หลวงปู่ชอบ ฐานสโม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระชอบ ฐานสโม

(ชอบ ฐานสโม)
ชื่ออื่นพระอาจารย์ชอบ,หลวงปู่ชอบ
ส่วนบุคคล
เกิด12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2445 (91 ปี 11 เดือน 27 วัน ปี)
มรณภาพ8 มกราคม พ.ศ. 2538
นิกายธรรมยุติกนิกาย
ตำแหน่งชั้นสูง
ที่อยู่วัดป่าสัมมานุสรณ์ จังหวัดเลย
อุปสมบท21 มีนาคม พ.ศ. 2467
พรรษา70

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ท่านเป็นศิษย์ท่านพระอาจารย์มั่น โปรดปรานมากที่สุด[ต้องการอ้างอิง] และเป็นพระอริยสงฆ์[ต้องการอ้างอิง]

ชาติกำเนิด[แก้]

ท่านเกิดเมื่อวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2445 (นับแบบใหม่) หรือ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 3 ปีฉลู ณ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย เป็นบุตรของนายไมล์ และ นางปา แก้วสุวรรณ แต่เดิมครอบครัวท่านอยู่อำเภอด่านซ้าย ดินแดนอันศักดิ์สิทธ์แห่งพระธาตุศรีสองรักเนื่องจากตัวอำเภอด่านซ้ายอยู่กลางหุบเขาพื้นที่ราบมีไม่มากนัก ทำให้การทำมาหากินลำบากจึงได้พากันอพยพมาอยู่บ้านโคกมน

อุปสมบท[แก้]

บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 19 ปี พ.ศ. 2464 ณ วัดบ้านนาแก ตำบลนากลาง อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นสามเณรอยู่ถึง 4 ปีกว่า และได้อุปสมบทเมื่ออายุ 23 ปี วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2467 ณ วัดศรีธรรมาราม อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร โดยมีพระครูวิจิตรวิโสธนาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์แดง เป็นพระกรรมวาจาจารย์

ศึกษาธรรม[แก้]

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระอริยเจ้าผู้ทรงอภิญญาญาน คือผู้ทรงความรู้ยิ่งในพระพุทธศาสนามีคุณสมบัติพิเศษ 6 อย่าง[ต้องการอ้างอิง]

  1. อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ได้
  2. ทิพโสต หูทิพย์
  3. เจโตปริยญาณ รู้จักกำหนดใจผู้อื่น
  4. บุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้
  5. ทิพจักขุ ตาทิพย์
  6. อาสวักขยญาณ รู้จักทำอาสวะให้สิ้นไป

ท่านมีนิสัยชอบโดดเดี่ยวเที่ยวไปอยู่ในป่า ทำในสิ่งที่บุคคลอื่นทำได้ยาก ไม่ชอบเกี่ยวข้องกับหมู่ชนพระเณร เป็นผู้มีความองอาจเด็ดเดี่ยวอดทนเป็นเลิศ ไม่กลัวความทุกข์ยากลำบาก เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย กล้าได้กล้าเสียในการปราบกิเลส ถึงกับพระอาจารย์มั่นออกปากชมท่ามกลางหมู่คณะพระเณรลูกศิษย์ขององค์ท่านว่า “ให้ทุกองค์ภาวนาให้ได้เหมือนท่านชอบสิ ท่านองค์นี้ภาวนาไปไกลลิบเลย”

ท่านสามารถแสดงธรรมและสนทนาธรรมเป็นภาษาต่างๆ ได้หมด เพียงกำหนดจิตดูว่าภาษานั้นเขาใช้พูดกันว่าอย่างไร ท่านสามารถแสดงธรรมโปรดเทวดา พญานาค ตลอดจนภพภูมิต่างๆ ได้

การธุดงค์ของท่านนับว่าโลดโผนมาก ชอบเดินทางในเวลากลางคืนหรือจวนสว่างในคืนเดือนหงาย เที่ยวไปอย่างอนาคาริกมุนีผู้ไม่มีอาลัยในโลกทั้งปวง บางคราวมีเสือลายพาดกลอนตัวใหญ่ สองตัวกระโดดล้อมหน้าล้อมหลังเอาไว้ ท่านเร่งสติสมาธิ กำหนดจิตแผ่เมตตาเข้าข้างใน สมาธิลึกเข้าไปถึงฐานของจิต ปล่อยวางสิ่งทั้งปวง เมื่อถอนจิตออกมาปรากฏว่าเสือสองตัวได้หายไปแล้ว

ปีพ.ศ. 2492 ท่านได้เดินทางขึ้นไปเที่ยววิเวกที่บ้านกะเหรี่ยง ผาแด่น ตำบลสันป่ายาง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อโปรดพี่ชายของท่านในอดีตชาติที่รักกันมาก ท่านระลึกชาติได้ว่า เคยเกิดเป็นกะเหรี่ยงที่ประเทศพม่า มีพี่ชายคนหนึ่ง บัดนี้เขาได้มาเกิดเป็นชาวกะเหรี่ยง ชื่อว่า “เสาร์” ที่บ้านผาแด่นแห่งนี้ ด้วยจิตเมตตาท่านจึงเดินทางไปโปรดดึงเขาเข้าสู่ทางธรรม และต่อมานายเสาร์ก็ได้บวชเป็นพระติดตามท่านจนตลอดชีวิต

ท่านเล่าว่าในบางคราวหลงอยู่ในกลางป่าเป็นเวลาหลาย ๆ วัน ท่านเป็นที่เคารพรักของเหล่าเทพเทวดา เดินทางจากประเทศพม่าจะเข้าสู่ไทย หลงป่าเจียนตายเพราะความหิว เทวดาได้นำอาหารทิพย์มาใส่บาตร อาหารนั้นมีรสอร่อยส่งกลิ่นหอม หายเมื่อยหายหิวไปหลายวัน

ท่านทำสมาธิทั้งกลางวันกลางคืน บางคราวพายุฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลาก ท่านต้องนั่งกอดบาตรเอาไว้จนสว่าง ท่านพบวิมุตติบรรลุธรรมชั้นสูงสุด เมื่อปี พ.ศ. 2487 พรรษาที่ 20 อายุ 43 ปี ที่ถ้ำหมีเก่า บ้านไทยใหญ่หนองยวน แขวงเชียงตุง ประเทศพม่า

ท่านเป็นพระผู้ทรงอภิญญาสามารถล่วงรู้สิ่งที่ลึกลับที่มนุษย์ธรรมดาตามองไม่เห็น เช่น เทวบุตร เทวดา อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ พญานาค ภูต ผี ปีศาจมากมาย แม้แต่ความรู้สึกนึกคิดภายในใจของคน ท่านก็สามารถล่วงรู้ได้

ท่านได้พบพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ณ เสนาสนะป่าบ้านสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม หลวงปู่มั่นได้ให้โอวาทสั้น ๆ ว่า “ท่านเคยภาวนามาอย่างไร ก็ให้ทำต่อไปเช่นนั้น อย่าได้หยุด ธรรม 84,000 พระธรรมขันธ์ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงแสดงไว้นั้น มันอยู่ที่ใจเรานี่แหละ ถ้าอยากรู้อยากเห็นธรรมเหล่านั้น ก็ให้ค้นหาเอาที่ใจของท่านเอง”

ในระยะที่ท่านอยู่กับหลวงปู่มั่นนั้น ท่านได้รับความไว้วางใจและมอบหมาย ให้ช่วยดูแลพระเณรที่คิดอะไรนอกลู่นอกทาง ไม่ถูกต้องตามครรลองของผู้ทรงศีลธรรม ท่านก็จะตักเตือน เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นว่า ท่านมีความรู้ภายในว่องไวไม่แพ้หลวงปู่มั่น พระเณรทั้งหลายจึงเกรงกลัวท่านมาก และท่านก็ยังสามารถระลึกชาติรู้อดีตชาติของท่านเองว่าเคยเกิดเป็นอะไรมาบ้าง เช่น เคยเกิดเป็นพระภิกษุรักษาศีลอยู่กับพระอนุรุทธะเถร เคยเป็นสามเณรน้อยลูกศิษย์พระมหากัสสปะ เคยเกิดเป็นท้าวมหาพรหมในพรหมโลกและเป็นสัตว์หลายชนิดอีกด้วย หลวงปู่ชอบท่านบำเพ็ญภาวนาอยู่ตามป่าตามเขา ส่วนมากทางภาคเหนือหลายพื้นที่รวมถึงประเทศพม่าด้วย

ปีพุทธศักราช 2489 ขณะท่องเที่ยวธุดงค์อยู่ทางภาคเหนือ สหธรรมมิกคือหลวงปู่ขาว อนาลโย ชวนท่านกลับมาอีสานท่านจึงได้มาจำพรรษาที่ป่าช้าหินโง่น ปัจจุบันคือ วัดป่าโคกมน

ปีพุทธศักราช 2504 ผู้ใหญ่ถัน วงษา ผู้บ้าน บ้านโคกมน ได้พาชาวบ้านโคกมน ขึ้นไปกราบนิมนต์หลวงปู่ชอบ ที่ภูผาดิน ภูผาดินแห่งนี้เป็นภูเขาลูกหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างบ้านโคกมนกับบ้านผาน้อย เพื่อให้ลงมาสร้างวัดป่าที่บ้านโคกมน โปรดลูกหลานชาวบ้านโคกมนให้เลิกนับถือผี ให้หันมานับถือพระไตรสรคมณ์ หลวงปู่ชอบ ท่านได้มาพิจารณาในสถานที่ที่จะสร้างเป็นวัดขึ้นมา ที่ริมฝั่งแม่น้ำสวย ซึ่งสถานที่ตรงนี้นั้น ได้มีชาวบ้านมาทำการถากถางป่าไม้ออกเพื่อจะทำไร่ ทางผู้ใหญ่ถัน วงษาได้ทำการติดต่อซื้อที่จากจำนวน 8 ไร่ จากชาวบ้านผู้ที่เป็นเจ้าของเดิม ในราคาไร่ละ 100 บาท รวมเป็นเงิน 800 บาทเพื่อสร้างเป็นวัดป่าสัมมานุสรณ์ เป็นเบื้องต้น หลวงปู่ชอบจำพรรษาที่นี่เริ่มตั้งแต่ปีพ.ศ. 2504 จนถึงพ.ศ. 2524 และพ.ศ. 2525 - 2537 ท่านได้พักประจำอยู่วัดป่าโคกมน จวบจนวาระสุดท้ายขององค์ท่าน

งานเผยแผ่พระธรรม[แก้]

หลวงปู่ชอบมีการสร้างวัดไว้มากมาย เป็นสถานบำเพ็ญภาวนาปฏิบัติธรรมหลายจังหวัด อาทิ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเลย และประเทศลาว บ้านนาบัว เมืองสานะคาม แขวงเวียงจันทร์ สปป.ลาว วัดที่หลวงปู่สร้างขึ้นส่วนใหญ่ จะตั้งขึ้นเป็นป่าช้าหรือในป่าลึก สำหรับที่จังหวัดเลย หลวงปู่ชอบได้สร้างวัดจำนวนทั้งสิ้น 14 วัด แห่ง คือ วัดป่าห้วยลาด วัดป่าบ้านบง วัดป่าสานตม วัดป่าม่วงไข่ วัดป่าฐานสโม วัดปาโคกมนและวัดป่าสัมมานุสรณ์ ฯลฯ ในสายพระธุดงค์กรรมฐานที่เป็นศิษย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นที่ยกย่องว่าหลวงปู่ชอบ ฐานสโมถือว่าเป็นศิษย์ที่สำคัญอีกรูปหนึ่ง ที่มีความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญในด้านความเพียร มีนิสัยมักน้อย สันโดษ ชอบแสวงหาความวิเวกอยู่เป็นนิจ ข้อปฏิบัติและธรรมของหลวงปู่ชอบ เป็นที่ยอมรับจากบรรดาคณะศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนทั่วไป หลวงปู่ชอบมักอบรมสั่งสอนพระภิกษุสามเณร ให้แสวงหาที่สงัดวิเวก เร่งทำความเพียรภาวนาอย่างหนักอย่าประมาท หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย นับเป็นพระอริยสงฆ์ที่สำคัญรูปหนึ่งในพระศาสนา

ละสังขาร[แก้]

ปีพุทธศักราช 2515 อายุ 75 ปี ท่านป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์เนื่องจากเส้นเลือดในสมองตีบ

ท่านละสังขารเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2538 เวลา 11.38 นาที ระหว่างเดินทางกรุงเทพมหานครไปจังหวัดเลย

สิริรวมอายุได้ 93 ปี 11 เดือน 27 วัน 71 พรรษา

ทายาทธรรม[แก้]

ฯลฯ

อ้างอิง[แก้]