โชจิโร อีดะ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โชจิโร อีดะ
พลโท โชจิโร อีดะ
ชื่อพื้นเมือง
飯田 祥二郎
เกิด08 สิงหาคม ค.ศ. 1888(1888-08-08)
จังหวัดยามางูจิ ประเทศญี่ปุ่น
เสียชีวิต23 มกราคม ค.ศ. 1980(1980-01-23) (91 ปี)
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
รับใช้ ญี่ปุ่น
แผนก/สังกัด กองทัพบกจักรวรรดิญี่ปุ่น
ประจำการค.ศ. 1908–1945
ชั้นยศพลโท
บังคับบัญชาองครักษ์จักรพรรดิ, กองทัพที่ 25, กองทัพที่ 15, กองทัพที่ 30
การยุทธ์

โชจิโร อีดะ (ญี่ปุ่น: 飯田 祥二郎; อังกฤษ: Shōjirō Iida; 8 สิงหาคม ค.ศ. 1888 – 23 มกราคม ค.ศ. 1980) เป็นนายพลกองทัพบกจักรวรรดิญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่สอง

ประวัติ[แก้]

อีดะเป็นคนท้องถิ่นจังหวัดยามางูจิ และสำเร็จการศึกษารุ่นที่ 20 ของโรงเรียนกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1908 และรุ่นที่ 27 ของวิทยาลัยการทัพบกในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1915 อีดะได้รับการเลื่อนยศเป็นร้อยเอกในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1918 เขาเข้าร่วมในกองกำลังรบนอกประเทศญี่ปุ่นสำหรับการแทรกแซงไซบีเรียเพื่อต่อต้านกองกำลังบอลเชวิค โดยสนับสนุนกองกำลังรัสเซียขาวในประเทศรัสเซีย[1]

หลังจากรับราชการในตำแหน่งผู้ปกครองที่หลากหลายภายในกองเสนาธิการกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น รวมถึงงานที่น่าเบื่อในฐานะอาจารย์ที่โรงเรียนทหารราบตั้งแต่ปี ค.ศ. 1932 ถึง 1934 อีดะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกรมทหารองครักษ์ที่ 4 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1934 ถึง ค.ศ. 1935 และเขาได้เป็นเสนาธิการทหารบกคนต่อมาของกรมทหารองครักษ์ที่ 4 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1935 ถึง ค.ศ. 1937

ด้วยการเริ่มต้นของสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง อีดะกลายเป็นเสนาธิการทหารบกของกองทัพญี่ปุ่นที่ 1 ในประเทศจีนเมื่อปี ค.ศ. 1938 และเขาได้รับการเลื่อนยศเป็นพลโทในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1939 เขาได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บังคับบัญชากองทัพไต้หวันแห่งประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1938 ถึง 1939 เขากลับไปยังกองทหารองครักษ์จักรพรรดิในฐานะผู้บัญชาการ และดำรงตำแหน่งจนถึง ค.ศ. 1941[2]

ด้วยการเริ่มต้นของสงครามแปซิฟิก อีดะถูกย้ายไปยังทางใต้เพื่อบัญชาการกองทัพญี่ปุ่นที่ 25 ในการยึดครองอินโดจีนของฝรั่งเศสโดยญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 1941 เขาได้ก่อตั้งสำนักงานใหญ่ในไซ่ง่อนและเตรียมพร้อมสำหรับการบุกครองประเทศไทย ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1941 อีดะได้เข้าบัญชาการกองทัพญี่ปุ่นที่ 15 ที่เพิ่งจัดตั้งใหม่ ประกอบด้วยกองพลกองทัพบกจักรวรรดิญี่ปุ่นที่ 33 และกองพลกองทัพบกจักรวรรดิญี่ปุ่นที่ 55 เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม กองกำลังของเขาเอาชนะการต่อต้านไทยได้อย่างง่ายดาย และบังคับให้ไทยเข้าสู่สนธิสัญญาป้องกันร่วมกับญี่ปุ่น ส่วนวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 1942 กองพลของอีดะได้เข้าสู่ประเทศพม่า ในระหว่างการเริ่มต้นของการทัพพม่าที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง[3]

พลทหาร 35,000 คนของอีดะเอาชนะกองกำลังของอังกฤษได้อย่างรวดเร็วแม้จะมีภูมิประเทศที่ไม่เอื้ออำนวยและเสบียงจำกัด ในวันที่ 8 มีนาคม อีดะได้ยึดร่างกุ้ง ทำการตัดถนนพม่าและแยกจีนออก ภายในเดือนพฤษภาคม กองกำลังอังกฤษและจีนในพม่าถูกส่งกลับไปยังอินเดียและจีนด้วยการบาดเจ็บล้มตายราว 30,000 คน เทียบกับความสูญเสียของญี่ปุ่นที่มีตัวเลขเพียง 7,000 คน[4]

เมื่อครั้งเรียกกลับสู่ประเทศญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1943 อีดะได้รับมอบหมายสู่หน่วยบัญชาการรักษาทั่วไป ส่วนในปี ค.ศ. 1944 เขาได้เป็นผู้บัญชาการทหารแห่งกองทัพเขตภาคกลาง แล้วออกจากราชการทหารในปีเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 1945 อีดะได้รับการเรียกคืนกลับมารับราชการเพื่อบัญชาการกองทัพญี่ปุ่นที่ 30 ในประเทศแมนจูก่อนการรุกรานของสหภาพโซเวียต จากนั้น เขาถูกจับโดยกองทัพแดงและถูกจับเป็นเชลยศึกในสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945 ถึง 1950[5] ทั้งนี้ อีดะเสียชีวิตในโตเกียวเมื่อวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 1980

ก่อนหน้า โชจิโร อีดะ ถัดไป
first incumbent ผู้บัญชาการทหารญี่ปุ่นในคราวน์โคโลนีแห่งประเทศพม่า
(ค.ศ. 1942–1943)
มาซากาซุ วากาเบะ

หมายเหตุ[แก้]

  1. Hayashi, Kogun: The Japanese Army in the Pacific War.
  2. Ammenthorp, The Generals of World War II.
  3. Latimer, Burma: The Forgotten War.
  4. Allen, Burma: the Longest War 1941–45.
  5. Budge, Pacific War Online Encyclopedia.

อ้างอิง[แก้]

หนังสือ[แก้]

  • Hayashi, Saburo; Cox, Alvin D (1959). Kogun: The Japanese Army in the Pacific War. Quantico, VA: The Marine Corps Association.
  • Allen, Louis (1986). Burma: the Longest War 1941-45. J.M. Dent and Sons. ISBN 0-460-02474-4.
  • Latimer, John (2004). Burma: The Forgotten War. John Murray. ISBN 978-0-7195-6576-2.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]