ไรเดอร์ (มหาสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์)
ไรเดอร์ | |
---|---|
ตัวละครใน มหาสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ | |
ปรากฏครั้งแรก | เกม เฟท/สเตย์ ไนท์ |
ให้เสียงโดย | อาซาคาวะ ยู (ญี่ปุ่น) คาเรน สทราสแมน (อังกฤษ) ศรีอาภา เรือนนาค (ไทย) |
ไรเดอร์ เป็น ตัวละครสมมติ จากตัวละครจากเกมซาวนด์โนเวลของ ไทป์-มูน และการ์ตูนเรื่อง เฟท/สเตย์ ไนท์ โดย ไทป์-มูน
นักรบสาวร่างสูงผู้ซ่อนสายตาไว้ใต้ผนึกอาคม เปิดตัวครั้งแรกในฉากของโรงเรียน เซอร์แวนท์ของชินจิ ซึ่งมักจะเป็นผู้สอดแนมระหว่างการต่อสู้ของข้ารับใช้ตนอื่น เธอมักจะปฏิบัติภารกิจอย่างเงียบสงัดและรอบคอมและไม่เคยลังเลที่จะปกป้องมาสเตอร์ของตนเอง แม้ว่าตนเองจะได้รับอันตราย และด้วยที่ว่าชินจิไม่สามารถถ่ายทอดมานาให้กับเธอได้ ทำให้เธอต้องแสวงหามานาให้ตนเองด้วยการสูบพลังวิญญานจากชาวเมืองฟุยูกิ(โดยปกติไรเดอร์ดึงพลังผ่านการดื่มโลหิตของเหยื่อ)
เป็นเซอร์แวนท์ที่มีลักษณะนิสัยและบุคลิกค่อนข้างแปลก พูดน้อย-รอบคอบ-แต่แฝงด้วยอารมณ์รุนแรงอยู่ภายใน มีความซื่อสัตย์และเชื่อฟังคำสั่งของมาสเตอร์อย่างมาก อาวุธหลักของเธอคือ โซ่คู่อันยาวเหยียดสองปลายที่มีหมุดแหลมติดอยู่ ซึ่งสามารถพุ่งเข้าใส่เป้าหมายจากระยะไกลได้อย่างแม่นยำ ลักษณะของมันคล้ายเครื่องมือตอกตรึงเหล่าสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย เชี่ยวชาญด้านการบังคับควมคุมสัตว์ต่างๆ รวมถึงคำสาบหลายแขนง ในการต่อสู้เธอมักจะซ่อนตัวและคอยวางแผนโจมตีด้วยความรอบคอบ เนื่องจากไรเดอร์แม้มีพละกำลังไม่มากเมื่อเทียบ กับวีรชนคนอื่นๆ แต่ตัวเธอมีความเชี่ยวชาญในการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ต่างๆให้เป็นประโยชน์ อย่างเต็มที่ อาทิเช่น ข่ายอาคม คำสาบ ภูมิประเทศที่จำกัดทรรศนวิสัย และการเสาะหาตำแหน่งโจมตีระยะกลาง-ไกล เพื่อสร้างความได้เปรียบมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ จึงไม่แปลกใจที่จัดเธอว่าเป็นเซอร์แวนท์ ที่เฉลียวฉลาดไม่น้อยคนนึงทีเดียว
ไรเดอร์มีส่วนสูง 172 ซม. นน 57 kg สัดส่วน B88/W56/H84
สำหรับ เสียงพากย์ ของไรเดอร์นั้นคือเสียงของ อาซาคาวะ ยู ในภาษาญี่ปุ่น ส่วนภาษาอังกฤษนั้นเป็นของ คาเรน สทราสแมน[1] และภาษาไทยโดย ศรีอาภา เรือนนาค
สถานะข้ารับใช้
[แก้]
มาสเตอร์: | มาโต้ ชินจิ | มาโต้ ซากุระ | เพศ: | หญิง | สีที่ชอบ: | ม่วง |
---|---|---|---|---|---|---|
ลักษณะ: | ค่อนข้างเป็นคนดี | ค่อนข้างเป็นคนดี | ส่วนสูง: | 172 ซม. | ความสามารถพิเศษ: | บังคับม้า, กายกรรม, ย่องตาม |
โนเบิล แฟตาซึ่ม: | A+ | A+ | น้ำหนัก: | 57 กก. | ชอบ: | แอลกอฮอล์, อ่านหนังสือ, งู |
ความแข็งแกร่ง: | C | B | ความต้านทานเวทมนตร์: | B | ไม่ชอบ: | กระจก, ความสูง |
ความอดทน: | E | D | คงอยู่โดยไร้มาสเตอร์: | C | คู่กัดที่แพ้ทาง: | เซเบอร์, คุซุกิ โซอิจิโร่, แอสซาซิน |
ความคล่องตัว: | B | A | ดวงตาอาคม: | A+ | หน้าอก: | 88 ซม. |
มานา: | B | B | ควบคุม: | A+ | เอว: | 56 ซม. |
โชค: | D | E | ศักดิ์สิทธิ์: | E- | สะโพก | 84 ซม. |
ความสามารถ
[แก้]- ความต้านทานเวทมนตร์
- ระดับ: B
- ความสามารถในการต่อต้านหรือทำให้ผลกระทบที่ได้รับจากเวทมนตร์จากคู่ต่อสู้นั้นน้อยลง สำหรับระดับนี้แล้ว เวทมนตร์ที่อยู่ในระดับต่ำกว่านี้จะไม่สามารถทำอันตรายได้ หากเวทมนตร์นั้นอยู่ในระดับที่สูงกว่า จะสามารถทำอันตรายได้ แต่ข้ารับใช้สายไรเดอร์ทั่วไปจะไม่มีความสามารถนี้กัน
- ควบคุม
- ระดับ: A+
- ความสามารถในการควบคุมสัตว์ต่างๆ ไว้ใช้เป็นพาหนะ ซึ่งเธอสามารถควบคุมสัตว์ทุกชนิดได้ หรือยังสามารถขับขี่ยานพาหนะได้ทุกชนิดอีกด้วย แต่มีสัตว์สายพันธุ์มังกรนั้น จะอยู่นอกเหนือความสามารถของเธอ *ดวงตาอาคม
- ระดับ: A+
- ความสามารถที่เปรียบเสมือนกับสิ่งที่ติดตัวกับเธอมาแต่กำเนิด คือดวงตาทั้งสองข้างที่เรียกว่า ไซบีล ที่สามารถสาปให้ผู้ที่ถูกจ้องด้วยสายตาคู่นี้กลายเป็นหินได้ ซึ่งถือเป็นความสามารถเฉพาะตัวของเธอที่หาได้ยากในคนอื่นๆ แต่ไม่ใช่ว่าผู้ที่ถูกเธอจ้องนั้นจะแข็งเป็นหินไปเสียหมด ตราบใดที่เธอไม่ได้มีความอาฆาตกับใคร เธอสามารถที่จะหยุดความสามารถในการสาปให้เป็นหินนั้นได้ และใช้สายตาเหมือนคนปกติ ในการรับมือกับความสามารถนี้จำเป็นจะต้องใช้มานาเป็นปริมาณมหาศาล ความสามารถในการต้านทานเวทมนตร์ในระดับที่ต่ำกว่า B จะไม่สามารถต้านทานคำสาปนี้ได้ และถึงแม้ว่าจะสามารถต้านทานได้ แต่ก็ไม่ได้ทั้งหมด จะมีร่างกายบางส่วนที่ถูกสาปให้เป็นหินแทนเท่านั้น
- คงอยู่โดยปราศจากแหล่งพลัง
- ระดับ: C
- ความสามารถของข้ารับใช้ที่สามารถคงอยู่ได้โดยไร้มาสเตอร์ ซึ่งเธอสามารถคงอยู่ได้เพียง 1 วันเท่านั้นหลังจากหมดพันธสัญญากับมาสเตอร์
- ศักดิ์สิทธิ์
- ระดับ: E-
- ระดับที่บ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์ในสายเลือดของสิ่งมีชีวิต โดยแบ่งตามเชื้อสายของอสุรกายแต่ละสายเลือด ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ในสายเลือดของเธอเองนั้นมีอยู่น้อยมาก
โนเบิล แฟตาซึ่ม
[แก้]- แอนโดรเมดา ปราการโลหิต (ญี่ปุ่น: ブラッドフォート・アンドロメダ; โรมาจิ: Buraddo Fotto Andoromeda) : ผนึกแห่งวิหารโลหิต (ญี่ปุ่น: 他者封印・鮮血神殿; โรมาจิ: Tosha fūshin, senketsu shinden)
- ระดับ: B
- Type: Anti-Fort.
- อาวุธวิเศษ ที่มีชื่อมาจากเจ้าหญิงที่ถูกช่วยไว้หลังการปราบเมดูซ่า เป็นอาวุธวิเศษเวทมนตร์ที่สร้างพื้นที่ปราการสีแดงที่สร้างขึ้นจากเลือดของเธอ จุดประสงค์หลัก คือ สิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายใต้ขอบเขตของปราการสีโลหิตนี้จะถูกสูบพลังชีวิตเพื่อใช้เป็นมานาให้กับเธอ นอกจากนั้นยังสามารถใช้เพื่อขัดขวางการหลบหนีของคู่ต่อสู้ได้อีกด้วยการสูบมานา ทำให้คู่ต่อสู้เคลื่อนไหวตัวได้อย่างยากลำบาก หรือจะใช้เพื่อทำให้ศัตรูที่อยู่ภายใต้ขอบเขตปราการนี้อ่อนแอลง เพื่อให้จัดการได้ง่ายก็ทำได้ การใช้ความสามารถนี้จะส่งผลกระทบต่อวงจรการไหลเวียนเวทมนตร์ในพื้นที่นั้นๆ และไม่สามารถใช้ซ้ำพื้นที่เดิมได้ และชื่อ แอนโดรเมดา นี้ยังเป็นชื่อของเจ้าหญิงผู้ที่อภิเษกกับ เพอร์ซีอุส บุตรของ ซูส ผู้ที่กำจัด เมดูซ่า ได้อีกด้วย
- เบรเกอร์ กอร์กอน (ญี่ปุ่น: ブレーカー・ゴルゴーン; โรมาจิ: Burēkā Gorudōn) : ผนึกแห่งอารามมืดมิด (ญี่ปุ่น: 自己封印・暗黒神殿; โรมาจิ: Jigo fūshin, ankoku shinden)
- ระดับ: C-
- ประเภท: สนับสนุน
- อาวุธวิเศษที่มีชื่อที่มาจากตำนานเมดูซ่า แห่ง 3 พี่น้องกอร์กอน ภายใต้ผ้าปิดตาที่เธอสวมอยู่ตลอดเวลานั้นคือดวงตาอาคม(Mystic Eyes) ซึ่งเป็นหนึ่งใน โนเบิล แฟตาซึ่ม ของเธอ ซึ่งดวงตาอาคมของเธอนั้นสามารถทำให้ศัตรูหรือผู้ที่ถูกสายตาคู่นั้นจ้อง กลายเป็นหินได้ทันทีตามที่เธอต้องการ และโนเบิล แฟตาซึ่มนี้ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับสามพี่น้องกอร์กอน ปิศาจในตำนานกรีกอีกด้วย ซึ่งพลังนี้ในดวงตาของเธอ (Cybele) จะทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยปกติไรเดอร์จะใส่ที่ปิดตาไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการสะกดฝ่ายเดียวกันโดยไม่ตั้งใจ อาวุธนี้มีผลมากกับผู้ที่มีพลังป้องกันเวทมนตร์น้อยกว่าระดับ B แต่แม้ระดับสูงก็ยังสามารถใช้ในการลดความคล่องตัวของเป้าหมายอย่างได้ผล นับเป็นอาวุธวิเศษที่ใช้ได้ดีเอาเรื่อง
- เบลโรฟอน (ญี่ปุ่น: ベルレフォーン; โรมาจิ: Berurefōn) : บังเหียนอัศวิน (ญี่ปุ่น: 騎英の手綱; โรมาจิ: Kiei no tazuna)
- ระดับ: A+
- ประเภท: Anti-Fort.
- บังเหียนและอานม้าสีทอง จะปรากฏขึ้นบนตัวของสัตว์เมื่อไรเดอร์ขี่มันเท่านั้น ซึ่งในที่นี้คือม้า เพกาซัส ในตำนาน พลังนี้จะแสดงผลอย่างเต็มที่เมื่อกระชากบังเหียนของอาชานั้นๆ เมื่อเธอใช้บังเหียน เบลโรฟอน นี้ จะส่งผลให้เพกาซัสทั้งหมดมีความสามารถในทุกด้านมากขึ้นระดับหนึ่ง ซึ่งเพกาซัสเหล่านั้นสามารถสร้าง คลื่นความถี่สูง มหาศาลได้ราวกับเครื่องบินไอพ่นที่มีความรุนแรงสูง ด้วยแรงกระพือปีกธรรมดา สามารถพุ่งตัดหรือทะลุสิ่งต่างๆ ได้ และมีผลในการ resonnance กับการสลายแรงภายในโมเลกุลของสิ่งมีชีวิตต่างๆ จัดเป็นอาวุธที่น่ากลัวไม่ว่าจะใช้โจมตีแบบกายภาพด้วยการควบขี่ หรือปลดปล่อยเวทมนตร์ออกจากตัวสัตว์วิเศษก็ตาม กับด้วยพลังโจมตีระดับ A+ จึงไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมถึงสามารถยืนหยัดต่อสู้กับเซเบอร์ดำได้อย่างไม่น้อยหน้า ซึ่งการที่มาเป็น โนเบิล แฟตาซึ่มของสัตว์ในตำนานตนนี้นั้นเป็นเพราะความต้องการที่จะเป็นโนเบิล แฟตาซึ่มที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นการตัดสินใจของ เบลโรฟอน ซึ่งชื่อนี้มีความเกี่ยวข้องกับ เบลโรฟอน ซึ่งเป็นชื่อของเจ้าชายผู้เลี้ยงเพกาซัส และเป็นผู้สังหาร คิเมร่า อีกด้วย
ตัวตนที่แท้จริง
[แก้]ตัวตนที่แท้จริงของเธอนั้นคือ เมดูซ่า หรือ กอร์กอน ในปุราณวิทยากรีก เธอมีพี่น้องสองคนคือ สเธโน และ ยูรีอาเล พวกเธอทั้งสามนั้นเดิมเป็นเทพธิดาที่เกิดขึ้นจากความปรารถนาของเหล่ามนุษย์ในการมีเทพธิดาในอุดมคติ ซึ่งต่างจากเหล่าสภาเทพแห่งโอลิมปัส ทั้งสามพี่น้องเป็นเทพธิดาที่งดงามมาก เว้นแต่คนสุดท้อง เมดูซ่า ซึ่งเธอแตกต่างที่เธอมีการเติบโต เธอจึงได้มีอายุมากกว่าและมีร่างกายที่เติบโตมากกว่าพวกพี่สาวของเธอ เมดูซ่าได้ถูกสาปให้มีดวงตาอาคม ที่สามารถสาปให้ผู้ที่ถูกสายตานั้นจับจ้องกลายเป็นหิน เหมือนกับเหล่าพี่น้องของเธอ เธอจึงจำเป็นต้องสวมผ้าปิดตาไว้ตลอดเวลา และเพราะความแตกต่างเหล่านี้เอง ทำให้เธอถูกพวกพี่สาวเธอหยอกเล่นอยู่เป็นประจำ ครั้งหนึ่ง เมดูซ่าเคยได้รับของขวัญเป็น เพกาซัส จาก โพไซดอน เทพผู้หลงเสน่ห์เธอนั่นเอง
ด้วยความหึงหวงของ อาเธน่า พี่น้องร่วมมารดาของเธอ ได้ยุแหย่ให้เหล่ากลุ่มคนผู้ที่บูชาเหล่ากอร์กอน ทำร้ายพวกเธอ ทำให้ทั้งสามพี่น้องต้องหลบหนีไปอาศัยอยู่ที่“เกาะไร้รูปร่าง” ซึ่งสร้างความอับอายให้กับเธอเป็นอย่างมาก เธอจึงอาฆาตแค้นมนุษย์ทุกคน เธอจึงได้คอยสังหารมนุษย์ทุกคนที่เข้ามาหวังที่จะทำร้ายพี่สาวทั้งสองของเธอ หลายปีผ่านไป จากที่เพียงฆ่าเพื่อปกป้องพี่สาว ได้เปลี่ยนเป็นการล่าเพื่อเป็นอาหาร ทำให้ชื่อเสียงของเธอเลื่องลือออกไปว่าเป็นปิศาจที่ดุร้าย ด้วยความน่าเกลียดน่ากลัวเหล่านี้ ได้ทำให้เมดูซ่ากลายเป็นปิศาจ กอร์กอน ดังตำนาน อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังเป็นที่รักของสเธโน และ ยูรีอาเล พี่สาวของเธอ และพี่สาวทั้งสองของเธอก็ยังอนุญาตให้น้องสาวของพวกเธอสังหารมนุษย์เหล่านั้นอีกด้วย แต่ในท้ายสุด ชายหนุ่มเชื้อสายเทพ นาม เพอร์ซีอุส ที่ได้รับอาวุธ โนเบิล แฟตาซึ่มทั้ง 5 ประการได้สังหารเธอ และตัดหัวเธอไป ขณะที่เธอตาย เธอได้รู้ว่าถึงแม้ว่าตลอดเวลาที่พี่สาวทั้งสองของเธอจะดูแลเธอมาไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เวลาเหล่านั้นก็เหมือนกับสมบัติอันล้ำค่าของเธอที่ได้อยู่กับพี่สาวทั้งสองของเธอนั้นมาตลอดชีวิต
ในจักรวาล เฟท/สเตย์ ไนท์ ได้นำข้อมูลในส่วนที่ว่าเส้นผมของพวกเธอทั้งสามเป็นงูออกไป และได้เปลี่ยนเป็นว่าพวกเธอมีผมที่ยาวดั่งความยาวของงูแทน
บทบาทในเรื่อง
[แก้]มาสเตอร์ที่แท้จริงของเธอนั้นคือ มาโต้ ซากุระ แต่ที่เธอมาเป็นข้ารับใช้ของชินจินั้นเป็นเพราะซากุระได้ถูกแย่งคำสั่งมนตราไป ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นข้ารับใช้ของชินจิ แต่ในใจเธอก็ไม่ได้ต้องการทำเพื่อคนที่ชั่วช้าอย่างเขาเลยแม้แต่น้อย ที่เธอทำเป็นคอยรับใช้อย่างซื่อสัตย์นั้นเป็นเพราะต้องการปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของข้ารับใช้ให้สมบูรณ์เท่านั้น และเพื่อเป็นการปกป้องซากุระ คนที่เหมือนกับเธอในหลายๆ อย่างเท่านั้น และในสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่ 5 เธอก็ไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรในจอกศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกันกับข้ารับใช้ตนอื่นๆ ในสงครามครั้งนี้
เป็นเพราะว่าต้องเผชิญกับข้ารับใช้ที่แข็งแกร่งหลายตนในสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่ 5 ซ้ำยังมีมาสเตอร์กระจอกแบบชินจิ จึงทำให้เธอเป็นฝ่ายถูกกำจัดไปเองในเสียเกือบทุกเนื้อเรื่อง เช่น
บทโชคชะตา (Fate) ไรเดอร์เป็นภัยคุกคามในช่วงแรกของชิโร่และเซเบอร์ แต่ไม่ได้ปะทะกับวีรชนคนอื่นอย่างเต็มที่ โดยพยายามเน้นการรวบรวมพลังด้วยเครือข่ายคำสาบและผู้บริสุทธิ์ในเมืองมากกว่า ตามคำสั่งของชินจิ แต่ด้วยการร่วมมือของโทซากะและชิโร่ ทำให้สามารถขับไล่ไรเดอร์ไปได้ และไปตัดสินศึกสุดท้ายกับเซเบอร์กันบนยอดตึกระฟ้าในเมือง (ตอน Skycrapser) ซึ่งการต่อสู้นั้นไรเดอร์ได้เปรียบค่อนข้างมากจากอาวุธวิเศษที่หลากหลาย ดังเช่น เนตรอสูร และสัตว์วิเศษเปกาซัส ขณะที่เซเบอร์พยายามเก็บพลังฝีมืออันแท้จริงและพลังเวทย์ที่มีไว้ แต่สุดท้ายด้วยสถานการณ์บังคับที่ต้องปกป้องชิโร่ เซเบอร์จึงปลดปล่อยดาบศักดิ์สิทธิ์เอ็กซคาลิเบอร์แบบเต็มกำลัง (Anti-Fortress) และสังหารไรเดอร์ไปพร้อมกับเปกาซัสในทีเดียว
บทดาบอนันต์ (Unlimited Blade Work) ไรเดอร์ถูกคุซุกิ โซอิจิโร่ มาสเตอร์ของแคสเตอร์ สังหารไปในการต่อสู้กับคาสเตอร์ตั้งแต่ต้นเรื่อง
บทสัมผัสสวรรค์ (Heaven's Feel) ต่างกับบทอื่นๆ ไรเดอร์มีบทสำคัญมากๆหลายอย่างและเธอรอดชีวิตจนจบสงคราม เริ่มต้น เธอได้ทรยศชินจิ และเข้าพวกกับชิโร่ เพราะก่อนที่ซากุระจะเสียสติไปโดยสมบูรณ์ ซากุระได้ใช้อาคมบัญชาออกคำสั่งสุดท้ายว่า "ปกป้องชิโร่ให้ได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น !!" ไรเดอร์ผู้เชื่อฟังคำสั่งอย่างสุดหัวใจ ก็ตกลงแม้จะรู้ว่าอาจทำให้ตนเองต้องสู้กับเจ้านายที่แท้จริงของตนก็ตามที.... ยอดอัศวินอาชาผู้เปี่ยมวิชาอาคมอย่างไรเดอร์ จึงกลายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการต่อสู้กับเหล่าเงา และสุดยอดนักรบผู้แข็งแกร่งไร้ผู้ต้านอย่าง เซเบอร์ชุดดำ (Saber Alter)อย่างเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกับชิโร่ มาสเตอร์(จำเป็น)คนใหม่ในบทนี้ ด้วยความช่วยเหลือของชิโร่ ซึ่งแม้จะไม่ใช่จอมเวทย์ที่ดีนัก แต่อย่างน้อยก็มีคุณสมบัติจอมเวทย์มากกว่าชินจิ ช่วยเสริมให้ไรเดอร์สามารถแสดงอานุภาพของตัวเองได้เต็มที่มากขึ้น เมื่อเธอถอดหน้ากากออกและปลดปล่อยอาวุธวิเศษ พลังอำนาจของเธอแทบจะใกล้เคียงได้กับเอ็กซคาลิเบอร์อันร้ายกาจของเซเบอร์ดำทีเดียว ท้ายที่สุด ในศึกตัดสินที่วัดริวโดจิ ชิโร่ และ ไรเดอร์ ก็จัดการกับดาร์คเซเบอร์ได้สำเร็จ
ใน เฟท/ฮอลโลว์ อทาราเซีย เธอได้เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านของชิโร่ ซึ่งส่วนมากเธอจะใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือ นอกจากนั้นเธอยังคอยช่วยเหลือข้ารับใช้ตนอื่นๆ ในการรับมือกับปีศาจเงาหมาป่า ในช่วงฝันร้ายของเมืองฟุยูกิอีกด้วย เธอได้ออกมาร่วมต่อสู้ในการปกป้องอสูรเงาการอาละวาดช่วงวันสุดท้าย โดยรับหน้าที่ปกป้องบ้านชิโร่ร่วมกับซากุระ โดยรวมชีวิตเธอค่อนข้างมีความสุขกับ ซากุระ และบ้านชิโร่ แม้จะมีทะเลาะกันเล็กน้อย เช่น เรื่องแย่งจักรยานกันใช้ ชิโร่จะให้ไรเดอร์ไปขี่จักรยานแม่บ้าน ส่วนจักรยานภูเขาเท่ห์ๆจะเก็บไว้ขี่เอง..... สุดท้ายไรเดอร์ก็ถอยมอเตอร์
ไซคมา
ใน Eclipse ซึ่งเป็นบทพิเศษใน อทาราเซีย เธอและซากุระได้ร่วมมือกันยั่วยวนชิโร่ และช่วยกันปรนนิบัติเขา ซึ่งที่เธอทำทั้งหมดนั้นเป็นเพื่อต้องการให้ชิโร่หันมาเอาใจใส่ซากุระมากกว่าเดิม แต่ชิโร่ก็ยังรู้ว่าแท้จริงแล้วที่เธอทำนี้ ลึกๆ อยู่แล้วเธอก็สนใจในตัวเขาเองเช่นกัน ซากุระจึงช่วยให้เธอกล้าที่จะแสดงความต้องการที่แท้จริงของตัวเธอเองออกมาด้วยเช่นกัน
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "เฟท/สเตย์ ไนท์ (ทีวี)". Anime News Network.