สุดใจ ชนะ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สุดใจ หรือน้อย ชนะ (เสียชีวิต 11 ธันวาคม พ.ศ. 2545)เป็นผู้ต้องโทษประหารชีวิตคนที่ 319 ของประเทศไทยด้วยการยิงเป้า ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยเป็นนักโทษประหารคนสุดท้ายที่ถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าในประเทศไทย ก่อนจะมีการแก้ประมวลกฎหมายอาญาให้เปลี่ยนวิธีการประหารชีวิตจากการยิงด้วยปืนเป็นการฉีดยาให้ตายในปี พ.ศ. 2546[1][2]

สุดใจ ชนะ
เกิดจังหวัดชุมพร
เสียชีวิต11 ธันวาคม พ.ศ 2545
เรือนจำกลางบางขวาง อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ประเทศไทย
สาเหตุเสียชีวิตประหารชีวิตด้วยการยิง
สัญชาติไทย
อาชีพรับจ้าง
มีชื่อเสียงจากบุคคลสุดท้ายที่ถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าในประเทศไทย
สถานะทางคดีถูกประหารชีวิต
เหตุจูงใจไม่พอใจที่กันยาซึ่งตกเป็นภรรยาลับๆของตน ไปแต่งงานกับอธิป
พิพากษาลงโทษฐาน-ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
-มีอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้
-มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
-พกอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
บทลงโทษประหารชีวิต
รายละเอียด
ผู้เสียหายอธิป อินแก้ว
วันที่18 สิงหาคม พ.ศ. 2541
4.00 น.
ประเทศประเทศไทย
รัฐจังหวัดชุมพร
ตำแหน่งตำบลตะโก อำเภอทุ่งตะโก
อาวุธปืน
วันที่ถูกจับ
28 สิงหาคม พ.ศ. 2541
จำคุกที่เรือนจำกลางบางขวาง

ประวัติ[แก้]

สุดใจอยู่อาศัยในบ้านเดียวกันกับกันยา ซึ่งเป็นลูกเลี้ยง และแม่ของกันยาเป็นเวลา 15 ปี วันหนึ่งหลังจากที่เขาอยู่กับกันยาเป็นเวลา 10 ปี สุดใจได้กลับบ้านขณะที่เขาเมา ส่วนภรรยาของเขาเดินทางไปยังกรุงเทพเพื่อซื้อของ สุดใจได้ข่มขืนกันยา และยังได้ข่มขืนเธออีกหลายครั้งจนกระทั่งกันยาตั้งครรภ์ แม่ของกันยาจึงให้กันยาทำแท้ง หลังจากที่กันยาทำแท้ง เขายังได้ข่มขืนเธออีกหลายครั้งจนกระทั่งในเดือนเมษายน พ.ศ. 2540 กันยาได้หลบออกจากบ้านเพื่อไปแต่งงานกับอธิป อินแก้ว โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเขา[3][4]

เหตุฆาตกรรมอธิป อินแก้ว[แก้]

วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2541 ระหว่างที่อธิปกับกันยาทำลังกรีดยางพาราในสวนยางพาราของนิยม และเพ็ญ คงตะโกในตำบลตะโก ในเวลา 4.00 น. สุดใจได้เดินออกจากสวนเงาะมาหาอธิป เมื่อห่างจากอธิป 3 เมตรสุดใจได้ชักปืนพกมายิงใส่อธิปที่ลำตัวจำนวน 1 นัด กันยาสามารถเห็นหน้าของสุดใจจากไฟที่ติดบนหมวกของเธอ สุดใจได้ขู่กันยาว่า"'ถ้าคุณบอกตำรวจฉันจะกลับมาและฆ่าคุณ" ก่อนจะหลบหนีไปทางเดิม เธอจึงวิ่งไปขอความช่วยเหลือจาก อบต.ตะโก ให้ช่วยตามบิดามารดาของอธิป และแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเธอยังไม่ได้ระบุตัวตนคนร้ายในทันที ก่อนที่เธอจะยืนยันว่าสุดใจ พ่อเลี้ยงของเธอเป็นคนที่ฆาตกรรมอธิปหลังจากถูกเจ้าหน้าที่สอบสวนในวันเดียวเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับเขาและสามารถจับกุมเขาได้ในวันที่ 28 สิงหาคม ที่ฟาร์มในอำเภอพะโต๊ะ สุดใจได้ให้การปฎิเสธในชั้นสอบสวนและชั้นจับกุมโดยอ้างว่าในช่วงเวลาเกิดเหตุเขาไปรับจ้างทำสวนปาล์มอยู่ที่ตำบลพระรักษ์ อำภอพะโต๊ะ ระหว่างการตรวจค้นบ้านของเขา และยังได้ปฎิเสธว่าเขาไม่ได่ข่มขืนกันยา ภรรยาของเขาได้บอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเขานำปืนลูกซองที่ไม่ปรากฏใบอนุญาตและกระสุนปืนที่ไม่มีใบอนุญาตไปยิงอธิปที่อำเภอตะโก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตั้งข้อหาเขาในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนแล้วจึงได้ส่งมอบสำนวนและพยานหลักฐานต่างๆให้อัยการ เพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีสุดใจต่อศาลจังหวัดหลังสวน[5]

การพิจารณาคดีและการประหารชีวิต[แก้]

ศาลจังหวัดหลังสวนได้มีคำพิพากษาว่าสุดใจมีความผิดในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและพิพากษาประหารชีวิตสุดใจ เขาจึงยื่นอุทธรณ์ ศาลอุธรณ์ภาค 8 พิพากษากลับ ยกฟ้องสุดใจและริบกระสุนปืนของกลาง เนื่องจากศาลได้วินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์มีความสงสัยตามสมควร ให้ยกประโยชน์แห่งความให้พิพากษายกฟ้องสุดใจ โจทก์จึงยื่นฎีกา ศาลฎีกาได้พิพากษากลับประหารชีวิตสุดใจโดยเห็นว่าข้อต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น[6][7]

สุดใจจึงทำหนังสือทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษแต่ฎีกาได้ถูกยกและถูกนำตัวเข้าสู่ห้องสถานที่หมดทุกข์หลังเวลา 17.00 น. ก่อนจะนำตัวมัดกับหลักประหารเมื่อเวลา 17.15 น. และถูกประหารชีวิตเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2545 เวลา 17.21 น. โดยเพชณฆาตเชาวเรศน์ จารุบุณย์ ใช้กระสุนจำนวน 8 นัด[8] และเป็นนักโทษประหารคนสุดท้ายที่ถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าในประเทศไทย ก่อนจะมีการแก้ประมวลกฎหมายอาญาให้เปลี่ยนวิธีการประหารชีวิตจากการยิงด้วยปืนเป็นการฉีดยาให้ตายในปี พ.ศ. 2546[9][10]

ดูเพิ่ม[แก้]

อ้างอิง[แก้]

ลิงก์จากภายนอก[แก้]

บรรณานุกรม[แก้]

  • 'เชาวเรศน์ จารุบุณย์ (2553). บันทึก.....แดนประหาร คุกบางขวาง. กรุงเทพ: ดอกหญ้า 2000. ISBN 9789746907576.
  • 'เชาวเรศน์ จารุบุณย์ (2549). เพชฌฆาตคนสุดท้ายเล่มที่ 1. กรุงเทพ: ดอกหญ้า 2000. ISBN 9789749244463.
ก่อนหน้า
ส้มเกลี้ยง สร้อยพลาย
3 กันยายน 2545
บุคคลที่ถูกประหารชีวิตในประเทศไทย
สุดใจ ชนะ
ถัดไป
บุญลือ นาคประสิทธิ์ ,พันพงษ์ สินธุสังข์ , วิบูลย์ ปานะสุทธะและพนม ทองช่างเหล็ก
12 ธันวาคม 2546