ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก ฟาเรล วิลเลียมส์)
ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์
วิลเลียมส์ในปี ค.ศ. 2019
ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อเกิดฟาร์เรลล์ ลานซิโล วิลเลียมส์
เกิด (1973-04-05) 5 เมษายน ค.ศ. 1973 (50 ปี)
ที่เกิดเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา
แนวเพลงฟังก์ร็อก, ฮิปฮอป,อาร์แอนด์บี
อาชีพโปรดิวเซอร์ นักร้อง แร็ปเปอร์ นักแต่งเพลง นักธุรกิจ นักสเก็ตบอร์ด
ค่ายเพลงInterscope (อดีต), Columbia (ปัจจุบัน)

ฟาร์เรลล์ ลานซิโล วิลเลียมส์ (อังกฤษ: Pharrell Williams; เกิดวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 1973)[1] เป็นโปรดิวเซอร์ นักร้อง แร็ปเปอร์ นักแต่งเพลง นักธุรกิจ และ นักสเก็ตบอร์ด ชาวอเมริกา เขาเป็นสมาชิกดูโอวง เดอะเน็ปจูนส์ ร่วมกับแชด ฮูโก เขายังโปรดิวซ์เพลงป็อป ฮิปฮอป และอาร์แอนด์บี เขายังเป็นนักร้องนำและมือกลองวงฟังก์ร็อกที่ชื่อ N*E*R*D ผลงานเพลงดังเช่นเพลง "Frontin'" ใน ค.ศ. 2003 และมีผลงานอัลบั้มเดี่ยวชุด In My Mind ในปี 2006

และในส่วนหนึ่งของวงเดอะเน็ปจูนส์ วิลเลียมส์ได้โปรดิวซ์เพลงหลายเพลงให้กับศิลปินดังมากมาย อย่างเช่น บริทนีย์ สเปียรส์ เขายังเล่นกลอง คีย์บอร์ด และวงเดอะเน็ปจูนส์ก็ได้รางวัลแกรมมี่ 3 ครั้งจากการชิง 10 ครั้ง นอกจากนี้วิลเลียมส์ยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้าที่ชื่อ Billionaire Boys Club และ Ice Cream Footwear

ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 หลุยส์ วิตตอง ประกาศแต่งตั้งวิลเลียมส์เป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แผนกเครื่องแต่งกายบุรุษของแบรนด์ต่อจากเวอร์จิล แอบโล ซึ่งเสียชีวิตเมื่อสองปีก่อนหน้านั้น[2]

ประวัติ[แก้]

เข้าสู่วงการ, เดอะเน็ปจูนส์, N*E*R*D[แก้]

In My Mind[แก้]

ฟาร์เรลล์[แก้]

ฟาร์เรลล์ ได้เซ็นสัญญากับ Columbia Records ภายใต้การดูแลของ โซนี่มิวสิก ในปี 2013

G I R L คอนเซปต์ของอัลบั้มนั้นเขาต้องการจะสื่อถึงมุมมองที่เขาต้องการจะยกย่องเพศหญิง คือเป็นอัลบั้มที่มีเมนแนวคิดแบบfeministนั่นเอง เนื่องจากความไม่เท่าเทียมกัน หรือ imbalance ในสังคม เขาจึงต้องการที่จะเปลี่ยน และยังยกย่องถึงสตรีผู้มีส่วนทำให้เขาเป็นเขาในทุกวันนี้ด้วย

G I R L หลังจากประสบความสำเร็จในซิงเกิล "Blurred Lines" และ "Get Lucky" หลังทำแนวฮิปฮอปมานานพอสมควร ฟาร์เรลล์ เปลี่ยนสไตล์ในการทำเพลงเป็นแนว neo-soul และ funk เป็นหลักโดยมีความเป็น R&B ผสมอยู่ด้วย ซึ่งเพลงของเขาก็จะมีบีทและลักษณะเฉพาะตัวอยู่สูงมาก ประกอบด้วย 10 เพลงที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ และต้องบอกว่าเต็มไปด้วยศิลปินดังๆที่มาร่วมงานกับเขาชนิดเพียบอุ่นหนาฝาคั่งเลยทีเดียว อย่าง Justin Timberlake, Daft Punk, Kelly Osbourne, Timbaland, Miley Cyrus, JoJo, Alicia Keys, Tori Kelly and Leah LaBelle เพลงแรกสุด คงไม่พูดถึงไม่ได้ กับเพลงที่ดังที่สุด นั่นคือซิงเกิล "Happy" ที่ขึ้นอันดับหนึ่งทั่วโลกแล้ว Soundtrack ภาพยนตร์ Despicable Me 2 เจ้ามินเนี่ยนตัวเหลืองพวกนั้นแหละ พร้อมด้วยคอนเซปต์แปลกๆอย่างการทำMV 24hr. เพลงนี้ตัวเพลงเป็นนีโอโซลและฟังค์ผสมกัน ด้วยสไตล์เฉพาะตัว บวกกับดนตรีที่ออกจะเรทโทรเล็กๆ ทำให้เพลงนี้มีกลิ่นอายที่คลาสสิคทันสมัยปนๆกัน แต่ตัวเมโลดี้นี่แหละ สไตล์เขาชัดเจนมาก มีความเป็นโซลสูงมาก[3]

ฟาร์เรลล์ ได้เป็นส่วนหนึ่งของการทำ Soundtrack ภาพยนตร์ The Amazing Spider-Man 2 ร่วมกับ Hans Zimmer and The Magnificent Six และ Johnny Marr และได้ปล่อยเพลง "It's On Again" ได้ Alicia Keys ร่วมร้องกับ Kendrick Lamar เป็นซิงเกิลเปิดตัวภาพยนตร์ และเพลง "Here" ที่ฟาร์เรลล์ร้อง และโปรดิวเองด้วย

เพลง Come Get It Bae เป็นซิงเกิลที่ 3 ในอัลบั้ม ฟาร์เรลล์ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ให้แบนด์เสื้อผ้า อย่างยูนิโคล และใช้เป็นเพลงประกอบโฆษณาของ Red Bull หรือกระทิงแดงในอเมริกา

ฟาร์เรลล์ ได้เป็นผู้อำนวยการสร้างอัลบั้ม Paperwork ของ ที.ไอ. และ BUSH ของ สนูป ด็อกก์

ปี 2015 ฟาร์เรลล์ ได้ปล่อยซิงเกิล "Freedom" และได้ใช้ประกอบภาพยนตร์หลายเรื่อง รวมถึง มิสเตอร์แสบร้ายเกินพิกัด 3

ปี 2017 ฟาร์เรลล์ ได้ร่วมงานกับ แคลวิน แฮร์ริส ในซิงเกิล "Heatstroke" (ร่วมด้วย ยัง ทัก และ อารีอานา กรานเด) และ "Feels" (ร่วมด้วย เคที เพร์รี และ บิ๊ก ฌอน) ต่อมาในเดือน พฤศจิกายน 2017 ได้รวมกลุ่ม N*E*R*D อีกครั้ง ในซิงเกิล Lemon (ร่วมด้วย รีแอนนา) ภายใต้สังกัดโคลัมเบียเรเคิดส์ ในชื่ออัลบั้ม No One Ever Really Dies

ปี 2018 ฟาร์เรลล์ ได้ร่วมงานกับ บียอนเซ่ โนวส์ และ เจย์-ซี ในซิงเกิลเปิดตัวอัลบัมคู่ Everything Is Love อย่าง "Apeshit" ได้ Offset and Quavo มาเขียนเพลงและเป็นเงาเสียงและ "Nice", อารีอานา กรานเด ในสตูดิโออัลบั้มที่ 4 Sweetener ถึง 7 เพลง

ปี 2019 ฟาร์เรลล์ ได้ร่วมงานกับ โซลอนจ์ โนวส์ น้องสาวของบียอนเซ่ ในเพลง "Almeda" ได้ เดอะดรีม มาเขียนเพลงร่วม และ เพลย์บอย คาร์ติ มาแร๊พเสริม

ปี 2020 ฟาร์เรลล์ ได้ร่วมงานกับ เจย์-ซี ในเพลง "Entrepreneur" ในมิวสิกวีดีโอ ได้พูดถึงความสำเร็จ ของคนผิวสี ในทุกสาขาอาชีพ

ผลงาน[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. Pharrell Williams IMDb
  2. "Louis Vuitton appoints Pharrell as its new men's creative director".
  3. "ฟาร์เรลล์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-09-27. สืบค้นเมื่อ 2014-04-07.