เต่าปูลู
| เต่าปูลู | |
|---|---|
| สถานะการอนุรักษ์ | |
| การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
| อาณาจักร: | สัตว์ Animalia |
| ไฟลัม: | สัตว์มีแกนสันหลัง Chordata |
| ชั้น: | สัตว์เลื้อยคลาน Reptilia |
| อันดับ: | เต่า Testudines |
| อันดับย่อย: | เต่า Cryptodira |
| วงศ์ใหญ่: | Testudinoidea Testudinoidea Gray, 1869[3] |
| วงศ์: | เต่าปูลู Platysternidae Gray, 1831[3] |
| สกุล: | เต่าปูลู Platysternon Gray, 1831[3] |
| สปีชีส์: | Platysternon megacephalum |
| ชื่อทวินาม | |
| Platysternon megacephalum Gray, 1831[3] | |
| ชื่อพ้อง[4] | |
| |
เต่าปูลู เป็นเต่าน้ำจืดกินเนื้อเป็นอาหารชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Platysternon megacephalum (เป็นภาษาละตินแปลว่า "หัวโต อกแบน"[5]) ในสกุล Platysternon วงศ์ Platysternidae ซึ่งมีเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในวงศ์และสกุลนี้[6]
มีรูปร่างที่แปลกไปจากเต่าชนิดอื่น ๆ กล่าวคือ มีหัวที่โต ปากงุ้มแหลม เล็บที่ทั้ง 4 ข้างแหลมคมมาก มีหางที่ยาวมาก และไม่สามารถหดหัวเข้ากระดองที่เรียวยาวได้ เป็นเต่าที่พบในลำธารน้ำตกบนภูเขาสูงหรือป่าดิบชื้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตอนบนที่ติดกับตอนใต้ของประเทศจีน
กายวิภาค
[แก้]มีหัวว่าวใหญ่มาก มีขนาดกว้างหัวประมาณครึ่งหนึ่งของความกว้างกระดองหลัง มีปากงุ้มแหลมคล้ายปากนกแก้ว หัวหดเข้ากระดองไม่ได้ แต่มีคอยาวยื่นออกมาได้มาก เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว มีความสามารถในการปีนต้นไม้และก้อนหิน ขาและเท้าของเต่าปูลูมีขนาดใหญ่และแข็งแรงหดเข้ากระดองไม่ได้ ขาหน้าและขาหลังของเต่าปูลูมีเกล็ดหุ้มทั้งหมด ตั้งแต่โคนขามีเกล็ดขนาดใหญ่ ฝ่าเท้ามีเกล็ดขนาดเล็กลงมา นิ้วมีเกล็ดหุ้ม มีเล็บแหลมคม ขาหน้ามี 5 นิ้ว ขาหลังมี 4 นิ้ว มีเยื่อพังผืดเล็กน้อยยึดระหว่างนิ้วเกือบถึงโคนเล็บ หางมีขนาดใหญ่และแข็งแรง มีเกล็ดขนาดใหญ่หุ้มเกล็ดหางด้านบนมี 1 แถว ๆ ละ 1 เกล็ด เรียงจากโคนหางมีประมาณ 11 ถึง 14 แถว เกล็ดหางด้านล่างแถวที่ 1 ถึง 4 มีสี่เกล็ดจากแถวที่ห้าถึงปลายหางมีแถวละสองเกล็ดบริเวณโคนหางและโคนขาหลังมีเดือยหนังแหลมยื่นออกมาจำนวนมาก หางของเต่าปูลูยาวมาก มีความยาวมากกว่าความยาวกระดองหลังในอัตราเฉลี่ยความยาวกระดองหลังต่อความยาวหาง มีค่าเท่ากับ 1:1.34 เต่าปูลูจึงจัดว่าเป็นเต่าที่มีหางยาวที่สุดในโลก


เต่าปูลูขนาดเล็ก ที่ยังไม่โตเต็มวัย เกล็ดสันหลัง มีลักษณะเป็นสันแนวกลางหลังทั้ง 5 แผ่น เกล็ดชายโครง ทั้ง 4 คู่ มีปุ่มหนาที่บริเวณกลางของแต่ละเกล็ด เกล็ดขอบกระดอง มีหยักปลายแหลมเล็กน้อย ส่วนกระดองท้องมีลักษณะดาร์ก ซิมเมตริคอล มาร์กิ้งส์ กระดองหลังสีน้ำตาลแดง กระดองท้องสีเหลือง ผิวหนังด้านท้องสีเหลือง ด้านข้างของหัวทั้งสองด้านจากท้ายตามีเส้นสีดำ 1 คู่ พาดยาวไปทางด้านหลัง ระหว่างกลางเส้นสีดำมีสีเหลือง ขาทั้ง 4 ด้านบนสีดำด้านล่างสีเหลือง แต่เมื่อโตเต็มวัย ลักษณะสันกลางหลัง ปุ่มหนามที่เกล็ดชายโครงและรอยหยักที่เกล็ดขอบกระดอง จะหายไปจนหมด ส่วนลักษณะดาร์ก ซิมเมตริคอล มาร์กิ้งส์ ที่กระดองท้องสีทั้งหมดจะหายไป หรือจางลงจนสังเกตเห็นไม่ชัด เส้นคู่สีดำข้างหัวจะหายไปด้วย
เต่าปูลูตัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่พบในประเทศไทย พบที่จังหวัดลำปางมีน้ำหนัก 910 กรัม ความยาวกระดองหลัง 18.7 เซนติเมตร ความกว้างกระดองหลัง 14.5 เซนติเมตร ความกว้างหัว 6.5 เซนติเมตร ความยาวหาง 23 เซนติเมตร[7]
ชนิดย่อยและพฤติกรรม
[แก้]เต่าปูลู ยังแบ่งเป็นชนิดย่อย ได้ 3 ชนิด คือ
- เต่าปูลูเหนือ หรือ เต่าปูลูจีน (P. m. megacephalum) เป็นเต่าปูลูขนาดเล็ก มีขนาดเล็กกว่าชนิด P. m. pequense มาก มีลักษณะคล้ายคลึงกันแต่มีความความแตกต่างที่ชัดเจนมากที่สุดมีเพียงแห่งเดียว คือเกล็ดเหนือโคนหาง เกล็ดขอบกระดอง มีจำนวน 11 คู่ เท่ากัน (วิโรจน์, 1979 รายงานว่ามี 9 คู่[7]) กระดองท้องของเต่าปูลูเหนือจะเป็นสีเหลืองส้ม ผิวหนังใต้คางสีเหลืองทอง ผิวหนังบริเวณโคนขาจนถึงโคนหางเป็นสีเหลืองอมชมพูเกล็ดเหนือโคนหางซึ่งมี 1 อัน มองเห็นไม่ชัดเจน เมื่อโตเต็มที่ เกล็ดเหนือโคนหาง จะมองเห็นชัดเจน เต่าปูลูเหนือพบในจีน ส่วนในประเทศไทยพบน้อยมาก โดยจะพบเฉพาะจังหวัดที่อยู่เหนือสุดเท่านั้น ตัวที่ใหญ่สุดที่พบที่จังหวัดลำปางมีน้ำหนัก 570 กรัม ความยาวกระดองหลัง 14.5 เซนติเมตร ความยาวกระดองท้อง 11.3 เซนติเมตร ความกว้างหัว 5.4 เซนติเมตร ความกว้างกระดองหลัง 11 เซนติเมตร ความยางหาง 24 เซนติเมตร [3]
- เต่าปูลู (P. m. pequense) พบในพม่า, ไทย[3]
- เต่าปูลู (P. m. shiui) พบที่เวียดนามเหนือ, กัมพูชา และลาว[3]
เต่าปูลู เป็นเต่าที่อาศัยอยู่ในลำธารน้ำบนภูเขาสูงเท่านั้น พบในประเทศจีนตอนใต้และในชายแดนที่ติดกับไทย, ลาว และพม่า มีนิสัยดุ กินเนื้อและลูกไม้เปลือกแข็งเป็นอาหาร รวมถึงลูกนกด้วย กินอาการโดยวิธีการฉกงับ มีความสามารถปีนป่ายขอนไม้ หรือโขดหินได้เก่ง หากินในเวลาตอนเย็นหรือกลางคืน ส่วนกลางวันจะหลบซ่อนตามซอกหิน[5] ความแตกต่างระหว่างเพศผู้และเพศเมีย คือ ตัวผู้มีหางยาวมากกว่า และรูเปิดก้น ของตัวผู้จะอยู่ไปทางปลายหางมากกว่า และตัวผู้จะมีอวัยวะเพศ อยู่ภายในรูเปิดก้น เต่าปูลูเมื่อยังเล็ก กระดองจะมีลายสีเหลืองและสีน้ำตาล ส่วนตัวเต็มวัยสีเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำตาลเขียวมะกอก ผสมพันธุ์ในน้ำ วางไข่คราวละ 3–5 ฟอง ไข่เปลือกแข็งสีขาว รูปทรงกระบอกหัวท้ายรี ยาวประมาณ 4 เซนติเมตร เชื่อว่ามีอายุยืนได้ถึง 200 ปี
สถานภาพในธรรมชาติ
[แก้]สถานภาพปัจจุบัน เป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ เนื่องจากถูกคุกคามถิ่นที่อยู่อาศัยและถูกจับเป็นสัตว์เลี้ยงและปรุงยาสมุนไพรด้วยเชื่อว่าเป็นยาที่ใช้บำรุงสมรรถนะทางเพศ โดยชาวจีนจะรับซื้อในราคาที่แพง นอกจากนี้แล้วยังมีการให้กัดกันเพื่อเป็นเกมการพนันอีกด้วย[8]
ในประเทศไทย นอกจากที่จังหวัดลำปางแล้ว เต่าปูลูยังพบได้ที่ จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่อุทยานแห่งชาติคลองตรอน อำเภอน้ำปาด, จังหวัดพิษณุโลก พบที่อำเภอนครไทย, จังหวัดน่าน พบที่ป่าห้วยหลวง ตำบลเรือง อำเภอเมืองน่าน[9], อุทยานแห่งชาติขุนน่าน และ อุทยานแห่งชาตินันทบุรี[10] รวมถึงอีกหลายที่ในจังหวัดภาคเหนือ
ในปัจจุบันมีโครงการอนุรักษ์เต่าปูลูอยู่ที่ หมู่บ้านนาตอง ตำบลช่อแฮ จังหวัดแพร่ และ อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย
สำหรับการนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงนั้น เต่าปูลูมักไม่ค่อยรอด เนื่องจากเป็นเต่าที่อาศัยอยู่ในน้ำที่มีสภาพเป็นลำธารน้ำตกเท่านั้น อีกทั้งยังปีนป่ายเก่ง มีอุปนิสัยดุ จะฉกงับทุกอย่าง จึงทำให้เป็นเต่าที่เลี้ยงยากมาก[7]
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ Fong, J.; Hoang, H.; Li, P.; McCormack, T.; Rao, D.-Q.; Timmins, R.J.; Wang, L.; van Dijk, P.P. (2021). "Platysternon megacephalum". IUCN Red List of Threatened Species. 2021: e.T17585A1423706. doi:10.2305/IUCN.UK.2021-2.RLTS.T17585A1423706.en. สืบค้นเมื่อ 15 November 2021.
- ↑ "Appendices | CITES". cites.org. สืบค้นเมื่อ 2022-01-14.
- 1 2 3 4 5 6 7 Rhodin 2010, pp. 000.107 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "Rhodin107" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน - ↑ Fritz, Uwe; Peter Havaš (2007). "Checklist of Chelonians of the World". Vertebrate Zoology. 57 (2): 264–265. doi:10.3897/vz.57.e30895. ISSN 1864-5755.
- 1 2 Untamed China with Nigel Marven ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส
- ↑ ITIS
- 1 2 3 วารสารของกรมประมง พ.ศ. 2542
- ↑ "ครอบครัวข่าวเช้า". ช่อง 3. 2017-12-04. สืบค้นเมื่อ 2017-12-04.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "สภาพและข้อมูลพื้นฐาน - องค์การบริหารส่วนตำบลเรือง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-11-11. สืบค้นเมื่อ 2022-11-11.
- ↑ พบ ‘เต่าปูลู’ เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกนันทบุรี ชี้ความสมบูรณ์ผืนป่า
- บรรณานุกรม
- Rhodin, Anders G.J.; Paul van Dijk, Peter; Iverson, John B.; Shaffer, H. Bradley (2010-12-14). "Turtles of the World 2010 Update: Annotated Checklist of Taxonomy, Synonymy, Distribution and Conservation Status" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-07-17. สืบค้นเมื่อ 2010-12-15.
- Fritz, Uwe; Havaš, Peter (2007-10-31). "Checklist of Chelonians of the World" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-05-01. สืบค้นเมื่อ 2010-12-29.
- Pritchard, D. 1979. Encyclopedia of Turtles. New Jersey: T.F.H. Publications, Inc. Ltd.
- "The Big-headed Turtle (Platysternon megacephalum) Project". asianturtleprogram.org. Retrieved 2023-03-14
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Big-headed turtle (Platysternidae)
- (Chinese) Big-headed turtle
- (Spanish) Platysternon megacephalum เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน