เอลลิแฟนท์เนเจอร์ปาร์ค
เอลลิแฟนท์เนเจอร์ปาร์ค | |
---|---|
19°12′51″N 98°51′30″E / 19.2141°N 98.8584°E | |
วันที่เปิด | คริสต์ทศวรรษ 1990 |
ที่ตั้ง | จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย |
พื้นที่ | 250 เอเคอร์ (100 เฮกตาร์)[1] |
เว็บไซต์ | www.elephantnaturepark.org |
เอลลิแฟนท์เนเจอร์ปาร์ค หรือ เอเลเฟ่น เนเจอร์ พาร์ค (อังกฤษ: Elephant Nature Park) เป็นที่สำหรับสัตว์อาศัยและศูนย์ช่วยเหลือช้างในอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 60 กิโลเมตร (37 ไมล์) ที่ก่อตั้งโดยแสงเดือน ชัยเลิศ (ชื่อเล่น: เล็ก)[1][2] ส่วนใน พ.ศ. 2556 เอราวัณ เอลลิเฟนท์ รีไทร์เม้นท์ ปาร์ค ได้เปิดทางภาคตะวันตกของประเทศไทยในฐานะสาขา กระทั่งภายใน พ.ศ. 2559 ได้มีปางช้างสาขาในจังหวัดสุรินทร์และในกัมพูชา รวมถึงมีแผนจะเปิดสวนช้างแห่งที่ห้าในจังหวัดภูเก็ต จากนั้นจึงได้ประสานงานกับมูลนิธิรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม
สวนธรรมชาติแห่งนี้เป็นสถานที่พักพิงสำหรับช้าง ที่ได้รับการช่วยเหลือและดำเนินการภายใต้รูปแบบธุรกิจ ที่นักท่องเที่ยวจ่ายเงินเพื่อเยี่ยมชมและช่วยดูแลสัตว์ และสามารถอยู่ได้นานขึ้น
ประวัติ
[แก้]แสงเดือน ชัยเลิศ เริ่มทำงานอนุรักษ์ช้างใน พ.ศ. 2539[3] ไม้สักซึ่งใช้ช้างจำนวนมากถูกห้ามในประเทศไทยใน พ.ศ. 2532 และช้างเหล่านั้นถูกทิ้งหรือขายเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวหรือขอทานในเมือง[4] รวมถึงช้างยังได้รับบาดเจ็บหลังจากลักลอบนำงาช้างไป[5]
ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1990 รัฐบาลไทยได้ดำเนินการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในจังหวัดเชียงใหม่ การท่องเที่ยวสร้างรายได้ 350 ล้านดอลลาร์ใน พ.ศ. 2540 และเป็นแหล่งรายได้ที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัด โดยแผนการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเป็นที่ถกเถียงกับชนเผ่าพื้นเมืองที่นั่น[6]
ใน พ.ศ. 2541 องค์การที่เรียกว่ากรีทัวร์ที่ดำเนินการโดยอดัม ฟลิน ได้ก่อตั้งเอลลิแฟนท์เนเจอร์ปาร์ค ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและสงวนพันธุ์ช้าง ที่ได้รับการช่วยเหลือในหุบเขาทางเหนือที่เดินทางจากเทศบาลนครเชียงใหม่ประมาณหนึ่งชั่วโมง[6] โดยมีแสงเดือน ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินบางส่วนและเช่าบางส่วนจากรัฐบาลไทย[7] ในขณะนั้น สวนธรรมชาติดังกล่าวได้มีการแสดงช้างทุกวัน โดยช้างจะแสดงการเล่นตลกต่าง ๆ เช่น ทรงตัวบนขาข้างหนึ่ง, เล่นฟุตบอล และรวมถึงการให้ขี่ช้าง[4] เธอได้สานต่อส่วนที่แยกจากกันต่อไปบนหนึ่งในภูเขาที่อยู่รายรอบสำหรับสัตว์ที่ได้รับความเสียหายโดยเฉพาะ ซึ่งเธอเรียกว่า "สวรรค์ของช้าง"[4] สวนธรรมชาตินี้มีช้างที่ได้รับการช่วยเหลือ 34 เชือก[4] เป้าหมายของเธอคือการยุติการแสดงในท้ายที่สุด และดำเนินการเพื่อสงวนพันธุ์เท่านั้น[4]
เมื่อ พ.ศ. 2545 แสงเดือนเป็นที่รู้จักในด้านการรณรงค์ต่อต้านการทำให้ช้างสยบ[8] และในช่วงนั้น ได้มีการเผยแพร่สารคดีเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อช้างในประเทศไทยที่มีผลงานของแสงเดือน ซึ่งในการตอบสนอง องค์การพิทักษ์สัตว์ได้เรียกร้องให้คว่ำบาตรประเทศไทยจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข[9]
ใน พ.ศ. 2548 การรณรงค์คว่ำบาตรได้ทำให้แสงเดือนอึดอัดต่อรัฐบาลไทย และนำไปสู่การขู่ฆ่า รวมถึงมูลนิธิเพื่อนช้าง ซึ่งเป็นองค์การที่ได้รับทุนจากรัฐบาลซึ่งทำงานเพื่อปรับปรุงสภาพของช้าง ต้องยุติการจัดหาเงินทุนสำหรับงานของแสงเดือน[9] แสงเดือนได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน "ฮีโรของเอเชีย" ในนิตยสารไทม์ฉบับเอเชีย ฉบับพิเศษหลังเกิดสึนามิ พ.ศ. 2548[10] ภายใน พ.ศ. 2548 ช้าง 17 เชือกที่แสงเดือนช่วยชีวิตนั้นโตแล้ว และเธอยังได้เปิดองค์การท่องเที่ยวในเชียงใหม่[7] ถึงเวลานี้ สวนธรรมชาติดังกล่าวจะไม่เปิดการแสดงอีกต่อไป และได้เปลี่ยนไปใช้รูปแบบธุรกิจที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาช่วยดูแลช้างได้[9]
ใน พ.ศ. 2553 สวนธรรมชาตินี้มีช้าง 33 เชือก และผู้เยี่ยมชมสามารถมาได้ถึง 28 วัน โดยจ่ายเงิน 400 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์[11]
ครั้นเมื่อ พ.ศ. 2556 เอราวัณ เอลลิเฟนท์ รีไทร์เม้นท์ ปาร์ค ได้เปิดทางทิศตะวันตกของประเทศไทยบนเนื้อที่ 50 เฮกตาร์ข้างแม่น้ำแคว ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากเมืองกาญจนบุรี 1 ชั่วโมง โดยเป็นส่วนขยายของสวนธรรมชาติเดิมและใช้รูปแบบธุรกิจเดียวกัน สถานที่ดังกล่าวเปิดตัวด้วยช้างห้าเชือก ทว่าหนึ่งในนั้นได้เสียชีวิตในปีแรก[12] ส่วนใน พ.ศ. 2557 มีช้าง 37 เชือกที่เอลลิแฟนท์เนเจอร์ปาร์ค[12]
ณ พ.ศ. 2559 แสงเดือนได้ช่วยชีวิตช้างที่ทุกข์ทรมานรวมแล้ว 200 เชือก นับตั้งแต่เธอเริ่มใน พ.ศ. 2539[3] และมีปางช้างสาขาในจังหวัดสุรินทร์รวมถึงในกัมพูชา ตลอดจนมีแผนจะเปิดสวนธรรมชาติแห่งที่ห้าในจังหวัดภูเก็ต[13] ซึ่งความพยายามนี้ได้รับการประสานงานโดยมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ซึ่งบริหารงานโดยคนกลุ่มเดียวกัน[14]
การยอมรับและการปรับปรุง
[แก้]สำหรับผลงานของเธอ แสงเดือนได้รับรางวัลและการยอมรับจำนวนมาก เช่น “ฮีโรออฟแพลเนต” ของมูลนิธิฟอร์ด (พ.ศ. 2544),[15] ฮีโรออฟเอเชียของนิตยสารไทม์ (พ.ศ. 2548),[15] หนึ่งในหกวีรสตรีแห่งการอนุรักษ์โลก (พ.ศ. 2553)[15][16] และรางวัลความรับผิดชอบของประเทศไทยสำหรับสวัสดิภาพสัตว์ (พ.ศ. 2561)[17] นอกจากช้างแล้ว แสงเดือนยังจัดหาที่พักให้สุนัขกว่า 400 ตัว,[18] แมว, นก และควายน้ำ[19] ที่สวนธรรมชาติดังกล่าว[20] เธอยังโน้มน้าวให้ที่พักอิสระหลายแห่งปรับปรุงชีวิตของช้าง และห้ามนักท่องเที่ยวขี่มันผ่านโครงการขยายที่ชื่อแซดเดิลออฟ! ของเธอ[21]
ใน พ.ศ. 2554 ด้วยความช่วยเหลือของเอลลิแฟนท์เอดอินเตอร์เนชันแนลได้มีการจัดทำรายงานเพื่อช่วยดูแลช้างในเอลลิแฟนท์เนเจอร์ปาร์ค (เพื่อแก้ไขโรคเท้า, การฝึกควาญช้าง และการจัดการ แก้ไขอาหารของช้าง, สุขอนามัย, การออกกำลังกาย รวมถึงระดับความเครียด ตลอดจนไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวสัมผัสช้างโดยตรง)[22]
ทั้งนี้ ช้างอาบน้ำด้วยตัวเอง โดยตั้งแต่ พ.ศ. 2561 ช้างมีการติดต่อใกล้ชิดกับอาสาสมัครและผู้มาเยือนน้อยลง ช้างอาบน้ำเองโดยไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้มาเยี่ยมเยือน นี่เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนต่อไปของเอลลิแฟนท์เนเจอร์ปาร์ค เพื่อให้ช้างมีโอกาสได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด
ระเบียงภาพ
[แก้]-
การให้อาหารช้างในที่พักพิงที่ออกแบบเอง
-
การให้อาหารช้างในที่โล่ง
-
ควาญกำลังให้อาหารช้าง
-
ควาญกับลูกช้าง
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 Lillian Cunningham for The Washington Post via the Oakland Press. Nov 11, 2013. At one with the elephants at a Thailand sanctuary
- ↑ Kane, John. "Day Nine – Elephant Nature Park". Thai-Di-ary . January 26, 2013.
- ↑ 3.0 3.1 Garcia, Luisa. "Meet Thailand's elephant whisperer". CBS News. สืบค้นเมื่อ 10 June 2016.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 Michael Gebicki for The Sun-Herald (Sydney, Australia). (Nov. 29, 1998). Elephant lady's jumbo job
- ↑ Hile, Jennifer (17 October 2002). "Reporter's Notebook: Elephants Heal at Thai "Heaven"". National Geographic. สืบค้นเมื่อ 2006-02-06.
- ↑ 6.0 6.1 Inter Press Service 9 Nov. 1998. Development Thailand: Locals Say Ecotourism is Destruction
- ↑ 7.0 7.1 Douglas H. Chadwick for National Geographic. October 1, 2005. Thailand's urban Giants เก็บถาวร 2008-06-30 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ Jennifer Hile for National Geographic Today October 16, 2002 Activists Denounce Thailand's Elephant "Crushing" Ritual
- ↑ 9.0 9.1 9.2 King, Robert. The Elephant Whisperer. The Ecologist 35.9 (Nov/Dec 2005): 48–54.
- ↑ Zabriskie, Phil (2005-10-03). "Asia's Heroes 2005, Sangduen "Lek" Chailert Thailand's Elephant Woman". Time Magazine. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 11, 2005. สืบค้นเมื่อ 2006-02-06.
- ↑ Danielle Lancaster for the Sunday Herald Sun [Melbourne, Victoria, Australia] 25 Apr. 25, 2010. Elephant walk Thailand Jumbo-sized adventure.
- ↑ 12.0 12.1 Margie Maccoll for the Herald Sun (Melbourne). September 25, 2014 Volunteer at the Erawan Elephant Retirement Park is Southwestern Thailand
- ↑ Julia Jacobo for ABC News. May 24, 2016 in Thailand Falls Asleep 'Every Time' Caretaker Sings Her a Lullaby
- ↑ Save the Elephant Foundation
- ↑ 15.0 15.1 15.2 "Our Founder". Save Elephant Foundation (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2019-02-06.
- ↑ "Elephants Are Tortured and Trafficked to Entertain Tourists in Thailand". Time (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2019-02-06.
- ↑ "Ms. Lek Chailert, Elephant Nature Park (Chiang Mai), winner of Responsible Thailand Awards 2018, Animal Welfare category". TAT Newsroom (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2019-02-06.
- ↑ "Home – Dog Project – Elephant Nature Park" (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2019-02-06.
- ↑ "Sharing Space at Elephant Nature Park". Elephant Nature Park (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2014-04-01. สืบค้นเมื่อ 2019-02-06.
- ↑ Springer, Kate (2017-11-21). "The sanctuary saving Thailand's disappearing elephants". CNN Travel (ภาษาอังกฤษ). Video by Amanda Sealy and Beau Molloy. สืบค้นเมื่อ 2019-02-06.
- ↑ "Visit & Volunteer – Elephant Nature Park Booking System". www.elephantnaturepark.org. สืบค้นเมื่อ 2019-02-06.
- ↑ Carol Buckley, Elephant Aid International. May 1, 2011 Letter to Elephant Nature Park
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- เว็บไซต์ทางการ
- segments from Vanishing Giants, documentary film by Jennifer Hile via National Geographic. October 2005.