ดุสิต โสภิตชา
ดุสิต โสภิตชา เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี 5 สมัย เป็นนักการเมืองที่เคยต้องโทษจำคุกในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ประวัติ[แก้]
ดุสิต เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2488[1] จบการศึกษา พุทธศาสตรบัณฑิค จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และปริญญาโท ทางรัฐศาสตร์ จากประเทศอินเดีย
ดุสิต เข้าสู่งานการเมืองโดยการลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2522 สังกัดพรรคเสรีธรรม และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สมัยแรก
ต่อมาได้รับเลือกตั้งอีก 4 สมัยต่อเนื่อง คือ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2529 และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2531 ในนามพรรคกิจประชาคม ซึ่งต่อมาได้ยุบพรรคไปรวมกับพรรครวมไทย และเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคเอกภาพ
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป มีนาคม พ.ศ. 2535 และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กันยายน พ.ศ. 2535 ในนามพรรคกิจสังคม
ภายหลังจากพ้นโทษจำคุก เขากลับสู่สนามการเมืองอีกครั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาสันติ แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง[2] และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 สังกัดพรรคประชาธิปไตยใหม่[3]
ดุสิต มีบทบาทในทางพระพุทธศาสนาของไทย อาทิ การเรียกร้องให้รับรองพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ การเขียนหนังสือทำไมรัฐธรรมนูญไม่บัญญัติรับรองให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ในปี 2545 และการเขียนบทความทางหนังสือพิมพ์ "“สงฆ์เคลื่อนไหวตั้งสังฆราช 2 องค์”[4]
คดีความ[แก้]
ดุสิต ได้รับฉายาว่า "ส.ส.จอมแฉ" เขาต้องโทษในคดีกรรโชกทรัพย์ บริษัททิปโก้ แอสฟัลท์ จำกัด โดยถูกจับเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2533[5] ถูกฟ้องในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม และข้อหากรรโชกทรัพย์ โดยคำฟ้องอัยการระบุว่า เขาเรียกรับเงินจำนวน 2 ล้านบาท และรถยนต์กระบะ 1 คัน จากนายประสิทธิ์ ทรัพย์สาคร เจ้าของบริษัท ทิปโก้ แอสฟัลท์ จำกัด โดยขู่ว่าหากไม่ยินยอมจะนำเรื่องการทุจริตเกี่ยวกับการซื้อขายยางมะตอยของบริษัททิปโก้ไปอภิปรายเปิดโปงในสภาผู้แทนราษฎร ต่อมาเขาได้รับการปล่อยตัวในปี พ.ศ. 2547[6]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]
- พ.ศ. 2538 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[7]
- พ.ศ. 2535 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)[8]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ ทำเนียบสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2532. สำนักงานเลขารัฐสภา. 2532
- ↑ รายงานผลการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2554 จังหวัดอุบลราชธานี
- ↑ กกต.อุบลราชธานี เผยรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. 38 คน ใน 11 เขตเลือกตั้ง[ลิงก์เสีย]
- ↑ เบื้องหลังการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19
- ↑ 289 ข่าวดัง 3 ทศวรรษหนังสือพิมพ์มติชน
- ↑ เนรเทศ"หมวยโซ"พ้นไทย
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2022-10-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๑๒ ตอนที่ ๑๗ ข หน้า ๗, ๔ ธันวาคม ๒๕๓๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2022-09-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๐๙ ตอนที่ ๑๕๔ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑๗, ๔ ธันวาคม ๒๕๓๕
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2488
- บุคคลจากจังหวัดอุบลราชธานี
- นักการเมืองไทย
- สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี
- พรรคเสรีธรรม (พ.ศ. 2522)
- พรรคกิจประชาคม
- พรรคเอกภาพ
- พรรคกิจสังคม
- พรรคประชาสันติ
- พรรคประชาธิปไตยใหม่
- บุคคลจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
- นักโทษของประเทศไทย
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ว.ม.
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.ช.