นักองค์เภา (พระราชธิดาในพระนารายน์ราชารามาธิบดี)
นักองค์เภา | |
---|---|
บาทบริจาริกาวังหน้า | |
ประสูติ | พ.ศ. 2311 |
สิ้นพระชนม์ | พ.ศ. 2372 (61 ปี) บันทายแก้ว อาณาจักรกัมพูชาธิบดี |
คู่อภิเษก | สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท |
พระราชบุตร | พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิง พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปุก |
ราชวงศ์ | ตรอซ็อกผแอม (ประสูติ) จักรี (เสกสมรส) |
พระบิดา | พระนารายน์ราชารามาธิบดี |
พระมารดา | สมเด็จพระภัควดี พระศรีสุชาดา |
ศาสนา | พุทธ |
นักองค์เภา (ราว พ.ศ. 2311—2372) เป็นพระราชธิดาในพระนารายน์ราชารามาธิบดี หรือนักองค์ตน ประสูติแต่สมเด็จพระภัควดี พระศรีสุชาดา ต่อมาได้ถวายตัวเข้ารับราชการเป็นบาทบริจาริกาในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
พระประวัติ
[แก้]พระชนม์ชีพช่วงต้น
[แก้]นักองค์เภา ประสูติเมื่อ พ.ศ. 2311 เป็นพระราชธิดาในพระนารายน์ราชารามาธิบดี (นักองค์ตน) ประสูติแต่พระอัครมเหสี พระนามว่า สมเด็จพระภัควดี พระศรีสุชาดา มหากระษัตรี บรมบพิตร (พระนามเดิม นักนางอี)[1] โดยพระชนนีเป็นพระราชบุตรีของสมเด็จพระแก้วฟ้า (องค์ด้วง) ประสูติแต่พระแม่นางชื่อนักนางทา ธิดาพระยากระลาโหม (เมี้ยน)[2] นักองค์เภามีพระเชษฐภคินีสองพระองค์คือ นักองค์เม็ญ (หรือเมน) ประสูติแต่สมเด็จพระภัควดี พระเอกกระษัตรี (พระนามเดิม นักนางบุบผาวดี) กับนักองค์อี ประสูติแต่นักนางแม้น[3] และพระอนุชาคือ นักองค์เอง ประสูติแต่นักนางไชย[4]
นักองค์เภาสืบเชื้อสายไทยจากปัยยิกาฝ่ายพระชนนีชื่อนักนางรอด บาทบริจาริกาในสมเด็จพระศรีธรรมราชาธิราช (นักองค์อิ่ม) บิดาของนักองค์ด้วง เมื่อครั้งประทับอยู่ในกรุงศรีอยุธยา[2]
ลี้ภัยสู่กรุงสยาม
[แก้]ใน พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ระบุว่า พ.ศ. 2325 พระยายมราช (แบน) และพระยากลาโหม (ปก) พาเจ้านายเขมรและเขมรเข้ารีตประมาณ 500 คน เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เจ้านายเขมรที่เสด็จลี้ภัยในคราวนั้น ได้แก่ นักองค์อี นักองค์เภา และนักองค์เอง แต่นักองค์เม็ญป่วย ถึงแก่พิราลัยเสีย สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทกราบทูลขอนักองค์อีและนักองค์เภาไปเป็นพระสนมเอกในวังหน้าสองพระองค์ ส่วนนักองค์เอง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงชุบเลี้ยงเป็นพระราชโอรสบุญธรรม[5] สอดคล้องกับ ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา ระบุว่า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท พระราชอนุชาในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงรับนักองค์เม็ญ นักองค์อี และนักองค์เภาไปเลี้ยงเป็นพระอรรคชายาเมื่อ พ.ศ. 2325[6] แต่ในเอกสารไทยว่านักองค์เม็ญสิ้นพระชนม์ไปเสียก่อนในกรุงเทพมหานคร คงเหลือเพียงนักองค์อีและนักองค์เภาที่รับไปเลี้ยงเป็นพระสนมเอกในกรุงสยาม[7] ส่วนนักนางแม้นที่เข้ามาในกรุงเทพมหานครด้วยกันนั้นก็ได้บวชเป็นชีที่วัดหลวงชี (ต่อมาคือ วัดบวรสถานสุทธาวาส)[8]
นักองค์เภามีพระประสูติการพระธิดาสองพระองค์คือ
- พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิง (พ.ศ. 2334 – ไม่ทราบปีสิ้นพระชนม์)
- พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปุก (พ.ศ. 2335 – ไม่ทราบปีสิ้นพระชนม์)
นิวัตกรุงกัมพูชา
[แก้]ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา ระบุว่า สมเด็จพระภัควดี พระศรีสุชาดา และนักองค์เภา เดินทางออกจากสยามเข้ากัมพูชาทางเมืองพระตะบอง แล้วเดินทางออกจากพระตะบองพร้อมกับเจ้าพระยาอภัยธิเบศร์ (แบน) เสด็จไปประทับที่พระตำหนักตำบลโพธิกำโบ (แปลว่า "โพธิปูน") ตั้งแต่ พ.ศ. 2349[9] และ พ.ศ. 2350 สมเด็จพระอุไทยราชาธิราชรามาธิบดี ตรัสใช้พระองค์แก้ว (ด้วง) และออกญาจักรี (แกบ) นำเครื่องราชบรรณาการไปถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชที่กรุงเทพมหานคร เพื่อขอรับสมเด็จพระปิตุจฉาคือนักองค์อีและนักองค์เภาที่ประทับอยู่กรุงสยามกลับคืนกรุงกัมพูชา เอกสารไทยระบุว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชไม่โปรดพระราชทาน เพราะ "มีพระองค์เจ้าอยู่ จะให้ออกไปมิได้มารดากับบุตรจะพลัดกัน"[10] กล่าวคือมิทรงอนุญาตให้ทั้งนักองค์อีและนักองค์เภากับกรุงกัมพูชา[11][12] ขณะที่เอกสารเขมรระบุว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าพระราชทานให้ นักองค์เม็ญ นักองค์เภา และสมเด็จพระภัควดีพระเอกกระษัตรีกลับคืนเมืองเขมร เว้นแต่นักองค์อีที่คงให้อยู่กรุงเทพมหานครทั้งมารดาและพระราชบุตร[13]
เรื่องราวของนักองค์เภาปรากฏอีกครั้งในเอกสารกัมพูชา ที่ระบุว่าเมื่อ พ.ศ. 2356 สมเด็จพระอุไทยราชาธิราชรามาธิบดีตรัสให้ขุนนางนำศุภอักษรและเครื่องบรรณาการทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยโปรดเกล้าฯ รับรองเป็นอย่างดี แล้วทรงพระกรุณาให้ขุนนางนำเหรียญเงิน 1,000 เหรียญ ข้าวเปลือก 100 เกวียน และผ้าแพรผ้าลายประทานแก่สมเด็จพระอุไทยราชาธิราชรามาธิบดี กับสมเด็จพระปิตุจฉา (เภา) และสมเด็จพระมารดา (โอด)[14] วันแรม 5 ค่ำ เดือน 3 ปีจอ ฉศก 1176 ตรงกับ พ.ศ. 2357 สมเด็จพระท้าว (นักองค์เม็ญ) สมเด็จพระปิตุจฉา (พระองค์เภา) และสมเด็จพระมารดา (โอด) ได้เสด็จไปทรงเยี่ยมเล วัน เสวียต หรือองต๋ากุน ที่เมืองไซ่ง่อน เป็นเวลา 25 วัน แล้วจึงเสด็จกลับบันทายแก้ว[15] และวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 12 ปีกุน สัปตศก ตรงกับ พ.ศ. 2358 สมเด็จพระท้าว (เม็ญ) สมเด็จพระมารดา (โอด) และสมเด็จพระปิตุจฉา (เภา) จะเสด็จไปเมืองเว้ แต่เมื่อถึงน่านน้ำเมืองไซ่ง่อน สมเด็จพระมารดาและสมเด็จพระปิตุจฉาทรงพระประชวร จึงเสด็จกลับกรุงเขมร[16] สอดคล้องกับเอกสารของจอห์น ครอว์เฟิร์ด ที่เข้ามาเป็นทูตในสยามนั้นระบุว่า เมื่อเขาลงไปเมืองไซ่ง่อน ได้พบเจ้าหญิงเขมรที่เคยเข้ารับราชการเป็นพระชายาในกรุงเทพมหานครลงไปเมืองไซ่ง่อนพระองค์หนึ่ง เข้าใจว่าเจ้านายฝ่ายในพระองค์นั้นอาจเป็นนักองค์เภา[13]
วันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 4 ปีชวด อัฐศก ตรงกับ พ.ศ. 2359 สมเด็จพระอัยยิกา (เม็ญ) สมเด็จพระปิตุจฉา (เภา) และสมเด็จพระมารดา (โอด) ทรงเข้าร่วมพิธีแห่อัฐิ ทำบุญ และบรรจุอัฐิท่านยายมก พระอัยยิกาฝ่ายพระชนนีของสมเด็จพระอุไทยราชาธิราชรามาธิบดีที่เมืองกระแจะ แล้วเสด็จกลับเมืองบันทายแก้วในเดือน 5[17]
นักองค์เภามีพระอาการประชวรและสิ้นพระชนม์ลงเมื่อ พ.ศ. 2372 สมเด็จพระอุไทยราชาธิราชรามาธิบดีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระมารดา (โอด) และสมเด็จพระปิตุจฉา (เภา) พร้อมกัน แล้วแห่พระอัฐิไปบรรจุบนเขาพระราชทรัพย์ในปีเดียวกัน[18]
พงศาวลี
[แก้]พงศาวลีของนักองค์เภา | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
[แก้]- เชิงอรรถ
- ↑ ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 135
- ↑ 2.0 2.1 ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 120
- ↑ ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 134
- ↑ ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 141
- ↑ ทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา. "พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 (8. พงศาวดารเขมร ตั้งแต่ครั้งกรุงธนบุรีจนนักองเองเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ)". วชิรญาณ. สืบค้นเมื่อ 17 เมษายน 2564.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 160
- ↑ ไกรฤกษ์ นานา (5 ตุลาคม 2563). "วารสาร "นักล่าอาณานิคม" ตีแผ่สัญญารัชกาลที่ 5 ทำไมสยามสละ "นครวัด" ?". ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 16 เมษายน 2564.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "พระราชวังบวรสถานมงคล". สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยศิลปากร. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 6 พฤษภาคม 2558.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 180
- ↑ ทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา. "พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 (129. สมเด็จพระอุทัยทูลขอนักองอี นักองเภา)". วชิรญาณ. สืบค้นเมื่อ 17 เมษายน 2564.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ ทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา. "พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 2 (13. เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเมืองญวนเมืองเขมร)". วชิรญาณ. สืบค้นเมื่อ 19 เมษายน 2564.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ พระราชวิจารณ์ ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องจดหมายความทรงจำของพระเจ้าไปยิกาเธอ กรมหลวงนรินทรเทวี (เจ้าครอกวัดโพธิ์) ตั้งแต่ จ.ศ. 1129 ถึง 1182 เป็นเวลา 53 ปี, หน้า 156
- ↑ 13.0 13.1 ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 181-183
- ↑ ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 204
- ↑ ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 208
- ↑ ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 211-212
- ↑ ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 217
- ↑ ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 222
- ↑ ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 111
- บรรณานุกรม
- จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. พระราชวิจารณ์ ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องจดหมายความทรงจำของพระเจ้าไปยิกาเธอ กรมหลวงนรินทรเทวี (เจ้าครอกวัดโพธิ์) ตั้งแต่ จ.ศ. 1129 ถึง 1182 เป็นเวลา 53 ปี. กรุงเทพฯ : ศรีปัญญา, 2552. 576 หน้า. ISBN 978-611-7146-02-2
- เรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนรัชต์), พันตรี หลวง. ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา. กรุงเทพฯ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ (2006), 2563. 336 หน้า. ISBN 978-616-514-668-5