ข้ามไปเนื้อหา

เอ็ดวัด กริกก์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เอ็ดวัด กริกก์
ภาพของกริกก์และลายเซ็นในปี ค.ศ. 1888 ตีพิมพ์ลงใน The Leisure Hour
ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อเกิดเอ็ดวัด ฮาเกอรึป กริกก์
เกิด15 มิถุนายน ค.ศ. 1843
ที่เกิดแบร์เกน, นอร์เวย์ นอร์เวย์
เสียชีวิต4 กันยายน ค.ศ. 1907 (อายุ 64)
แนวเพลงคลาสสิก, โฟล์ก
อาชีพนักประพันธ์เพลง
นักเปียโน
เครื่องดนตรีเปียโน
ช่วงปีค.ศ. 1861–1907

เอ็ดวัด ฮาเกอรึป กริกก์ (นอร์เวย์: Edvard Hagerup Grieg, ออกเสียง: [ˈɛdvɑɖ ˈhɑːɡərʉp ˈɡrɪɡː]; 15 มิถุนายน ค.ศ. 1843 – 4 กันยายน ค.ศ. 1907) เป็นคีตกวีและนักเปียโนชาวนอร์เวย์ เขาเป็นบุคลากรทางดนตรีที่ทรงอิทธิพลในยุคโรแมนติก หลายบทเพลงคลาสสิกของเขาล้วนเคยผ่านหูสาธารณชนทั่วโลกมาแล้ว เขาสามารถทำให้ดนตรีโฟล์กของนอร์เวย์ก้าวขึ้นมาอยู่ในดนตรีระดับแถวหน้าของโลก

บทเพลงที่โด่งดังที่สุดของเขาคือ "In the Hall of the Mountain King" ซึ่งล้วนเคยผ่านหูผู้คนทั่วโลกมาแล้ว

ประวัติ

[แก้]
บ้านของเอ็ดวัด กริกก์ ในแบร์เกน ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์

เอ็ดวัด เกิดในนครแบร์เกนของราชอาณาจักรนอร์เวย์ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 1843 บิดาของเขาคือ อาเล็กซันเดอร์ กริกก์ มีอาชีพพ่อค้าและเป็นรองกงสุลในแบร์เกน มารดาคือ เยซีเนอ ยือดีเตอ ฮาเกอรึป เธอเป็นบุตรสาวของเอ็ดวัด ฮาเกอรึป มีอาชีพเป็นครูสอนดนตรี ครอบครัวกริกก์มีต้นกำเนิดมาจากสกอตแลนด์ ซึ่งได้เข้ามาตั้งรกรากและธุรกิจในแบร์เกนราวปี ค.ศ. 1770

เอ็ดวัด กริกก์ เกิดมาในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเสียงดนตรี โดยมารดาของเขาเป็นผู้ฝึกสอนเปียโนให้กับเขาเมื่อเขาอายุได้ 6 ขวบ ต่อมาใน ค.ศ. 1858 เขาได้พบกับนักไวโอลินผู้มีชื่อเสียง คือ อูเลอ บึลล์ ซึ่งเป็นญาติห่าง ๆ เนื่องจากพี่ชายของบึลล์ได้แต่งงานกับป้าของเอ็ดวัด บึลล์เมื่อได้พบกับเอ็ดวัด สามารถรับรู้ถึงพรสวรรค์ด้านดนตรีของเอ็ดวัดในวัย 15 ปี จึงได้ชักชวนพ่อแม่ของเอ็ดวัดให้ส่งเขาไปศึกษายังมหาวิทยาลัยดนตรีและการละครไลพ์ซิช ในสาขาเปียโน

เอ็ดวัดได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้โดยเน้นไปที่เปียโน ที่ไลพ์ซิช เอ็ดวัดชอบที่จะได้ร่วมแสดงคอนเสิร์ตตลอดจนการบรรเลงเดี่ยว อย่างไรก็ตามเขาไม่ชอบกฎข้อบังคับของไลพ์ซิช เอ็ดวัดมีสุขภาพไม่ดีมาตั้งแต่วัยเยาว์ โดยปอดด้านซ้ายของเขาไม่สามารถใช้การได้จากอาการเยื่อหุ้มปอดอักเสบ ซึ่งส่งผลให้เขาเป็นโรคระบบหายใจ นอกจากนี้ เขายังมีความผิดปกติที่กระดูกสันหลังตอนบน กรณีเหล่านี้ล้วนทำให้เขาต้องทนทุกข์กับอาการจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจหลายต่อหลายครั้ง และเป็นผลให้การเจริญของปอดและหัวใจล้มเหลว ด้วยอาการป่วยที่มากมายเหล่านี้ ทำให้เอ็ดวัดมีเพื่อนเป็นแพทย์อยู่มากมาย

ใน ค.ศ. 1861 เอ็ดวัดได้เปิดการแสดงเปียโนครั้งแรกของเขาในเมืองคอลส์ฮัมน์ของสวีเดน ต่อมาใน ค.ศ. 1862 เขาได้สำเร็จการศึกษาที่ไลพ์ซิชและจัดการแสดงของเขาขึ้นในนครบ้านเกิด ซึ่งหนึ่งในบทเพลงที่เขาบรรเลงในการแสดงครั้งนั้นคือ "เปียโนโซนาตาหมายเลข 8" ของเบทโฮเฟิน

ใน ค.ศ. 1863 เขาได้เดินทางไปยังเดนมาร์ก และได้พำนักอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามปี ซึ่ง ณ ที่นั้น เขาได้รู้จักกับนักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงหลายคน ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นเพื่อนและผู้ให้แรงบันดาลใจ

ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1867 เอ็ดวัดได้แต่งงานกับนีนา ฮาเกอรึป ลูกพี่ลูกน้องของเขา และทั้งคู่ก็มีบุตรด้วยกันในปีถัดมา นามว่า อาเล็กซันดรา แต่โชคร้ายที่เธอได้เสียชีวิตในอีกราว 2 ปีต่อมาจากภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

หลังจากที่ต้องต่อสู้กับสารพัดโรคและอาการมาเป็นเวลานาน เอ็ดวัด กริกก์ เสียชีวิตเมื่อ 4 กันยายน ค.ศ. 1907 เมื่อเขาอายุได้ 64 ปี ประโยคสุดท้ายของเขาคือ "Well, if it must be so." ("อืม ถ้าจะต้องเป็นอย่างนั้น") ในงานศพของเขา มีผู้มาร่วมไว้อาลัยกว่า 30,000-40,000 คนเต็มท้องถนนของนครแบร์เกน

รายชื่อผลงานเด่น

[แก้]

ต่อไปนี้ เป็นรายชื่อผลงานบทเพลงชิ้นเด่นของ เอ็ดวัด กริกก์

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]