อาณานิคมทรานส์วาล

พิกัด: 25°S 30°E / 25°S 30°E / -25; 30
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

25°S 30°E / 25°S 30°E / -25; 30

อาณานิคมแห่งทรานส์วาล

Transvaalkolonie
  • 1902-1910
ธงชาติอาณานิคมแห่งทรานส์วาล
ธงชาติ
ตราแผ่นดินของอาณานิคมแห่งทรานส์วาล
ตราแผ่นดิน

ที่ตั้งของทรานส์วาล ประมาณ ค.ศ. 1890
ที่ตั้งของทรานส์วาล ประมาณ ค.ศ. 1890
สถานะคราวน์โคโลนีของสหราชอาณาจักร
เมืองหลวงพริทอเรีย
ภาษาราชการอังกฤษ
ภาษาทั่วไป
อาฟรีกานส์, ดัตช์, Ndebele, Sepedi, Tsonga, Tswana, Venda, ซูลู
กลุ่มชาติพันธุ์
(1904)
ศาสนา
การปกครองราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
พระมหากษัตริย์ 
• 1902–1910
เอ็ดเวิร์ดที่ 7
• 1910
จอร์จที่ 5
ผู้ว่าการ 
• 1902–1905
ไวเคานต์มิลเนอร์
• 1905–1910
เอิร์ลแห่งเซลบอร์น
นายกรัฐมนตรี 
• ค.ศ. 1907–1910
Louis Botha
สภานิติบัญญัติรัฐสภาทรานส์วาล
สภานิติบัญญัติ
สมัชชานิติบัญญัติ
ยุคประวัติศาสตร์การล่าอาณานิคมในทวีปแอฟริกา
• ก่อตั้ง
12 เมษายน 1877
3 สิงหาคม ค.ศ. 1881
• จัดตั้ง 'อาณานิคมทรานส์วาล'
1 กันยายน ค.ศ. 1900
31 พฤษภาคม ค.ศ. 1902
• ได้รับสถานะรัฐบาลปกครองตนเอง
6 ธันวาคม ค.ศ. 1906
31 พฤษภาคม 1910
ประชากร
• 1904
1,268,716[1]
ก่อนหน้า
ถัดไป
สาธารณรัฐเซาท์แอฟริกัน
สหภาพแอฟริกาใต้
รัฐในอารักขาสวาซิแลนด์
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของแอฟริกาใต้
เอสวาตีนี

ทรานส์วาล (อาฟรีกานส์: Transvaal; แปลว่า เหนือลุ่มแม่น้ำวาล) เป็นชื่อของดินแดนแถบเหนือประเทศแอฟริกาใต้ในปัจจุบัน ซึ่งเคยเป็นเขตดินแดนอิสระของผู้สืบเชื้อสายของผู้ตั้งถิ่นฐานชาวดัตช์ หรือเรียกกันว่า "ชาวบูร์" (Boer) ในสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ (South African Republic) ซึ่งก่อตั้งใน ค.ศ. 1856 ท่ามกลางความพยายามของชาวอังกฤษพยายามที่จะยึดครองมีอำนาจเหนือดินแดนแถบนี้ ภายหลังสงครามอังกฤษ-บูร์ ในระหว่าง ค.ศ. 1899 - 1902 ดินแดนส่วนใหญ่ที่ถูกยึดหลังจากความพ่ายแพ้ได้กลายมาเป็นอาณานิคมทรานส์วาล โดยชายแดนในอาณานิคมทรานส์วาล[2] มีขนาดใหญ่กว่างสาธารณรัฐเซาท์แอฟริกันที่พ่ายแพ้ (ค.ศ. 1856 ถึง 1902)[3] ซึ่งในภายหลังได้กลายมาเป็นจังหวัดหนึ่งในสหภาพแอฟริกาใต้

อ้างอิง[แก้]

  1. Census of the British empire: 1901. London: HMSO. 1906. p. 176.
  2. De Villiers, John (1896). The Transvaal. London: Chatto & Windus.
  3. Irish University Press Series: British Parliamentary Papers Colonies Africa, BPPCA Transvaal Vol 37 (1971) No 41 at 267