เอเสเคียล 4
เอเสเคียล 4 | |
---|---|
หนังสือเอเสเคียล 30:13–18 ในสำเนาต้นฉบับอังกฤษจากช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 13, MS. Bodl. Or. 62, fol. 59a. คำแปลภาษาละตินปรากฏอยู่ที่ขอบพร้อมการแทรกระหว่างบรรทัดเพิ่มเติมเหนือข้อความภาษาฮีบรู | |
หนังสือ | หนังสือเอเสเคียล |
ภาคในคัมภีร์ฮีบรู | เนวีอีม |
ลำดับในภาคของคัมภีร์ฮีบรู | 7 |
หมวดหมู่ | ผู้เผยพระวจนะยุคหลัง |
ภาคในคัมภีร์ไบเบิลคริสต์ | พันธสัญญาเดิม |
ลำดับในภาคของคัมภีร์ไบเบิลคริสต์ | 26 |
เอเสเคียล 4 (อังกฤษ: Ezekiel 4) เป็นบทที่ 4 ของหนังสือเอเสเคียลในคัมภีร์ฮีบรูหรือพันธสัญญาเดิมในคัมภีร์ไบเบิลของศาสนาคริสต์[1] หนังสือเอเสเคียลประกอบด้วยคำเผยพระวจนะที่ถือว่าเป็นของผู้เผยพระวจนะ/ปุโรหิตเอเสเคียล[2] เป็นหนึ่งในหนังสือหมวดผู้เผยพระวจนะ ในบทที่ 4 ของหนังสือเอเสเคียล เอเสเคียลแสดงการกระทำเชิงสัญลักษณ์ตามพระบัญชาของพระเจ้า แสดงสัญลักษณ์ถึงการล้อมเยรูซาเล็มและความกันดารอาหารที่เกิดขึ้นตามมา[3]
ต้นฉบับ
[แก้]บทนี้เดิมเขียนด้วยภาษาฮีบรู บทแบ่งออกเป็น 17 วรรค
พยานต้นฉบับ
[แก้]บางสำเนาต้นฉบับในยุคต้นที่มีข้อความของบทนี้เป็นภาษาฮีบรูมีลักษณะเป็นต้นฉบับเมโซเรติก (Masoretic Text) ได้แก่ ฉบับไคโร (Codex Cairensis; ค.ศ. 895) หนังสือผู้เผยพระวจนะฉบับปีเตอส์เบิร์ก (Petersburg Codex of the Prophets; ค.ศ. 916) ฉบับอะเลปโป (Aleppo Codex; ศตวรรษที่ 10) และฉบับเลนินกราด (Leningrad Codex; ค.ศ. 1008)[4] ชิ้นส่วนที่มีข้อความบางส่วนของบทนี้ในภาษาฮีบรูถูกพบในม้วนหนังสือเดดซี ได้แก่ 1Q9 (1QEzek; ก่อน ค.ศ. 68) โดยมีวรรคที่หลงเหลือคือ 15–17;[5][6][7][8] และ 11Q4 (11QEzek; 50 ปีก่อนคริสจกาล – ค.ศ. 50) โดยมีวรรคที่หลงเหลือคือ 3–6, 9–10[5][6][9][10]
ยังมีฉบับแปลเป็นภาษากรีกคอยนีที่รู้จักในชื่อเซปทัวจินต์ (ทำขึ้นในช่วงไม่กี่ศตวรรษสุดท้ายก่อนคริสตกาล) บางสำเนาต้นฉบับที่หลงเหลือในเซปทัวจินต์ ได้แก่ ฉบับวาติกัน (Codex Vaticanus; B; B; ศตวรรษที่ 4) ฉบับอะเล็กซานเดรีย (Codex Alexandrinus; A; A; ศตวรรษที่ 5) และฉบับมาร์ชาล (Codex Marchalianus; Q; Q; ศตวรรษที่ 6)[11][11][a]
การล้อมเยรูซาเล็ม (4:1–8)
[แก้]ส่วนนี้บรรยายถึงวิธีการที่เอเสเคียลแสดงภาพการล้อมเยรูซาเล็ฒ โดยเริ่มจากการวาดแผนที่ของเยรูซาเล็มบนแผ่นดินเหนียมหรือก้อนอิฐ จากนั้นสร้างแบบจำลองของอุปกรณ์ปิดล้อมวางรอบเมืองลำลอง สุดท้ายจึงหันหน้าเข้าหาเมืองเพื่อเริ่มการปิดล้อม[3]
วรรค 1
[แก้]- "เจ้า บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเอาก้อนอิฐมาวางไว้ข้างหน้าเจ้า และแกะรูปเมืองหนึ่งไว้บนนั้น คือนครเยรูซาเล็ม"[13]
- "ก้อนอิฐ" (TNCV: "ดินเหนียวแผ่นหนึ่ง"): laterem ในฉบับแปล Pagninus และในฉบับวัลเกตภาษาละติน[14][15]
- "แกะรูป": คือวาดรูปนครเยรูซาเล็ม[15]
วรรค 5
[แก้]- และเราได้กำหนดจำนวนวันแก่เจ้าคือ 390 วันซึ่งเท่ากับจำนวนปีของความผิดบาปพวกเขา เป็นวันซึ่งเจ้าจะต้องแบกความผิดบาปของพงศ์พันธุ์อิสราเอล[16]
- "390 วัน": หมายถึงช่วงเวลา 390 ปีของการลงโทษอิสสาเอลก่อนที่จะถูกล้อม (เทียบกับ เลวีนิติ 26:14 -32)[17] ในฉบับภาษากรีก (เซปทัวจินต์) ระบุเป็น "190 ปี"[18]
วรรค 6
[แก้]- และเมื่อเจ้าทำเช่นนี้จนครบจำนวนวันแล้ว เจ้าจะต้องนอนลงเป็นครั้งที่สองโดยนอนตะแคงข้างขวาและแบกความผิดบาปของพงศ์พันธุ์ยูดาห์ เรากำหนดแก่เจ้า 40 วัน 1 วันแทน 1 ปี[19]
- "40 วัน" หมายถึงช่วงเวลา 40 ของการลงโทษยูดาห์หลังถูกล้อม ด้วยการตกไปเป็นเชลย (เทียบกับ กันดารวิถี 14:34 )[17]
การกันดารอาหาร (4:9–17)
[แก้]ในส่วนนี้ เอเสเคียลแสดงบทบาทของพลเมืองเยรูซาเล็ม โดยการกินอาหารเพียงน้อยนิดเพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงการกันดารอาหาร และถึงกับปิ้งขนมปังโดยใช้มูลสัตว์เป็นเชื้อเพลิงเพื่อเน้นย้ำถึงความรุนแรงของการกันดารอาหาร[20]
วรรค 9
[แก้]- และเจ้าจงเอาข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ถั่ว ถั่วแดง ข้าวฟ่าง และข้าวสเปลต์ มาใส่ในภาชนะอันเดียวกันใช้ทำเป็นขนมปังสำหรับเจ้า เจ้าจงกินอาหารนี้ระหว่างที่เจ้านอนตะแคงตามกำหนด 390 วัน[21]
- "ข้าวฟ่าง และข้าวสเปลต์": ถือเป็นข้าวสาลีคุณภาพต่ำ[22] วัตถุดิบเหล่านี้และวัตถุดิบที่ถูกกล่าวถึงอื่น ๆ (ข้าวบาร์เลย์, ถั่ว, ถั่วแดง) ถูกรวบรวมโดยทั่วไปเพื่อใช้เป็นอาหารในพื้นที่ที่เอเสเคียลไปเป็นเชลย (เมโสโปเตเมีย)[22][23]
วรรค 10
[แก้]- และอาหารที่เจ้ากินจะต้องชั่ง คือวันละ 230 กรัม เจ้าจงกินตามเวลากำหนด[24] (พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน) หรือ
- และอาหารที่เจ้ารับประทานจะต้องชั่ง เป็นวันละยี่สิบเชเขล เจ้าจงรับประทานตามเวลากำหนด[25] (พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1971)
- "ยี่สิบเชเขล": ประมาณ 8 ออนซ์ (230 กรัม) เป็นอัตราส่วนของขนมปังต่อคนต่อวัน แสดงถึงความกันดารอาหารอย่างมาก[22][26] "เชเขล" เป็นหน่วยมาตรฐานของการชั่งน้ำหนัก (รวมถึงระบบเงินตรา) ในตะวันออกใกล้โบราณ โดยทั่วไป 1 เชเขลเท่ากับ 11.5 กรัม (0.4 ออนซ์)[27]
วรรค 11
[แก้]- และน้ำที่เจ้าดื่มก็ต้องตวงดื่ม คือประมาณครึ่งลิตร เจ้าจงดื่มน้ำตามเวลากำหนด[28] (พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน) หรือ
- และน้ำเจ้าต้องตวงดื่ม คือหนึ่งในหกของฮินหนึ่ง เจ้าจงดื่มน้ำตามเวลากำหนด[29] (พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1971)
- "หนึ่งในหกของฮินหนึ่ง": ประมาณ ⅔ ควอร์ต (0.6 ลิตรหรือ 1.3 ไพนต์)[30][31] อัตราส่วนของน้ำที่ดื่มต่อวันแสดงถึงการเข้าถึงแหล่งน้ำที่จำกัด[22]
วรรค 12
[แก้]- และเจ้าจะต้องกินดังขนมปังข้าวบาร์เลย์ โดยปิ้งบนไฟที่ก่อจากอุจจาระมนุษย์ต่อหน้าเขาทั้งหลาย[32]
- "ก่อจากอุจจาระมนุษย์": ขนมปังข้าวบาร์เลย์ถูกปิ้งบนหิน (เทียบกับ 1 พงศกษัตริย์ 19:6) ที่เผาด้วยไฟที่ใช้มูลสัตว์ผสมกับฟางเป็นเชื้อเพลิง[22] "อุจจาระมนุษย์" ถือว่า 'ไม่บริสุทธิ์ในทางพิธีการ' และต้องฝังไว้ภายนอกค่ายของพงศ์พันธ์อิสราเอล (เช่นเดียวกับระหว่างการรอนแรมในถิ่นทุรกันดาร) เพื่อป้องกัน 'มลทิน' (เฉลยธรรมบัญญัติ 23:12 -14)[22][33]
ดูเพิ่ม
[แก้]- บุตรมนุษย์
- เยรูซาเล็ม
- รายชื่อพืชในคัมภีร์ไบเบิล
- ส่วนในคัมภีร์ไบเบิลที่เกี่ยวข้อง: เยเรมีย์ 27, เยเรมีย์ 28, เยเรมีย์ 29, 1 เธสะโลนิกา 5, 1 เปโตร 4
หมายเหตุ
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ Carley 1974, pp. 29–35.
- ↑ Theodore Hiebert et al., 1996. The New Interpreter's Bible: Volume VI. Nashville: Abingdon.
- ↑ 3.0 3.1 Galambush 2007, p. 539.
- ↑ Würthwein 1995, pp. 35–37.
- ↑ 5.0 5.1 Ulrich 2010, p. 586.
- ↑ 6.0 6.1 Dead sea scrolls - Ezekiel
- ↑ Fitzmyer 2008, p. 19.
- ↑ 1Q9 at the Leon Levy Dead Sea Scrolls Digital Library
- ↑ Fitzmyer 2008, p. 110.
- ↑ 11Q4 - 11QEzek at the Leon Levy Dead Sea Scrolls Digital Library
- ↑ 11.0 11.1 Würthwein 1995, pp. 73–74.
- ↑ Shepherd, Michael (2018). A Commentary on the Book of the Twelve: The Minor Prophets. Kregel Exegetical Library. Kregel Academic. p. 13. ISBN 978-0825444593.
- ↑ เอเสเคียล 4:1 THSV11
- ↑ V. L. Pagninus, Montanus, Junius & Tremellius, Polanus. Piscator.
- ↑ 15.0 15.1 Coogan 2007, pp. 1186–1187 Hebrew Bible.
- ↑ เอเสเคียล 4:5 THSV11
- ↑ 17.0 17.1 Coogan 2007, p. 1186 Hebrew Bible.
- ↑ Carley 1974, pp. 30–31.
- ↑ เอเสเคียล 4:6 THSV11
- ↑ Galambush 2007, p. 530.
- ↑ เอเสเคียล 4:9 THSV11
- ↑ 22.0 22.1 22.2 22.3 22.4 22.5 Carley 1974, p. 34.
- ↑ หมายเหตุของเอเสเคียล 4:9 ใน NET Bible
- ↑ เอเสเคียล 4:10 THSV11
- ↑ เอเสเคียล 4:10 TH1971
- ↑ หมายเหตุของเอเสเคียล 4:10 ใน MEV
- ↑ หมายเหตุของเอเสเคียล 4:10 ใน NET Bible
- ↑ เอเสเคียล 4:11 THSV11
- ↑ เอเสเคียล 4:11 TH1971
- ↑ หมายเหตุของเอเสเคียล 4:11 ใน MEV
- ↑ หมายเหตุของเอเสเคียล 4:11 ใน NET Bible
- ↑ เอเสเคียล 4:12 THSV11
- ↑ หมายเหตุของเอเสเคียล 4:12 ใน NET Bible
บรรณานุกรม
[แก้]- Carley, Keith W. (1974). The Book of the Prophet Ezekiel. Cambridge Bible Commentaries on the New English Bible (illustrated ed.). Cambridge University Press. ISBN 9780521097550.
- Coogan, Michael David (2007). Cooganv, Michael David; Brettler, Marc Zvi; Newsom, Carol Ann; Perkins, Pheme (บ.ก.). The New Oxford Annotated Bible with the Apocryphal/Deuterocanonical Books: New Revised Standard Version, Issue 48 (Augmented 3rd ed.). Oxford University Press. ISBN 9780195288810.
- Fitzmyer, Joseph A. (2008). A Guide to the Dead Sea Scrolls and Related Literature. Grand Rapids, MI: William B. Eerdmans Publishing Company. ISBN 9780802862419. สืบค้นเมื่อ February 15, 2019.
- Galambush, J. (2007). "25. Ezekiel". ใน Barton, John; Muddiman, John (บ.ก.). The Oxford Bible Commentary (first (paperback) ed.). Oxford University Press. pp. 533–562. ISBN 978-0199277186. สืบค้นเมื่อ February 6, 2019.
- Joyce, Paul M. (2009). Ezekiel: A Commentary. Continuum. ISBN 9780567483614.
- Ulrich, Eugene, บ.ก. (2010). The Biblical Qumran Scrolls: Transcriptions and Textual Variants. Brill.
- Würthwein, Ernst (1995). The Text of the Old Testament. แปลโดย Rhodes, Erroll F. Grand Rapids, MI: Wm. B. Eerdmans. ISBN 0-8028-0788-7. สืบค้นเมื่อ January 26, 2019.