื่องนี้ วังหมิงฉวนต้องรับบทเป็นฝาแฝด ส่วนตัวเธอยังไม่ได้รับบทที่โด่ดเด่น
เข้าสู่ยุคทอง (พ.ศ. 2522-2525)
[แก้]ในปีพ.ศ. 2522 ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ได้เปิดโอกาสให้เธอเริ่มได้รับบทบาทที่โดดเด่นมากยิ่งขึ้น เช่นละครฟอร์มใหญ่แห่งปีเรื่อง เหนือลิขิต (Over the Rainbow 1979) ละครเรื่องนี้มีความยาวถึง 85 ตอน ซึ่งนำแสดงโดยดาราดังมากมาย เช่น เซี่ยเสียน, วังหมิงฉวน, เจิ้งเส้าชิว, เจิ้งอวี้หลิง และ อลันทัม ความนิยมของละครเรื่องนี้ทำให้เธอเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ต่อมาทางช่อง ได้ลองให้เธอรับบทนางเอกเต็มตัวในละครฟอร์มเล็ก 6 ตอนก่อนเพื่อดูว่าผลตอบรับจากผู้ชมเป็นอย่างไร ในเรื่อง เจ้าสาวข้ามแดน (A Girl With A Suitcase 1979) โดยเธอนำแสดงกับ หลินจื่อเสียง และ เฉินไป่เสียง และกระแสการตอบรับในฮ่องกงค่อนข้างดี ทำให้ในเรื่องต่อมาเธอได้มีโอกาสเล่นเป็นนางเอกต่อในละครสากลที่มีจำนวนตอนเพิ่มมากขึ้นอย่างเรื่อง วิวาห์รอรัก (下一代 1979) โดยได้แสดงนำร่วมกับ เยิ่นต๊ะหัว, เฉินอวี้เหลียน และดาราน้องใหม่ในขณะนั้น อย่าง หลีเหลี่ยงเหว่ย ซึ่งกระแสผลตอบรับจากผู้ชมออกมาดีกว่าเดิม และทางช่องทีวีบี ก็เหมือนเห็นอะไรที่พิเศษบางอย่างในตัวเธอจึงผลักดันส่งเสริมจนได้มีโอกาสประกบกับพระเอกมาแรงของทางช่อง อย่างโจวเหวินฟะ ในละครสุดฮิตเรื่อง เทพบุตรชาวดิน (The Good, The Bad, and The Ugly หรือ Man in the Net 1979) ที่มีความยาวถึง 80 ตอน หลังจากออกอากาศเรื่องนี้ไปได้ไม่นาน ผลตอบรับของละครเรื่องนี้ดีมากเมื่อถึงตอนอวสาน ทีวีบีได้ประกาศความสำเร็จของละครเรื่องนี้ที่มีเรตติ้งเฉลี่ยต่อตอนสูงถึง 60 คะแนน กลายเป็นหนึ่งในสิบละครทีวีบีที่มีเรตติ้งเฉลี่ยสูงสุดตลอดกาล ทำให้ทั้งโจวเหวินฟะและเธอโด่งดังเป็นพลุแตกทั่วทั้งเกาะฮ่องกงและเมื่อนำออกฉายทั่วเอเชีย ก็ได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดี ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นคู่ขวัญยอดนิยมแห่งของยุคนั้นทันที ในขณะเดียวกันนั้นตัวของ เจิ้งอวี้หลิง เองก็ถูกสื่อมวลชนทั้งหลายตั้งฉายาเรียกเธอว่า ลูกเป็ดขี้เหร่ ของวงการจอแก้วฮ่องกง หลังจากความสำเร็จของละครเรื่อง เทพบุตรชาวดิน ทำให้ทั้งเธอและโจวเหวินฟะ ต่างได้ร่วมเล่นละครตามมาอีกหลายเรื่อง แต่ก็มีบางเรื่องที่เธอได้เล่นกับพระเอกคนอื่นบ้าง สลับกันไป จากความโด่งดังของเธอ ทำให้เธอกลายเป็น 1 ใน 4ดรุณีหยก แห่งยุค 70s
ในพ.ศ. 2523 จากกระแสการตอบรับของคู่ขวัญอย่างโจวเหวินฟะกับเจิ้งอวี้หลิง ทำให้ทางช่องทีวีบีไม่รอช้า ป้อนงานละครที่ให้ทั้งคู่ได้ร่วมแสดงด้วยกันอีก เพื่อตอบสนองความต้องการของแฟน ๆ อย่างเช่นละครเรื่อง เลือดต่างสี (The Brothers 1980) ที่มีความยาวถึง 75 ตอน และละครเรื่อง ห้วงรักห้วงกรรม (勢不兩立 The Family 1980) ซึ่งทั้ง2 เรื่องนี้ เธอก็ได้ร่วมนำแสดงกับพระเอกคู่บุญ โจวเหวินฟะ และก็ได้รับความสำเร็จอีกครั้งโดยเฉพาะ ละครเรื่อง เลือดต่างสี ที่เรตติ้งดีเพราะมีเนื้อหาเข็มข้น นอกจากนี้เธอยังมีผลงานเรื่อง กงเกวียนหมุนวน หรือ วงเวียนชีวิต (Five Easy Pieces 1980) ที่ตอนแรกจะถ่ายทำถึง 80 ตอน ฉายลงจอจริงแค่ 22 ตอน แต่ถ่ายทำจริงแค่ 30 ตอน เพราะเรตติ้งต่ำมากทีวีบีเลยตัดให้จบลง และเอาเรื่องอื่นมาลงจอแทน กลายเป็นละครโทรทัศน์เรื่องแรกของทีวีบีตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมา ที่ถูกผ่าครึ่ง(หั่นตอน)ในประวัติศาสตร์ ละครเรื่องนี้เธอได้ร่วมแสดงนำกับ เจิ้งเส้าชิว และ สือซิว
พ.ศ. 2524 เธอยังได้ร่วมแสดงกับพระเอกคู่บุญโจวเหวินฟะอีกเช่นเคย และยังมีผลงานที่ได้รับความนิยม อย่างต่อเนื่อง เช่น จอมทรนง (The Fate 1981) และเรื่อง เพชรตัดเพชร (Good old Times 1981) ในปีนี้เธอก็ยังมีผลงานดังที่ร่วมแสดงกับคนอื่นที่ไม่ใช่ โจวเหวินฟะ เช่นละครเรื่อง เหยี่ยวถลาลม (The Lonely Hunter 1981) ที่มีความยาว 25 ตอน ในละครเรื่องนี้เธอได้มีโอกาสร่วมนำแสดงกับ ดาราชายดาวรุ่งพุ่งแรงที่ทางช่องผลักดันเป็นอย่างมาก อย่าง หวงเย่อหัว และ เหมียวเฉียวเหว่ย อีกทั้งยังเป็นละครที่ทำให้ทั้ง หวงเย่อหัวและ เหมียวเฉียวเหว่ย แจ้งเกิดในวงการจอแก้วทันที ตามมากับละครสั้น 10 ตอนจบเรื่อง คฤหาสน์อาถรรพณ์ (No One is Innocent 1981) ที่เธอร่วมนำแสดงกับ หลี่ซือฉี แต่เรื่องหลังนี้ไม่ค่อยดัง
พ.ศ. 2525 เธอได้ร่วมแสดงในละครดัง 25 ตอนจบ อย่างเรื่อง โลกมายา (Star Palace 1982) ซึ่งเป็นละครที่บอกถึงเรื่องราวชีวิตของ 4 อดีตดาราดังจอเงิน ในช่วงยุค 50s-60s โดยในเรื่องนี้ เธอได้รับบท หลินชุ่ย (อดีตดาราภรรยาของหวังอยู่) นอกจากนี้ยังมีนักแสดงมากฝีมืออย่าง หลี่ซือฉี ที่มารับบทเป็นอดีตดาราสาวชื่อดังแห่งโลกภาพยนตร์ อย่าง หลินไต้, เจิงชิ่งอวี๋ รับบทเป็นอดีตดาราสาวงามอย่าง เล่อตี้ และ เยี่ยเต๋อเสียน รับบทเป็น หลี่เม่ย ความโด่งดังของละครเรื่องนี้ในฮ่องกง ทำให้อดีตสามีของ หลินไต้ ไม่พอใจถึงขึ้นทำการฟ้องร้องสถานีโทรทัศน์ทีวีบี,ผู้กำกับ และคนเขียนบท ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่โตในตอนนั้นกันเลยทีเดียว ในปีนี้เธอยังมีละครเรื่องอื่น ๆ เช่นละครสั้นเรื่อง 3 คนอลเวง (A Baby Makes Three 1982) ร่วมนำแสดงกับ เจิงเจียง และเรื่อง โชคชะตา (Destiny 1982) ร่วมนำแสดงกับ หลี่เหลียงเหว่ย และ เยิ่นต๊ะหัว
ความนิยมลดลง (พ.ศ. 2526-2527)
[แก้]พ.ศ. 2526 ในปีนี้ชื่อเสียงของเธอเริ่มลดลง เพราะมีดาราสาวใหม่ ๆ เกิดขึ้นมามากมาย เช่น หลันเจี๋ยอิง เจิ้ง หัวเชียน หลิวเจียหลิง ชี เหม่ยเจิน เป็นต้น และถือได้ว่าเป็นปีทองของละครชุด มังกรหยก ที่ทำให้ดารารุ่นน้องอย่าง เฉิน อวี้เหลียน และดาราสาวน้องใหม่ อย่าง องเหม่ยหลิง โด่งดังเป็นพลุแตกขึ้นมา แซงหน้าความดังของดารารุ่นพี่ ๆ กันเลยทีเดียว เลยทำให้ทางช่องสถานีโทรทัศน์ทีวีบี หันไปผลักดันและป้อนงานละครให้กับดาราสาวรุ่นใหม่เหล่านี้แทน
ในปีนี้สถานีโทรทัศน์ทีวีบี ป้อนงานละครให้เธอเพียงแค่เรื่องเดียว คือเรื่อง พยัคฆ์สาวมือปราบ (Woman on The Beat 1983) ที่มีความยาว 20 ตอนจบ โดยเธอร่วมแสดงนำกับ สือซิว, และ โอวหยังเพ่ยซัน ซึ่งเป็นละครที่ไม่ค่อยดัง
พ.ศ. 2527 ถึงแม้ปีนี้เธอจะมีผลงานละคร 2 เรื่องก็ตาม แต่ทว่า...ผลงานทั้งละครเรื่อง สวนทางรัก (It Takes All Kinds 1984) และเรื่อง รักห้าเส้า (It's A Long Way Home 1984) กลับเป็นผลงานที่เน้นผลักดันดาราสาว หลันเจี๋ยอิง ขึ้นมามีชื่อเสียงมากกว่า เน้นที่ตัวเธอ
กลับมาดังอีกครั้ง (พ.ศ. 2528-2530)
[แก้]ในปีพ.ศ. 2528 ผลงานละครเรื่อง จอมบงการ (The Pitfall 1985) ที่มีความยาว 20 ตอนจบ ร่วมนำแสดงกับ เยิ่นต๊ะหัว และ โอวหยังเพ่ยซัน และเรื่อง ผีสาวจอมเพี้ยน (Happy Spirit 1985) ร่วมนำแสดงกับดาราสาวดาวรุ่ง เติ้ง ชุ่ยเหวิน ต่างก็ประสบความสำเร็จพอสมควร แต่ผลงานละครเรื่อง หลี่ซื่อเหนียง (Legend Of A Ching Lady 1985) ที่มีความยาว 20 ตอนจบ ที่เธอได้ร่วมนำแสดงกับ หลี่เหลียงเหว่ย, เยิ่นต๊ะหัว, จวงจิ้งเอ๋อ และ ฮุ่ยเทียนชื่อ ทำให้เธอเริ่มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ตามด้วยผลงานดังเรื่อง นางพญาหน้าด่าง (The Legend of Lady Chung 1985) ที่มีความยาว 20 ตอนจบ ร่วมนำแสดงกับ เฉินซิ่วจู ซึ่งเป็นผลงานที่ทำให้เธอกลับมามีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมากอีกครั้ง จนเธอได้ร่วมแสดงในละครฟอร์มใหญ่ประจำปี เรื่อง ขุนศึกตระกูลหยาง (The Yang’s Saga 1985) ซึ่งเป็นละครที่สร้างขึ้นมาในโอกาสพิเศษครบรอบ 18 ปีของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ที่นำแสดงโดย ทีม 5 พยัคฆ์ทีวีบี และดาราดังมากมายในค่ายทีวีบี
พ.ศ. 2529 เป็นปีที่เธอได้รับความนิยมถึงจุดสูงสูดในอาชีพการแสดงของเธอ กับผลงานโทรทัศน์เรื่อง คู่ทรนง (The Feud of Two Brothers 1986) ที่มีความยาว 30 ตอนจบ ในเรื่องนี้เธอได้มีโอกาสร่วมแสดงนำกับดาราชายชื่อดังที่เพิ่งย้ายค่ายมาจากสถานีโทรทัศน์เอทีวี อย่าง ว่านจื่อเหลียง ซึ่งบทบาทของทั้งคู่เป็นที่ถูกใจผู้ชมละครในตอนนั้นเป็นอย่างมาก ด้วยเรตติ้งเฉลี่ยในฮ่องกงที่สูงกว่า 50 จุดเปิด อีกทั้งเมื่อละครเรื่องนี้ออกฉายทางทีวีทั่วโลก ก็มียอดคนดูถึง 388,323,000 คน กลายเป็นอันดับสอง ของละครทีวีบีที่มีเรตติ้งสูงสุดทั่วโลก จากความสำเร็จของละครเรื่องนี้ ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นคู่ขวัญยอดนิยมขึ้นมาทันที นอกจากนี้ยังมีนักแสดงอื่นที่ร่วมแสดงด้วย เช่น อู๋ฉี่หัว, หลิวเจียหลิง และ โจว ไห่เม่ย
และในปีเดียวกันตามด้วยบทบาท ฮึงซู่ซู่ ที่เธอได้เล่นรับเชิญในละครกำลังภายในชื่อดัง เรื่อง ดาบมังกรหยก (Heaven Sword and Dragon Saber 1986) ซึ่งนำแสดงโดย เหลียงเฉาเหว่ย, หลีเหม่ยเสียน, เติ้งชุ่ยเหวิน, เส้าเหม่ยฉี ซึ่งบทบาทรับเชิญของเธอกับเยิ่นต๊ะหัว ในละครเรื่องนี้กลับได้รับคำชม มากกว่าเหล่านักแสดงนำ ของละครเรื่องนี้เสียอีก นอกจากนี้ยังมีผลงานละครเรื่อง สับคู่ชู้ชื่น (Changing Partners 1986) ที่เธอได้ร่วมแสดงนำกับ เจิงเจียง
พ.ศ. 2530 จากความสำเร็จอย่างสูงของละครเรื่อง คู่ทรนง ทำให้ทางช่องทีวีบี ได้ป้อนงานละครที่ทั้งเธอและว่านจือเหลียง ได้ร่วมแสดงด้วยกันอีก ในละครสากลฟอร์มใหญ่ 65 ตอนจบ เรื่อง ค่าของคน (The Price of Growing up 1987) โดยมีนักแสดงอย่าง อู๋เจิ้นอวี่, โจวซิงฉือ และ โจวไห่เม่ย มาร่วมแสดงอีกด้วย ผลตอบรับจากผู้ชมก็ดีมาก ไม่แพ้เรื่อง คู่ทรนง ทั้งตัวเธอและ ว่านจือเหลียง ต่างได้รับคำชมเป็นอย่างมาก ต่อมาหลังจากละครเรื่องนี้ เธอก็เริ่มรู้สึกอิ่มตัวกับชีวิตการแสดงละครทีวี และหันไปเอาดีทางด้านจอเงินแทน ผลงานละครเรื่องสุดท้าย ที่เธอทิ้งทวนก่อนหันไปเล่นภาพยนตร์ คือละครดราม่าชีวิตรัก เรื่อง เจ้าสาวไม่กลัวฝน (謫仙記 1987)
หลังจากที่เธอได้หันหลังให้กับจอแก้วแล้วไปเอาดีกับการเล่นภาพยนตร์ แต่ด้วยความที่เธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทางช่องสถานีโทรทัศน์ทีวีบีมาโดยตลอด ทำให้ในช่วงที่เธอว่างจากการรับเล่นภาพยนตร์และบทบาทเป็นพิธีกร เธอได้กลับมารับเล่นละครอยู่บ้าง เช่น ในปีพ.ศ. 2532 เธอกลับมารับเล่นในตอนสั้น ๆ ของละครซิทคอมเรื่อง อ้อมอกแม่ (The Seasons) และในปีพ.ศ. 2539 กับการแสดงนำในละครเรื่อง ก๊อตฟาเธอร์แห่งเซี่ยงไฮ้ (Once Upon a Time in Shanghai 1996) เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเธอเองก็ไม่ได้เน้นงานแสดงละครเหมือนในอดีต
ภาพยนตร์และบทบาทพิธีกร
[แก้]จริง ๆ แล้ว ดาราสาว เจิ้งอวี้หลิง เคยเล่นภาพยนตร์มาตั้งแต่สมัยที่เธอยังโด่งดังในฐานะ นักแสดงละครทีวี กับทางค่ายสถานีโทรทัศน์ทีวีบี โดยในปีพ.ศ. 2526 ทางช่องได้อนุญาตให้เธอไปเล่นภาพยนตร์ได้ โดยเธอมีผลงานจอเงินเรื่องแรก คือภาพยนตร์เรื่อง ครั้งสุดท้าย (The Last Affair 1983) ที่เธอได้แสดงนำร่วมกับพระเอกคู่ขวัญทางจอแก้วของเธอในขณะนั้น อย่างโจวเหวินฟะ และแน่นอนตัวของหนังต่างได้รับคำชมมากมายในตอนที่ออกฉายในฮ่องกง และเธอเองก็ได้รับรางวัล นักแสดงหน้าใหม่หญิงยอดเยี่ยมประจำปี (Best New Performer Award 1983 ในเรื่อง The Last Affair) จากงานแจกรางวัลใหญ่ประจำปีในฮ่องกงมาครองได้สำเร็จ แต่ทว่าในตอนนั้น...ตัวเธอเองกลับรู้สึกชอบทางด้านการเล่นละครทีวีมากกว่า อีกทั้งด้วยสัญญาที่มีเงื่อนไขบางอย่างกับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี จึงทำให้เธอไม่สามารถเข้าสู่วงการภาพยนตร์ได้อย่างเต็มตัว เลยทำให้เธอไม่มีผลงานทางด้านภาพยนตร์ให้ได้เห็นมากนัก แต่ถึงกระนั้นเธอยังคงมีผลงานอีกหนึ่งเรื่องตามมาในปีพ.ศ. 2529 คือเรื่อง เธอกับฉัน...ฉันกับเธอ (You will I will / My Will, I Will 1986) ที่ร่วมแสดงนำกับโจวเหวินฟะ อีกเช่นกัน
ต่อมาในปีพ.ศ. 2530 เธอรู้สึกอิ่มตัวกับการแสดงละครทีวี และอยากจะหันเหไปเอาดีทางด้านภาพยนตร์อย่างเต็มตัวดูบ้าง หลังจากหมดสัญญาผูกมัดการเล่นละครกับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ในราวกลางปีพ.ศ. 2530 เธอจึงได้ก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์อย่างเต็มตัว โดยมีเพื่อนคู่ขวัญอย่างโจวเหวินฟะ เป็นคนชักนำ และประเดิมกับผลงานภาพยนตร์เรื่อง ซือเจ๊...มหัศจรรย์ (Wonder Women 1987) ซึ่งเป็นผลงานที่ทำให้เธอได้เข้าชิงรางวัล นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมแห่งปี ตามต่อด้วยผลงานในปีเดียวกันอย่าง เรื่อง ยกเครื่องเรื่องจุ๊ ภาค 1 (The Romancing Stars 1987) โดยได้แสดงนำร่วมกับ โจวเหวินฟะ และ จางม่านอวี้ ซึ่งทั้งสองเรื่องก็สามารถทำให้เธอแจ้งเกิดในวงการจอเงินได้อย่างสง่างาม
หลังจากนั้นเธอก็มีผลงานดัง ๆ ทำเงินที่เธอได้ร่วมแสดงทั้งเป็นดารานำและตัวสมทบ เช่น ตุ้งติ้งตี๋ต๋า (Eighth Happiness 1988) นำแสดงโดย หวังไป่หมิง , โจวเหวินฟะ และ จงฉู่หง, ศาลเตี้ย (Law Or Justice? 1988) เธอร่วมนำแสดงกับ ว่านจื่อเหลียง, หวังจู่เสียน, ตี้หลุง และ หลินจุ้นเสียน, น้ำฝน น้ำค้าง น้ำร้อน (Moon Star & Sun 1988) ร่วมนำแสดงกับ จางม่านอวี้ และ จงฉู่หง, บริษัทยุ่งแล้วรวย ภาค 2 (The Crazy Companies II 1988) และเรื่อง คนกริ๊กคน (Perfect Match 1989) ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้นำแสดงโดย หลิวเต๋อหัว เป็นต้น
ส่วนผลงานชิ้นเอกในโลกภาพยนตร์ที่เธอแสดงนำ คือเรื่อง ผู้หญิงแดงดุ (Her Fatal Ways 1990) ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้เธอมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาในฐานะนักแสดงนำหญิงของวงการจอเงิน และเธอก็สามารถคว้ารางวัล นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมแห่งปี (Best Actress Award) จากงานแจกรางวัลใหญ่ประจำปีในฮ่องกง มาครองได้สำเร็จเป็นตัวที่ 2 จากความสำเร็จทั้งรายได้และรางวัลของภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้มีการสร้างภาคต่อออกมาอีกหลายภาค คือ ผู้หญิงแดงดุ ภาค 2 (Her Fatal Ways 2 1991), ผู้หญิงแดงดุ ภาค 3 (Her Fatal Ways III 1992) และ ผู้หญิงแดงดุ ภาค 4 (Her Fatal Ways 1994) จนภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นโลโก้ประจำตัวของเธอไปโดยปริยาย
ถึงแม้ว่า...ผลงานภาพยนตร์เหล่านี้ของเธอจะไม่ดังเปรี้ยงปร้างเหมือนตอนเล่นละครทีวีให้กับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบีก็ตาม แต่ถือได้ว่าเธอเป็นนักแสดงหญิงเพียงไม่กี่คน ที่ก้าวมาจากจอแก้ว แล้ว สามารถประสบความสำเร็จในจอเงินได้ นอกจากนี้เธอยังมีภาพยนตร์ดังที่ได้ร่วมแสดงประกบกับอดีตคู่ขวัญทางจอแก้ว อย่าง โจวเหวินฟะ ในเรื่อง รักติ๊กติ๊ก ไม่ต้องไขลาน (Now You See Love, Now You Don't 1992) ที่ตัวหนังต่างได้รับคำชมเป็นอย่างมาก และสามารถทำเงินในตารางบ็อกซ์ออฟฟิศฮ่องกง ทะลุ 100 ล้านบาท (HK$36,475,536) เธอใช้ชีวิตการแสดงโลดแล่นอยู่บนจอภาพยนตร์นานเกือบ 10 ปี หลังจากปีพ.ศ. 2537 ชื่อเสียงของเธอก็เริ่มจางหายจากความนิยมไปตามกาลเวลา
กระทั่งปีพ.ศ. 2545 (2002) เธอก็ได้กลับมาถูกพูดถึงอย่างมากอีกครั้งกับบทบาทพิธีกรฝีปากกล้า ในรายการเกมโชว์แบบเรียลลิตี้ ที่มีชื่อรายการว่า กำจัดจุดอ่อน (THE WEAKEST LINK) ว่ากันว่าเป็นรายการที่มีแฟรนไชส์เยอะมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ บทบาทพิธีกรที่เธอได้รับในฉบับฮ่องกงคล้ายๆ กับบทบาทพิธีกรของ ดร.กฤษติกา คงสมพงษ์ ในเวอร์ชันภาษาไทย จากความสำเร็จอย่างสูงของการรับหน้าที่เป็นพิธีกรฝีปากกล้าในครั้งนั้น ทำให้เธอกลายเป็นพิธีกรชื่อดังแถวหน้าคนหนึ่งของฮ่องกง และปัจจุบันเธอมีรายการทอล์คโชว์ (talk show) เป็นของตนเองและยังคงสนุกกับงานทางด้านการเป็นพิธีกรมากกว่างานแสดง เพราะเหนื่อยน้อยกว่าและรายได้ค่อนข้างสูง แต่อย่างไรก็ตาม...เธอก็ยังคงมีส่วนร่วมกับกิจกรรมในการทำงานด้านอื่น ๆ กับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบีอยู่เสมอ
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เจิ้งอวี้หลิง รับหน้าที่เป็นพิธีกรรายการใหญ่ ๆ ของทีวีบี (TVB) เช่น การประกวดนางงามฮ่องกงและงานประกาศรางวัลแห่งปีของทีวีบี (TVB Anniversary Awards)
ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ต.ค. พ.ศ. 2565 (2022) มีการรายงานว่า เจิ้งอวี้หลิง ตัดสินใจไม่ต่อสัญญาเต็มเวลากับทาง ทีวีบี แต่จะเป็นฟรีแลนซ์แทน[13]
ชีวิตส่วนตัว
[แก้]บุคลิกของเธอ
[แก้]เป็นที่รู้กันดีว่า เจิ้งอวี้หลิง มีบุคลิกเป็นสาวสมัยใหม่แบบสาวฮ่องกงในอุดมคติ เธอชอบช่วยเหลือพึ่งพาตัวเองมาตั้งแต่เด็กและเป็นตัวของตัวเองสูง มีความมั่นใจในตัวเองมาก และเป็นสาวร่าเริง รวยอารมณ์ขัน ใครคุยด้วยแล้วจะรู้สึกสบายใจไม่เครียด ถึงแม้เธอจะเป็นคนสนุกสนาน แต่ทว่า..เมื่อถึงเวลางาน เธอก็เป็นคนที่ตั้งใจทำงาน มุ่งมั่นและเอาจริงเอาจังเช่นกัน ด้วยบุคลิกที่กล่าวมา ส่งผลให้บทที่เธอได้รับในการแสดง ส่วนใหญ่แล้วเธอมักจะได้รับบทประเภทเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่ทันสมัย มีความเป็นหญิงแกร่งและเก่ง ฉลาดทันคน มีไหวพริบ ติดตลก และ ช่างพูด
และนิสัยของเธออีกอย่างที่เป็นที่เลื่องลือในวงการ ก็คือเธอเป็นคนประะหยัดออกไปในทางขี้เหนียว เนื่องจากครอบครัวพ่อแม่ของเธอเคยประสบวิกฤติทางการเงินจนต้องแยกทางกัน เลยเป็นสาเหตุทำให้เธอไม่ได้เรียนต่อในระดับปริญญา ดังที่เธอเคยฝันเอาไว้ ทำให้เธอมีนิสัยระมัดระวังการใช้เงินติดตัวมาตั้งแต่นั้น
ความรัก
[แก้]เจิ้งอวี้หลิง ถือเป็นดาราสาวที่มีข่าวเกี่ยวกับความรักไม่มากนัก เมื่อเทียบกับดาราสาวชื่อดังคนอื่น ๆ ในยุคเดียวกันกับเธอ เหตุเพราะเธอเห็นว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของคนสองคนที่จะคบกันมากกว่า ส่วนเรื่องความสัมพันธ์รักนั้น เธอเคยคบหาดูใจนานหลายปีกับนาย กันกั๋วเหลียง (甘國亮) ซึ่งเขาคนนี้เป็นทั้งนักแสดง-ผู้กำกับและคนเขียนบทในวงการบันเทิงฮ่องกง ทั้งคู่ปิ้งกันในกองถ่ายละครเรื่อง เจ้าสาวข้ามแดน (A Girl With A Suitcase 1979) เมื่อปีพ.ศ. 2522 ซึ่งเป็นละครที่ทั้งคู่ได้ร่วมแสดงด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นละครเรื่องแรกที่เธอได้รับบทนำเป็นนางเอก หลังจากนั้นในปีต่อมาพ.ศ. 2523 ทั้งสองจึงตัดสินใจคบหากันอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชน ทั้งคู่คบหาดูใจออกสื่อกันนานถึง 10 ปี แต่แล้วในที่สุดก็ต่างคนต่างไป จนเธอมามีความรักครั้งใหม่ที่ดูเหมือนจะหวานชื่น กับนักร้อง-นักแสดง หลี่ฟาง (呂方) โดยทั้งคู่เจอกันในปีพ.ศ. 2535 ซึ่งในตอนนั้นเธอชอบนิสัยของเขาที่เป็นคนซื่อจริงใจเปิดเผย หลังจากนั้นก็ลองคบหากันดู จนยาวนานมาถึง 16 ปี สุดท้ายก็เลิกลากันในปีพ.ศ. 2551 โดยเธอให้เหตุผลสั้น ๆ ว่านิสัยเข้ากันไม่ได้ แต่ทั้งคู่ก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
รายชื่อผลงานที่ผ่านมา (บางส่วน)
[แก้]ภาพยนตร์
[แก้]- ครั้งสุดท้าย (The Last Affair 1983)
- เธอกับฉัน...ฉันกับเธอ (You will I will / My Will, I Will 1986)
- ซือเจ๊...มหัศจรรย์ (Wonder Women 1987)
- ยกเครื่องเรื่องจุ๊ ภาค 1 (The Romancing Stars 1987) แสดงกับ โจวเหวินฟะ จางม่านอวี้
- ตุ้งติ้งตี๋ต๋า (Eighth Happiness 1988) นำแสดงโดย หวังไป่หมิง , โจวเหวินฟะ จงฉู่หง
- แสบเผาขน (Tiger Cage 1988)
- ศาลเตี้ย (Law Or Justice? 1988) นำแสดงโดย เจิ้งอวี้หลิง, ว่านจื่อเหลียง, หวังจู่เสียน, ตี้หลุง, หลินจุ้นเสียน
- รักนี้...สู่ใจคุณ (heart to hearts 1988)
- น้ำ ฝน น้ำค้าง น้ำร้อน" (Moon Star & Sun 1988) นำแสดงโดย จางม่านอวี้ จงฉู่หง เจิ้งอวี้หลิง
- ขังอ่อนขาโหด (Women's Prison 1988)
- บริษัทยุ่งแล้วรวย ภาค2 (The Crazy Companies II 1988) นำแสดงโดย หลิวเต๋อหัว
- คนกริ๊กคน (Perfect Match 1989) นำแสดงโดย หลิวเต๋อหัว
- สวยสองต้องแสบ (Doubles Cause Troubles 1989)
- บันทึกลูกผู้ชาย (The Yuppie Fantasia 1989) นำแสดงโดย:ตัน-ซุย จาง,เจิ้ง อวี้หลิง,จงฉู่หง
- ผู้หญิงแดงดุ (Her Fatal Ways 1990)
- เจ้าแม่คดีแดง (Queen's Bench III 1990)
- พยัคฆ์หักเขี้ยวพยัคฆ์ (Tiger Cage 2 1990)
- ฟัดข้ามโลก ล่าขุมทองนาซี ภาค 2 หรือ ใหญ่สั่งมาเกิด 2 ตอน อินทรีทะเลทราย (Armour of God II: Operation Condor 1991)
- คนตัดเซียน ตอน ผู้หญิงตัดเซียน (The Top Bet 1991)
- ผู้หญิงแดงดุ ภาค 2 (Her Fatal Ways 2 1991)
- ไล่จับโจร/ไล่จับแมว (To Catch a Thief 1991)
- ใหญ่หิน ใหญ่อันตราย (Slicker Vs. Killers 1991)
- 108 รวย พ่อให้มา (The Banquet 1991)
- ฉีกหน้ากากดำ (once a black sheep 1992)
- ผู้หญิงแดงดุ ภาค 3 (Her Fatal Ways III 1992)
- รักติ๊กติ๊ก ไม่ต้องไขลาน (Now You See Love, Now You Don't 1992) นำแสดงโดย โจวเหวินฟะ - เจิ้ง อวี้หลิง 36$
- ผู้หญิงตัดเซียน ภาค 2 (The Queen of Gamble 1993) นำแสดงโดย เจิ้งอวี้หลิง - อู๋ม่งต๊ะ - เยิ้นต๊ะหัว - กั๊วฟูเฉิน)
- เจ็ดจอมยุทธหญิง (Holy Weapon aka Seven Maidens 1993)
- ครอบครัวนี้แฮปปี้ยกกำลังสอง (It's a Wonderful Lifexperience 1994)
- 2 เห่ยกัดโคตร เซียน (Always Be the Winners 1994))
- ผู้หญิงแดงดุ ภาค 4 (Her Fatal Ways 1994)
- บันทึกลูกผู้ชาย ภาค 3 (The Yuppie Fantasia 3 2017)
หนังชุดทางทีวี
[แก้]ละครค่ายเจียซื่อ(CTV)
[แก้]- ER ห้องฉุกเฉิน (Emergency room 1976)
- คัมภีร์กระเรียนเซียนเหยียบฟ้า (仙鶴神針1977 หรือ The Magic Crane 1977)
- ลูกมังกรหยก (Return of the Condor Heroes 1977) กำกับการแสดงโดยเซียวเซิง (Siu Sheng) มี 59 episodes นำแสดงโดย หลอเล่อหลิน, หลี่ทงหมิง และเจิ้งอวี้หลิง (รับบท กงซุนเล็กงัก)
- ความรักในหอแดง (Dream of the Red Chamber 1977) นำแสดงโดย อู่เว่ยกว๋อ, เหมาซุ่นอวิ๋น, หมีเซียะ, เหวินเซียะเอ๋อ, หลี่ทงหมิง และ เจิ้งอวี้หลิง รับบท ซือฉี
- หงส์ฟ้าประกาศิต (Mystical Crane, Magic Needle 1978) นำแสดงโดย หลอเล่อหลิน, หม่าไห่หลุน, ฉินเพ่ย, เจิ้งอวี้หลิง และ หยางพ่านพ่าน
- เหยี่ยวเดือนเก้า 金刀情侠 (电视剧)1978 ดารานำแสดงได้แก่ เทียนหลง หวีอันอัน เจิ้งอวี้หลิง
- จอมเพชฌฆาตดาบทองคำ (The Gold Dagger Romance 1978) มี 9 episodes กำกับการแสดงโดย ฉีเคอะ กำกับคิวบู๊โดย เฉิงเสี่ยวตง โดยเนื้อเรื่องดัดแปลงมาจากเรื่อง เหยี่ยวเดือนเก้า ของโกวเล้ง นำแสดงโดย โหยวเทียนหลง (บท เอี๊ยบไค), หวีอันอัน (บท เซียวกัวเซียวเซียง), เจิ้งอวี้หลิง (บท เต็งฮุนลิ้ม), เว่ยชิวหัว (บท สุ่ยเง็กจิง) , ไป่เปียว และ หลอเล่อหลิน
ละครสถานีโทรทัศน์ทีวีบี(TVB)
[แก้]พ.ศ. 2521
- แฝดคนละฝา (Between the Twins 1978) นำแสดงโดย วังหมิงฉวน และ โอวหยังเพ่ยซัน
พ.ศ. 2522
- เหนือลิขิต (Over the Rainbow 1979) มี 85 episodes กำกับการแสดงโดย หลี่เทียนเซิ่ง นำแสดงโดย เซี่ยเสียน, วังหมิงฉวน, เจิ้งเส้าชิว, เจิ้งอวี้หลิง, อลันทัม หรือ ถันหย่งหลิน, ,กวนไห่ซัน และ หลิวตัน
- วิวาห์รอรัก (下一代 1979) แสดงกับเยิ่นต๊ะหัว, หลีเหลี่ยงเหว่ย และเฉิน อวี้เหลียน
- เจ้าสาวข้ามแดน (A Girl With A Suitcase 1979) มี 6 episodes นำแสดงโดย เจิ้งอวี้หลิง, หลินจื่อเสียง, เฉินไป่เสียง, กันกว๋อเลี่ยง
- เทพบุตรชาวดิน (The Good, The Bad, and The Ugly หรือ Man in the Net 1979) มี 80 episodes กำกับการแสดงโดย หลี่เทียนเซิ่ง นำแสดงโดย โจวเหวินฟะ, เจิ้งอวี้หลิง, โอวหยังเพ่ยซัน, เยิ่นต๊ะหัว, เลี่ยวเหว่ยสง
พ.ศ. 2523
- เลือดต่างสี (The Brothers 1980) มี 75 episodes กำกับการแสดงโดย หลี่เทียนเซิ่ง นำแสดงโดย โจวเหวินฟะ, เจิ้งอวี้หลิง, เยิ่นต๊ะหัว และ เซียะหลี
- กงเกวียนหมุนวน หรือ วงเวียนชีวิต (Five Easy Pieces 1980) มี 30 episodes นำแสดงโดย เจิ้งเส้าชิว, สือซิว, หลี่ซือฉี, เจิ้งอวี้หลิง
- ห้วงรักห้วงกรรม (勢不兩立 The Family 1980) นำแสดงโดย โจวเหวินฟะ และ เจิ้งอวี้หลิง
พ.ศ. 2524
- เหยี่ยวถลาลม (The Lonely Hunter 1981) มี 25 episodes.กำกับการแสดงโดย หลี่เทียนเซิ่ง นำแสดงโดย หวงเย่อหัว, เจิ้งอวี้หลิง, เหมียวเฉียวเหว่ย, สือซิว, เฉินหมิ่นเอ๋อ
- คฤหาสน์อาถรรพณ์ (No One is Innocent 1981) มี 10 episodes นำแสดงโดย หลี่ซือฉี, เจิ้งอวี้หลิง, เซี่ยอวี่
- จอมทรนง (The Fate 1981) มี 20 episodes นำแสดงโดย โจวเหวินฟะ, เจิ้งอวี้หลิง, สือซิว, เหมียวเฉียวเหว่ย, เฉินซิ่วจู
- เพชรตัดเพชร (Good old Times 1981) นำแสดงโดย โจวเหวินฟะ,เจิ้งอี้หลิง
พ.ศ. 2525
- โลกมายา (Star Palace 1982) มี 25 episodes กำกับการแสดงโดย หวังเทียนหลิน นำแสดงโดย หลี่ซือฉี (บท หลินไต้), เจิงชิ่งอวี๋ (บท เล่อตี้), เจิ้งอวี้หลิง (บท หลินชุ่ย อดีตดาราภรรยาของหวังอยู่ ที่หย่ากันเมื่อปี 1975), เยี่ยเต๋อเสียน (บท หลี่เม่ย)
- 3 คนอลเวง (A Baby Makes Three 1982) มี 9 episodes นำแสดงโดย เจิงเจียง (Kenneth Tsang) และ เจิ้งอวี้หลิง
- โชคชะตา (Destiny 1982) นำแสดงโดย หลี่เหลียงเหว่ย, เยิ่นต๊ะหัว และ เจิ้งอวี้หลิง
พ.ศ. 2526
- พยัคฆ์สาวมือปราบ (Woman on The Beat 1983) มี 20 episodes ฉายทางช่อง 3 นำแสดงโดย สือซิว, เจิ้งอวี้หลิง, โอวหยังเพ่ยซัน
พ.ศ. 2527
- สวนทางรัก (It Takes All Kinds 1984) มี 20 episodes นำแสดงโดย หวงเย่อหัว, เจิ้งอวี้หลิง, เยิ่นต๊ะหัว, เฉินซิ่วจู และ หลันเจี๋ยอิง
- รักห้าเส้า (It's A Long Way Home 1984) มี 20 episodes นำแสดงโดย เหลียงเฉาเหว่ย, หลี่ว์เหลียงเหว่ย, เจิ้งอวี้หลิง และ หลันเจี๋ยอิง
พ.ศ. 2528
- หลี่ซื่อเหนียง (Legend Of A Ching Lady 1985) มี 20 episodes นำแสดงโดย เจิ้งอวี้หลิง, หลี่เหลียงเหว่ย, เยิ่นต๊ะหัว, จวงจิ้งเอ๋อ และ ฮุ่ยเทียนชื่อ
- จอมบงการ (The Pitfall 1985) มี 20 episodes นำแสดงโดย เยิ่นต๊ะหัว, โอวหยังเพ่ยซัน และ เจิ้งอวี้หลิง
- ผีสาวจอมเพี้ยน (Happy Spirit 1985) นำแสดงโดย เจิ้งอวี้หลิง และ เติ้งชุ่ยเหวิน
- นางพญาหน้าด่าง (The Legend of Lady Chung 1985) มี 20 episodes นำแสดงโดย เจิ้งอวี้หลิง, เฉินซิ่วจู, หลี่หลงจี, หลูไห่เผิง และ ทังเจิ้นเยี่ย
- ขุนศึกตระกูลหยาง (The Yang’s Saga 1985) มี 6 episodes กำกับการแสดงโดย หลี่เทียนเซิง นำแสดงโดย ทีม 5 พยัคฆ์ทีวีบี และดาราดังมากมายในค่ายทีวีบี
พ.ศ. 2529
- สับคู่ชู้ชื่น (Changing Partners 1986) มี 11 episodes กำกับการแสดงโดย หลี่เทียนเซิ่ง นำแสดงโดย เจิงเจียง, เจิ้งอวี้หลิง, หลีเหม่ยเสียน, ไต้จื่อเว่ย และ หันหม่าหลี
- คู่ทรนง (The Feud of Two Brothers 1986) มี 30 episodes นำแสดงโดย ว่านจื่อเหลียง, เจิ้งอวี้หลิง, อู๋ฉี่หัว, หลิวเจียหลิง และ โจวไห่เม่ย
- ดาบมังกรหยก (Heaven Sword and Dragon Saber 1986) มี 40 episodes กำกับการแสดงโดย หวังเทียนหลิน นำแสดงโดย เหลียงเฉาเหว่ย, หลีเหม่ยเสียน, เติ้งชุ่ยเหวิน, เส้าเหม่ยฉี, เยิ่นต๊ะหัว, เจิ้งอวี้หลิง รับบท ฮึงซู่ซู่
พ.ศ. 2530
- ค่าของคน (The Price of Growing up 1987) มี 65 episodes) นำแสดงโดย ว่านจื่อเหลียง, เจิ้งอวี้หลิง, อู๋เจิ้นอวี่, โจวซิงฉือ และ โจวไห่เม่ย
- เจ้าสาวไม่กลัวฝน (謫仙記 1987)
พ.ศ. 2532
- อ้อมอกแม่ (The Seasons)
พ.ศ. 2539
- ก๊อตฟาเธอร์แห่งเซี่ยงไฮ้ (Once Upon a Time in Shanghai 1996)
รางวัลต่าง ๆ
[แก้]- Best New Performer Award (1983 The Last Affair)
- Best Actress Nomination (1987 Wonder Women)
- Best Actress Nomination (1988 Heart To Hearts)
- Best Actress Nomination (1991 Her Fatal Ways II)
- Best Supporting Actress Award (1990 Queen's Bench III)
- Best Actress Award (1990 Her Fatal Ways)
อ้างอิง
[แก้]- ↑ http://www.simonyam.com/hkmw/actors/dodocheng/
- ↑ "อดีตวันวาน เจิ้งอวี้หลิง". 2018-09-06. สืบค้นเมื่อ 2018-10-05.
- ↑ "เจิ้งอวี้หลิง 61 ปี". 2018-09-06. สืบค้นเมื่อ 2018-10-05.
- ↑ ประวัติเจิ้งอวี้หลิง
- ↑ 《dodo file》
- ↑ ประวัติ:ลูกเป็ดขี้เหร่
- ↑ 《《กลุ่มแฟนคลับ》เจ๊เจิ้ง》[ลิงก์เสีย]
- ↑ 《สาวแกร่ง:เจิ้งอวี้หลิง》
- ↑ ดรุณีหยก ยุค70s》
- ↑ 31ปีในวงการของ ลูกเป็ดขี้แหร่
- ↑ พิธีกรปากกล้า: เจิ้งอวี้หลิง ปี2000
- ↑ เจิ้งอวี้หลิง
- ↑ เจิ้งอวี้หลิงกลาบเป็นดาราอิสระ[ลิงก์เสีย]