ข้ามไปเนื้อหา

เยย์ซอน มูริโย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เยย์ซอน มูริโย
มูริโย ขณะเล่นให้กับโคลอมเบีย
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม เยย์ซอน ฟาเบียน มูริโย เซรอน
วันเกิด (1992-05-27) 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1992 (32 ปี)
สถานที่เกิด กาลิ, โคลอมเบีย
ส่วนสูง 1.82 เมตร (6 ฟุต 0 นิ้ว)[1]
ตำแหน่ง เซ็นเตอร์แบ็ก
ข้อมูลสโมสร
สโมสรปัจจุบัน
เซลตา
(ยืมตัวมาจากซัมป์โดเรีย )
หมายเลข 17
สโมสรเยาวชน
2009–2010 เดปอร์ติโบกาลิ
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
2010–2011 อูดีเนเซ 0 (0)
2010–2011กรานาดา (ชุดสำรอง) (ยืมตัว) 22 (2)
2011–2015 กรานาดา 51 (1)
2011–2012กาดิซ (ยืมตัว) 27 (3)
2012–2013ลัสปัลมัส (ยืมตัว) 37 (3)
2015–2018 อินเตอร์มิลาน 61 (2)
2017–2018บาเลนเซีย (ยืมตัว) 17 (0)
2018–2020 บาเลนเซีย 1 (0)
2019บาร์เซโลนา (ยืมตัว) 2 (0)
2019–2020ซัมป์โดเรีย (ยืมตัว) 10 (0)
2020– ซัมป์โดเรีย 0 (0)
2020–เซลตา (ยืมตัว) 19 (1)
ทีมชาติ
2009 โคลอมเบีย อายุไม่เกิน 17 ปี 6 (1)
2011 โคลอมเบีย อายุไม่เกิน 20 ปี 4 (0)
2014– โคลอมเบีย 29 (1)
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 2020
‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด
ณ วันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 2019

เยย์ซอน ฟาเบียน มูริโย เซรอน (สเปน: Jeison Fabián Murillo Cerón; เกิด 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1992) เป็นนักฟุตบอลชาวโคลอมเบีย ปัจจุบันลงเล่นให้กับเซลตาเดบิโก ในลาลิกาสเปน จากการยืมตัวมาจากซัมป์โดเรีย และทีมชาติโคลอมเบีย ในตำแหน่งกองหลังตัวกลางหรือเซ็นเตอร์แบ็ก

สโมสรอาชีพ

[แก้]

ขีวิตช่วงแรก/กรานาดา

[แก้]

มูริโยเกิดในกาลิ[2] , ในปี ค.ศ. 2009 มูริโยเข้าร่วมทีมเยาวชนของสโมสรเดปอร์ติโบกาลิ และในปีต่อมาหลังจากวันครบรอบวันเกิดครบอายุ 18 ปี ไม่กี่วันตัวเขาได้เข้าร่วมทีมอูดีเนเซกัลโชในอิตาลี แต่เขาก็ถูกยืมไปให้กรานาดา ในสเปนทันที ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงหุ้นส่วนระหว่างทั้งสองสโมสร โดยในปีแรกเขาเล่นอยู่ในทีมสำรองซึ่งเล่นอยู่ในดิวิชัน 6 ของสเปน

ในฤดูกาล 2011–2012 มูริโยได้เซ็นสัญญาซื้อขาด[3] แต่ก็ถูกยืมตัวไปทีมกาดิซ[4] ที่เล่นในระดับเซกุนดาดิบิซิออน เบ หรือดิวิชัน 3 ของสเปน ในขณะนั้น โดยตลอดทั้งฤดูกาลในทุกรายการเขาลงเล่นไป 29 นัด และทำประตูได้ 3 ประตู

ในฤดูฏาล 2012–2013 มูริโย ได้ถูกยืมตัวไปให้กับทีมอูเด ลัสปัลมัส ซึ่งเล่นอยู่ในเซกุนดาดิบิซิออนหรือดิวิชัน 2 ของสเปน[5] ในขณะนั้น เขายังทำประตูแรกให้กับทีมได้ในเกมลีกที่ออกไปเยือนอูเด อัลเมริอา ซึ่งผลจบลงด้วยที่ต้นสังกัดของเขาเอาชนะไปได้ 3–2[6] ยังช่วยให้ทีมจบอันดับที่ 6 ซึ่งได้เล่นในรอบเพลย์ออฟเลื่อนชั้นแต่ก็ได้แพ้ต่ออูเด อัลเมริอา ในรอบรองชนะเลิศ

มูริโยได้กลับสู่กรานาดาในฤดูกาล 2013–2014 อีกครั้ง[7] และเขาได้ลงเล่นในเกมลาลิกา นัดแรกในเกมที่เปิดบ้านเอาชนะโอซาซูนา[8] ยังได้เล่นเต็มเกมในเกมดังกล่าวอีกด้วย เขาทำประตูแรกให้กับทีมได้ในเกมที่เปิดบ้านชนะเรอัลบายาโดลิด โดยเขาเป็นคนทำประตูแรกในเกม ก่อนที่ผลจะจบลงที่ 4–0[9]

อินเตอร์มิลาน

[แก้]

ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 มูริโยได้ตกลงการเข้าร่วมทีมอินเตอร์มิลานโดยมีสัญญาทั้งสิ้น 5 ปี โดยจะย้ายไปร่วมทีมในเดือนกรกฎาคม มีค่าตัวอยู่ที่ 8 ล้านยูโร พร้อมโบนัส 2 ล้านยูโรและค่าเหนื่อย 1 ล้านยูโรต่อปี [10] โดยมูริโยได้สวมเสื้อหมายเลข 24 เขาลงเล่นในเซเรียอาเกมแรกในวันที่ 23 สิงหาคมซึ่งเป็นเกมแรกของฤดูกาล 2015–16 ในเกมที่เปิดบ้านเอาชนะอาตาลันตา 1–0 เขาทำประตูให้อินเตอร์มิลานประตูแรกในวันที่ 22 พฤศจิกายน ในเกมที่เปิดบ้านชนะโฟรซิโนเนกัลโชเป็นประตู 3–0 ก่อนที่ผลจะจบลงด้วยสกอร์ 4–0 อีกด้วย[11] ตลอดทั้งฤดูกาล 2015–16 มูริโย่โดนใบเหลืองมากถึง 11 ใบ มากที่สุดในทีม ซึ่งการโดน 4 ครั้งเป็นใบเหลืองที่สองในเกม ทำให้เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม ทั้งฤดูกาลเขาลงเล่นไป 35 นัดในทุกรายการ

บาเลนเซีย

[แก้]

ในวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 2017 มูริโยได้กลับมาค้าแข้งในสเปนอีกครั้ง โดยถูกยืมตัวมายังบาเลนเซีย มีสัญญายืมตัวทั้งสิ้น 2 ปี[12] โดยสามารถซื้อขาดได้หากทำผลงานดี เขาได้ลงเล่น 17 เกมในฤดูกาลแรก

บาร์เซโลนา (ยืมตัว)

[แก้]

ในวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2018 มูริโยได้ถูกยืมตัวไปบาร์เซโลนาจนจบฤดูกาล 2018–2019 ในราคา 2 ล้านยูโร และมีเงื่อนไขที่จะซื้อขาดได้ในราคา 25 ล้านยูโร.[13][14] ในวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 2019 เขาได้ลงเล่นเป็นนัดแรกในเกมที่บาร์เซโลนาแพ้ในการไปเยือนกับเลบันเต 1–2 ในการแข่งขันโกปาเดลเรย์ รอบ 16 ทีม นัดแรก มูริโย่ได้ใบเหลือง ในนาทีที่ 22 โดยในเกมที่กลับมาเล่นที่กัมนอว์ ในสัปดาห์ต่อมาเขายังได้ลงเล่นครบทั้งเกมเช่นกัน โดยบาร์เซโลนาเอาชนะไปได้ 3-0 ทำให้ผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ

ซัมป์โดเรีย

[แก้]

ในวันที่ 13 กรกฎาคม ค.ศ. 2019 มูริโย เซ็นสัญญากับ ซัมป์โดเรีย สโมสรฟุตบอลในอิตาลี ด้วยสัญญาการยืมตัวในราคา 2 ล้านยูโร และสามารถซื้อขาดได้ในราคา 13 ล้านยูโรหลังจบฤดูกาล.[15][16] โดยเขาได้ลงเล่นเป็นนัดแรกในวันที่ 18 สิงหาคม ในเกมโกปปาอีตาเลีย รอบที่สาม พบกับ โกรโตเน โดยทีมของพวกเขาเอาชนะไปได้ 3-1 ที่เอตซีโย ชีดา โดยในวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 2020 สโมสรได้ตัดสินใจซื้อขาดตัวเขาจากบาเลนเซีย ในราคา 12 ล้านยูโร และปล่อยยืมตัวเขาให้กับเซลตาเดบิโก ในวันต่อมา

เซลตาบิโก (ยืมตัว)

[แก้]

ในวันที่ 15 มกราคม ค.ศ. 2020 ซัมป์โดเรีย ได้ปล่อยยืมมูริโยสู่ เซลตาเดบิโก สโมสรในลีกสูงสุดของสเปน เป็นเวลาครึ่งฤดูกาล โดยมีสัญญาจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 2020 พ่วงเงื่อนไขการซื้อขาดได้[17] โดยตัวเขาได้ลงเล่นให้กับเซลตาเป็นครั้งแรก ในวันที่ 20 มกราคม ในเกมที่พวกออกไปเยือน อัตเลติกเดบิลบาโอ ที่ซานมาเมส ซึ่งผลจบลงที่ทั้งสองทีมเสมอกันที่ 1–1,[18]ในวันที่ 21 มิถุนายน มูริโย ทำประตูแรกให้กับทีมได้ในเกมที่ทีมของเขาเอาชนะ เดปอร์ติโบอลาเบส 6–0 ที่บาลาอิโดส โดยเป็นประตูแรกของเกม[19]

ระดับทีมชาติ

[แก้]

ชุดเยาวชน

[แก้]

มูริโยติดทีมชาติโคลอมเบีย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ชุดแข่งขันฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปี ที่ประเทศไนจีเรีย โดยได้ลงเล่นทั้งสิ้น 6 เกม จาก 7 เกม และยิงประตูได้ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายกับอาร์เจนตินา เป็นประตูไล่มาเป็น 1–2 ก่อนที่โคลอมเบียจะสามารถแซงเอาชนะไปได้ 3–2 โดยโคลอมเบียจบอันดับที่ 4 ในการแข่งขันรายการนี้ ในปี ค.ศ. 2011 มูริโยยังติดทีมชาติโคลอมเบีย รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี เพื่อแข่งขันฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี 2011 ที่โคลอมเบียเป็นเจ้าภาพ ซึ่งเขาลงเล่นทั้งหมด 4 นัด จาก 5 นัด ซึ่งนัดที่เขาไม่ได้ลงเล่นนั้นคือเกมในรอบก่อนรองชนะเลิศซึ่งโคลอมเบียแพ้ เม็กซิโก 3–1 ทำให้โคลอมเบียตกรอบในที่สุด

ชุดใหญ่

[แก้]

มูริโยมีชื่อติดทีมชาติโคลอมเบียชุดใหญ่ครั้งแรกในชุดที่พบกับทีมชาติเอลซัลวาดอร์และแคนาดาที่สหรัฐ โดยได้เล่นในเกมที่ชนะเอลซัลวาดอร์ 3–0 ในวันที่ 10 ตุลาคม โดยได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองลงมาแทนเปโดร ฟรังโก ในนาทีที่ 61 และในเกมที่ชนะแคนาดา 0–1 ในวันที่ 14 ตุลาคม โดยได้ลงเล่นเป็นตัวจริงแต่ถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 86 เขามีชื่อติดทีมชุดแข่งขันโกปาอาเมริกา 2015 โดยได้ลงเล่นทุกเกมและทำหนึ่งประตูในเกมที่เอาชนะบราซิล[20] 0–1 โคลอมเบียตกรอบในรอบก่อนรองชนะเลิศ โดยแพ้ให้กับอาร์เจนตินาซึ่งเสมอกันใน 90 นาที 0–0 ทำให้ต้องตัดสินด้วยการยิงลูกโทษ มูริโยรับหน้าที่ยิงเป็นคนที่ 7 เขายิงข้ามคานทำให้โคลอมเบียแพ้ในการดวลจุดโทษ 5–4[21][22] แต่เขาได้รับ "รางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยม" ของการแข่งขันรายการนี้ด้วย[23]

ในวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 มูริโยมีชื่อติดทีมชาติโคลอมเบียเพื่อแข่งขันโกปาอาเมริกาเซนเตนาริโอ ที่สหรัฐ ซึ่งมูริโยได้ลงเล่น 4 นัด จาก 5 นัดที่แข่งขัน

สถิติอาชีพ

[แก้]

สโมสร

[แก้]
ณ วันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 2020[24]
สโมสร ฤดูกาล ลีก ถ้วย[nb 1] ยุโรป อื่น ๆ รวม
ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู
กรานาดา 2013–14 32 1 2 0 34 1
2014–15 19 0 0 0 19 0
รวม 51 1 2 0 53 1
กาดิซ (ยืมตัว) 2011–12 27 3 2 0 29 3
รวม 27 3 2 0 29 3
ลัสปัลมัส (ยิมตัว) 2012–13 37 3 4 0 41 3
รวม 37 3 4 0 41 3
อินเตอร์มิลาน 2015–16 34 2 1 0 35 2
2016–17 27 0 2 1 5 0 30 1
รวม 61 2 3 1 5 0 65 3
บาเลนเซีย (ยืมตัว) 2017–18 17 0 0 0 17 0
บาเลนเซีย 2018–19 1 0 1 0 1 0 3 0
รวม 18 0 1 0 1 0 20 0
บาร์เซโลนา (ยืมตัว) 2018–19 2 0 2 0 0 0 1[nb 2] 0 5 0
รวม 2 0 2 0 0 0 1 0 5 0
ซัมป์โดเรีย 2019–20 10 0 2 0 12 0
รวม 10 0 2 0 12 0
เซลตาบิโก (ยืมตัว) 2019–20 18 1 0 0 19 1
2020–21 1 0 0 0 1 0
รวม 19 1 0 0 20 1
รวมทั้งหมด 226 10 16 1 6 0 1 0 249 11

ทีมชาติ

[แก้]
ณ วันที่ 12 ตุลาคม 2018
โคลอมเบีย
ปี ลงเล่น ประตู
2014 4 0
2015 11 1
2016 10 0
2017 0 0
2018 2 0
2019 2 0
2020
รวม 29 1

ประตูในระดับทีมชาติ

[แก้]
ณ วันที่ 17 มิถุนายน 2015 (ประตูและผลประตูของโคลอมเบียจะขึ้นก่อน)[25]
# วันที่ สนาม คู่แข่ง ประตู ผล การแข่งขัน
1. 17 มิถุนายน 2015 สนามกีฬาอนุสรณ์ดาบิด อาเรยาโน, ซานเตียโก, ชิลี ธงชาติบราซิล บราซิล
1–0
1–0
โกปาอาเมริกา 2015

เกียรติประวัติ

[แก้]

สโมสร

[แก้]

บาร์เซโลน่า

บาเลนเซีย

ทีมชาติโคลอมเบีย

[แก้]

รางวัลส่วนตัว

[แก้]

บันทึก

[แก้]
  1. รวมถึงการแข่งขัน โคปาเดลเรย์และโคปปาอิตาเลีย
  2. ลงเล่นใน ซูเปร์โกปาเดกาตาลุญญา

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Jeison Murillo". Inter Milan. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-12-20. สืบค้นเมื่อ 9 February 2017.
  2. "'Tengo muchas ansias de ir a aprovechar esta oportunidad': Murillo" ['I am very hungry to make the most of this opportunity': Murillo]. El Tiempo (ภาษาสเปน). 6 October 2014. สืบค้นเมื่อ 9 January 2015.
  3. "Boateng y Murillo firman su continuidad" [Boateng and Murillo sign continuity] (ภาษาสเปน). Granada en Juego. 6 February 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-02-21. สืบค้นเมื่อ 23 January 2014.
  4. "Murillo y su presente en Cádiz" [Murillo and his now in Cádiz] (ภาษาสเปน). ESPN FC. 7 December 2011. สืบค้นเมื่อ 23 January 2014.
  5. "Jeison Murillo se marcha a Las Palmas en calidad de cedido" [Jeison Murillo goes to Las Palmas on loan]. Ideal (ภาษาสเปน). 25 July 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-02-03. สืบค้นเมื่อ 23 January 2014.
  6. "Las Palmas deja al Almería sin remontada en el descuento" [Las Palmas rob Almería of comeback in injury time]. Diario AS (ภาษาสเปน). 9 March 2013. สืบค้นเมื่อ 23 January 2014.
  7. "Jeison Murillo regresa al Granada" [Jeison Murillo returns to Granada] (ภาษาสเปน). Goal. 31 May 2013. สืบค้นเมื่อ 23 January 2014.
  8. "Granada hold on for victory". ESPN FC. 18 August 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 February 2014. สืบค้นเมื่อ 23 January 2014.
  9. "Big win halts Granada's slide". ESPN FC. 10 January 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 January 2014. สืบค้นเมื่อ 23 January 2014.
  10. "Pina, pres. Granada: "Murillo all'Inter per 8 mln più bonus. L'ingaggio..."" [Pina, Granada pres.: "Murillo to Inter for 8 mln plus bonuses. The deal..."] (ภาษาอิตาลี). FC Inter News. 5 February 2015. สืบค้นเมื่อ 1 March 2015.
  11. Carci, Francesco (23 August 2015). "Inter-Atalanta 1–0, Icardi ko: entra Jovetic e decide all'ultimo respiro" [Inter-Atalanta 1–0, Icardi ko: Jovetic comes in and decides it in the dying breath]. La Repubblica (ภาษาอิตาลี). สืบค้นเมื่อ 20 September 2018.
  12. "Official statement | Jeison Murillo" (Press release). Valencia CF. 18 August 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-05-24. สืบค้นเมื่อ 18 August 2017.
  13. "Jeison Murillo, new FC Barcelona player". FC Barcelona. 20 December 2018. สืบค้นเมื่อ 20 December 2018.
  14. Puig, Darío (20 December 2018). "Barcelona agree Murillo's loan". Marca. สืบค้นเมื่อ 20 December 2018.
  15. Iacobellis, Giacomo (13 July 2019). "UFFICIALE: Sampdoria, preso Murillo in prestito con obbligo di riscatto" [OFFICIAL: Sampdoria, Murillo acquired on loan with obligation to buy] (ภาษาอิตาลี). Tutto Mercato Web. สืบค้นเมื่อ 13 July 2019.
  16. "Sampdoria snap up Murillo from Valencia". Fox Sports. 14 July 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-07-14. สืบค้นเมื่อ 14 July 2019.
  17. "Murillo ceduto al Celta Vigo a titolo temporaneo con diritto di opzione" [Murillo loaned to Celta Vigo on a temporary deal with option to buy] (Press release) (ภาษาอิตาลี). U.C. Sampdoria. 15 January 2020. สืบค้นเมื่อ 16 January 2020.
  18. "Athletic Club 1-1 Celta De Vigo". 20 January 2020. สืบค้นเมื่อ 20 July 2020.
  19. "Celta de Vigo 6:0 Deportivo Alavés". 21 June 2020. สืบค้นเมื่อ 20 July 2020.
  20. "Brasil recibe una dura dosis de realidad" [Hard reality check for Brazil]. Marca (ภาษาสเปน). 18 June 2015. สืบค้นเมื่อ 18 June 2015.
  21. "Argentina beats Colombia 5–4 on penalties to reach semis". The Washington Times. 26 June 2015. สืบค้นเมื่อ 5 July 2015.
  22. "Argentina 0–0 Colombia (Argentina win 5–4 on penalties)". BBC Sport. 27 June 2015. สืบค้นเมื่อ 5 July 2015.
  23. 23.0 23.1 "2015 Copa America awards: Vargas, Guerrero beat Aguero, Vidal to top scorer". NBC Sports. 4 July 2015. สืบค้นเมื่อ 5 July 2015.
  24. ข้อมูลของ เยย์ซอน มูริโย ที่ ซ็อกเกอร์เวย์
  25. "J. Murillo – Matches". Soccerway. สืบค้นเมื่อ 10 June 2018.
  26. Sánchez, Rolando (27 April 2019). "Jeison Murillo, tercer colombiano campeón en LaLiga" [Jeison Murillo, third Colombian champion in LaLiga] (ภาษาสเปน). Goal. สืบค้นเมื่อ 15 June 2019.
  27. Álvarez, Fernando (30 October 2018). "Mina frena la crecida del Ebro" [Mina stops Ebro rise]. Marca (ภาษาสเปน). สืบค้นเมื่อ 15 June 2019.
  28. "The Toulon Tournament's most memorable moments: James Rodríguez fired Colombia to the title (13/16)". Festival Foot Espoirs. 8 May 2018. สืบค้นเมื่อ 9 August 2019.
  29. "Copa América 2015 – Team of the tournament". Copa América Chile. 5 July 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 March 2016. สืบค้นเมื่อ 1 January 2016.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]