ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เกรซ เคลลี"
Heuristics (คุย | ส่วนร่วม) |
Saadpralard (คุย | ส่วนร่วม) ล แก้คำผิด +enlink |
||
บรรทัด 9: | บรรทัด 9: | ||
เมื่อ [[พ.ศ. 2478]] แจ็ค หรือที่เรียกกันอย่างว่า จอห์น เคลลีได้ลงสมัครรับการเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีในนามของ[[พรรคเดโมแครต]]แต่ก็แพ้อย่างหวุดหวิด ระหว่าง[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] ประธานาธิบดี[[แฟรงคลิน รูสเวลท์]]ได้แต่งตั้งแจ็คเป็นประธานกรรมการพลศึกษาแห่งชาติซึ่งเป็นตำแหน่งทางประชาสัมพันธ์ที่ใช้ความมีชื่อเสียงด้านกีฬาของเขามาช่วยโน้มน้าวให้ชาวอเมริกันหันมาออกกำลังกายมากขึ้นเพื่อสุขภาพ |
เมื่อ [[พ.ศ. 2478]] แจ็ค หรือที่เรียกกันอย่างว่า จอห์น เคลลีได้ลงสมัครรับการเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีในนามของ[[พรรคเดโมแครต]]แต่ก็แพ้อย่างหวุดหวิด ระหว่าง[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] ประธานาธิบดี[[แฟรงคลิน รูสเวลท์]]ได้แต่งตั้งแจ็คเป็นประธานกรรมการพลศึกษาแห่งชาติซึ่งเป็นตำแหน่งทางประชาสัมพันธ์ที่ใช้ความมีชื่อเสียงด้านกีฬาของเขามาช่วยโน้มน้าวให้ชาวอเมริกันหันมาออกกำลังกายมากขึ้นเพื่อสุขภาพ |
||
'''มากาเร็ต''' มาดาของเกรซมีเชื้อสาย[[เยอรมัน]]ที่เข้ารีตเป็นแคทอลิก เธอเองก็เก่งด้านกีฬา จบสาขาพลศึกษาจาก[[มหาวิทยาลัยเทมเปิล]]ซึ่งต่อมาได้เป็นหัวหน้าภาควิชาพลศึกษาคน |
'''มากาเร็ต''' มาดาของเกรซมีเชื้อสาย[[เยอรมัน]]ที่เข้ารีตเป็นแคทอลิก เธอเองก็เก่งด้านกีฬา จบสาขาพลศึกษาจาก[[มหาวิทยาลัยเทมเปิล]]ซึ่งต่อมาได้เป็นหัวหน้าภาควิชาพลศึกษาคนแรกของ[[มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย]] |
||
จอห์น บี เคลลี จูเนียร์พี่ชายของเกรซก็มีเชื้อไม่ทิ้งแถวของ |
จอห์น บี เคลลี จูเนียร์พี่ชายของเกรซก็มีเชื้อไม่ทิ้งแถวของครอบครัว โดยเป็นนักกีฬาที่ชนะเลิศรางวัล “[[เจมส์ อี ซุลลิแวน]]” ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดสำหรับกีฬาสมัครเล่นของสหรัฐฯ เมื่อ พ.ศ. 2490 ในปี พ.ศ. 2499 จอห์น จูเนียร์ยังได้รางวัลเหรียญทองแดงโอลิมปิกฤดูร้อนจากการแข่งขันเรือกรรเชียง และได้มอบเหรียญนี้เป็นของขวัญแต่งงานของน้องสาว |
||
บรรทัด 32: | บรรทัด 32: | ||
==การแต่งงานและชีวิตเจ้าหญิง== |
==การแต่งงานและชีวิตเจ้าหญิง== |
||
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2498 '''เกรซ เคลลี'''ได้รับการขอร้องให้เป็นตัวแทนของสหรัฐฯ ใน[[เทศกาลภาพยนตร์]]ที่เมือง[[คานส์]] ขณะที่อยู่ที่นั่น เธอได้รับ |
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2498 '''เกรซ เคลลี'''ได้รับการขอร้องให้เป็นตัวแทนของสหรัฐฯ ใน[[เทศกาลภาพยนตร์]]ที่เมือง[[คานส์]] ขณะที่อยู่ที่นั่น เธอได้รับเชิญไปร่วมงานถ่ายภาพในวัง[[โมนาโก]]กับเจ้าชาย'''เรนิเยร์'''เจ้าผู้ครองประเทศโมนาโก หลังจากผลัดผ่อนหลายครั้งจากความไม่สะดววกหลายอย่าง ในที่สุด เกรซก็ได้ไปถึงโมนาโก ที่ซึ่งทำให้เกรซได้พบกับเจ้าชาย |
||
หลังจากกลับสหรัฐฯ และเริ่มแสดงภาพยนตร์เรื่องใหม่เรื่อง “หงส์” (The Swan - พ.ศ. 2499) ซึ่งบังเอิญสวมบทบาทเป็นเจ้าหญิง ไม่นานจากนั้น เกรซ เคลลีเริ่มมีการติดต่อสัมพันธ์กับเจ้าชายเรนิเยร์เป็นการส่วนตัว ในเดือนธันวาคมปีนั้น เจ้าชายก็ได้เสด็จมาอเมริกาเป็นทางการ ซึ่งมีการ |
หลังจากกลับสหรัฐฯ และเริ่มแสดงภาพยนตร์เรื่องใหม่เรื่อง “หงส์” (The Swan - พ.ศ. 2499) ซึ่งบังเอิญสวมบทบาทเป็นเจ้าหญิง ไม่นานจากนั้น เกรซ เคลลีเริ่มมีการติดต่อสัมพันธ์กับเจ้าชายเรนิเยร์เป็นการส่วนตัว ในเดือนธันวาคมปีนั้น เจ้าชายก็ได้เสด็จมาอเมริกาเป็นทางการ ซึ่งมีการโจษจันว่าเสด็จเพื่อแสวงหาพระชายาเนื่องจากสนธิสัญญากับฝรั่งเศสซึ่งทำไว้เมื่อ [[พ.ศ. 2461]] บ่งไว้ว่า เมื่อใดที่เจ้าชายแห่งโมนาโกไม่มีรัชทายาท โมนาโกจะต้องรวมกับฝรั่งเศส |
||
เจ้าชายได้ถูกถามในการให้สัมภาษณ์ว่าพระองค์กำลังแสวงหาพระชายาใช่หรือไม่ ซึ่งพระองค์ทรงตอบปฏิเสธ และในคำถามถัดมาถามว่าสมมุติว่าใช่ พระองค์จะทรงโปรดพระชายาแบบใหน? พระงค์ทรงพระสรวลแล้วตอบว่า “ไม่ทราบ... แต่คงจะดีที่สุดกระมัง” เจ้าชายได้ทรงพบเกรซ เคลลีกับครอบครัวของเธอ และในอีกเพียง 3 วันต่อมาเจ้าชายเรนิเยร์ก็ขอแต่งงานกับเกรซ ซึ่งเธอตอบรับ จากนั้นพระองค์และครอบครัวของเกรซก็ได้เตรียมการแต่งงานที่โด่งดังที่สุดแห่งศตวรรษ |
เจ้าชายได้ถูกถามในการให้สัมภาษณ์ว่าพระองค์กำลังแสวงหาพระชายาใช่หรือไม่ ซึ่งพระองค์ทรงตอบปฏิเสธ และในคำถามถัดมาถามว่าสมมุติว่าใช่ พระองค์จะทรงโปรดพระชายาแบบใหน? พระงค์ทรงพระสรวลแล้วตอบว่า “ไม่ทราบ... แต่คงจะดีที่สุดกระมัง” เจ้าชายได้ทรงพบเกรซ เคลลีกับครอบครัวของเธอ และในอีกเพียง 3 วันต่อมาเจ้าชายเรนิเยร์ก็ขอแต่งงานกับเกรซ ซึ่งเธอตอบรับ จากนั้นพระองค์และครอบครัวของเกรซก็ได้เตรียมการแต่งงานที่โด่งดังที่สุดแห่งศตวรรษ |
||
บรรทัด 40: | บรรทัด 40: | ||
ข่าวการหมั้นเป็นที่ตื่นเต้นเลื่องลือ แม้จะหมายความถึงการสิ้นสุดชีวิตการแสดงของเกรซก็ตาม วงการภาพยนตร์ก็รู้ดีว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เกรซอยู่ในวงการแสดงต่อไป จึงได้แต่อวยพรให้เธอมีความสุข |
ข่าวการหมั้นเป็นที่ตื่นเต้นเลื่องลือ แม้จะหมายความถึงการสิ้นสุดชีวิตการแสดงของเกรซก็ตาม วงการภาพยนตร์ก็รู้ดีว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เกรซอยู่ในวงการแสดงต่อไป จึงได้แต่อวยพรให้เธอมีความสุข |
||
การเตรียมพระราชพิธีมงคลสมรสเต็มไปด้วยความพิถีพิถัน มีการทาสีพระราชวัง ตบแต่งใหม่ทั้งหมด รวมทั้งพิธีการเดินทางข้าม[[มหาสมุทแอตแลนติก]]สู่โมนาโก ในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2599 เกรซ เคลลีได้ลง |
การเตรียมพระราชพิธีมงคลสมรสเต็มไปด้วยความพิถีพิถัน มีการทาสีพระราชวัง ตบแต่งใหม่ทั้งหมด รวมทั้งพิธีการเดินทางข้าม[[มหาสมุทแอตแลนติก]]สู่โมนาโก ในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2599 เกรซ เคลลีได้ลงเรือที่ท่าในนครนิวยอร์กพร้อมกับเพื่อนเจ้าสาวและครอบครัวของเธอ สุนัข[[พูเดิล]]และสัมภาระ 400 ชิ้นออกจากท่าสู่[[ริเวียรา]] มีนักข่าวมากกว่า 400 คนขอร่วมเดินทางไปด้วย แต่ก็ถูกปฏิเสธเกือบทั้งหมด ใช้เวลาเดินทาง 8 วัน มีผู้คอยต้อนรับมากกว่าสองหมื่นคนเรียงรายโห่ร้องต้อนรับเจ้าหญิงในอนาคตตามถนน |
||
พระราชพิธีสมรสได้รับการถ่ายทอดไปทั่ว[[ยุโรป]] เกรซต้องจดจำชื่อตำแหน่งทางการให้ได้มากถึง 142 ชื่อ ในงานพระราชพิธีมีแขกผู้มีเกียรติและชนชั้นสูงได้รับเชิญจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก 600 คนและคาดว่ามีผู้ชมการถ่ายทอดทางโทรทัศน์รวม 30 ล้านคน เจ้าชายเรนิเยร์และเจ้าหญิงเกรซพระชายาได้ลงเรือยอร์ชดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ท่องทะเลเมดิเตอรเรเนียนเป็นเวลา 7 วันในคืนวันนั้นเอง |
พระราชพิธีสมรสได้รับการถ่ายทอดไปทั่ว[[ยุโรป]] เกรซต้องจดจำชื่อตำแหน่งทางการให้ได้มากถึง 142 ชื่อ ในงานพระราชพิธีมีแขกผู้มีเกียรติและชนชั้นสูงได้รับเชิญจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก 600 คนและคาดว่ามีผู้ชมการถ่ายทอดทางโทรทัศน์รวม 30 ล้านคน เจ้าชายเรนิเยร์และเจ้าหญิงเกรซพระชายาได้ลงเรือยอร์ชดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ท่องทะเลเมดิเตอรเรเนียนเป็นเวลา 7 วันในคืนวันนั้นเอง |
||
ทั้งสองพระองค์ได้พระราชธิดาพระองค์แรกหลังพระราชพิธีสมรส 9 เดือนกับ 4 วัน มีการยิงสลุต 21 นัดและประกาศเป็นวันหยุดราชการ หยุดการพนัน แจกแชมเปญฟรี และในปีเศษต่อมามีการยิงสลุต 101 นัดเพื่อต้อนรับโอรส คือเจ้าอัลเบิร์ต |
ทั้งสองพระองค์ได้พระราชธิดาพระองค์แรกหลังพระราชพิธีสมรส 9 เดือนกับ 4 วัน มีการยิงสลุต 21 นัดและประกาศเป็นวันหยุดราชการ หยุดการพนัน แจกแชมเปญฟรี และในปีเศษต่อมามีการ[[ยิงสลุต]] 101 นัดเพื่อต้อนรับโอรส คือเจ้าอัลเบิร์ต |
||
บรรทัด 85: | บรรทัด 85: | ||
[[de:Grace Kelly]] |
[[de:Grace Kelly]] |
||
[[el:Γκρέις Κέλι]] |
[[el:Γκρέις Κέλι]] |
||
[[en:Grace Kelly]] |
|||
[[es:Grace Kelly]] |
[[es:Grace Kelly]] |
||
[[eo:Grace Kelly]] |
[[eo:Grace Kelly]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:20, 20 เมษายน 2550
เจ้าหญิงเกรซ เคลลี แห่งโมนาโก (Grace, Princess of Monaco) พระนามเดิม เกรซ แพตริเซีย เคลลี (Grace Patricia Kelly - 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2472 –14 กันยายน พ.ศ. 2525) นักแสดงภาพยนตร์ชาวอเมริกับผู้ได้รับรางวัลอะแคเดมี ได้เสกสมรสกับเจ้าชายเรนีเยร์ที่ 3 แห่งโมนาโกเมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2499 เจ้าหญิงเกรซเป็นพระมารดาของเจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 แห่งโมนาโก
หลังการอภิเศกสมรสแล้ว เจ้าหญิงเกรซถือสัญชาติพร้อมกันสองสัญชาติ คือทั้งอเมริกันและโมนาโก ชีวิตที่เป็นดัง “เทพนิยาย” ทำให้พระองค์เป็นชาวอเมริกันผู้เลื่องลือและเป็นรักมากที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20
ครอบครัว
เกรซ เคลลีเกิดที่ย่านอีสฟอลล์ในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวน 4 คนของนายแจ็คและนางมากาเร็ต เคลลี บิดาของเกรซเป็นบุตร 1 ใน 10 คนของครอบครัวชาวอเมริกันแคทอลิกที่อพยพมาจากสาธารณรัฐไอร์แลนด์ แจ็คผู้บิดาเคยเป็นวีรบุรุษของชาวอเมริกันมาแล้วจากการได้เหรียญทองโอลิมปิกมากถึง 3 เหรียญในแข่งขันเรือกรรเชียงคู่ในขณะที่กีฬาชนิดนี้กำลังเป็นที่นิยมสูงสุด แจ็คทำธุรกิจการค้าอิฐที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ และประสบความสำเร็จในระดับมหาเศรษฐีคนหนึ่ง พี่น้องของแจ็คหลายคนประสบความสำเร็จในชีวิตด้านศิลปะ คนหนึ่งเป็นนักเขียนบทละครย่อยที่โด่งดัง อีกคนหนึ่งได้รับรางวัลพูลิตเซอร์
เมื่อ พ.ศ. 2478 แจ็ค หรือที่เรียกกันอย่างว่า จอห์น เคลลีได้ลงสมัครรับการเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีในนามของพรรคเดโมแครตแต่ก็แพ้อย่างหวุดหวิด ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ประธานาธิบดีแฟรงคลิน รูสเวลท์ได้แต่งตั้งแจ็คเป็นประธานกรรมการพลศึกษาแห่งชาติซึ่งเป็นตำแหน่งทางประชาสัมพันธ์ที่ใช้ความมีชื่อเสียงด้านกีฬาของเขามาช่วยโน้มน้าวให้ชาวอเมริกันหันมาออกกำลังกายมากขึ้นเพื่อสุขภาพ
มากาเร็ต มาดาของเกรซมีเชื้อสายเยอรมันที่เข้ารีตเป็นแคทอลิก เธอเองก็เก่งด้านกีฬา จบสาขาพลศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทมเปิลซึ่งต่อมาได้เป็นหัวหน้าภาควิชาพลศึกษาคนแรกของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย
จอห์น บี เคลลี จูเนียร์พี่ชายของเกรซก็มีเชื้อไม่ทิ้งแถวของครอบครัว โดยเป็นนักกีฬาที่ชนะเลิศรางวัล “เจมส์ อี ซุลลิแวน” ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดสำหรับกีฬาสมัครเล่นของสหรัฐฯ เมื่อ พ.ศ. 2490 ในปี พ.ศ. 2499 จอห์น จูเนียร์ยังได้รางวัลเหรียญทองแดงโอลิมปิกฤดูร้อนจากการแข่งขันเรือกรรเชียง และได้มอบเหรียญนี้เป็นของขวัญแต่งงานของน้องสาว
ชีวิตการแสดง
อาชีพการแสดงของเกรซ เคลลีสามารถทำนายได้ล่วงหน้าตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก เกรซได้เป็นนางแบบเดินแฟชั่นในงานสังคมสาธารณะกุศลร่วมกับแม่และพี่สาว การแสดงครั้งแรกของเกรซมีขึ้นเมื่อเธอมีอายุเพียง 12 ขวบโดยการแสดงละครเรื่องหนึ่ง ในระหว่างการเรียนชั้นมัธยมปลาย เกรซได้แสดงทั้งลครและระบำ ในหนังสือรุ่น เพื่อนๆ เธอเขียนทำนายไว้ว่าเธอจะได้เป็น “ดาราที่มีชื่อเสียงทั้งในจอเงินและทางวิทยุ”
เมื่อจบชั้นมัธยมปลาย เกรซตัดสินใจมุ่งสู่อาชีพการแสดง และได้เข้าศึกษาใน สถาบันศิลปะการแสดงอเมริกันในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นสถานศึกษาที่ได้ผลิตดาราที่มีชื่อเสียงในวงการมาแล้วหลายคน เช่น แคทารีน เฮบเบิร์นและสเปนเซอร์ เทรซีเป็นต้น เกรซหารายได้มาจุนเจือค่าเล่าเรียนจากเป็นนางแบบ ระหว่างการศึกษา เกรซเป็นนักศึกษาที่ขยันมาก ใช้เครื่องอัดเสียงมาช่วยในการฝึกพูดจนได้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบ เธอได้เริ่มงานแสดงละครบรอดเวย์เป็นครั้งปฐมฤกษ์ และเมื่ออายุ 19 ปี เกรซจบการศึกษาด้วยการแสดงลครเรื่อง “เดอะฟิลาเดลเฟียสตอรี” ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในชีวิตการแสดงภาพยนตร์ของเธอ
ต่อมาเกรซได้เข้าสู่วงการโทรทัศน์และประสบความสำเร็จซึ่งนำไปสู่วงการจอเงินเป็นครั้งแรกโดยการเป็นตัวแสดงประกอบในภาพยนตร์เรื่อง “14 ชั่วโมง” (พ.ศ. 2494) เมื่ออายุ 22 ปี ภาพยนตร์เรื่องนี้เองที่ทำให้เกรซได้รับข้อเสนอมากหลายรายแต่เธอก็ปฏิเสธด้ยเกรงว่าจะขาดอิสรภาพในวงการละคร
แต่อย่างไรก็ดี เมื่อเกรซได้รับโทรเลขจากผู้กำกับภาพยนต์ฮอลีวูดให้มาแสดงนำคู่กับแกรี คูเปอร์ ในเรื่อง “ไฮนูน” ซึ่งได้แม้จะได้รับรางวัลอะแคเดมี 2 ถึงรางวัล แต่เกรซก็ยังไม่พอใจและสมัครเข้ารับการฝึกจากครูฝึกสอนการแสดง ซึ่งมีผลให้ได้รับบทบาทเป็นผู้แสดงประกอบในภาพยนตร์ที่แสดงโดยคล๊าก เกเบิลและเอวา การ์ดเนอร์ในเรื่อ “โมแกมโบ” พ.ศ. 2496 ที่ถ่ายทำในป่าประเทศเคนยา การฝึกฝนต่อดังกล่าว มีผลให้เกรซได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสกาส่งให้เกรซขึ้นชั้นในระดับดารา
ผู้กำกับชื่อดังคือ อัลเฟรด ฮิชค็อก ได้ให้เกรซสรวมบทบาทนางเอกในภาพยนตร์ประเภทลึกลับตื่นเต้นหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่อง “เรีย วินโดว์” คู่กับจิมมี สจ๊วตซึ่งทำให้เกรซเป็นที่เลื่องลือไปทั่วประเทศ ฮิชค็อกได้ให้เกรซแสดงอีกหลายเรื่องจนที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในปี พ.ศ. 2498 เคลลีได้รับรางวัลอะแคเดมีในฐานะนักแสดงยอดเยี่ยมในเรื่อง “เด็กบ้านนอก” (The Country Girl)
เรื่องสุดท้ายที่เกรซนำแสดงได้แก่เรื่อง “สังคมชั้นสูง” (High Society –พ.ศ. 2499) ภาพยนตร์เพลงที่ดัดแปลงจากเรื่อง “เดอะฟิลาเดลเฟียสตอรี” ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับเรื่องที่เกรซใช้แสดงเพื่อจบการศึกษาดังกล่าวในตอนต้น
แม้ชีวิตการเป็นนักแสดงภาพยนตร์ของเกรซ เคลลีจะมีช่วงเวลาเพียง 5 ปี และแสดงไปเพียง 11 เรื่อง ความสวยและเสน่ห์ของเกรซได้ประทับลงไปในความทรงจำของคนอมเริกันและนักชมภาพยนตร์ในยุคนั้นอย่างไม่มีวันลืมเลือน
การแต่งงานและชีวิตเจ้าหญิง
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2498 เกรซ เคลลีได้รับการขอร้องให้เป็นตัวแทนของสหรัฐฯ ในเทศกาลภาพยนตร์ที่เมืองคานส์ ขณะที่อยู่ที่นั่น เธอได้รับเชิญไปร่วมงานถ่ายภาพในวังโมนาโกกับเจ้าชายเรนิเยร์เจ้าผู้ครองประเทศโมนาโก หลังจากผลัดผ่อนหลายครั้งจากความไม่สะดววกหลายอย่าง ในที่สุด เกรซก็ได้ไปถึงโมนาโก ที่ซึ่งทำให้เกรซได้พบกับเจ้าชาย
หลังจากกลับสหรัฐฯ และเริ่มแสดงภาพยนตร์เรื่องใหม่เรื่อง “หงส์” (The Swan - พ.ศ. 2499) ซึ่งบังเอิญสวมบทบาทเป็นเจ้าหญิง ไม่นานจากนั้น เกรซ เคลลีเริ่มมีการติดต่อสัมพันธ์กับเจ้าชายเรนิเยร์เป็นการส่วนตัว ในเดือนธันวาคมปีนั้น เจ้าชายก็ได้เสด็จมาอเมริกาเป็นทางการ ซึ่งมีการโจษจันว่าเสด็จเพื่อแสวงหาพระชายาเนื่องจากสนธิสัญญากับฝรั่งเศสซึ่งทำไว้เมื่อ พ.ศ. 2461 บ่งไว้ว่า เมื่อใดที่เจ้าชายแห่งโมนาโกไม่มีรัชทายาท โมนาโกจะต้องรวมกับฝรั่งเศส
เจ้าชายได้ถูกถามในการให้สัมภาษณ์ว่าพระองค์กำลังแสวงหาพระชายาใช่หรือไม่ ซึ่งพระองค์ทรงตอบปฏิเสธ และในคำถามถัดมาถามว่าสมมุติว่าใช่ พระองค์จะทรงโปรดพระชายาแบบใหน? พระงค์ทรงพระสรวลแล้วตอบว่า “ไม่ทราบ... แต่คงจะดีที่สุดกระมัง” เจ้าชายได้ทรงพบเกรซ เคลลีกับครอบครัวของเธอ และในอีกเพียง 3 วันต่อมาเจ้าชายเรนิเยร์ก็ขอแต่งงานกับเกรซ ซึ่งเธอตอบรับ จากนั้นพระองค์และครอบครัวของเกรซก็ได้เตรียมการแต่งงานที่โด่งดังที่สุดแห่งศตวรรษ
ข่าวการหมั้นเป็นที่ตื่นเต้นเลื่องลือ แม้จะหมายความถึงการสิ้นสุดชีวิตการแสดงของเกรซก็ตาม วงการภาพยนตร์ก็รู้ดีว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เกรซอยู่ในวงการแสดงต่อไป จึงได้แต่อวยพรให้เธอมีความสุข
การเตรียมพระราชพิธีมงคลสมรสเต็มไปด้วยความพิถีพิถัน มีการทาสีพระราชวัง ตบแต่งใหม่ทั้งหมด รวมทั้งพิธีการเดินทางข้ามมหาสมุทแอตแลนติกสู่โมนาโก ในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2599 เกรซ เคลลีได้ลงเรือที่ท่าในนครนิวยอร์กพร้อมกับเพื่อนเจ้าสาวและครอบครัวของเธอ สุนัขพูเดิลและสัมภาระ 400 ชิ้นออกจากท่าสู่ริเวียรา มีนักข่าวมากกว่า 400 คนขอร่วมเดินทางไปด้วย แต่ก็ถูกปฏิเสธเกือบทั้งหมด ใช้เวลาเดินทาง 8 วัน มีผู้คอยต้อนรับมากกว่าสองหมื่นคนเรียงรายโห่ร้องต้อนรับเจ้าหญิงในอนาคตตามถนน
พระราชพิธีสมรสได้รับการถ่ายทอดไปทั่วยุโรป เกรซต้องจดจำชื่อตำแหน่งทางการให้ได้มากถึง 142 ชื่อ ในงานพระราชพิธีมีแขกผู้มีเกียรติและชนชั้นสูงได้รับเชิญจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก 600 คนและคาดว่ามีผู้ชมการถ่ายทอดทางโทรทัศน์รวม 30 ล้านคน เจ้าชายเรนิเยร์และเจ้าหญิงเกรซพระชายาได้ลงเรือยอร์ชดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ท่องทะเลเมดิเตอรเรเนียนเป็นเวลา 7 วันในคืนวันนั้นเอง
ทั้งสองพระองค์ได้พระราชธิดาพระองค์แรกหลังพระราชพิธีสมรส 9 เดือนกับ 4 วัน มีการยิงสลุต 21 นัดและประกาศเป็นวันหยุดราชการ หยุดการพนัน แจกแชมเปญฟรี และในปีเศษต่อมามีการยิงสลุต 101 นัดเพื่อต้อนรับโอรส คือเจ้าอัลเบิร์ต
เจ้าชายเรนิเยร์และเจ้าหญิงเกรซมีพระโอรสและพระธิดา 3 พระองค์ดังนี้
- เจ้าหญิงแคโคไลน์ หลุยส์ มาร์เกอริท ประสูติวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2500
- เจ้าชายอัลเบิร์ต ที่2 แห่งโมนาโก ประสูติ 14 มีนาคม พ.ศ. 2501
- เจ้าหญิงสเตฟานี มารี เอลิวาเบท ประสูติ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508
เจ้าหญิงเกรซ ไม่ได้หวนกลับสู่วงการจอเงินอีก พระองค์ทรงเลือกที่จะเป็นผู้นำประเทศฝ่ายสตรี ในปี พ.ศ. 2505 ฮิชค็อคได้ทูลชวนพระองค์ให้มาแสดงภาพยนตร์อีก พระองค์อยากจะลองแต่ไม่มีผู้ใดเห็นด้วยรวมทั้งเจ้าชายเรนิเยร์ เจ้าหญิงจึงตอบปฏิเสธไป แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหญิงเกรซก็ได้เข้าสู่วงการศิลปินในรูปแบบพิเศษโดยการอ่านบทกลอนในภาพยนตร์ชุดสารคดีเมื่อ พ.ศ. 2520 พระองค์ในฐานะเจ้าหญิงได้มีบทบาทในการยกระดับสถาบันศิลปะของโมนาโก มีการจัดตั้งมูลนิธิเจ้าหญิงเกรซขึ้นเพื่ออุปถัมภ์ศิลปินของประเทศ
เจ้าหญิงเกรซเป็นบุคคลชั้นสูงคนแรกที่สนับสนุการเลี้ยงทารกด้วยนมมารดา ทรงจัดงานคริสต์มาสประจำปีสำหรับเด็กกำพร้าและทรงจัดตั้งสโมสรสวนดอกไม้ขึ้นเนื่องจากที่พระองค์ทรงโปรดปรานดอกไม้มาก
เจ้าชายเรนิเยร์และเจ้าหญิงเกรซได้จัดงานเฉลิมฉลองวาระที่ได้ทรงอภิเสกสมรสครบ 25 ปี เมื่อ พ.ศ. 2427
การสิ้นพระชนม์
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2528 ด้วยพระชนมายุ 52 พรรษา เจ้าหญิงเกรซและเจ้าหญิงสเตฟานีพระราชธิดาได้ขับรถมุ่งสู่โมนาโกจากที่ประทับในชนบท พระองค์ทรงประชวรกระทันหันด้วยโรคเส้นโลหิตแตกในสมอง ทำให้รถโรเวอร์ที่ทรวงขับอยู่พลิกคว่ำตกจากไหล่เนินที่สูงหลายตระหลบ และทรงสิ้นพระชนม์ในวันรุ่งขึ้น มีการโจทย์จรรย์กันว่าจุดเกิดเป็นถนนช่วงโค้งที่เดียวกันกับที่ใช้เป็นเป็นฉากภาพยนตร์ แต่พระโอรสทรงปฏิเสธ เจ้าหญิงสเตฟานีได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
พระศพของเจ้าหญิงเกรซได้รับการฝังไว้ในโบสถ์เซนต์นิโคลาส ประเทศโมนาโก และต่อมาเจ้าชายเรนิยร์ก็ถูกฝังไว้เคียงของเจ้าหญิงเกรซหลังจากเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2548 มีประชาชนมากกว่า 100 ล้านคนที่ชมการถ่ายทอดพิธีฝังพระศพเจ้าหญิงเคลลี